Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ch_army เขียน: พักหลังพี่วิบูลย์ พูดถึงเค้าบ่อยนะครับ สงสัยจะติดใจ

Jim Roger เป็นนักลงทุนในดวงใจคนหนึ่งของผม
ทั้งๆที่ไม่เคยอ่านหนังสือของเขาสักเล่ม
ทั้ง Investment Biker หรือ Investment Adventure
อ่านบทความแค่ 2-3 บทก็รู้ว่าเขาคิดอย่างไร
ที่ชอบมากก็คือเขาบอกว่า
"ที่ผมประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ เพราะผมมองโลกไม่เหมือนคนอื่น"

ที่สำคัญพอขาด Jim Roger
George Soros ก็เกือบจะต้องปิดกองทุน Quantum Fund ไปเลย
จนต้องมาเขียนหนังสือ Alchemy of Finance เตือนใจตัวเองว่า
"เราก็ผิดพลาดได้เหมือนกัน"

ใครสนใจหาอ่านได้ใน
Alchemy of Finance และ
Soros on Soros
เล่มแรกใครทนอ่านจบได้ นับว่ายอด
อ่านยากมากๆ
เต็มไปด้วยหลักปรัชญาและบันทึกการลงทุนที่สับสนวุ่นวาย
ถ้าใครอ่านหนังสือเล่มนี้เข้าใจ
ก็จะเข้าใจ Soros ได้

ไม่แนะนำสำหรับคนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง
ไม่เชื่อถามคุณ WEB ดูได้

คุณ web พักสักนิด
ไม่สนใจที่จะจ้างให้คนอื่นแปลบ้างเหรอครับ
คนที่มีความรู้เรื่องการลงทุน เก่งภาษาอังกฤษ
ผมว่าคุณ harry นี่น่าจะเข้าทางนะครับ
เห็นว่าทำงานแปลอยู่แล้วด้วย
จะได้มีหนังสือมาดีๆมาให้พวกเราอ่านเรื่อยๆครับ

วันนี้ก็เพิ่งได้ลองอ่าน
detective investor ของ hagstrom มา เพลินๆดีครับ
นอนจากได้อ่านเรื่องลงทุนแล้วยังได้อ่านเรื่องนักสืบระดับโลกด้วย

ผมพอแปลได้น่ะครับ แต่ถ้าให้ลองแล้วเอาไปปรับเพิ่ม ก็น่าจะพอไหว แต่ผมทำงานประจำ คงกว่าจะแปลหมด ก็อีกนานเลย

แล้วน้องวิบูลย์มีความเห็นอย่างที่ Jim Roger คาดการณ์ว่าฟองสบู่ของจีนจะแตกภายใน 12 เดือน

อย่างนั้นก็น่ากลัวสุดๆเลยนะครับแตกทีดังสนั่นโลกแน่
แรงกว่าซึนามิแน่ๆเลย

chatchai เขียน:แล้วน้องวิบูลย์มีความเห็นอย่างที่ Jim Roger คาดการณ์ว่าฟองสบู่ของจีนจะแตกภายใน 12 เดือน

ผมยังไม่ได้อ่านเลยครับ ฮ่า ฮ่า
ตั้งใจอ่านมาหลายวันแล้ว
แต่ยังไม่ได้จังหวะเสียที

ส่วนเรื่องเมืองจีนนั้น
ที่ไปเที่ยวปักกิ่งมาเมื่อหลายเดือนก่อน
พบว่ามีการก่อสร้างเต็มไปหมด
ทั้งตึกสำนักงาน อพาร์ทเมนต์ ถนนทางหลวง
ผมว่าปักกิ่งในแง่ของความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมืองนั้น
ดีกว่ากรุงเทพหลายเท่า
สายไฟเอาลงใต้ดิน มีฟุตบาทให้คนเดิน
มีต้นไม้สองข้างทาง
มีทางฟรีเวย์ดีกว่ามอเตอร์เวย์เราหลายเท่า ระดับมาตรฐานอเมริกา
ขณะที่มอเตอร์เวย์เรามีแต่ถนนเป็นคลื่นเป็นหลุมเป็นบ่อ แคบก็แคบ

คนจีนนั้นชอบความหน้าใหญ่ใจโต
ชอบใช้รถยนต์คันใหญ่ๆ รถเล็กๆขายไม่ออก
เพราะไม่สมศักดิ์ศรี
ของที่ใช้ต้องแบรนด์เนมหรูหรา ต่างประเทศ
คล้ายๆคนไทยก่อนฟองสบู่แตก

ความแตกต่างระหว่างชนชั้นมีมากขึ้น
เริ่มมีขอทานตามท้องถนน
ขณะที่ในปักกิ่งรถติด
ตามต่างจังหวัดคนยังจน ใช้รถสามล้อถีบอยู่เลย

สอบถามคนจีนที่ทำงานอยู่ที่นั่น
พบว่าการคอรัปชั่นพบได้อยู่ทั่วไป
แม้แต่ในศาลสถิตยุติธรรมก็ยังมีการคอรัปชั่นได้ง่ายๆ
ทั้งข้าราชการ ตำรวจ ฯลฯ
ดูๆไปเหมือนเมืองไทยยังไงยังงั้น

ตอนนี้อเมริกากำลังกดดันให้จีนลดค่าเงินหยวน
ถ้าจีนหลงกลลดค่าเงินเมือ่ไหร่
ฟองสบู่ลูกนี้ก็แตกเมือนั้นหละครับ
เพราะเงินทุนจะไหลออกจากจีนอย่างรวดเร็ว
สินทรัพย์ที่อยู่ในรูปเงินหยวนจะมีค่าลดลง
นักลงทุนต้องถือครองเงินหยวนให้น้อยที่สุด
นั่นหมายความว่า เงินทุนจะกลับไปที่อเมริกา

เมื่อเงินทุนไหลเข้าจีนลดลง
แถมเป็นเงินไหลออก
เศรษฐกิจจีนก็จะยุบตัวลง และเริ่มถดถอย
ฟองสบู่จีนก็จะแตก

ฉนั้นผมว่าขึ้นกับรัฐบาลจีนและผู้วางแผนการเงินของจีนละครับ
ว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องค่าเงินได้อย่างไร
ถ้าทำได้ดี เงินหยวนก็จะกลายเป็นสกุลเงินที่แข็งแรงที่สุดในโลก
ถ้าทำผิดพลาดก็จบกัน จีนก็จะกลายเป็นรัสเซียสอง

ซึ่งผมไม่สามารถทำนายได้ครับ
ว่าจะออกหัวออกก้อย
คงต้องดูกันต่อไป

แล้วพี่Chatchai คิดว่ายังไงเรื่องนี้

ผมกำลังลุ้นอยู่ว่า สหรัฐหรือจีนจะเป็นประเทศที่ทำให้เกิดวิกฤตครั้งใหม่ แต่ถึงยังไงถ้าสหรัฐเกิดวิกฤต แน่นอนว่าคงต้องส่งผลกระทบต่อจีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแหล่งรองรับสินค้าจากประเทศจีน

chatchai เขียน:ผมกำลังลุ้นอยู่ว่า สหรัฐหรือจีนจะเป็นประเทศที่ทำให้เกิดวิกฤตครั้งใหม่ แต่ถึงยังไงถ้าสหรัฐเกิดวิกฤต แน่นอนว่าคงต้องส่งผลกระทบต่อจีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแหล่งรองรับสินค้าจากประเทศจีน

ถ้าสหรัฐอเมริกาเกิดวิกฤตรุนแรง
หมายถึงเศรษฐกิจตกต่ำขนาดหนัก
จีดีพีติดลบเป็นเวลานาน
คงมีผลกระทบกับทั้งโลกครับ
เพราะสินค้าส่งออกไปอเมริกาคงมีผลกระทบแน่นอน
แต่คงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่มากนัก
เพราะอลัน กรีนสแปนคงไม่อยากให้เกิดขึ้น
ต้องอุ้มกันสุดฤทธิ์สุดเดขละครับ

อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
ดังนั้นจงอยู่อย่างไม่ประมาทน่าจะดีที่สุดนะครับ ผมว่า

ดังนั้นสัญญานที่น่ากลัวตอนนี้ก็คือ
1) การลดค่าเงินหยวน
2) เศรษฐกิจอเมริกาล่ม
3) ถึงตอนนั้นก็ตัวใครตัวมัน

ในความรู้สึกผม ค่าเงินหยวน จะเป็นตัวที่สำคัญมาก เศรษฐกิจเมกาผมว่าลมยากนะ เงินเข้าจากด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการค้าขายโดยตรง ยังมีอีกมาก

ตอนนี้อเมริกากำลังกดดันให้จีนลดค่าเงินหยวน
ถ้าจีนหลงกลลดค่าเงินเมือ่ไหร่
ฟองสบู่ลูกนี้ก็แตกเมือนั้นหละครับ
เพราะเงินทุนจะไหลออกจากจีนอย่างรวดเร็ว
สินทรัพย์ที่อยู่ในรูปเงินหยวนจะมีค่าลดลง
นักลงทุนต้องถือครองเงินหยวนให้น้อยที่สุด
นั่นหมายความว่า เงินทุนจะกลับไปที่อเมริกา

พี่วิบูลย์ครับ ผมเข้าใจว่าอเมริกากำลังกดดันให้จีนปล่อยเงินหยวนให้แข็งค่าครับ เพราะตอนนี้เงินหยวนอ่อนค่าเกินจริง ทำให้สินค้าจากจีนมีราคาถูกกว่าปกติ ทำให้จีนได้เปรียบดุลการค้าอเมริกามหาศาล

ตอนนี้เงินทุนจำนวนมากไหลเข้าไปในจีน ทั้งเงินลงทุนทางตรง และเงินเก็งกำไร เพราะคาดกันว่าเงินหยวนจะแข็งค่า การถือสินทรัพยในรูปเงินหยวนจะมีค่าสูงขึ้น เพราะแลกกลับเป็นเงินดอลลาร์ได้มากขึ้น เงินทุนไหลเข้าเหล่านี้ ทำให้เงินทุนสำรองของจีนสูงมาก จนทำให้ทางการจีนประสบปัญหาอย่างมากในการจัดการกับเงินเหล่านี้ครับ

หากจีนลอยตัวเงินหยวนเมื่อไร เงินหยวนจะแข็งค่าเมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลลาร์ทันที ทำให้เงินทุนบางส่วนจะไหลออกแลกเป็นดอลลาร์ และสินค้าจากจีนก็จะมีราคาแพงขึ้น เศรษกิจจีนจะมีความเสี่ยงมากขึ้นครับ แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังคิดว่า การแตกของฟองสบู่จีน จะเป็นแค่เหตุการณ์ชั่วคราวเท่านั้นครับ สะดุดไปสักพัก็จะเดินต่อ เพราะโมเมนตัมการเจริญเติบโตมีมากเหลือเกินครับ

สรุปง่ายๆว่าใครมีหุ้นที่ผูกติดกับเศรษกิจของจีน ต้องระวังให้มากครับ

ลูกอิสาน เขียน: พี่วิบูลย์ครับ ผมเข้าใจว่าอเมริกากำลังกดดันให้จีนปล่อยเงินหยวนให้แข็งค่าครับ

ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ เพราะสินค้าจากจีนตีตลาดอเมริกาและประเทศอื่นกระจุย
เลย ลุงแซมแกเลยอยากให้ตี๋ใหญ่แกแข็งค่าเงินครับ

ขนาดแค่จีน "ส่งสัญญาณ" ว่าอาจจะทำให้เงินแข็งขึ้นเล็กน้อย โลกก็สั่นสะเทือน
แล้วครับ

ลองคิดดูว่าเกิดจีนเกิดตัดสินใจ "ลด" ค่าเงินแทน เศรษฐกิจประเทศอื่นอาจจะ
พังพาบไปง่ายๆ ครับ เพราะใครจะกล้าตั้งกำแพงภาษีกีดกันสินค้าจีน?

แฮ้อ ยักษ์ชนกัน แล้วหญ้าแพรกอย่างเราขอหลบไปก่อนดีกว่า

ลองคิดดูว่าตอนนี้สหรัฐขาดดุลการค้าเป็นจำนวนมาก มียอดการนำเข้า 150 บาท แต่ส่งออกได้เพียง 100 บาท การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดก็ประมาณ 5%ของ GDP แล้ว ค่าเงินดอลล่าร์จึงปรับตัวลดลงเพื่อลดการนำเข้าและเพิ่มการส่งออก

แต่ประเทศที่สหรัฐขาดดุลมากสุดคือประเทศจีน ซึ่งผูกค่าเงินหยวนกับค่าเงินดอลล่าร์ ดังนั้นการลดค่าเงินดอลล่าร์ลงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐเลย แต่จะเป็นการทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าตามเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ

ยิ่งค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลง ปัญหาการขาดดุลสหรัฐก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก แต่จะเป็นการสูบลมเข้าลูกโป่งจีนมากขึ้นอีก

พูดถึงเรื่องค่าเงิน ผมไปเจอหนังสือภาษาอังกฤษ เล่มหนึ่ง เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าจะซื้อมาอ่าน แต่หนังสือมันเยอะเลย ที่ยังไม่ได้อ่าน รอไปก่อนแล้วกันนะ

Harry อ่านหนังสือเยอะจังเอาเวลาไงมาอ่านเนี่ย เก่งเนอะ

แค่หนังสือเสดสาดอ่านสอบ ก็ยังอ่านไม่หมดเลยครับ มีหนังสือหุ้น การลงทุนอีก แถมต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ไว้เพื่อสอบภาษาอังกฤษอีกรอบ โอย!!! ตายๆๆ

ปีใหม่สี่วัน จมอยู่กับกองหนังสือนี่แหละครับ

ลูกอิสาน เขียน:
พี่วิบูลย์ครับ ผมเข้าใจว่าอเมริกากำลังกดดันให้จีนปล่อยเงินหยวนให้แข็งค่าครับ เพราะตอนนี้เงินหยวนอ่อนค่าเกินจริง ทำให้สินค้าจากจีนมีราคาถูกกว่าปกติ ทำให้จีนได้เปรียบดุลการค้าอเมริกามหาศาล

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ

ต้องขอบคุณคุณลูกอีสานครับที่แก้ไขข่าวให้
สงสัยผมคงกำลังเมามั้งครับตอนพิมพ์
จริงแล้วครับ อเมริกากำลังกดดันให้เงินหยวน"แข็ง"ค่าขึ้นครับ ไม่ใช่ลดค่าลง
ถ้าจีนหลงกลลอยตัวเงินหยวนเมื่อไหร่ก็เสร็จ
ปัจจุบัน จีนผูกติดกับเงินดอลล่าอเมริกาอย่างเหนียวแน่น
ยิ่งดอลล่าอ่อน เงินหยวนก็อ่อนค่าตาม
เรียกว่า สลัดไม่หลุด
จีนคงมีประสบการณ์ทั้งจากไทยและญี่ปุ่นในเรื่องการลอยตัวค่าเงิน
ก็หวังว่ารัฐบาลจีนคงทำอะไรที่เข้าท่ามากกว่าสองประเทศนี้

อ้อ เรื่องจิม โจเจอร์อ่านมาแล้วครับ
โรเจอร์บอกว่าฟองสบู่เศรษฐกิจจีนจะแตกในอีก 12 เดือนข้างหน้าจริง
แต่หลังจากนั้นก็จะยังเดินหน้าต่อไปได้ครับ
โรเจอร์มีพี่เลี้ยงคนจีนให้ลูกเพื่อที่ลูกจะได้พูดภาษจีนเป็น
แถมตอนนี้บอกว่ากำลังหาซื้อบ้านที่เมืองจีน
แล้วก็จะย้ายไปอยู่เมืองจีนแบบถาวร
เพราะเขาเชื่อว่าในศตวรรษที่ 21 จะเป็นศตวรรษของจีนและเอเชีย
ว่าเข้าไปขนาดนั้นเลยละครับ

อ้าว ว่าดังนั้นพวกเราก็เริ่มต้นหัดพูด อ่าน เขียนจีนกลางกันได้แย้ว

หนีฮ่าวมา = How are you?
ได้แค่เนี้ยเอง

ที่คุณ ch_army สงสัยเรื่องเวลาอ่านหนังสือของพี่แฮรี่ ผมก็สงสัยเหมือนกัน ผมว่าผมอ่านเยอะแล้วนะ เจอพี่แฮรี่อ่านนี่หนาวไปเลย

ไม่หรอกครับ พี่ๆที่เก่งๆ ผ่านการอ่านหนังสือดีๆ หรือ เยอะๆ มามากกว่าผมอีก

แต่ยังงัยซะ ก็คุยกันได้ครับ

ผมอ่าน จิตวิทยาการลงทุนจบแล้ว ไว้จะอ่านอีกรอบหลังจากว่างมากขึ้น เพราะงานที่ทำ รวมทั้งหนังสือที่ยังไม่ได้อ่าน ค่อยเป็นค่อยไปครับ ทำให้ผมลงทุนช้าลงไปด้วยเลย

เห็นคุณ WEB บอกว่าหนังสือจิตวิทยาการลงทุนค่อนข้าง"ขายดี"
จริงไม่จริง ใครไป Survey ที่ร้านขายหนังสือมาช่วยบอกหน่อย

อ้อ วันนี้ในคอลัมน์ Value Way ใน Bizweek ฉบับ 7 มกราคม 2547
คุณมนเขียนเรื่อง Temple Boxing School ของเฮียคลายเครียด
ได้ทั้งสาระและความรู้
ขอคารวะทั้งต้นตำรับและผู้นำมาเผยแพร่ครับ
ทั้งเนื้อหาและข้อเขียนเยี่ยมจริงๆ

ใครยังไม่มี ต้องไปหาซื้ออ่าน.......ด่วน

อาทิตย์นี้อ่านของคุณวิบูลย์แล้วครับ

มั่นคงและมั่นใจกับการลงทุนเหมือนเดิมเลยนะนี่

ขนาดฝารั่งวันนี้ลาก ปอเต็กตึ้ง กับเคทีบี้

ให้เซ็ดวิ่งผ่าน700จุด คุณวิบูลย์ก็ยังเป็นคนรักเดียวใจเดียว

ส่วนผมใจเดียว รักเดียวแต่โรเนียวได้หลายครั้งครับ

สวัสดีปีใหม่สำหรับกระทู้ตะแกรงร่อนหุ้น

สวัสดีครับพี่ปรัชญา
ไม่ได้คุยกันนานนะครับ
พอดีผมไม่ได้เข้าออฟฟิศหลายวัน
เลยไม่ได้เข้าเวป
เลยตอบช้าไปหน่อย
ต้องขออภัยครับ

ต้องบอกว่า
เพราะความมั่นคงในแนวทางการลงทุน
ทำให้รอดตายจากตลาดหุ้นได้เมื่อปีที่ผ่านมา
ไม่งั้นขาดทุนย่อยยับ
ถามใครๆก็ขาดทุนกันทั้งนั้น
ส่วนใหญ่เกิดจากเล่นสั้นและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
คิดว่าปีที่แล้วนี่น่าจะขาดทุนกันมากทีเดียว

ส่วนใครที่ใช้แนวทางวีไอก็คงช่วยให้ขาดทุนได้น้อยลง
บางคนก็กลับมากำไรตอนปลายปีได้
ส่วนผมต้นปีกก็แย่เหมือนกัน
นั่งดูพอร์ตตัวเองราคาลดลงทุกวัน
ทำใจอย่างเดียว
แล้วก็ปรับพอร์ต แทบเอาตัวไม่รอด
แต่ปลายปีก็กลับมาทำกำไรได้

ส่วนเรื่องดัชนีคงต้องรออ่านบทความในบิสวีคฉบับ 28 มกราคม 2548 ครับ
จะได้มุมมองต่อดัชนี
ซึ่งบอกคร่าวๆแล้วกันว่าว่า
ไม่ว่าดัชนีจะไปเท่าไหร่ก็ตาม
หลักการก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ดี

ดัชนีลงก็ยิ้ม
ดัชนีขึ้นก็เยี่ยม
เรียกว่า ลงทุนอย่างมีความสุข
ทั้งภาวะขาขึ้นและขาลง

แล้วพี่ปรัชญาและเพื่อนๆละครับ
ปีที่ผ่านมา ผลงานการลงทุนเป็นอย่างไรบ้าง
เล่าให้ฟังกันหน่อย

ปีก่อนเล่นรอบแบบเก็งกำไร
ได้มาไม่พอค่าคอมมิชชั่นให้โบรกเกอร์

แต่ตั้งแต่ปีใหม่เล่นรอบ
พอได้น้ำจิ้ม อยู่ครับ
ได้กล้องฟรีมา1ตัว
ส่วนหุ้นที่ถือ ก็ถือไปไม่ได้ดูครับ
กะว่าจะดูอีกครั้งก็เดือนมีนาคมตอนประกาศผลประกอบการและประกาศจ่ายปันผล
หันไปปลูกต้นไม้ ถ่ายรูปสบายใจดี

แต่ก็แว๊บๆ เข้าไปเล่นไฟ
ก็เป็นแมงเม่านี่นา ชอบไฟครับ
แต่วันไหนฝารั่งขาย
ก็คงโบรกมือลาไฟครับ

ที่ได้กำไรแบบแน่ๆคงเป็นเงินปันผล
พักสมุดคงยังอยู่กับบริษัทเดิมๆครับคุณวิบูลย์

จะคอยติดตามอ่านวันที่28นี้ครับ
เป็นกำลังใจให้เธอ เสมอตลอดมา

ปีที่แล้วก็ลองไปเก็งกำไรดูเหมือนกันครับ
เป็น Day Trader
เอาเงินมาลองดูสัก 10% ของพอร์ต
ผ่านไปหนึ่งถึงสองเดือน
ปรากฏว่า เจ๊งไม่เป็นท่า
แต่ที่ได้คือประสบการณ์เอามาเขียนคอลัมน์ ฮ่า ฮ่า
จะได้รู้ว่าการเก็งกำไรจะเป็นอย่างไรจริงๆ

คนที่เล่น Day Trad แล้วไม่ทำตามกฏละก็
ขาดทุนแน่นอน 100%
เวลาตัดสินใจต้องเร็ว แล้วก็ไม่ต้องกลับไปคิดถึงของเก่า
แต่ส่วนใหญ่จะรีๆรอๆ แล้วก็สายไปเสียแล้วที่จะลงมือตัดสินใจขาย

การเก็งกำไรก็มีกฏและหลักการเช่นเดียวกัน
และต้อง Strict กว่ามาก
เพราะมีเวลาตัดสินใจน้อย

ลองไปลองมาก็พบว่า ไม่เหมาะกับตัวเราเท่าไหร่
ก็เลยกลับมาแนว"เต่า"เหมือนเดิมดีกว่า

ส่วนคอลัมน์ฉบับ 28 นี่ยังไม่ได้เขียนเลยครับ
แค่คิดเอาไว้แล้วค่อยลงมือเขียนทีหลัง
ต้องส่งต้นฉบับพรุ่งนี้แล้ว แต่ยังไปไม่ถึงไหนเลย

ไว้พรุ่งนี้ 21 มค รออ่านเรื่อง"คลายเครียดเรโช"ของคุณมนไปก่อนแล้วกันครับ
ขอโฆษณาหน่อย

ถามวิบูลย์หน่อยซิ

ถ้าปีหน้า โครงการอาทิตย์เริ่มผลิต จะทำให้สัดส่วนรายได้ของ pttep เพิ่มขึ้นเท่าไร

กรณีที่หนี้สินส่วนใหญ่ของ pttep เป็นเงินเหรียญสหรัฐ การที่ดอลล่าลดค่าลง จะมีผลอย่างไร

ในอนาคต ถ้าน้ำมันราคาลงมากๆ จะกระทบต่อ pttep หรือไม่

Jeng เขียน:ถามวิบูลย์หน่อยซิ

ถ้าปีหน้า โครงการอาทิตย์เริ่มผลิต จะทำให้สัดส่วนรายได้ของ pttep เพิ่มขึ้นเท่าไร

ถามทีเป็นชุดเลยพี่เจ๋ง
ปีหน้า 2549 โครงการอาทิตย์ผลิตแน่
แต่ตอนแรกคิดว่าจะผลิตได้กลางปี แต่เลื่อนออกไปเป็นปลายปีแทน
กำลังการผลิตผมจำไม่ได้ ข้อมูลไม่มีในมือตอนนี้
แต่ที่จำได้ก็คือจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% ของกำลังการผลิตที่มี
นั่นคือถ้าค่าใช้จ่ายสัดส่วนเดิม กำไรก็จะเพิ่มขึ้นเท่าๆกัน

ที่น่าสนใจก็คือ โครงการเจดีเอ หรือท่อกาซไทยมาเลเซีย
ที่คาดว่าจะผลิตได้ในปี 2551
กลับปรากฏว่าผลิตได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอโรงแยกกาซปตท.แล้วเสร็จ
เพราะสามารถส่งเป็นแกสดิบไปให้มาเลเซียได้เลย
คาดว่าจะเริ่มส่งผ่านท่อได้ในไตรมาศแรกปีนี้
กำลังการผลิตยังไม่แน่นอนในช่วงแรก
แต่ถ้าเจดีเอผลิตเต็มในอีกสอง-สามปีข้างหน้า
กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นอีก 20-30%

Jeng เขียน:กรณีที่หนี้สินส่วนใหญ่ของ pttep เป็นเงินเหรียญสหรัฐ การที่ดอลล่าลดค่าลง จะมีผลอย่างไร

พี่เทพขายกาซเป็นเงินดอลล่า
ดังนั้นถ้ามีหนี้สินเป็นสกุลดอลล่าก็เหมือนกับเจ๊ากันพอดี

แต่ถ้าดอลล่าอ่อนก็จะทำให้ยอดขายและกำไรที่เป็นเงินบาทลดลง

ที่ผ่านมาพี่เทพออกหุ้นกู้เป็นเงินบาท อายุหุ้นกู้ 7 ปีมี Yield 6% เพื่อลดสัดส่วนเงินกู้ต่างประเทศ

ดอลล่าอ่อนก็ทำให้กำไรพี่เทพลดลงได้ในรูปเงินบาทครับ
ส่วนหนี้ต้างประเทศไม่น่าห่วงเพราะได้เงินรายได้มาเป็นดอลล่าเหมือนกัน

Jeng เขียน:ในอนาคต ถ้าน้ำมันราคาลงมากๆ จะกระทบต่อ pttep หรือไม่

จริงๆแล้ว มากกว่า 80% ของรายได้ของพี่เทพมาจากกาซ
ซึ่งมีความผันผวนของราคาน้อยกว่าน้ำมันอย่างมาก
เพราะจะปรับราคาขายให้กับปตทเพียงปีละสองครั้ง
และการคำนวณก็ไม่ได้อิงราคาน้ำมันอย่างเดียว

สำหรับตัวผมเองคิดว่า
โอกาสที่ราคาน้ำมันในอนาคตคงลดลงมากๆนั้นคงมีไม่มากนัก
เพราะจีนต้องการน้ำมันอย่างมาก
แล้วการขาดแคลนน้ำมันก็จะสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ผมไม่อยากฟันธงว่า ยุคราคาน้ำมัน 10 US$ ได้ผ่านไปแล้ว
แต่อยากบอกแค่ว่าโอกาสที่จะเห็นราคาน้ำมันขนาดนั้นในอีก 5-10 ปีข้างหน้านั้นน้อยเต็มที
ที่ราคาน้ำมันลดลงขนาดนั้นก็เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชีย

แต่อนาคตทั้งจีนและอินเดียจะบริโภคน้ำมันมหาศาล
การขุดเจาะค้นหาเพื่อรองรับสองยักษ์นี้ยังไม่เพียงพอ

โอกาสที่จะเห็นราคาน้ำมัน 60 US$ นั้นมีมากกว่าที่จะเห็น 20 US$

อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นมุมมองของผมคนเดียว
ท่านอื่นๆอาจจะมองต่าง
แต่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกันแน่

คำถามที่ว่า "ในอนาคต ถ้าน้ำมันราคาลงมากๆ จะกระทบต่อ pttep หรือไม่"
คำตอบคือมีแน่นอน เพราะราคาขายจะลดลง
จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ว่าจะลดลงมากเท่าไหร่
แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาใกล้ๆนี้มีน้อยครับ

คงช่วยตอบคำถามได้ตรงตามที่ถามนะครับพี่เจ๋ง

สวัสดีครับคุณวิบูลย์
มาเซนต์สมุดเยียมครับ พร้อมผลประกอบการ pettep ที่เพิ่งประกาศ
เอ.. ช่วยเดาให้หน่อยซิครับว่า ผมจะได้ซื้อเพิ่มที่ราคาเท่าไหร่ดี
เคยคิดว่าถ้าลงมาถึง 220-240 บาทจะซื้อเพิ่ม สงสัยจะไม่เห็นแล้ว

ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนาน

ติดถึงครับทุกท่าน

ขออ่านจักหน่อย