หน้า 6 จากทั้งหมด 8

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 10:54 am
โดย nanchan
hongvalue เขียน: และจริงๆแล้วคำกล่าวของ ปีเตอร์ลิน ที่บอกว่าให้ซื้อหุ้น cycle เมื่อ pe แพงๆแล้วขายตอน pe ถูกๆ จากที่ผมไป cover มา ผมคิดว่าคำกล่าวนี้ใช้ไม่ค่อยได้กับหุ้น cycle รอบนี้เลย cycle แต่ละครั้งจะมาด้วยเหตุผลทาง demand supply ที่แตกต่างกันไป
อย่างหุ้นเรือสมัยก่อนก็เรื่องเศรษฐกิจจีนเป็นสำคัญ
ฟิลม์รอบนี้ก็มี demand ในสินค้าใหม่ๆเช่น solar cell ,lcd
ส่วนใหญ่หุ้นที่จะขึ้นเป็น 10 เด้งนั้นจะต้องอาศัยราคาที่ถูกเป็นพิเศษอยู่ด้วยระดับนึงดังนั้นจะค้นพบได้ง่ายหลังจากตลาด crash แต่มันจะมีเหตุผลบางอย่างที่ฟื้นตัวเร็วมากและราคาหุ้นก็จะไปได้ไกลมาก
ฮงนี้มัน เทพชั้นดาวดึงส์แล้วมั้ง
เห็นด้วยครับ คำกล่าวนี้ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก
ที่ผ่านมาผมก็เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับวัฐจักร ของปีเตอร์ลินซ์ หรือหมอศรราม บางอย่าง
บอกตามตรง ว่ามันใช้ไม่ได้กับตลาดหุ้นไทย หรืออาจจะใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เรียกว่าฟลุ๊คเหมือนกัน
ฟลุ๊คเหมือนกัน ก็คือบังเอิญมันเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป
หุ้นวัฐจักรหรือคอมโม หลายตัว ก่อนที่จะเกิดแฮมเบอร์เกอร์ ด้วยนะ มีpeไม่สูง และมีปันผลสูง มาก่อนแล้ว พอหลังจากที่เกิดวิกฤติ ทำให้ราคาหุ้นยิ่งถูกมากเข้าไปอีก เป็นDouble ตันไม่ตัน มันจึงเป็นเหตุให้วิ่งไปสิบเด้งไม่ยาก ส่วนศาสดาก็ไม่สามารถเข้าใจที่มาที่ไป บางทีก็อธิบายให้หมู่มวลชนเข้าใจไม่กระจ่างนัก
หวังว่าเทพขั้นฮง จะทำให้เหล่าประชาเข้าใจอะไรมากขึ้น ก๊าก

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 12:45 pm
โดย leaderinshadow
อย่างหุ้น SAT ที่ขึ้นไปแรงๆได้
อยากจะ share เรื่องราวตอนนั้นหน่อยนะครับ


ตอน subprime

ผมมองว่า หุ้น SAT มันถูก Discount เยอะมากๆครับ เนื่องจากความกลัวต่างๆนานา
ตัวนี้ IPO 10 กว่าๆ
ตอนก่อนวิกฤติยังเทรดกันที่ 16 บาท เคยไป 20 ครั้งนึง

แต่หลังวิกฤติ หุ้นร่วงแรงมากๆ เหลือแค่ 4 หลุด 4 ด้วยมั้ง
เพราะยอดขายรถตกฮวบ บวกกับ บริษัทขาดสภาพคล่อง
และต้องไปกู้เงิน ที่พ่วงสัญญาโหด โดยเจ้าหนี้บอกว่า
ถ้ากู้เงินก้อนนี้ไป แล้วยังไม่จ่ายคืน ห้ามจ่ายปันผล

นักลงทุนก็ panic กัน ขายหนีตาย กลัวบริษัทจะล้ม
และส่วนหนึ่ง กลัวว่าจะเป็นเหมือน YNP

ตอนนั้นผมเห็นราคา แบบว่า ราคาซากอย่างแรง
แถมวอลุ่มก็ไม่ค่อยมี คิดว่าราคาคงไม่น่าจะลงแรงแล้ว
ก็เลยใช้วงเงินมาร์จิ้นเข้าสอย แถวๆ 4 บาท

ตอนที่ซื้อ คิดง่ายๆ แค่ว่า ตอนเศรษฐกิจปกติ ตัวเค้าซื้อขายกันที่ 16 บาท
บางคนมองแถวๆ 20 ถ้าถือตัวนี้ จนเศรษฐกิจฟื้น อย่างน้อยๆ ราคาก็น่าจะไป 16 บาท
Upside 400%

เดิมทีก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้น
แต่ก็กลัวเรื่องที่บริษัทขาดสภาพคล่อง แถมไม่จ่ายปันผล
และตอนนั้น ก็มีแต่ข่าวบริษัท Big3 ในเมกา ล้มละลาย
บริษัทผลิตรถ ก็ลดกำลังการผลิต ถือไป ก็แอบใจสั่นไป
แถมปันผลก็ไม่จ่าย ขณะที่ตัวอื่นจ่ายกัน 20-30%

พอราคาขึ้นมา 8 บาท
ผมก็ถือโอกาสขายไป
เพราะ swich ไปตัวอื่นที่จ่ายปันผลสูงๆ เพราะไอ้เงินที่ซื้อ มันเป็นเงินมาร์จิ้น
ตอนนั้น ตั้งใจว่า อยากซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลเยอะๆ และยังโตเรื่อยๆ ไม่หวือหวา
และกะว่า จะเอาเงินปันผลมาจ่ายหนี้ ถ้าปันผล 25%
4 ปี ก็คืนทุน ในขณะที่ SAT ไม่จ่ายปันผล
และก็มีท่าทีว่าจะไม่จ่ายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า


(ตอนนั้นมอง Fair price SAT ที่ 16 บาท ราคาตลาด SAT 8 บาท)

ไอ้เราก็ขายออกไป เพราะไปมองอีกตัวที่คิดว่ามี Upside 100% เหมือนกัน
และจ่ายปันผลด้วย
ที่ไหนได้ๆๆๆ ขายหมูอย่างแรง

ไอ้ตัวที่ไปซื้อ ก็ขึ้นมา 100% ตามคาด
แต่ SAT ขึ้นต่ออีก 200% ในระยะเวลาเท่ากัน :shock:
เจ็บใจสุดๆเลย :wall:

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ต่อให้หุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หุ้นจะไม่สามารถขึ้นต่อไปได้อีก
โดยเฉพาะหุ้นที่ถูก Discount จากเหตุการณ์พิเศษ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 1:04 pm
โดย kabu
ได้ประโยชน์มากครับ
เก็บความรู้เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ :mrgreen:

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:15 pm
โดย hongvalue
nanchan เขียน: ฮงนี้มัน เทพชั้นดาวดึงส์แล้วมั้ง
เห็นด้วยครับ คำกล่าวนี้ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก
ที่ผ่านมาผมก็เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับวัฐจักร ของปีเตอร์ลินซ์ หรือหมอศรราม บางอย่าง
บอกตามตรง ว่ามันใช้ไม่ได้กับตลาดหุ้นไทย หรืออาจจะใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เรียกว่าฟลุ๊คเหมือนกัน
ฟลุ๊คเหมือนกัน ก็คือบังเอิญมันเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป
หุ้นวัฐจักรหรือคอมโม หลายตัว ก่อนที่จะเกิดแฮมเบอร์เกอร์ ด้วยนะ มีpeไม่สูง และมีปันผลสูง มาก่อนแล้ว พอหลังจากที่เกิดวิกฤติ ทำให้ราคาหุ้นยิ่งถูกมากเข้าไปอีก เป็นDouble ตันไม่ตัน มันจึงเป็นเหตุให้วิ่งไปสิบเด้งไม่ยาก ส่วนศาสดาก็ไม่สามารถเข้าใจที่มาที่ไป บางทีก็อธิบายให้หมู่มวลชนเข้าใจไม่กระจ่างนัก
หวังว่าเทพขั้นฮง จะทำให้เหล่าประชาเข้าใจอะไรมากขึ้น ก๊าก
ดีครับป๊านัน

ป๊าเป็นคนที่อ่านขาดมากครับเพราะผมเห็นได้ตั้งแต่ cpf gfpt aj ptl sta ต้องบอกว่าได้ครบทุกตัวเลย

จริงๆแล้วผมเองก็คิดเหมือนพี่นันครับเพียงแต่ไม่กล้าโพส hardcore เท่า :oops: ความจริงหลายๆอย่างที่คนพูดกันในตลาด ถ้าได้ลองไปทำตัวเลขจริงๆแล้วมันไม่เป็นอย่างทีี่คนพูดครับ
ผมเองเจอแบบนี้หลายหลักการเหมือนกันครับ

ถ้าไงพี่นันแวะมาสอนมวยน้องๆหน่อยนะครับ อยากรู้มุมมองของพี่นันเพิ่มเติมเหมือนกันครับเพราะพี่ได้ทุกตัวเลยจริงๆสำหรับหุ้น cyclical รอบนี้ :bow: :bow: :bow: :D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:35 pm
โดย hongvalue
เห็นมีคนมาร่วมตอบแบบนี้ก็ดีใจครับ
เรื่อง sat กับ stanly เดี่ยวมาตอบนะครับ
แต่มีเกมส์มาให้เล่นเพิ่มครับ
เกมส์นี้ชื่อว่าเกมส์

เดาค่า pe

เกมส์นี้ก็ง่ายๆครับ
ผมจะนำ excel ของหุ้นอสังหริมทรัพย์มาให้ดูโดยปิดชื่อหุ้นแล้วให้เห็นแต่อัตราส่วนทางการเงินแล้วมาเดากันว่า
บริษัทหมายเลขที่เท่าไหร่ควรมี pe สูงหรือต่ำมากกว่ากัน

คำถามนะครับคุณคิดว่าตลาดจะให้ pe ของหุ้นหมายเลขใดมากกว่ากันครับ

คนที่รู้ชื่อหุ้นก็อย่าเฉลยนะครับ

excel อันนี้ทำขึ้นมาจริงๆแล้วใส่ชื่อหุ้นไปหมดแล้วคิดว่าจะลองดูโครงสร้างทางการเงินของหลายบริษัทเทียบกัน (ถึงปี51)แล้วดูว่าโครงสร้างแบบไหนที่เวลาฟื้นตัวแล้วกลับมาได้เยอะมาก จริงๆใน excel ชุดนี้มีตัวเลข low pe ,low pbv ของหุ้น develop 8 ตัว

สรุปคือต้องการย้อนเวลาว่าในทุกอุตสาหกรรมหุ้นโครงสร้างแบบไหนฟื้นตัวได้เร็วได้ไกลกว่ากันครับแต่อันนี้ใช้กับหุ้นที่เป็น cyclical ได้น้อยหน่อยนะครับวิธีนี้ ใน project ของผมหุ้น cyclical ใช้ model อีกแบบเทียบค่าแทนครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:39 pm
โดย hongvalue
ปรัชญา เขียน:ขอขอบคุณกับการคิดดีทำดีเอื้อเฟื้อต่อสังคมการลงทุนครับ
ด้วยความยินดีครับพี่ ปรัชญา
oatty เขียน:
hongvalue เขียน:ผมว่าเรื่อง sat กับ Stanly ถ้าเฉลยคำตอบออกมาคนคงบอกว่าไอ้นี้ถามเหมือนยากแต่ตอบง่ายฉิบเป๋ง
ไม่เห็นมีอะไรยากเลย กร๊ากกกก
ไม่ใช่เซียนนะฮง แต่ขอเดาตอบหน่อย...
SAT เป็นหุ้นต่ำกว่าสิบบาท เป็นที่นิยมของตลาด ซื้อง่าย ขายคล่องกว่า
STANLY ตอนนั้นต่ำสุดน่าจะประมาณ 40-60 กว่าบาท

เวลามันขึ้นเลยไม่ก้าวกระโดนเหมือนหุ้นราคาต่ำสิบ
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับพี่
ผมว่าทุกคำตอบไม่มีถูกหรือผิดเพียงแต่เรามีเหตุผลสนับสนุนแนวคิดของเราอย่างไรครับ

ขอบคุณที่แชร์มุมมองครับ
densin เขียน:โดยความเชื่อส่วนตัวไม่เชื่อว่าเจอหุ้น10เด้ง แล้วถือหุ้นจน10เด้งจะดีที่สุด
เพราะตอนที่หุ้นมันไป5เด้งแล้ว upsideลดลงละ เพื่อจะให้ครบ10เด้ง มันก็จะไปต่อแค่1เด้งเอง
อีกเด้งที่เหลือปล่อยให้แมงเม่าเขาไปกำไรบ้าง
ดังนั้นถ้ามันทำ5-6เด้งแล้ว สิ่งที่ควรทำคือรีบหาหุ้น10เด้งตัวต่อไป

ยกเว้นเจอหุ้นsuper stockเด้งไม่จำกัดตามอุดมคติ อันนั้นผมยังไม่รู้ว่าจะขายตอนไหน?
ผมว่าหุ้นสิบเด้งก็ไม่มีใครได้ 10 เด้งจริงๆหรอกครับ
แต่สิ่งนึงที่คนมองข้ามไปคือการซื้อเพิ่ม
ในหน้าก่อนๆผมเคยพูดถึงวิธี mm ซึ่งถ้าคนบริหารพอร์ตดีๆ
แล้วใช้มาร์จิ้นซื้อถัวขาขึ้นหุ้นขึ้นแค่ 10 เด้งแต่พอร์ตโตได้มากกว่า 10 เด้งครับ อย่างเช่นสิื่งที่เคยเกิดกับ ptt ของเสี่ยยักษ์ครับ

(ไม่ได้เชียร์เล่นมาร์จิ้นนะครับเป็นแค่อีกมุมนึง)

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:46 pm
โดย hongvalue
Iceberg_s เขียน: ตอบข้อแรกบริษัทมี ROE สูงต่อเนื่องก็แปลว่า บริษัทอยู่ในธุรกิจที่ดี มีการบริหารที่ดี ที่สร้างผลตอบแทนจากเงินทุนที่มีในแต่ละปี ได้สูง (ตอบแบบกำปั้นทุบดินเลย)

ตอบข้อสองผมก็คิดง่ายๆว่าเงินทุนในการดำเนินงาน มาจากสองส่วนคือส่วน ผถห กับ ส่วนของหนี้ที่กู้มา การที่บริษัทมี ROE สูง แบบ D/E สูง คือบริษัทใช้ เงินคนอื่น มาหมุนทำกำไรให้บริษัทได้มาก มากกว่าบริษัทที่ D/E ต่ำด้วยซ้ำถ้า ROE เท่ากันเพราะเท่ากับบริษัทที่ D/E มีต้นทุนของการเงินสูงกว่าด้วย (กำปั้นทุบดินอยู่ดี :D :D )
ใช่ครับ roe สูงต่อเนื่องจะบอกถึงความสามารถในการบริหารได้ครับ หุ้นลักษณะนี้เข้าข่ายตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ก็ว่าได้ครับ

ส่วน roe สูงและ d/e สูงเราคงต้องดูว่าเป็นหุ้นแบบไหนและโครงสร้างทางการเงินเป็นอย่างไรเช่น
ถ้า d/e ที่สูงเป็นรายการหนี้ระยะยาวแบบนี้โอเค
ถ้า d/e สูงเพราะได้เจ้าหนี้การค้าแบบนี้โอเค
แต่ถ้า d/e สูงแล้วส่วนใหญ่เป็นหนี้แบงค์ที่ต้องจ่ายดอกแบบนี้ไม่ดี
โดยทั่วไปบริษัทที่ roe สูงและ d/e สูงส่วนนึงมีโอกาศที่จะกู้เยอะอย่างที่ตอบและทุนน้อยเมื่อเทียบกับ asset ทำให้ profit ที่หาได้มันได้เป็น % ที่เยอะเทียบกับฐาน share holder ครับ

และประเด็นต่อมาก็คือว่าถ้า d/e สูงหรือต่ำเนี้ยวัดอย่างไร
สมมุติ บริษัท a d/e .5
b d/e 1
ผมว่า a แบบมีโครงสร้างทางการเงินที่ conservative มาก
แต่ไม่ได้หมายความว่า b มีโครงสร้างทางการเงินที่ aggressive
เพราะ d/e ก็แค่ 1 เท่า

เสริมเฉยๆครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:48 pm
โดย hongvalue
เกมส์เดาค่า pe ตอบแค่ว่าบริษัทหมายเลขไหน
pe น่าจะสูงสุดแค่ 2 ลำดับแรกก็ได้นะครับ
ตอบหมด 8 บริษัทปวดตับครับเยอะเกินไป

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:51 pm
โดย hongvalue
leaderinshadow เขียน: นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ต่อให้หุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หุ้นจะไม่สามารถขึ้นต่อไปได้อีก
โดยเฉพาะหุ้นที่ถูก Discount จากเหตุการณ์พิเศษ
ที่ตอบมาทั้งหมดสุดยอดแล้วครับ
ถ้าพี่จะตอบก็จะตอบคล้ายๆกันแบบนี้ในเรื่องของสตอรี่ครับ
จับประเด็นได้ดี

ส่วนเรื่องนี้มีประสบการณ์ตรงกันก็คือว่าพี่ก็ขายหุ้นเทพเร็วเกินไปหลายๆตัวไม่งั้นป่านนี้คงรวยกว่านี้เยอะแล้ว

การที่หุ้นราคาต่ำมาซักพักแต่ต่ำตรงนั้นคือต่ำเวอร์
ผมหุ้นขึ้นมาที่แค่ระดับปานกลางยังไม่แพงแต่ใจเราจะคิดว่า
ตรงนี้แหละแพงแล้วไปดีกว่า

ไม่เป็นไรครับคราวหน้าถืออึดเอามันซัก 10 เด้งไปเลย อิอิ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:52 pm
โดย hongvalue
คุุยกันแบบนี้ค่อยมันหน่อยครับ
อิอิ :P

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:55 pm
โดย สามัญชน
hongvalue เขียน: และจริงๆแล้วคำกล่าวของ ปีเตอร์ลิน ที่บอกว่าให้ซื้อหุ้น cycle เมื่อ pe แพงๆแล้วขายตอน pe ถูกๆ จากที่ผมไป cover มา ผมคิดว่าคำกล่าวนี้ใช้ไม่ค่อยได้กับหุ้น cycle รอบนี้เลย cycle แต่ละครั้งจะมาด้วยเหตุผลทาง demand supply ที่แตกต่างกันไป
อย่างหุ้นเรือสมัยก่อนก็เรื่องเศรษฐกิจจีนเป็นสำคัญ
ฟิลม์รอบนี้ก็มี demand ในสินค้าใหม่ๆเช่น solar cell ,lcd
ส่วนใหญ่หุ้นที่จะขึ้นเป็น 10 เด้งนั้นจะต้องอาศัยราคาที่ถูกเป็นพิเศษอยู่ด้วยระดับนึงดังนั้นจะค้นพบได้ง่ายหลังจากตลาด crash แต่มันจะมีเหตุผลบางอย่างที่ฟื้นตัวเร็วมากและราคาหุ้นก็จะไปได้ไกลมาก
ผมก็พบว่ามันไม่ค่อยจริงเหมือนกันครับ :D
1. ตอนซื้อหุ้นวัฎจักร เราอาจจะซื้อตอนพีอีต่ำๆก็ได้ถ้ามันมีวิกฤตในอนาคตรออยู่
2. ตอนขายหุ้นวัฏจักรเราอาจจะขายตอนพีอีสูงๆก็ได้ ถ้ามันมีอนาคตที่ดีรออยู่
แค่สองข้อนี้ก็จะทำกำไรให้เราได้หลายเด้ง
ยิ่งถ้ามีข้อสาม
3. มีเหตุให้ราคามันต่ำผิดปกติอย่างฮงว่า กำไรก็กระฉูดไปเลย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ลินช์เขาว่าไว้อย่างนั้น
อาจจะมีเหตุผลว่า โดยส่วนใหญ่ในสภาวะเศรษฐกิจปกติ หุ้นวัฏจักรมันเป็นอย่างนั้น
แต่ครั้งนี้มันมีวิกฤติเป็นตัวทุบราคา. แล้ววิกฤติครั้งนี้ฟื้นเร็วเป็นตัวดันราคา :D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:56 pm
โดย picklife
[quote="hongvalue"]แต่มีเกมส์มาให้เล่นเพิ่มครับ
เกมส์นี้ชื่อว่าเกมส์

เดาค่า pe

เกมส์นี้ก็ง่ายๆครับ
ผมจะนำ excel ของหุ้นอสังหริมทรัพย์มาให้ดูโดยปิดชื่อหุ้นแล้วให้เห็นแต่อัตราส่วนทางการเงินแล้วมาเดากันว่า
บริษัทหมายเลขที่เท่าไหร่ควรมี pe สูงหรือต่ำมากกว่ากัน

คำถามนะครับคุณคิดว่าตลาดจะให้ pe ของหุ้นหมายเลขใดมากกว่ากันครับ[quote]

4 6 7 1 2 3 5 8
เรียงจากมากไปหาน้อยครับ :D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 2:59 pm
โดย hongvalue
สามัญชน เขียน: ผมก็พบว่ามันไม่ค่อยจริงเหมือนกันครับ :D
1. ตอนซื้อหุ้นวัฎจักร เราอาจจะซื้อตอนพีอีต่ำๆก็ได้ถ้ามันมีวิกฤตในอนาคตรออยู่
2. ตอนขายหุ้นวัฏจักรเราอาจจะขายตอนพีอีสูงๆก็ได้ ถ้ามันมีอนาคตที่ดีรออยู่
แค่สองข้อนี้ก็จะทำกำไรให้เราได้หลายเด้ง
ยิ่งถ้ามีข้อสาม
3. มีเหตุให้ราคามันต่ำผิดปกติอย่างฮงว่า กำไรก็กระฉูดไปเลย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ลินช์เขาว่าไว้อย่างนั้น
อาจจะมีเหตุผลว่า โดยส่วนใหญ่ในสภาวะเศรษฐกิจปกติ หุ้นวัฏจักรมันเป็นอย่างนั้น
แต่ครั้งนี้มันมีวิกฤติเป็นตัวทุบราคา. แล้ววิกฤติครั้งนี้ฟื้นเร็วเป็นตัวดันราคา :D
โคตรเซียนพี่หมอสามัญชนแวะมาเยี่ยม

ขอแชร์ความเห็นนะครับ

psl สมัยต้นปี 2003 ตอนนั้นมีหุ้น 52 ล้านหุ้น
พาร์ 10 market cap ประมาณ 520 ล้าน
แต่กำไรปี 2002 400 กว่าล้าน

ซื้อหุ้นเรือ pe 1 ถือปีเดียวได้ 20 เด้ง
ดังนั้นถ้าบอกให้ซื้อตอน pe แพงนี้ก็ต้องไปซื้อปลายปีเพราะว่า
กำไร 1300 ล้านแต่ราคาแถว 20 market cap 10000 ล้านเศษครับ

กลายเป็นว่าซื้อ pe ถูกขายแพงนั้นแหละ

พี่หมอช่วยชี้แนะด้วยครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:00 pm
โดย hongvalue
picklife เขียน: 4 6 7 1 2 3 5 8
เรียงจากมากไปหาน้อยครับ :D
ตอบเร็วจังครับ มั่วหรือเปล่าครับ (ล้อเล่นนะ)
ขอเหตุผลด้วยสิครับ
ไม่งั้นเดี่ยวผมปวดตับนะ กร๊ากกกกกกกกกก

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:03 pm
โดย hongvalue
ไหนๆพีี่หมอก็แวะมาเยี่ยมแล้ว
ถ้าช่วยชี้แนะเรื่องหุ้นรถยนต์ว่าเทียบกันแล้วทำไม
sat 10 เด้งจากโลว์
stanly 4 เด้งกว่าก็จะเยี่่ยมไปเลยครับ

:D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:14 pm
โดย hongvalue
excel หุ้นอสังห ผมไม่ได้ทำเองนะครับ
มีคนทำให้ครับ คนทำขยันกว่าผมมากเลยครับ

ถ้าเราจะทำการวิจัยศึกษาเรื่องหุ้นลึกๆแล้วมีเป็นทีมที่ช่วยกันแบ่งเบาข้อมูลคนละส่วนสองส่วนเรื่องยากๆก็ง่ายได้ครับ

ขอบคุณสำหรับทุกข้อมูลที่ให้ผมครับ
(ถึงคนช่วยทำข้อมูล)

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:20 pm
โดย picklife
hongvalue เขียน:
picklife เขียน: 4 6 7 1 2 3 5 8
เรียงจากมากไปหาน้อยครับ :D
ตอบเร็วจังครับ มั่วหรือเปล่าครับ (ล้อเล่นนะ)
ขอเหตุผลด้วยสิครับ
ไม่งั้นเดี่ยวผมปวดตับนะ กร๊ากกกกกกกกกก
เปิดปุ๊บเจอโพสก็คิดๆซักพักแล้วตอบเพิ่งมาเห็นเอาแค่2ตัว :oops:
หุ้น4ROEอยู่อันดับ2ของกลุ่มรองจาก6 แต่ที่ให้No.1เพราะgpmสูงมากๆ แม้นratioอื่นจะสู้ไม่ได้ แต่ก็ยังคิดว่าตัวอื่นแพ้นิดหน่อยแต่แลกกับgpmระดับนี้คุ้มมากๆ

หุ้น6ROEอันดับ1ของกลุ่มและเพิ่มมาจากปีก่อนค่อนข้างเยอะgpmน้อย แต่หนี้ก็น้อยด้วย

ปล.รู้ว่าถ้าเทียบของจริงผิดทั้งคู่ อิอิ
ส่วนเทียบตามความเหมาะสมรอท่านอ.สับการบ้านครับ :oops:

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:23 pm
โดย สามัญชน
ลินช์อาจจะหมายถึงอย่างนี้หรือเปล่า

ตอนปกติราคาหุ้น 2 บาท eps 0.2 พีอี 10 เท่าและก็อยู่อย่างนี้หลายๆปี
ตอนขาขึ้น ราคาเริ่มขยับขึ้นเป็น 3 บาท แต่ eps ก็เพิ่มขึ้นเป็น 0.5 พีอีลดเหลือ 6 เท่า
ต่อมาราคาขยับขึ้นไป 40 บาท eps เพิ่มขึ้นเป็น 10 บาท พีอี เหลือ 4 เท่า

ลินช์เลยแนะนำให้ซื้อตอนพีอีสูง ตอน 10 เท่าคือราคา 2 บาท
ขายตอนพีอีต่ำ 4 เท่า คือราคา 40 บาท มั้งครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:24 pm
โดย picklife
hongvalue เขียน:
picklife เขียน:
hongvalue เขียน:
MaiFuen เขียน: ปล.รอรับความรู้จากพี่ฮงในกระทู้นี้ และ ครอสอบรมในอีก3เดือนข้างหน้าอยู่ครับ

อ๊าคคคคคท่านอาจารย์ ไปด้วยยยยยยยยยคร๊าบบบบบบบ
ถ้าปิกจะไปมันก็เต็มแล้วครับ :B :B
อิอิ
ง๊าาาา ไปเป็นพริตตี้เชียร์น้ำให้ครับ :P

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:35 pm
โดย สามัญชน
hongvalue เขียน:ไหนๆพีี่หมอก็แวะมาเยี่ยมแล้ว
ถ้าช่วยชี้แนะเรื่องหุ้นรถยนต์ว่าเทียบกันแล้วทำไม
sat 10 เด้งจากโลว์
stanly 4 เด้งกว่าก็จะเยี่่ยมไปเลยครับ

:D
ผมก็ไม่รู้หรอกครับ เดาว่าอย่างนี้ครับ

1 sat ราคาลงมาต่ำเกินไปเพราะคนกังวลเรื่องไม่มีเงินจ่ายหนี้ และหนี้ก็เยอะท่วมบริษัท แถมจะจ่ายปันผลไม่ได้ด้วยเพราะเจ้าหนี้บังคับไว้
ในขณะที่ stanly หนี้น้อยมากแทบไม่มีเลย ฐานะทางการเงินดีกว่าเยอะ ราคาหุ้นเลยลงไม่หนักเท่า

2 mk chare ของ sat ยังน้อยและยังโตได้อีกเยอะ อย่างน้อยก็โตได้สองทางคือ แย่งแชร์ผู้อื่นและโตจากการฟื้นตัวของยานยนต์
แต่ stanly กินแชร์ไปเยอะแล้ว ส่วนมอไซต์กินไป 97% ไม่รู้จะแย่งใครอีก. จึงโตได้จากการฟื้นตัวอย่างเดียว

ผิดถูกช่วยชี้แนะด้วยครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:44 pm
โดย hongvalue
สามัญชน เขียน:ลินช์อาจจะหมายถึงอย่างนี้หรือเปล่า

ตอนปกติราคาหุ้น 2 บาท eps 0.2 พีอี 10 เท่าและก็อยู่อย่างนี้หลายๆปี
ตอนขาขึ้น ราคาเริ่มขยับขึ้นเป็น 3 บาท แต่ eps ก็เพิ่มขึ้นเป็น 0.5 พีอีลดเหลือ 6 เท่า
ต่อมาราคาขยับขึ้นไป 40 บาท eps เพิ่มขึ้นเป็น 10 บาท พีอี เหลือ 4 เท่า

ลินช์เลยแนะนำให้ซื้อตอนพีอีสูง ตอน 10 เท่าคือราคา 2 บาท
ขายตอนพีอีต่ำ 4 เท่า คือราคา 40 บาท มั้งครับ
เท่าที่ผมสังเกตุหุ้น cycal หลายตัวที่กำไรจะสามารถเพิ่มเป็น 10 เท่าได้ในเวลา 2-3 ปีครับ อย่างตัวเลขที่ยกมา eps จาก .2 ขึ้นไปเป็น 10 บาทโต 50 เท่าอาจจะหาได้ยากนิดนึงในสถานการณ์จริง

แต่เรื่อง concept ผมก็เห็นคล้ายๆกันว่าบางทีตลาดยังไม่เชื่อว่าหุ้นจะทำกำไรได้สูงมากจริงๆทำให้ตอนกำไรขาขึ้นหุ้นวิ่งเร็วกว่ากำไร
นำมาซึ่งการที่ pe แพงขึ้น(เพราะราคาเร็วเกิน eps)

อย่างกรณีของ atc หรือ aromatic สุด classic กำไรของบริษัท
ที่เก็บตัวเลขมาคือตามรูปนี้ครับ
กรณีของ atc นั้นต่างจาก psl ก็คือจากขาดทุนเป็นกำไรเยอะเวอร์
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือปี 47 กำไรโตต่อแต่หุ้นไม่ขึ้นครับ
และถ้าลองนำ จำนวนหุ้น 960 ล้านคูณราคาที่ประมาณ 68 peak ของ atc ในตอนนั้นจะได้ pe ค่อนข้างสูงแต่ขายตอนนั้นก็ peak ไปตลอดกาลเลยนะครับถ้าผมจำไม่ผิด

ความเห็นของผมคือหุ้นมันเป็น case by case มากกว่านะครับว่ามันเป็นแบบไหน cycle มายังไง การบอกว่าซื้อตอน pe ต่ำหรือสูง หรือขายตอน pe ต่ำหรือสูงน่าจะเป็นประเด็นรองมากกว่าเนื่องจากแต่ละวิกฤติ และแต่ละ industry มันมีการขึ้นแตกต่างกันครับ

ความเห็นของผมเฉยๆนะครับอาจจะผิดก็ได้
เพียงแต่ผมตามไป cover หุ้นสมัยต้มยำกุ้งมาด้วย
เลยได้เห็นภาพของจุด start จุดจบของหุ้นหลายแบบ
และนำมาแชร์เฉยๆครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:45 pm
โดย wpong
hongvalue เขียน:
ความจริงหลายๆอย่างที่คนพูดกันในตลาด ถ้าได้ลองไปทำตัวเลขจริงๆแล้วมันไม่เป็นอย่างทีี่คนพูดครับ
ผมเองเจอแบบนี้หลายหลักการเหมือนกันครับ
ชอบครับ :P

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:51 pm
โดย hongvalue
สามัญชน เขียน: ผิดถูกช่วยชี้แนะด้วยครับ
แว๊กกกก มิับังอาจครับ
ตอนผมทำเรื่องหุ้นยานยนต์ผมก็อาศัยอ่านที่พี่หมอสามัญชนเคยเขียนเอาไว้ในกระทู้ ทำไมผมเลือกยานยนต์ นั้นแหละครับ

เบื้องต้นเห็นเหมือนกันครับว่า stanly น่าจะอิ่มตัวเมื่อเทียบกับ sat
กำลังผลิตของ sat หลังปี 2008 ก็เพิ่มขึ้นมาเยอะ
เช่นมี axle shaft เพิ่มจาก 21000 เป็น 24000 ชิ้นต่อเดือน
kubota machine เพิ่มจาก 36000 เป็น 86000
kubota blade จากไม่มีก็มี 396000 และ capacity น่าจะขึ้นไปเกือบถึง 80% ในปีนี้


ผมเข้าใจว่าพัฒนาการของ sat นั้นมี story เรื่องกำลังการผลิตที่เพิ่ม แต่ในส่วนของ stanly ผมไม่แน่ใจว่ามีเพิ่มไหม ยังไม่ได้เช็กละเอียด ถ้าเกิดว่าไม่ นี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ sat ไปได้ไกลกว่า
แต่ถ้า stanly ก็เพิ่มผมก็งงๆเหมือนกันว่าตกลงมันเพราะอะไร

ยินดีที่พี่หมอแวะมาให้คำแนะนำนะครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:52 pm
โดย hongvalue
picklife เขียน:
hongvalue เขียน:
picklife เขียน:
hongvalue เขียน:
MaiFuen เขียน: ปล.รอรับความรู้จากพี่ฮงในกระทู้นี้ และ ครอสอบรมในอีก3เดือนข้างหน้าอยู่ครับ

อ๊าคคคคคท่านอาจารย์ ไปด้วยยยยยยยยยคร๊าบบบบบบบ
ถ้าปิกจะไปมันก็เต็มแล้วครับ :B :B
อิอิ
ง๊าาาา ไปเป็นพริตตี้เชียร์น้ำให้ครับ :P
picklife ต้องไปแปลงเพศมาก่อนนะครับ

(แซวเล่นนะครับ)

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 3:56 pm
โดย hongvalue
wpong เขียน:
hongvalue เขียน:
ความจริงหลายๆอย่างที่คนพูดกันในตลาด ถ้าได้ลองไปทำตัวเลขจริงๆแล้วมันไม่เป็นอย่างทีี่คนพูดครับ
ผมเองเจอแบบนี้หลายหลักการเหมือนกันครับ
ชอบครับ :P
เรื่องพวกนี้บางทีพูดออกมาก็ไม่เป็นผลดีครับ
เพราะมันขัดกับอัตราคนอื่นหลายครั้งสิ่งที่คนเชื่อๆกันมา
ก็ไม่ได้ไปดูและเช็กตัวเลขจริงๆน่ะครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 4:24 pm
โดย Iceberg_s
ร่วมตอบเกมเดา p/e ด้วยคน ผมไม่เคยลงทุนในอสังหาเลย ด้วยเหตุผลเดียวว่าดูห้องไม่เป็น ไม่ชอบแต่งห้อง ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ห้องแบบไหนก็อยู่ได้หมด เลยให้คะแนนมันไม่ถูก หลังๆก็เปลี่ยนใจมาดูๆบ้าง เริ่มโดยใช้พวกอัตราส่วนอย่างเดียว แบบไม่สนทั้งนั้นว่าสร้างอะไร ที่ไหน จองเท่าไหร่ คนบ่นเยอะมั๊ย แต่ก็ยังไม่ลงทุนอยู่ดี

ขอเดาว่า 7 6 1 ครับ ให้ 3 ลำดับเลย
โดยผมไม่ได้ดูจาก GRM และ DE เลยนะครับ เพราะมั่วเอาว่า สองตัวนี้ไปสะท้อนอยู่ใน ROE หมดแล้ว เลยไปสนใจ asset turnover หาไอ้ที่ขายได้ไวๆมากกว่า สุดท้าย จับ ROE*Asset turnover ของปีสุดท้าย คูณมันดื้อๆแบบนั้น แล้วเรียงลำดับออกมา 55555

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 5:31 pm
โดย scg
น่าจะเป็น 3 5 เพราะตลาดไม่ได้ดูแค่ตัวเลขอัตราส่วนทางการเงิน แต่ดูปัจจัยอื่นๆ ด้วยครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 5:33 pm
โดย nanchan
Aj ราคาปี52 อยู่ระหว่าง 2.2 - 4.0 กำไรปี 51 0.45 มีบางช่วงที่peต่ำกว่า 5เท่า

Peต่ำหรือสูง ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา บางทีมันอาจจะแค่เรื่องบัญเอิญ
ส่วนอนาคตผมก็ไม่รู้นะ ว่ามันจะเป็นไปในรูปแบบไหน อาจจะอย่างลินซ์ว่าก็ได้
Peอาจเป็นดังลินซ์ว่าก็ได้ เพราะคนส่วนมากในตลาดเริ่มเข้าใจภาพของวัฐจักรมากขึ้น
อย่างหุ้นเรือตอนนี้ที่ยังสูงได้ ก็เพราะความเชื่อเท่านั้นมั้ง
อย่างวอเรน หรือใครบอกให้ซื้อหุ้นroeสูง แต่เราก็ต้องเข้าใจนะ ว่าความคิดวอเรนพูดถึงมองหุ้นที่ผ่านมา10ปี
และมองภาพให้เข้าใจไปอีก10ปี หรือมากกว่านั้น ไม่ได้หมายความแค่roeสูงแล้วมันจะดี

ไม่มีใครผิดหรือถูก แต่บางสิ่งมันไม่แน่เสมอไป

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 7:39 pm
โดย kabu
4 -> 7 -> 6 ครับ
ลองเดาๆ ดูครับ :oops:

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 7:47 pm
โดย ginju
5 และ 1 ครับ