ถล่มโรงไฟฟ้าถ่านหิน GLOW-LOXLEY-ITD
หวั่นไอพีพีเกิดไม่ได้ ประชาชนในพื้นที่ต่อต้าน โดยเฉพาะเขตมาบตาพุด เพราะ พลังงานให้ถ่านหินเข้ารอบเปิดซองราคา ถูกใจเสนอขายไฟให้รัฐในราคาต่ำกว่าก็าซ โกลว์ ล็อกซเล่ย์ อิตาเลียนไทย ผ่านฉลุย
ด้านโกลว์ มั่นใจไม่มีปัญหา ชุมชนในพื้นที่เข้าใจและยอมรับได้ ส่วนราชบุรี ตีปีกได้กลับเข้าเปิดซองเทคนิคใหม่ รออีก 2 สัปดาห์รู้ผล
โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่หรือ ไอพีพี เริ่มมีปัญหา จะเกิดขึ้นไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล ถ้ากระทรวงพลังงานเลือกให้โรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นผู้ชนะประมูล เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวระบุว่า กระทรวงเปิดซองราคาแล้ว และเลือกรายที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ให้อยู่ในอันดับต้นๆมีโอกาสผ่านเข้ารอบ ถ้าทางการใช้ราคาขายไฟเป็นตัวตัดสินชี้ขาด แต่ไม่ได้มองถึงปัญหาที่จะตามมาอีกมากมาย จนทำให้โรงไฟฟ้าไอพีพีเกิดขึ้นไม่ได้
สำหรับเอกชนที่คาดว่า น่าจะผ่านรอบการเปิดซองราคา โดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง 1.โกลว์ ที่ร่วมมือกับเหมราช 2.บริษัท Babcock & Brown ร่วมกับบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ Loxley เสนอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 800 เมกกะวัตต์ ที่สมุทรสงคราม 3.บริษัท Gheco-one เสนอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาด 660 เมกกะวัตต์ ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง 4.บริษัท อิตาเลียน-ไทย ดิเวลล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสนอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 800 เมกกะวัตต์ ที่บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และ5.บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย (National Power Supply) เสนอก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 540 เมกกะวัตต์ จำนวน 3 โรง ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และร้อยเอ็ด
ส่วนโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง เช่น บมจ.เอ็กโก้ ที่ผ่านรอบเทคนิคทั้ง 3 โครงการ บมจ.ไทยออยล์ ถูกจัดอยู่อันดับรองจากผู้ใช้ถ่านหิน
เหตุผลที่จะทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหิน สร้างไม่ได้ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่คัดค้าน โดยเฉพาะกลุ่มเอ็นจีโอในท้องถิ่น ขณะนี้มีทุกพื้นที่และพร้อมจะชุมนุมประท้วงถ้ามีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันโรงไฟฟ้าเอกชนหลายแห่ง ที่จะใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง คนในพื้นที่ยังไม่รับทราบข่าวประเด็นดังกล่าว
ดังนั้นถ้าพลังงานให้โรงไฟฟ้าถ่านหินผ่านการคัดเลือก อาจทำให้โรงไฟฟ้าไอพีพีเกิดไม่ได้ เพราะแม้จะทำรายงานเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA ผ่าน แต่ต้องเจอประชาชนในพื้นที่ต่อต้านอย่างแน่นอน
นายสุทธิพงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ กระแสหุ้น อย่างมั่นใจว่า หากบริษัทชนะการประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ยื่นในนามบริษัท โกลว์-เหมราช เอนเนอร์ยี จำกัดในรอบนี้ เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ประท้วงตามมาทีหลัง เนื่องจากก่อนหน้าการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินรอบนี้ บริษัทได้ทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงมาบตาพุด
รวมทั้งได้จัดทำประชาพิจารณ์ เกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งทางชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงมาบตาพุดแสดงความเห็นด้วยในการสร้างโรงไฟฟ้าถึง 75% และไม่เห็นด้วยเพียง 3% เท่านั้น เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นการขยายจากโรงไฟฟ้าเดิมที่ทำอยู่ปัจจุบัน และไม่ได้สร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ขึ้นมา ประกอบกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตจึงทำให้ชุมชนใกล้เคียงเข้าใจการดำเนินงานของบริษัทมากขึ้น
ทั้งนี้แม้ว่าปัจจุบันรายงานเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของบริษัทที่ยื่นให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สผ.พิจารณาจะยังไม่ได้รับการอนุมัติ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะที่ผ่านมาบริษัทได้ตอบทุกข้อซักถามจากทาง สผ.ตลอด และคาดว่าจะได้ข้อสรุป EIA ในเร็วนี้
เรื่องประท้วงเราคงคาดเดาได้ยากเพราะเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การประท้วงที่เกิดจากบริษัทนั้นยังไม่เคยมีมาก่อน แต่อาจจะมีในลักษณะประท้วงรายอื่นแต่มาพ่วงของเราด้วย ซึ่งหากดูแผนของเราที่เน้นเรื่องกำจัดมลพิษนั้นน่าจะคลายความกังวลได้แน่นอน และหลังจากนี้เราก็จะเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ชุนชนในจังหวัดระยองเข้าใจการดำเนินงานของเรามากขึ้น นายสุทธิพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดเม็ดเงินลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินครั้งนี้ อยู่ที่ 40,000 ล้านบาท โดยมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินไทยและต่างประเทศ ราว 75% ส่วนที่เหลืออีก 25% เป็นกระแสเงินสดของบริษัท ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินนี้บริษัทได้ยื่นประมูลร่วมกับบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ โดยบริษัทถือหุ้นใหญ่ 65% และ HEMRAJ ถือ 35%
นายสุทธิพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุผลหลักที่ต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหินคือ ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงถ่านหินถูกกว่าก๊าซถึง 65% รวมทั้งราคาก๊าซปัจจุบัน 40% อ้างอิงราคาน้ำมันดังนั้นหากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องราคาก๊าซก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของโรงไฟฟ้าก๊าซเพิ่มขึ้นส่งผลให้ค่าไฟฟ้าในอนาคตแพงขึ้นได้ ดังนั้นการทำโรงไฟฟ้าถ่านหินแม้จะมีมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมแต่หากมีระบบบริหารจัดการโรงไฟฟ้าให้ดีเชื่อว่าไม่ก่อให้เกิดมลพิษแน่นอน และด้วยต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ถูกกว่าก๊าซดังนั้นจึงไม่กระทบค่าไฟฟ้าในอนาคตด้วย
โรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นทางเลือกที่ดี หากเทียบกับการใช้พลังงานทดแทนอื่นๆที่มีต้นทุนสูงกว่าถ่านหินมาก เพียงแต่ผู้ที่จะทำถ่านหินต้องควบคุมและกำจัดมลพิษให้ดีมาก รวมทั้งฟื้นฟูชุมชนต่อเนื่อง นายสุทธิพงศ์ กล่าว
นายณรงค์ สีตสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เชื่อว่าบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด บริษัทลูกจะได้รับสิทธิในการเข้าประเมินด้านเทคนิคและการเสนอราคาอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ย.50 ที่ผ่านมา ได้ถอนฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงพลังงานที่ตัดสิทธิให้เข้าร่วมประมูลคัดเลือกการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ หรือ ไอพีพี เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา
เราถอนฟ้องเพราะคณะกรรมการบริษัทประเมินสถานการณ์แล้วว่าหากยังดำเนินการฟ้องร้องต่อไปกระบวนการดังกล่าวอาจจะล่าช้าไปมากกว่านี้ ดังนั้นบริษัทจึงตัดสินใจเข้าไปเจรจากับ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแทน โดยหลังจากที่ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีฯพบว่ามีท่าทีที่พอใจเกี่ยวกับข้อมูลที่บริษัทนำเสนอ ซึ่งหวังว่าจะมีแนวทางที่ดีของบริษัทในการเข้าร่วมประมูลโครงการ IPP และคาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาพิจารณาไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์คงจะมีข้อสรุปที่ชัดเจน นายณรงค์ กล่าว
โดยกระบวนการดำเนินงานในเบื้องต้น คือ ทางกระทรวงพลังงานจะดำเนินการยื่นเรื่องให้กฤษฎีกาตีความเกี่ยวกับกองทุนประกันสังคมถือเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ซึ่งระหว่างการยื่นเรื่องดังกล่าว ทางกระทรวงพลังงานสามารถดำเนินการอนุมัติข้อเสนอด้านเทคนิคของบริษัท หากผ่านการพิจารณาบริษัทก็จะผ่านเข้าสู่กระบวนการพิจารณาด้านราคา
ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าราคาที่ได้เสนอไปจะชนะคู่แข่งขันได้แน่นอน และน่าจะทำให้บริษัทผ่านเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติด้านผลกระสบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งปัจจุบันบริษัทผ่านเรื่องการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องทำประชาพิจารณ์ เนื่องจากเป็นการประมูลโครงการภาคเอกชน ไม่ใช่การประมูลของโครงการรัฐ ดังนั้นขั้นตอนสุดท้ายคือการอนุมัติจากทางสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. เท่านั้น
สำหรับกรณีที่ บริษัทสามารถผ่านการพิจารณาในกระบวนการต่างๆจนเข้ารอบการตัดสินสุดท้ายแล้วทาง กฤษฏีกาตีความว่า บริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่งผลให้บริษัทตกรอบการคัดเลือกสุดท้ายก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าบริษัทต่อสู้จนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงยืนยันตามเดิมว่าบริษัทลูกมีคุณสมบัติครบไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ เพราะทางประกันสังคมออกมายืนยันว่าบริษัทไม่เข้าข่ายรัฐวิสาหกิจมีคุณสมบัติครบน่าจะเข้าร่วมประมูล IPP ได้
กระบวนการดำเนินงานของรัฐก็สามารถทำไปพร้อมกันได้ ทั้งการตีความและการอนุมัติด้านเทคนิค สมมุติเราผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วกฤษฏีกาตีความแล้วว่าเราเป็นรัฐวิสาหกิจค่อยตกรอบก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพียงแต่ขอให้เราได้เป็นหนึ่งในการพิจารณาด้วยเท่านั้น นายณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตามจากกำไรปกติงวด 9 เดือนที่ผ่านมา ที่ 3,311 ล้านบาท ไม่รวมกำไรจาก FX ที่ 412 ล้านบาท ลดลง 4% เทียบจากปีก่อน คิดเป็น 74% ของกำไรปกติทั้งปีนี้ที่ 4,476 ล้านบาท เป็นไปตามคาดจึงยังคงกำไรปกติปี 50-51 เดิมไว้ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ประเมินเบื้องต้น หาก GLOW ชนะประมูล IPP (700 เมกะวัตต์) จะเพิ่มมูลค่าหุ้นราว 2.7-3 บาทต่อหุ้น ดังนั้นคงแนะนำซื้อลงทุน GLOW โดยเน้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัว จากแนวโน้มตลาดหุ้นที่ไม่สดใส โดยราคาหุ้นที่ 33.25 บาท มี upside gain อยู่ 14% จากราคาเป้าหมายปี 51 ที่ 38 บาท อย่างไรก็ดี GLOW มีความเสี่ยงตรงที่ราคาถ่านหินโลกค่อนข้างผันผวน ซึ่งเป็นต้นทุนผลิตที่ไม่อาจผลักให้กับผู้ซื้อ
ด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด แนะนำซื้อลงทุน GLOW โดยเน้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัว ราคาเป้าหมายปี 51 ที่ 38 บาท ทั้งนี้หลังการประชุมนักวิเคราะห์ ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่า GLOW จะชนะประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 โรง จากการยื่นประมูล IPP 2 โรง โดยเป็น 1.โรงไฟฟ้าก๊าซ 1 โรง กำลังผลิต 747 เมกะวัตต์ (MW) และได้รับอนุมัติ EIA แล้ว โดย GLOW ถือหุ้น 100%
และ 2.ยื่นประมูลร่วมกับ HEMARAJ โดยบริษัทถือหุ้น 65% ในโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 โรง กำลังผลิต 660 MW ซึ่งมีผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการสูงกว่าโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ แม้บริษัทมีค่าใช้จ่ายลงทุนในการก่อสร้างและลดมลพิษในนิคมฯมาบตาพุด ประมาณ 1.3 ล้านเหรียญต่อเมกกะวัตต์ และ 600 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ แต่เนื่องจากต้นทุนถ่านหินต่ำกว่าราคาก๊าซในระยะยาว เพราะก๊าซส่วนเพิ่มที่ใช้มาจากก๊าซนำเข้า LNG ที่มีราคาแพง จึงทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหินมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในเรื่องอัตราค่าไฟฟ้าที่เสนอต่ำกว่าโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ
รวมทั้งยังเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินเพียงแห่งเดียวที่ยื่นประมูลในปี 55 ขณะที่คู่แข่งที่เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อื่นเช่น LOXLEY และ ITD ได้ยื่นประมูลส่งไฟฟ้าเข้าระบบในปี 56-57 รวมทั้ง GLOW มีการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ในการลดมลพิษและการจัดตั้ง Energy Fund ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินสมทบจำนวน 100 ล้านบาทต่อปี เพื่อพัฒนาและลดผลกระทบเชิงลบต่อชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นิคมฯ มาบตาพุด GLOW จึงคาดว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่น่าจะได้รับอนุมัติ EIA ในไตรมาส 1/51
ส่วนการประมูลรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP คาดว่าจะประกาศผลประมูล SPP ในพื้นที่ จ.ระยอง ในช่วงปลายปีนี้ หลังจากการประกาศผู้ชนะประมูล IPP ช่วงต้นเดือน ธ.ค.50แล้ว เนื่องจากรัฐบาลต้องการประเมินระบบสายส่งที่จำเป็นต้องขยายให้เพียงพอกับปริมาณไฟฟ้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ จ.ระยอง ดังนั้นคาดว่า GLOW จะชนะประมูล SPP ขั้นต่ำ 74 เมกกะวัตต์ กำหนดเริ่มผลิตปี 54 จากการยื่นเสนอประมูลทั้งสิ้น 2 โรง จำนวน 164 เมกกะวัตต์ (74+90 เมกกะวัตต์) จากที่เปิดประมูล 500 เมกกะวัตต์ แต่มีผู้ยื่นเสนอประมูลทั้งหมด 1,600 เมกกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม GLOW มีโอกาสชนะประมูลทั้ง 164 เมกกะวัตต์ เนื่องจากรัฐบาลอาจรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP เพิ่มเติมอีก 1,700 เมกกะวัตต์
ทั้งนี้คาด GLOW จะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ประมาณ 250-350 เมกกะวัตต์ กับลูกค้าเดิมและรายใหม่ในไตรมาส 1/51 กำหนดเริ่มผลิต (COD) ประมาณไตรมาส 3/54 จากการขยายฐานลูกค้าในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายน้ำและลูกค้าเดิมในกลุ่ม PTT คือ PTTCH และ ATC ซึ่งคาดว่าจะมีการต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (กำลังผลิต 100 เมกกะวัตต์) กับ GLOW จากเดิมที่คาดว่าจะไม่ต่ออายุสัญญาที่จะทยอยสิ้นสุดลงในปี 53-54
http://www.settrade.com/S17_ContentDisp ... egoryId=16