Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic

คุยมาจากกระทู้นี้

แหมๆ มาบอกว่าผมคออ่อน (เรื่องจริง ตูกิน 2 แก้วก็หน้าแดง
พูดจาเพ้อเจ้อแล้ว )
ต้องขอบคุณที่ตอนนั้นเลี้ยงข้าวไข่เจียวกุ้งกับเบียร์ลีโอเป็น
อาหารเช้า(ซัดเบียร์กันตั้งกะเช้า)

por_jai เขียน: พอดีไปคุยกับพี่ฮงวายู ยอดนักตั้งคำถามที่กระทิงเขียว
     ต้องบอกว่ายอด จริงๆนะครับ
     ตั้งกะเล่นหุ้นมา5ปี ไม่เคยเห็นใครถามดีเท่าหมอนี่จริงๆ
   

ขอบคุณครับ เพื่อเป็นการตอบแทนผมจะคิดคำถาม
series คุณ ih ครับ
ให้ถึง ภาค 100 เลยครับ
เรื่องการถามใน greenbull ครึ่งปีมานี้ผมล่อไปเกือบ 200 ข้อ
ร่วมข้อย่อย อิอิ ก่อนหน้านี้เกือบหมดมุขแล้วครับ คิดไม่ออก
มีคนบอกว่าอยากอ่านต่อผมเลยขุดออกมาจากสมองส่วนลึกอีกรอบ ผมว่าระดับพี่ป้อมคงต้องรออ่านคำถามที่ advance ขึ้นครับ ก่อนหน้านี้คง basic ไปสำหรับพี่

por_jai เขียน: พอดีไปคุยกับพี่ฮงวายู ยอดนักตั้งคำถามที่กระทิงเขียว

ระหว่างรอพี่มาตอบ

ผมขอฝอยๆคั่นรายการหน่อยนะครับ

คงไม่ทำให้กระทู้เลอะนะ

ผมว่าคนเราจะได้ดี ต้องมีอาจารย์ดีครับ

อย่างพี่ป้อมก็มีพระอาจารย์ที่มีชั่วโมงบินในตลาดหุ้น

สูงถึงสูงมาก บวกกลับวิชาเดิม vi ของพี่ทำให้พี่

กลายเป็น tiger ติดปีก

ผมเองก็มีอาจารย์ในใจหลายท่านครับ

ตอนผมเล่นหุ้นใหม่ๆ ไม่รู้จัก vi เท่าไหร่หรอกครับ


ตอนนั้นผมชอบคุณ visit ครับ แนวการเล่นหุ้นของ

คุณ visit นั้นเหมือนเหรียญคนละด้านกับ vi เลยครับ

ผมถามคุณวิศิษฐ์ ไปอบรมไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง ตามงาน

money expo ตลาดหลักทรัพย์ สัมนาย่อย ได้

แนวคิดเรื่อง fundflow

การหาหุ้น turn around การวิเคราห์เชิงปริมาณ

ได้ซึมซับแนวคิดดีๆมาเยอะ ว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง

ต่อมาก็ได้มาเจอพี่ สุมาอี้ท่านแม่ทัพ และพี่ ih

3 คนนี้ ฝีมือระดับเทพครับ

ผมเคยเจอตัวจริงพี่ ih แทบจะอ้าปากค้าง

คนอะไรกันนี้ ความคิดความอ่าน มุมมองถึงได้เหนือชั้น

ขนาดนี้

พี่สุมาอี้นั้นเวลาผมเจอผมจะ

ชอบเสนอมุมมองการลงทุนของผม

ให้พี่เขาฟัง พี่เขาก็จะบอกมาว่าเขามองยังไง เห็นด้วยตรงไหน

ไม่เห็นด้วยตรงไหน พอได้ discuss หุ้นกับพี่เขาแล้ว

ผมนี้กลายเป็นทารกเลยครับ หายโง่ไปเยอะมากๆ

ผมกับพี่พอใจเหมือนกันตรงที่ได้เจอคนเก่งๆเยอะ

ได้ความรู้จากพวกเทพๆทั้งหลาย

อาจารย์นิเวศน์ ก็อีกคนนะครับ

ผมว่าท่านเป็นกันเองดีครับ มุมมองด้านธุรกิจของท่านสุดยอดจริงๆ

เวลาผมเจอท่านตามงานสัมนา เป็นต้องถามแหลกครับ

ท่านไม่เคยกั๊กเลยนะครับ ใจดีมากครับ แถมตลกด้วย

ต้องขอบคุณอาจารย์ทั้ง 4 ท่านที่เอ๋ยชื่อมาด้วยครับ

ฝอยแค่นี้ดีกว่า เปลืองกระทู้คนอื่น  :lol:

ผมก็กำลังอ่านหนังสือแนวนี้อยู่เหมือนกันครับ น่าสนใจทีเดียว เค้าก็มีเหตุผลดีในหลายๆเรื่องนะครับ

ตั้งเต้นท์ รอพี่ป้อม มาตอบคำถามน้องฮงครับ

เพิ่งกลับมาจากส่งพระอาจารย์ไปวิปัสสนาที่ธรรมะกมลาที่ปราจีน

[quote="ฮง"]มีคำถามนะครับ
1.จริงๆแล้วตอนนี้พี่ป้อมเป็นแนวทางไหนอยู่ครับ
เพราะถ้าแนว pure vi อย่างพี่ฉัตร พี่วิบูลย์ จะไม่คิดเรื่องการ
take profit ตราบเท่าที่บริษัทยังมีอนาคตอีกหลายปี
ไม่งั้นสองท่านนี้คงไม่ถือหุ้นถือเดียวกันที 4-5ปี
แต่ถ้าพี่ดูเทคนิคผสมด้วยตอนนี้ พี่ยังคงใช้หลักของ vi แค่ไหน

คงเป็นเป็ดมั๊งครับฮง

[quote="por_jai"][quote="ฮง"]

คงเป็นเป็ดมั๊งครับฮง

ในเมื่อไม่กลัวเปลืองกระทู้ผมก็ฝอยต่อเลยนะครับ

ในเพื่อนใน tvi ท่านนึงโทรมาหาผมมาเมื่อหลายเดือนที่แล้ว

ถามผมว่า เฮ้ย ไอ้ฮง เมิงว่า xxx ปีนี้มียอดรับรู้รายได้เท่าไหร่ว่ะ

ผมบอกว่าคงซัก 4400 มั้งพี่ เค้าก็ถามต่อว่า

เฮ้ย npm เท่าไหร่ว่ะ ผมบอกให้ 9.5-10% แล้วกันพี่

เขาก็บอกโอเค ผมเลยถามกลับไปว่าพี่ไม่ถามเรื่องอื่นเลยเหรอ

ถามแต่ eps เนี้ยนะ เขาก็อืมๆ แล้วก็วางสายไป

จริงๆหุ้นที่ว่านี้ตอนนั้นก็ pe แค่ 6 เท่าเองนะครับ แต่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง กับเรื่องอื่นๆอีกเยอะ


แล้วพี่ที่ว่านี้ก็ขาดทุนหุ้นตัวนี้ไปประมาณ 40% เพิ่ง cut ไป

ผมว่านักลงทุนส่วนใหญ่เนี้ย

จุดอ่อนคือ ขี้เกียจคิดมาก

อยากได้ผลลัพท์ สูตรสำเร็จ ง่ายๆ เดี่ยวนี้พี่ที่ว่าคนนี้ก็

เปลี่ยนไป ใส่ใจกับปัจจัยเชิงคุณภาพมากขึ้น

เลยเขียนเผื่อใครที่ต้องการอะไรง่ายๆ ในการลงทุน

บางทีท่านอาจจะต้องเสียเงิน หลักแสน หรือ หลักล้าน

เป็นเครื่องเซ่น ความมักง่ายของท่านนะครับ

ว่าแล้วก็มาถามต่อดีกว่า

ตามคติใน templeboxing

ต้องถามเป็นชุดๆ ถามแหลก

1.พี่ให้ความสำคัญกับ macro economic มากน้อยแค่ไหนครับ
เพราะว่าดูแล้วๆ เหล่า vi ก็แตกเป็นหลายฝ่ายนะครับ
ก็คือ vi บางคนไม่มอง เศรษฐศาสตร์เลยครับ ดูแต่ตัวหุ้นรายตัว
แต่บางคนก็บอกว่าภาพรวมไม่ดีก็ถอยไปถือเงินสดบางส่วนดีกว่า

ตัวพี่ล่ะ มองเรื่องนี้ยังไงบ้าง


ไม่ต้องห่วงครับ พี่งานเข้าแล้วล่ะ จับคู่กับผม คุยกันหลายหน้า
แน่นอน

hongvalue เขียน:
1.พี่ให้ความสำคัญกับ macro economic มากน้อยแค่ไหนครับ
เพราะว่าดูแล้วๆ เหล่า vi ก็แตกเป็นหลายฝ่ายนะครับ
ก็คือ vi บางคนไม่มอง เศรษฐศาสตร์เลยครับ ดูแต่ตัวหุ้นรายตัว
แต่บางคนก็บอกว่าภาพรวมไม่ดีก็ถอยไปถือเงินสดบางส่วนดีกว่า

เรื่องเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญไหม
     ผมให้น้ำหนักมากที่เดียว
     ถ้ามันใหญ่ๆครอบคลุมทั้งโลกอย่างsubprime
     จะไม่สนใจก็ไงๆอยู่นะ
     การเก็งกำไรน้ำมันเพราะดอลล่าร์อ่่อนแล้วอ่อนอีก
     จะไม่ให้สนใจเลยก็กระไรอยู่
     การถือเงินสดอยู่เกือบทั้งพอร์ตตอนนี้เป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตัวอยู่แล้ว
     ว่าผมมองว่าโลกกำลังทำให้ผมกลัวอยู่อย่างแรง
     ปัญหาต่อมาก็คือ
     ทุกอย่างในโลกทุนนิยมนี้มีcycle ของการตกต่ำและฟื้นตัว
     ให้เห็นให้ศึกษาอยู่เป็นทุนอยู่แล้ว
     เมื่อถึงรอบที่เป็นขาขึ้นจะเก็บเกี่ยว เลือกหุ้นได้ถูกตัว ไม่เสียเปรียบใคร(หมายถึงเจ้าของ-เจ้ามือ)
     นี่เป็นทั้งศาสตร์ ทั้งศิลป ที่คนมีประสบการณ์ในตลาดมานานๆรู้กันดีครับ

     นั่งคุยกับฮงนี่ก็ดีนะ
     ได้คิดอะไรเยอะดี
     เมื่อวานนั่้งคิดว่า
     เราจะวัดคนที่ผลงาน หรือฝีมือดี
     ถ้าเลือกได้อยากเป็นคนอย่างไหน
     มีคนที่ผลงานพอใช้ อย่างผม
     แต่รอบที่แล้ว ได้มาเพราะอะไรก็ไม่ค่อยรู้ เฮงซะละมาก
     กับเดี๋ยวนี้ที่พอรู้ความเป็นไปของตลาดมากขึ้น
     มีข้อมูลมากขึ้น มีความรู้มากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น
     แต่พอร์ตดันยุบลงซะได้
     แปลกแต่จริง
     มาคิดๆดู เป็นอย่างทุกวันนี้มีความมั่นใจกว่าแฮะ
     (ไม่รู้มั่นใจผิดๆหรือเปล่า)
     แต่เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าเสีย เสียเพราะอะไร
     ถ้าจะได้ ควรจะได้เพราะอะไร
     ชอบที่เป็นอยู่คือ...ในวันนี้มากกว่า
     เพราะระยะยาวแล้ว น่าจะอยู่ในตลาดได้อย่างมีความสุขมากกว่าแฮะ
     ผมชอบนะเล่นหุ้น ใครคิดว่าเสี่ยงผมยอมรับความเสี่ยงได้ระดับนึง
     แต่เป็นวิชาชีพที่ทำได้เหมือนเล่นกอล์ฟเลยครับ
     เหมือนมะพร้าวครับยิ่งแก่ยิ่งห้าว
     แต่พระอาจารย์แซวเสมอๆว่า ระวังแก่เกินแกง...ฮ่า...

[quote="por_jai"]
:

ฮง เขียน:ข้อ 2

เวลาพี่ซื้อหุ้นพี่ใช้อะไรในการบอก valuation ครับ
pe pbv yield dcf
หรือว่า story (ยืมคำพูดพี่ leksmile)
ช่วยเล่าอย่าง uec snc ตอนที่ปีที่แล้วซื้อก็ได้

ว่ามองยังไง ราคาเป้าหมายตอนนั้นเท่าไหร่
ทำไมถึงเลือกขายแล้วรอจนมาถึงตอนนี่ได้

บอกแล้ว2บริษัทนี้ได้กำไรมาอย่างอาศัยโชคช่วย

เล่าซะยาว
     ขมวดหน่อยดีกว่า
     ผมดูทุกด้านเลยฮง
     1.แต่ตอนนั้นชอบหุ้นgrowth 2ตัวนี้ก็เข้าข่าย
     2.ในแง่บัญชี
        ชอบยูอีซีมากกว่าในตัวเลขทางการเงินทุกตัว
        แต่เพราะรักsnc คงเพราะถือมานาน รู้จักมันทุกซอกทุกมุม
        ข้อด้อยๆที่เห็นเรื่องd/eว่ามันจะเต็มแล้ว
        ก็เลยทำเป็นมองข้ามๆไปมั่ง
        2ตัวนี้มีข้อดีที่เหมือนกันอีกข้อ
        คือค้ากับคนรวย
        เรื่องบัญชีไม่มีเสียหาย เก็บได้ครบตลอด ตรงเวลาด้วย
        ตรงนี้ก็ชอบ
        พวกขายยิบย่อยนี่เก็บเงินไม่มีได้ครบแน่
        อย่างL&E BAT-3K(ขอโทษที่ต้องเอ่ยชื่อหุ้น)อย่างนี้ผมไม่ค่อยชอบ
     3.ผมลูกศิษย์ อ.นิเวศน์ครับ ใช้แค่พีอีก็พอ ไม่ต้องยุ่งยากไรมาก เวลาทำแวลูเอชั่น
        ผมว่าทำดีซีเอฟ %อะไรพลาดนิดเดียวก็เป็นเรื่องแล้ว
        ทำเสร็จเวลาหาmos ต้องตั้งไว้ซักครึ่งเดียวหรือหนึ่งในสามแน่ะ
        แค่ให้พีอีหุ้นแบบไม่ลำเอียงนี่ก็ยากแล้วครับ
        เรื่องบัญชีหรือตัวเลขทางการเงินนี่ถ้าติดขัดอะไรที่ผมไม่เข้าใจ
        ผมก็พีเอ็มไปถามๆเซียนในเวบนี่แหละ
        พี่ฉัตรผมถามบ่อยสุด นริศนี่ก็เป็นอีกแหล่งที่ถามไปแล้วไม่ค่อยผิดหวัง
       4.ผมนอกจากเป็นเป็ดแล้ว
          ยังมีอาจารย์เยอะคล้ายๆเซียวฮื้อยี้
          งบ ตัวเลขทางการเงิน ก็ร่ำก็เรียนเพิ่มเอา สงสัยก็ถามเซียนดังว่า
          business modelนี่ผมไม่ต้องพึ่งใครเพราะผมทำงานการตลาด-ขายมานานมาก
         อย่าบอกเลยว่ากี่ปี เดี๋ยวกลายเป็นกระทู้เช็คอายุไป
         เรื่องเทคนิค ก็ได้พระอาจารย์แม็คนี่แหละครับสั่งสอนให้รู้เรื่องรู้ราวไม่น้อย
         เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับผมจริงๆแล้วคือ
         ประสบการณ์การผ่านตลาดมาครับ
         เรื่องนี้อย่างที่บอก มีคนย่นเวลาให้พอควร
       5.ทุกวันนี้รวมทั้งที่นั่งอ่านนั่งคุยเรื่องหุ้นอยู่
         ไม่มีต่ำกว่าวันละ6ชั่วโมงครับ
          ถ้ามีเรื่องให้โพสเยอะก็อ่านน้อย
          ถ้าไม่ได้โพสคุยกับใครอย่างนี้ก็อ่านได้เยอะหน่อย
          ไม่ได้รู้สึกว่าฝืนใจหรือเป็นหน้าที่ๆต้องทำอย่างนี้เลย
          รู้สึกมีความสุขคิดpositiveว่า
          อย่างน้อยก็เดินเข้าไปใกล้ "ความลับของฟ้า" ขึ้นอีกนิดนึง
          ทุกๆวันที่ผ่านไป

       แฮะ...โพสสนุกดี ไม่รู้ตอบตรงคำถามหรือเปล่า

นับว่าเปิดเผย case study ได้น่าสนใจมากๆ

รู้ว่าตัวเองมีแต้มต่อยังไงก็เลือกเล่นในแบบนั้น

น่าสนใจๆ

คำถามต่อไปก็คือ

แล้ว team ล่ะครับ เริ่มลงทุนเมื่อไหร่ ซื้อเพราอะไร

ทำไมพระอาจารย์เตือนแล้วยังดื้อไม่ยอมขาย


มองเห็นอะไรซ่อนไว้ครับ ถึงได้ดื้อมาถึงตอนนี้

จะได้มีทั้ง case ที่ได้กำไร และ ขาดทุนนะครับ

หุ้น อิเล็กโทรนิค ผมเองบอกเลยว่าผมวิเคราห์ไม่เป็นครับ

แต่เคยมีคนบอกว่าก็เป็นวัฏจักรดีๆนี้เอง ถือยาวไม่น่าจะได้

อะไร ต้องเล่นเป็นรอบ ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน เล่าให้ฟัง

หน่อยสิครับ

จะมารอฟังครับ

teamหุ้นที่พาน้องๆเข้ารกเข้าพงกันหลายคน
     ความจริงก็ได้โพสมาตลอดในห้องร้อยคนร้อยหุ้น
     แต่หลังๆโพสไม่ออกเนื่องจากจุก

     teamนี่ได้ยินครั้งแรกจากพี่LOSOครับ
     ตัวเร่งที่น่าสนใจที่ได้ยินครั้งนั้นคือรับคนงานเพิ่มมากมาย
   
     teamนี่เขามาopp day ปีละครั้งเท่านั้นเอง มาในQ1
     ผมก็ตามไปฟัง
     ดูตัวเลขทางบัญชีทุกอย่างผ่านหมด
     เงินสดก็เต็มบริษัท
     หนี้ก็น้อย
     ที่ชอบมากคือnpmครับ14-15%
     พวกที่ค้าเยอะๆในหมวดอิเลคนี่npmได้5%นี่ก็ต้องปรบมือให้แล้ว
     ธุรกิจดีมั๊ยรึ กำลังจะขยายโรงงานอีก3-4เท่าของเดิมที่นครนายก
     โดยไม่ต้องกู้เงินซักบาท
     อาศัยเงินสดจากการดำเนินงานนี่แหละ
     เรื่องลูกค้าที่อยู่อเมริกาทั้งหมดเป็นความเสี่ยง
     เพราะเราตามความเป็นไปไม่ได้เลย
     ก็ปิดตาไปซักข้างนึงหน่ะ
     แลกกับส่วนดีๆที่เหลือ กับประวัติในระยะหลังๆที่ดีวันดีคืน
     เข้าซื้อที่เกือบๆ6บาท
     ไม่รู้ฟ้าลิขิตหรือยังไง ทั้งๆที่มั่นใจมากนะ
     แต่ก็ไม่ได้ซื้อจนหมดพอร์ตเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
     
     ต่อมาก็เป็นดังที่เล่าให้ฟังในหน้าที่แล้วว่า
     ความเสี่ยงที่หลับตาไว้ข้างนึง
     ดันเป็นกุ้งยิงที่ตาข้างนั้นพอดี
     คือเขาเสียลูกค้ารายใหญ่5รายแรกของบริษัท
     ผมเองถึงพระอาจารย์มาท้วงให้ขายไม่รู้กี่หนแล้ว
     ผมมานั่งคิดดูว่าไม่ขายเพราะอะไร
     ทั้งๆที่ในตอนนั้นในวันแรกที่ไทยโพสท์ลงข่าวถึงความเปลี่ยนแปลงพื้นฐานที่เกิดขึ่นนั้น
     ราคายังอยู่แถวๆ8-9บาทให้ขายทำกำไรได้อย่างสบาย
     วิธีแก้สถานการณ์ตอนนั้นก็คือ
     มีพรรคพวกที่ถือหุ้นตัวเดียวกันอยู่โทรไปคุยแล้วก็มาเล่าให้ฟัง
     ฟังแล้วก็ได้ต้นหายปลาย ได้ปลายหายต้น
     เข้าไปคุยเองเลยดีกว่าขอคุยกับผู้บริหารกับปากหน่อยดีกว่ามั๊ง
     ว่าจริงๆแล้ว เป็นไงมาไง
     แล้วจะไปไง
     ก็รวมๆพล ติดต่อกันเข้าไป
     ทางteam เองก็ตอบรับไม่ได้มีปัญหาอะไร
     ก็เปิดอกคุยกัน มีอะไรสงสัยก็ถามไป
     การณ์ก็เป็นว่าแม้มีคนเทคโอเว่อร์บริษัทที่เป็นลูกค้าไป
     ก็ยังมีออร์เด้อร์ให้เป็นบางส่วนแม้จะไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนเมื่อผ่านมา
    ก็เลยยังมีหวังกันลมๆแล้งๆ
    ทั้งนักลงทุน ทั้งเจ้าของ
    จนกระทั่งมาจุกด้วยกันในที่สุดดังที่เล่ามาแล้ว
    แต่เราจุกมากกว่าเจ้าของมาก เพราะเขารวยกว่าเราเยอะ...ฮ่า...

ฮงครับหุ้นตัวนี้เป็นวัฏจักรหรือเปล่า ผมว่าไม่แน่นะ

   

[quote="por_jai"] teamหุ้นที่พาน้องๆเข้ารกเข้าพงกันหลายคน

por_jai เขียน:       3.ผมลูกศิษย์ อ.นิเวศน์ครับ ใช้แค่พีอีก็พอ ไม่ต้องยุ่งยากไรมาก เวลาทำแวลูเอชั่น
        ผมว่าทำดีซีเอฟ %อะไรพลาดนิดเดียวก็เป็นเรื่องแล้ว
        ทำเสร็จเวลาหาmos ต้องตั้งไว้ซักครึ่งเดียวหรือหนึ่งในสามแน่ะ
        แค่ให้พีอีหุ้นแบบไม่ลำเอียงนี่ก็ยากแล้วครับ
        เรื่องบัญชีหรือตัวเลขทางการเงินนี่ถ้าติดขัดอะไรที่ผมไม่เข้าใจ
       
       แฮะ...โพสสนุกดี ไม่รู้ตอบตรงคำถามหรือเปล่า

ผมเองก็เชื่อที่คุณ ih พูดครับ เค้าบอกว่า
สูงสุดคืนสุ่สามัญ ถ้าทำ dcf เป็นก็ไม่จำเป็นต้องทำ แต่
จะรู้เองว่า model ธุรกิจแบบนั้น ควรจะ trade กี่เท่า

พี่พอใจคงสูงสุดไปแล้ว เลยคืนสู่สามัญมั้ง :lol:

หลังๆ ผมว่าเรื่อง pe นี้ยากมากครับ
ตลาดไม่ดี pe หุ้นของเราตลาดก็ให้ต่ำลงน่าตาเฉยเลยครับ

คนซื้อไม่มี mos ผมตลาด sentiment ไม่ดีก็โดนก่อนเลยครับ

เมื่อประมาณ 1 ปีกว่าๆที่แล้วผมเคยโพสว่า


''mos จำเป็นจริงเหรอ'' ผมเห็นปีนี้ก็รู้ซึ้งเข้าให้ครับ

ยังดีที่ส่วนใหญ่ถือ cpall รอบนี้แค่ถลอกนิดเดียวครับ

หลังๆ เล่น ps ด้วย ผมดูๆแล้ว peg น่าจะดีสุดในกลุ่ม

model ก็ดี หลังๆผมเองก็กระจาย port มากขึ้นเพราะว่า

หุ้นคงขึ้นไม่พร้อมกัน ถ้าเราอัดหมดตัวเดียวแล้วมันไม่ขึ้นซักที

เราก็ซวย ถ้าเล่นหลายตัวก็ง่ายหน่อย ตัวที่ขึ้นออกไปซื้อตัว

ที่ไม่ขึ้นเพิ่ม

por_jai เขียน:  

ผมขอถามเรื่อง snc อีกทีซิครับ ผมไม่รู้ว่าพี่ขายไปกี่บาท
ผมมั่วว่า 15 บาทแล้วกัน ตอนนี้ก็น่าจะลงมาเกือบครึ่ง
พี่ยังไม่เข้า

คำถามก็คือ

พี่รอดูอะไรครับ พี่รอสัญญาณอะไรจาก snc ว่าถ้ามี xxxx factor
จะเข้าไปซื้อ ถ้ายังไม่มีก็รอไปก่อน

หรือว่าไม่สนใจอีกแล้วคับ


แูฮะ...กว่าๆหน่อยครับ
ยังสนใจอยู่เสมอครับ หุ้นในดวงใจทีเดียว
ตัวเร่งก็ยังอยู่นะครับคือยอดขายเท่าตัวในหนี่งปี
ถ้าทำกำไรกลับมาได้เมื่อไหร่ ก็น่าดูชม
ใครพลาดไม่ติดตามก็อดแน่ครับ
แต่ผมตามข่าวอยู่เสมอๆ ไม่เคยห่าง
แต่อย่างไรก็ดีผมบอกฮงก่อนหน้านี้แล้วว่ายังไงๆ ก็คงต้องร้องเพลง
“เที่ยวนี้ทำอย่างไร ก็ไม่เหมือนเดิม”
เพราะมีคนติดหุ้นอยู่บานตะเกียงแห้ว แล้วยังไม่ได้ขายออกมา
มี2อย่างที่ผมคิดว่าทำให้คนยอมขายของออกมา
หนึ่งคือหมดหวังแล้ว ก็ขายออกมา ถ้าเป็นอย่างนี้ก็รอเกลี่ยราคาไประยะหนึ่ง6เดือนปีนึง
อาจไม่ขยับไปไหนแรงๆอีกนานพอควร

อ้อ...เรื่องความลับของฟ้านี่โพสให้มันดูขลังๆน่ะครับ
     ไม่มีหรอกครับ ความลับของฟ้า
     อยู่ในตัวของเราทุกคนนี่เองแหละ

por_jai เขียน:เขาว่าเขามีคุณสมบัติครบทุกข้อแล้วที่จะผู้ชนะในตลาดควรมี
แต่สิ่งที่ขาดดันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ผมหูตาสว่างรีบถามว่าอะไรหรือ (ใครจะไม่อยากรู้ครับ )
หมอเขาบอกว่าคุณสมบัติข้อนี้ผมมีเพียบแต่ไม่รู้ตัว
เขาก็เลยมาคบกับวีไอดูว่าทำอย่างไรจึงจะมีข้อนี้ได้
ฮงรู้ไหมครับ คุณสมบัติที่ว่านี่มันคืออะไร

ต้องยอมเปิดเผยตัวหลังจากแอบอ่านกระทู้นี้มานาน เพราะข้อความข้างบนนี้แหละครับ

พี่พอใจช่วยเฉลยหน่อยครับ อยากรู้จริงๆ (แล้วเดี๋ยวจะเล่า อวสานจิ๋นซี ให้เป็นการตอบแทนครับ)

ธ่อ...พระอาจารย์เขาไม่ยอมบอกครับ
     เขาว่าเป็นความลับของฟ้า
     เขาบอกพี่ต้องไปคิดเอาเอง
     แต่พี่มีแน่นอน มีเยอะด้วย ว่างั้น
     ผมก็เลยกะว่าจะต้องมาถามฮงนี่แหละ
     ว่าผมมีอะไรที่หมอเขาไม่มี

     พีเอ็มไปถามหมอเขาเองก็ได้นะครับ
     นานๆมาโพสที ที่ไทยวีไอ
     ใช้ล็อกอิน aot
     signatureของหมอเขาเขียนว่า
     "ถ้าคิดจะแก้แค้นหุ้น ให้ขุดหลุมไว้สองหลุม"
     ผมไปถามว่า
     ของผมกับของหมอหรือเปล่า
     ก็ไม่ตอบเห็นยิ้มๆ

[quote="por_jai"]ผมขอถามเรื่อง snc อีกทีซิครับ ผมไม่รู้ว่าพี่ขายไปกี่บาท
ผมมั่วว่า 15 บาทแล้วกัน ตอนนี้ก็น่าจะลงมาเกือบครึ่ง
พี่ยังไม่เข้า

คำถามก็คือ

พี่รอดูอะไรครับ พี่รอสัญญาณอะไรจาก snc ว่าถ้ามี xxxx factor
จะเข้าไปซื้อ ถ้ายังไม่มีก็รอไปก่อน

หรือว่าไม่สนใจอีกแล้วคับ


แูฮะ...กว่าๆหน่อยครับ
ยังสนใจอยู่เสมอครับ หุ้นในดวงใจทีเดียว
ตัวเร่งก็ยังอยู่นะครับคือยอดขายเท่าตัวในหนี่งปี
ถ้าทำกำไรกลับมาได้เมื่อไหร่ ก็น่าดูชม
ใครพลาดไม่ติดตามก็อดแน่ครับ
แต่ผมตามข่าวอยู่เสมอๆ ไม่เคยห่าง
แต่อย่างไรก็ดีผมบอกฮงก่อนหน้านี้แล้วว่ายังไงๆ ก็คงต้องร้องเพลง
“เที่ยวนี้ทำอย่างไร ก็ไม่เหมือนเดิม”
เพราะมีคนติดหุ้นอยู่บานตะเกียงแห้ว แล้วยังไม่ได้ขายออกมา
มี2อย่างที่ผมคิดว่าทำให้คนยอมขายของออกมา
หนึ่งคือหมดหวังแล้ว ก็ขายออกมา ถ้าเป็นอย่างนี้ก็รอเกลี่ยราคาไประยะหนึ่ง6เดือนปีนึง
อาจไม่ขยับไปไหนแรงๆอีกนานพอควร

ผมคิดว่าการเล่นหุ้นนั้น

เป็นสิ่งที่มีเสน่ห์(ไม่ใช่อาจารย์เสน่ห์ money talk นะ)
มากๆ ผมเห็นเซียนหุ้นมาหลายคน แต่ละคนมีแนวคิด

การเล่นหุ้นไม่เหมือนกัน จังหวะการซื้อ การ focus

ทำให้ผมคิดว่ามันเจ๋งดีนะ ที่คนที่คิดไม่เหมือนกัน

ทำต่างๆกัน แต่ได้ผลลัพท์ที่ดีเหมือนกัน

ตอนที่ผมยังเป็นแค่กบในกระลา ผมได้เห็นวิธี

xxx ที่ทำกำไรได้ แล้วนาย x ก็บอกผมว่าเขาเล่นด้วย

วิธี yyy ผมก็คิดในใจ เดี่ยวเถอะมึง ขาดทุนแน่

เดี่ยวหาว่าเด็กรุ่นลูกไม่เตือน ปรากฏว่าเป็นผมที่งง

เพราะท่านนั้นก็ได้ตังค์



ทุกวันนี้แม้เจอสิ่งที่จะขัดกับความเชื่อเดิมของผม

ผมจะไม่ใช้วิธีไม่เชื่อ

ผมจะเข้าไปสอบถาม เก็บข้อมูล เพื่อดูว่า

คนที่เล่น style นั้นคิดอะไร ได้ผลออกมายังไง

เพื่อเอาจุดดีมาเป็นของตัวผมเอง

เมื่อก่อนนี้ ผมเคยวิ่งตามคนอื่น

ผมคิดว่ามีแบบให้เราแล้ว(ด.ร.นิเวศน์ พี่มน พี่วิบูลย์ พี่สุมาอี้)

เราแค่ทำให้เหมือนกับเขาก็พอแล้วสิ

แต่เดี่ยวนี้ผมไม่คิดแบบนั้นแล้วครับ

สิ่งที่ผมจะทำคือ find my way หรือ hongvalue way

มันต้องเป็นสิ่งที่เหมาะกับจริตของผม ถ้าผมยังไม่มีแนวทาง

ของตัวเอง ยังไม่ค้นพบความลับในตัวเอง

ผมก็ไม่ควรสะเออะ บอกว่าจะรวยจากหุ้น

เพราะทุกคนที่รวยล้วนแต่มีจุดยืน ที่ไม่วิ่งตามก้นใคร

พอจะรู้ สิ่งที่พี่ พอใจ มีครับ อิอิอิ

เพราะว่าพี่พอใจ ชอบวิ่งจ๊อกกิ้ง  :lol:

สิ่งสุดท้ายที่ผมคิดว่าคนจะประสบความสำเร็จในหุ้นต้องมี

คือความรัก

เพราะมาลองดูตัวเอง

ผมเป็นคนทำอะไรจริงจัง ตอนผมเล่นหุ้นใหม่ๆ

ผมอ่านทุกวัน ผมแทบจะออกจากบ้าน อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง

เพื่อไปสัมนาทุกอย่างที่ขวางหน้า ผมทำแบบนี้นานมาก

ปรากฏว่าปี 48 ผมก็ขาดทุน

ผมเคยบอกเพื่อนสนิทว่า ผมไม่เอาแล้วนะ ทำไมผมขยันขนาดนี้

แล้วผมถึงยังขาดทุนล่ะ

ก็เลิกดูไปแค่ 2 อาทิตย์

แต่ผมทิ้งมันไม่ลง ผมรู้สึกว่าการได้มีความรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

มันมีความสุข มันทำให้เรามั่นใจ การที่เราดูหุ้นเป็นมากขึ้น

มันสนุกจริงๆ

ตอนนี้ต่อให้ผมหมดตัว เงินลงทุนเหลือแค่ 10%

ผมก็จะไม่เลิกเล่นหุ้น เพราะผมมีความสุขที่ผมค้นพบตัวเอง

ผมกับการเล่นหุ้นคือสิ่งเดียวกันไปแล้วครับ

ทุกวันนี้ก็ได้เห็น hongvalue way อยู่แล้ว
     ไม่เห็นเหมือนใครเลยนิ

[quote="ก้อนหิน"]พอจะรู้ สิ่งที่พี่ พอใจ มีครับ อิอิอิ

เพราะว่าพี่พอใจ ชอบวิ่งจ๊อกกิ้ง

ผมชวนคุยเรื่องทั่วไปคั่นรายการก่อนนะครับ

ก่อนที่จะมีคำถามชุดต่อไป

มีคนถามว่าผมไปรู้จักกับพี่ตอนไหน

ก็รู้จักกันที่ตลาดหลักทรัพย์นั้นแหละ

ผมจำได้ตอนนั้นพวกเรานั่งฟัง อ.มน กับ อ.นิเวศน์

ผมนั่งข้างหลังผม ตอนนั้นยังไม่ค่อยสนิทกัน

ผมจะเอาแก้วกาแฟไปเก็บ

ผมอุตส่าห์ ลุก เอาไปเก็บให้

โห ผมคิด พี่อายุเยอะกว่าผมอีก

ทำไมพี่เป็นกันเองแบบนี้

นั้นเป็นความประทับใจครั้งแรก

ต่อมาก็พี่ก็ write cd อะไรบางอย่าง (ผมไม่อยากพูดว่า

cd อะไร)มาให้

นั้นทำให้ผมประทับใจจนน้ำตาไหล เพราะ cd แผ่นนั้น

สนุกมากๆ

จริงๆแล้ว พวกเราสนิทกันเพราะ cd

และต่อมาพวกเราก็ไปเข้าแคมป์กันทำ work shop

กับ อ.มน

วันนั้นผมสร้างวีรกรรมเรื่อง เมาแล้วพูดเพ้อเจ้อ

ผมเองจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง

จำได้นิดหน่อย อายเล็กน้อย(อายเป็นนะเฟ้ย)

ก็เลยไปฝึกคอมาแข็งมากแล้ว

ทำ workshop อีกหน่อย ระวังนะ

คนที่กินแล้วไปก่อน คือ พี่พอใจ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

hongvalue เขียน:ตอนนี้ต่อให้ผมหมดตัว เงินลงทุนเหลือแค่ 10%

ผมก็จะไม่เลิกเล่นหุ้น เพราะผมมีความสุขที่ผมค้นพบตัวเอง

ผมกับการเล่นหุ้นคือสิ่งเดียวกันไปแล้วครับ

ผมกับการเล่นหุ้นคือสิ่งเดียวกันไปแล้วครับ

เคยอ่านในนิยายกำลังภายใน ว่า จอมยุทธ์กับกระบี่ เป็นสิ่งเดียวกัน คนก็คือกระบี่ (อันนี้เอามาจาก อวสานจิ๋นซี ครับ)

สงสัย ท่านฮง จะบรรลุถึงขั้นลมปราณธาตุธรรมชาติแล้วครับ

คารวะ 3 จอก  :drink:  :drink:  :drink:

ก่อนดื่ม
     ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง  มีแม่โขงผูกสายไปปลายเสา
     
     หลังดื่ม
     โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา  ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย