Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ยังไงอย่ามัวแต่มองด้านบวกอย่างเดียวนะครับ ด้านลบก็มีอยู่มาก มีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมาย
เซียน 100 ลบ 1000 ลบ เค้ามาคุยโม้ออกสื่อแทบทุกวัน แต่คนเสียหมดตูดไม่ได้มาพูดเลยก็มีมากนะครับ

---------------------------------------------------------

หนุ่มเครียด! เล่นหุ้นหมดตัว ดิ่งตึกคอนโดชั้น 7 ดับ
31 ก.ค. 57
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

หนุ่มขายที่ดินมรดกลงทุนเล่นหุ้น ผ่านไป 3 ปีหมดตัว เครียด-ซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตายหลายรอบ ก่อนพบเป็นศพดิ่งคอนโดดับ

เมื่อคืนวานนี้ (30 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.แสมดำ ได้รับแจ้งเหตุคนตกตึกที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ภายในซอยสะแกงาม 34 ถนนพระราม 2 จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้น บริเวณป่าหญ้าด้านหลังของอาคาร พบศพชายนอนเสียชีวิตอยู่ สภาพกระดูกแขนขาหักผิดรูป ทราบชื่อคือ นายสรรพคุณ สัตยาภรณ์พิสุทธิ์ อายุ 31 ปี เป็นผู้พักอาศัยอยู่ที่คอนโดฯ ดังกล่าว

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตพักอยู่อาศัยกับน้าที่ห้องพักชั้น 2 ของอาคารดังกล่าว ส่วนพ่อแม่ได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ทิ้งมรดกเป็นที่ดินย่านหนองแขนเอาไว้ให้ ก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะตัดสินใจขายที่ดินผืนดังกล่าวไปประมาณ 10 ล้านบาท นำเงินมาแบ่งคนละครึ่งกับพี่ชาย ก่อนจะนำเงินก้อนไปลงทุนเล่นหุ้นทั้งหมด

น้าสาวที่ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่ด้วย เปิดเผยว่า หลานชายเริ่มมีการเครียดและซึมเศร้า เมื่อ 3 ปีก่อน ต้องพาไปรักษาและบำบัดที่โรงพยาบาล ที่ผ่านมาก็เคยพยายามฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง เนื่องจากนำเงินไปเล่นหุ้นจนหมดตัว ไม่มีงานทำ จึงเลือกไปช่วยงานและเป็นลูกศิษย์ที่วัดสะแกงาม

อย่างไรก็ตาม ทางญาติผู้เสียชีวิตไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายครั้งนี้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะเกิดความเครียดสะสมและคิดสั้นฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีประวัติรักษาโรคซึมเศร้าและเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง ส่วนบริเวณชั้น 7 ของอาคารพบรองเท้าแตะสีดำถอดทิ้งไว้ 1 คู่ ประกอบกับมีพยานเห็นผู้เสียชีวิตยืนอยู่บริเวณชั้น 7 ของอาคาร ก่อนจะมาพบเป็นศพที่ป่าหญ้าดังกล่าว

3 ปีที่ผ่านมาเนี่ยยังขาดทุนเยอะอีกเหรอเนี่ย
2011 ผลตอบแทน SET 0%
2012 ผลตอบแทน SET 35%
2013 ผลตอบแทน SET -7%
2014 YTD 17%

ซื้อปล่อยไว้ เลือกตัวดีๆ ยังไงก็กำไรนะเนี่ย

canuseeme เขียน:เหมือนมี ลางบอกเหตุ อยู่ดีๆ กระทู้นี้ ที่ผมเล็งไว้ก็เด้งขึ้นมา(เพราะมีการเคลื่อนไหว)

แม้ผมจะนำเสนอ หลักในแบบเปรียบเทียบ แต่ หลักที่เป็นค่าสัมบรูณ์ ก็น่าตื่นเต้นมิใช่น้อย
10 ล้านแรก ผมไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ งงๆ และ ดีใจ มากมาย

ถือว่าเป็น หลักที่ 2.5 ของผมละกัน

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=55248 หลัก1
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57170 หลัก1.5
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57540 หลัก2

โอ้โฮ % unrealized สวยงามมาก 400 กว่า%

หลังจากได้ หลักที่ 8 ผม ก็ต้องกลับไปตรวจสอบแนวทางอีกครั้ง
โทรไปหา มากร์ (ปี คุย 2-3 หน) ว่า ผมเปิดพอร์ทเมื่อไร คำตอบ คือ กค 49
นี่ก็จะ 10 ปี ละ ได้ 8 หลัก จำได้ว่าพี่โจลูกอิสาน 10ปี 9หลัก( ปลอบใจตัวเองไปว่า ผมเริ่มแค่ 40 000 นะ อิอิ)

หา หมุดอื่นก็ จำได้ว่า ท่าน ดร.นิเวศน์ เริ่มด้วยเงิน 10ล้าน ตอนอายุ 40 ซึ่งอันนี้ รอดไปเพราะยังไม่ 40
ยังงี้ ต้องลุ้นละ ก่อน 60 พันล้าน

Seattle เขียน:ยังไงอย่ามัวแต่มองด้านบวกอย่างเดียวนะครับ ด้านลบก็มีอยู่มาก มีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมาย
เซียน 100 ลบ 1000 ลบ เค้ามาคุยโม้ออกสื่อแทบทุกวัน แต่คนเสียหมดตูดไม่ได้มาพูดเลยก็มีมากนะครับ

---------------------------------------------------------

หนุ่มเครียด! เล่นหุ้นหมดตัว ดิ่งตึกคอนโดชั้น 7 ดับ
31 ก.ค. 57
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

หนุ่มขายที่ดินมรดกลงทุนเล่นหุ้น ผ่านไป 3 ปีหมดตัว เครียด-ซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตายหลายรอบ ก่อนพบเป็นศพดิ่งคอนโดดับ
.....

ขอบคุณครับ
แต่อยากจะบอกว่า หากลงทุนในแนววีไอนานพอ พอร์ทคุณจะไม่ติดลบเลย

ผมใช้แนวทางวีไอตั้งแต่เริ่ม และมาเน้น G ช่วง ที่เริ่มสมัครสมาชิกที่นี่

แม้ ตลาดจะลงขนาดไหน สรุปรวม พอร์ทไม่เคยติดลบ ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีบ้าง ที่บางตัว ติดลบ แต่ สรุปรวมก็ไม่เคย

เหมือนที่ย๊ำาตั้งแต่หลักแรก วีไอ ยังงัยก็รอดครับ

ขอแชร์บ้างนะครับ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ในชีวิต
เริ่มศึกษาจริงจังเข้าตลาดหุ้นตอนต้นปี 53 ครับ ด้วยเงินทุนประมาณห้าแสนกว่าบาท เข้าแต่หุ้นปันผล
เป็นหลัก พอกลางปี 54 พอร์ตโตประมาณสามเท่ากว่าเป็นประมาณล้านแปด คิดว่าโชคดีมากกว่า
เพราะตลาดหุ้นขึ้นมามาก ระหว่างนั้นก็พยายามศึกษาว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นตัวนึงราคาขึ้นมาก
พอเลยกลางปี 54 มีเรื่องที่ต้องใช้เงินเลยขายหุ้นออกจนพอร์ตเหลือแค่ประมาณสองแสนแปดหมื่น
เลยคิดว่าต้องเปลี่ยนสไตล์การลงทุนใหม่ช่วงน้ำท่วมใหญ่พอดี จนขนาดพอร์ตเข้าประมาณแปดหลักต้นๆ ตอนนี้พอใจแล้วครับด้วยวิถีชีวิตที่ใช้เงินไม่มาก คิดว่าต่อไปนี้คงไปเรื่อยๆมากกว่าเพราะแรงกระตุ้นมอดไปเรื่อยๆครับทั้งหมดแทบจะไม่เติมเงินเพิ่มไปในพอร์ตเลยเพราะช่วงเข้าตลาดหุ้นจริงจังเป็นช่วงเปลี่ยนงานพอดีเงินเดือนได้น้อยมากแต่แลกกับเวลาว่างดูหุ้นได้เกือบทั้งวันไม่เครียดสมอง
ปลอดโปร่งสบายๆน่ะครับ

ก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่านที่เพิ่งเริ่มต้นให้พบแนวทางเฉพาะของตนเองโดยเร็วนะครับ

ขอบคุณครับ

jantorsang เขียน:ขอแชร์บ้างนะครับ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ในชีวิต
เริ่มศึกษาจริงจังเข้าตลาดหุ้นตอนต้นปี 53 ครับ ด้วยเงินทุนประมาณห้าแสนกว่าบาท เข้าแต่หุ้นปันผล
เป็นหลัก พอกลางปี 54 พอร์ตโตประมาณสามเท่ากว่าเป็นประมาณล้านแปด คิดว่าโชคดีมากกว่า
เพราะตลาดหุ้นขึ้นมามาก ระหว่างนั้นก็พยายามศึกษาว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นตัวนึงราคาขึ้นมาก
พอเลยกลางปี 54 มีเรื่องที่ต้องใช้เงินเลยขายหุ้นออกจนพอร์ตเหลือแค่ประมาณสองแสนแปดหมื่น
เลยคิดว่าต้องเปลี่ยนสไตล์การลงทุนใหม่ช่วงน้ำท่วมใหญ่พอดี จนขนาดพอร์ตเข้าประมาณแปดหลักต้นๆ ตอนนี้พอใจแล้วครับด้วยวิถีชีวิตที่ใช้เงินไม่มาก คิดว่าต่อไปนี้คงไปเรื่อยๆมากกว่าเพราะแรงกระตุ้นมอดไปเรื่อยๆครับทั้งหมดแทบจะไม่เติมเงินเพิ่มไปในพอร์ตเลยเพราะช่วงเข้าตลาดหุ้นจริงจังเป็นช่วงเปลี่ยนงานพอดีเงินเดือนได้น้อยมากแต่แลกกับเวลาว่างดูหุ้นได้เกือบทั้งวันไม่เครียดสมอง
ปลอดโปร่งสบายๆน่ะครับ

ก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่านที่เพิ่งเริ่มต้นให้พบแนวทางเฉพาะของตนเองโดยเร็วนะครับ

ขอบคุณครับ

โอ้ว 2.8 แสนจากกลางปี 54 เป็น แปดหลักปัจจุบัน 30เท่าใน 3 ปี. สุดยอดมากครับ

อะไรที่มันเกินจริงไปผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อครับ มันดวงซะมากกว่า ถ้าตลาด 10 ปีที่ผ่านมา
มันไม่ได้เป็นแบบนี้ผลตอบแทนของ vi หลายๆ คนคงไม่ใช่อย่างนี้

ระยะทางยังยาวไกล ลงทุนอย่างระมัดระวัง
มีสติตั้งมั่นอยู่บนหลักการ และปฏิบัติตามให้ได้ ประสบการณ์ยังน้อยค่อยสะสมไป
ความสำเร็จของคนอื่น ไม่ได้การันตีความสำเร็จของเรา เพราะท่านเหล่านั้นอาจมีอะไรดีกว่ามากกว่าที่เรารู้

ดังนั้นศึกษาต่อไปครับ จะรู้ว่า "ยิ่งศึกษามาก ยิ่งรู้ว่าตัวเองรู้น้อย"

ยินดีกับผู้สำเร็จด้วยนะครับ
กว่าจะได้มา แต่ละท่านไม่ธรรมดาเลย

ขอบคุณคุณ pavilion ครับที่เตือนเพื่อนๆได้ถูกต้องแล้วครับว่าอย่าเชื่อเพียงแต่ได้อ่านหรือได้เห็น
ขอบคุณคุณ dome@perth ครับ มันเป็นเช่นนั้นจริงครับ

ผมขอรับพลังที่มอบมาจากคุณ pavilion แทนเพื่อนๆหลายคนแล้วขอแปรเป็นเรื่องราวถ่ายทอดบ้างนะ
ครับ ถือเป็นเกร็ดไอเดียนิดหน่อยละกันนะครับ ข้อความอาจกระโดดไปกระโดดมาถือว่าฟังเพื่อนเล่าสบายๆละกันนะครับ (ชีวิตจริงผม
เป็นคนเก็บตัว ไม่เข้าสังคมเลยไม่มีเพื่อนนะครับ ไม่เคยฟังสัมมนาหุ้นที่ไหนเลยที่มีคนเยอะๆ)

ส่วนตัวผมไม่ใส่ใจไม่ให้น้ำหนักเกี่ยวกับเรื่องดวงเลย ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้นแทนเหตุปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นที่มนุษย์ไม่เข้าใจ
ถ้าเราเชื่อในมุมมองนี้หมายถึงเราจะเป็น"ผู้ถูกกระทำ" เราถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าเราเป็น
"ผู้กระทำ" ถึงแม้เราจะกำหนดไม่ได้ตามหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแต่เรากระทำได้ตามแนวทางแห่ง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปลี่ยนมุมคิดชีวิตก็เปลี่ยน และนั่นเป็นเหมือนเครื่องปรุงแนวทางการลงทุนของผมไปด้วย

เดี๋ยวอาจมาต่อนะครับ ขอแวะทำงานหน่อยนึงครับ

แนวทางการลงทุนส่วนตัวผมผมคิดว่าเราจะประสบความสำเร็จแค่ไหนขึ้นกับ
การที่เราทำตัวเป็นผู้สังเกตความเปลี่ยนแปลงในองค์ความรู้ 4 ประการนี้ได้แก่
ความรู้ ประสบการณ์การลงทุน เทรนด์ตลาด และตัวตนของเรา

ขออธิบายเพิ่มเติมคำว่า เทรนด์ตลาด นะครับ เดี๋ยวเพื่อนๆจะเข้าใจผิดว่าผมให้หาวิธีคาดเดาตลาดว่าจะขึ้นลงกี่จุด
สำหรับผมแล้วนั่นเสียเวลาและได้รับประโยชน์น้อย คำนี้ผมหมายถึงตลาดเป็นหุ้นตัวนึงให้รับรู้ถึง “มูลค่าตลาด”
ดุจเดียวกับนักลงทุนแนววีไอใช้ระลึกถึงมูลค่าหุ้นครับ
คำว่า “มูลค่า” จากการที่ผมได้ “สัมผัส” กับหนังสือของท่านอาจารย์ ผมสรุปรับรู้เฉพาะตนว่า เป็นประโยคเดียวสั้นๆ
แฝงนัยยะจุดแข็งจุดอ่อนของกิจการนั้นๆพร้อมกันทีเดียว
ผมขอยุติแต่เพียงนี้นะครับ เพราะผมตระหนักได้ว่าอาจเป็นการรบกวนแนวทางของเว็บ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทาง
เฉพาะตนของเพื่อนนักลงทุนด้วยกัน
วลีที่ผมระลึกถึงบ่อยๆคือ
“กระบี่อยู่ที่ใจ วิกฤติเป็นคมด้านนึงของกระบี่ หากระบี่ของเราให้พบแล้วจะเจอโอกาสไปพร้อมกัน ในด้านตรงข้ามก็เป็นเช่นเดียวกัน
ซึ่งที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นโอกาสหรือวิกฤติล้วนเป็นสิ่งที่ใจเราระบุค่ามันเอง ถ้าเราวางกระบี่มันจะไม่มีทั้งโอกาสและวิกฤติ”
“เมื่อมีใครคนนึงกำหนดเกมอยู่แล้วเกมดำเนินไปเช่นนั้น ถ้าอยากให้เกมเปลี่ยนไปซักเล็กน้อย ก็เพียงแต่โยนกรวดเล็กๆ
ลงไปในบ่อน้ำ”
“หุ้นไม่มีหัวใจ มันจึงรักใครไม่เป็น” ของท่าน โกศล ไกรฤกษ์
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นแนวทางใดในการลงทุนก็ตาม ต้องมุ่งสู่ผลของคำว่า “จำกัดความเสี่ยง” ตรงกับวลีของท่าน ทพ. ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม
ปรมาจารย์คนนึงวงการหุ้น ที่ว่า “ไม่รู้คือเสี่ยง รู้คือไม่เสี่ยง”
แล้วถ้า “จำกัดความเสี่ยง” คือเหตุ ผลคือ “อย่ายอมขาดทุน” วลีอมตะของท่านปรมาจารย์วอเรน บัฟเฟต์

ขอบคุณครับ

jantorsang เขียน:ขออธิบายเพิ่มเติมคำว่า เทรนด์ตลาด นะครับ เดี๋ยวเพื่อนๆจะเข้าใจผิดว่าผมให้หาวิธีคาดเดาตลาดว่าจะขึ้นลงกี่จุด
สำหรับผมแล้วนั่นเสียเวลาและได้รับประโยชน์น้อย คำนี้ผมหมายถึงตลาดเป็นหุ้นตัวนึงให้รับรู้ถึง “มูลค่าตลาด”
ดุจเดียวกับนักลงทุนแนววีไอใช้ระลึกถึงมูลค่าหุ้นครับ
คำว่า “มูลค่า” จากการที่ผมได้ “สัมผัส” กับหนังสือของท่านอาจารย์ ผมสรุปรับรู้เฉพาะตนว่า เป็นประโยคเดียวสั้นๆ
แฝงนัยยะจุดแข็งจุดอ่อนของกิจการนั้นๆพร้อมกันทีเดียว
ผมขอยุติแต่เพียงนี้นะครับ เพราะผมตระหนักได้ว่าอาจเป็นการรบกวนแนวทางของเว็บ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทาง
เฉพาะตนของเพื่อนนักลงทุนด้วยกัน
วลีที่ผมระลึกถึงบ่อยๆคือ
“กระบี่อยู่ที่ใจ วิกฤติเป็นคมด้านนึงของกระบี่ หากระบี่ของเราให้พบแล้วจะเจอโอกาสไปพร้อมกัน ในด้านตรงข้ามก็เป็นเช่นเดียวกัน
ซึ่งที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นโอกาสหรือวิกฤติล้วนเป็นสิ่งที่ใจเราระบุค่ามันเอง ถ้าเราวางกระบี่มันจะไม่มีทั้งโอกาสและวิกฤติ”
“เมื่อมีใครคนนึงกำหนดเกมอยู่แล้วเกมดำเนินไปเช่นนั้น ถ้าอยากให้เกมเปลี่ยนไปซักเล็กน้อย ก็เพียงแต่โยนกรวดเล็กๆ
ลงไปในบ่อน้ำ”
“หุ้นไม่มีหัวใจ มันจึงรักใครไม่เป็น” ของท่าน โกศล ไกรฤกษ์
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นแนวทางใดในการลงทุนก็ตาม ต้องมุ่งสู่ผลของคำว่า “จำกัดความเสี่ยง” ตรงกับวลีของท่าน ทพ. ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม
ปรมาจารย์คนนึงวงการหุ้น ที่ว่า “ไม่รู้คือเสี่ยง รู้คือไม่เสี่ยง”
แล้วถ้า “จำกัดความเสี่ยง” คือเหตุ ผลคือ “อย่ายอมขาดทุน” วลีอมตะของท่านปรมาจารย์วอเรน บัฟเฟต์

ขอบคุณครับ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

ขอบพระคุณคุณ Nevercry.boy เช่นกันนะครับสำหรับความเอื้อเฟื้อข้อมูลและการวิเคราะห์
ที่มีให้กับผมและเพื่อนนักลงทุนตลอดมา

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

ผมขอปักหมุดไว้ด้วยคนครับ 10 ปี ข้างหน้าอาจจะมี 1 ล้านครับ ผมลงทุนมา 5-6 ปี ครั้งแรกที่ลงทุนมีทุนประมาณ 150000 บาทแล้วพอร์ตก็โตไปถึง 700000 บาท แต่ด้วยความโลภอยากรวยเร็วไม่อยากทำงานก็เลยไปแล่นพวก dw ทำให้ขาดหนักจนเป็นหนี้สินหลายแสนบาทจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันมีเงินลงทุนอยู่แค่ 8900 บาท จะทำให้เป็น 1 ล้าน ให้ใด้ครับ 10 ปี ข้างหน้าเจอกันครับ

green1984 เขียน:ผมขอปักหมุดไว้ด้วยคนครับ 10 ปี ข้างหน้าอาจจะมี 1 ล้านครับ ผมลงทุนมา 5-6 ปี ครั้งแรกที่ลงทุนมีทุนประมาณ 150000 บาทแล้วพอร์ตก็โตไปถึง 700000 บาท แต่ด้วยความโลภอยากรวยเร็วไม่อยากทำงานก็เลยไปแล่นพวก dw ทำให้ขาดหนักจนเป็นหนี้สินหลายแสนบาทจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันมีเงินลงทุนอยู่แค่ 8900 บาท จะทำให้เป็น 1 ล้าน ให้ใด้ครับ 10 ปี ข้างหน้าเจอกันครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ ขออนุญาตแนะนำนิดนึงนะครับ กฏข้อหลักๆของ VI คือต้องลงทุนธุรกิจ และต้องไม่ขาดทุน นั่นหมายถึงว่าให้ดูความเสี่ยงที่จะขาดทุนก่อนที่จะหวังกำไร ถ้าทำจนเป็นนิสัยได้ อีกสิบปีก็รวยแน่ครับ โดยเฉพาะปีหลังๆจะรวยเร็วมากจากผลตอบแทนทบต้นโดยไม่ต้องไปเสี่ยงอะไรเลย ขยันเข้าไว้และเลือทางเดินให้ถูกรับรองว่าประสบความสำเร็จครับ

ดูท่า vi อีก 10 ปีข้างหน้าจะรวยยากกว่า vi 10 ปีที่แล้วครับ

เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ผมเพิ่มความเสี่ยงโดยไปเล่น DW ปรากฏว่าทั้งเครียดและขาดทุน
ปีถัดมาผมก็ตั้งกฎให้ตัวเองเลยว่าจะไม่เล่น DW อีก Port ก็กลับมาเติบโตดี

ปีที่แล้วลองไปเทรด Future ปรากฎว่าก็ไม่ค่อย Work เพิ่มแต่ความเครียด
ปีนี้ก็เลยหยุดเทรด Future ชีวิตก็กลับมา Happy แถมผลตอบแทนก็ OK

การที่เราทำในสิ่งที่เราถนัด น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

10ล้านแรกเหรอ. มีมาตั้ง 20กว่าปีแล้ว แม่ให้มาครับ

jonny11 เขียน:10ล้านแรกเหรอ. มีมาตั้ง 20กว่าปีแล้ว แม่ให้มาครับ

แล้วตอนนี้มีล้านแรกหรือยังครับ

ล้านแรกมีตั้งนานละครับ ตอนนี้คนรุ่นผมเค้าหลักพันกันหลายคนแล้ว ไม่ได้เก่งอะไรหรอกนะแต่มันสะสม ล้มลุกคลุกคลานมาตั้ง 20กว่าปี คิดเล่นๆถ้าใครถือ pttep ไว้ตั้งแต่สมัยพาร์10 ลงทุน 10ล้าน ถือเฉยๆตอนนี้ก็มีพันล้านแล้วครับ.

ยินดีกับคุณ canuseeme เก่งมากๆ ครับ อายุยังน้อยมีเวลาสร้างผลตอบแทนทบต้นอีกนาน มุดต่อไปคง US $ 1 million ถ้าผมถึง 8 หลัก จะกลับมารายงาน ครับ

JumboA เขียน:ยินดีกับคุณ canuseeme เก่งมากๆ ครับ อายุยังน้อยมีเวลาสร้างผลตอบแทนทบต้นอีกนาน มุดต่อไปคง US $ 1 million ถ้าผมถึง 8 หลัก จะกลับมารายงาน ครับ

555 ผมก็แอบ ปักหมุด ณ ตำแหน่งนั้นเหมือนกันครับ

แต่ แนวทางวีไอไทยส่วนใหญ่ เขาจะมีหมุดพิเศษกันที่ 20ล้านครับ เพิ่อให้เกิดปันผลต่อเดือนประมาณ 100,000 ซึ่งถือว่า
เป็นตัวเลขกลมๆที่ น่าจะเป็นอิสระทางการเงิน

น่าเสียดายที่คนที่มีภาระเยอะ ครอบครัวลูกสองอย่างผม แสนต่อเดือนดูเหมือนจะไม่พอ

kraikria เขียน:น่าเสียดายที่คนที่มีภาระเยอะ ครอบครัวลูกสองอย่างผม แสนต่อเดือนดูเหมือนจะไม่พอ

ยินดีด้วยครับ ภาระที่รักของเราตามมาด้วยความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

พอร์ตอันยิ่งใหญ่ จริง ๆ แล้ว ถามจากใจจริง ผมกะจะใช้เองหรือเปล่าตอบเลยว่าเปล่า
กะจะให้คนอื่นใช้ ให้มันมีความรู้ที่จะเอาพอร์ตของเราไปปลูก
คนที่เรารัก รวมไปถึงสังคมนั่นแหละ ตายตาหลับแล้ว

jantorsang เขียน:ขออธิบายเพิ่มเติมคำว่า เทรนด์ตลาด นะครับ เดี๋ยวเพื่อนๆจะเข้าใจผิดว่าผมให้หาวิธีคาดเดาตลาดว่าจะขึ้นลงกี่จุด
สำหรับผมแล้วนั่นเสียเวลาและได้รับประโยชน์น้อย คำนี้ผมหมายถึงตลาดเป็นหุ้นตัวนึงให้รับรู้ถึง “มูลค่าตลาด”
ดุจเดียวกับนักลงทุนแนววีไอใช้ระลึกถึงมูลค่าหุ้นครับ
คำว่า “มูลค่า” จากการที่ผมได้ “สัมผัส” กับหนังสือของท่านอาจารย์ ผมสรุปรับรู้เฉพาะตนว่า เป็นประโยคเดียวสั้นๆ
แฝงนัยยะจุดแข็งจุดอ่อนของกิจการนั้นๆพร้อมกันทีเดียว
ผมขอยุติแต่เพียงนี้นะครับ เพราะผมตระหนักได้ว่าอาจเป็นการรบกวนแนวทางของเว็บ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทาง
เฉพาะตนของเพื่อนนักลงทุนด้วยกัน
วลีที่ผมระลึกถึงบ่อยๆคือ
“กระบี่อยู่ที่ใจ วิกฤติเป็นคมด้านนึงของกระบี่ หากระบี่ของเราให้พบแล้วจะเจอโอกาสไปพร้อมกัน ในด้านตรงข้ามก็เป็นเช่นเดียวกัน
ซึ่งที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นโอกาสหรือวิกฤติล้วนเป็นสิ่งที่ใจเราระบุค่ามันเอง ถ้าเราวางกระบี่มันจะไม่มีทั้งโอกาสและวิกฤติ”
“เมื่อมีใครคนนึงกำหนดเกมอยู่แล้วเกมดำเนินไปเช่นนั้น ถ้าอยากให้เกมเปลี่ยนไปซักเล็กน้อย ก็เพียงแต่โยนกรวดเล็กๆ
ลงไปในบ่อน้ำ”
“หุ้นไม่มีหัวใจ มันจึงรักใครไม่เป็น” ของท่าน โกศล ไกรฤกษ์
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นแนวทางใดในการลงทุนก็ตาม ต้องมุ่งสู่ผลของคำว่า “จำกัดความเสี่ยง” ตรงกับวลีของท่าน ทพ. ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม
ปรมาจารย์คนนึงวงการหุ้น ที่ว่า “ไม่รู้คือเสี่ยง รู้คือไม่เสี่ยง”
แล้วถ้า “จำกัดความเสี่ยง” คือเหตุ ผลคือ “อย่ายอมขาดทุน” วลีอมตะของท่านปรมาจารย์วอเรน บัฟเฟต์

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ

Nevercry.boy เขียน:

kraikria เขียน:น่าเสียดายที่คนที่มีภาระเยอะ ครอบครัวลูกสองอย่างผม แสนต่อเดือนดูเหมือนจะไม่พอ

ยินดีด้วยครับ ภาระที่รักของเราตามมาด้วยความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

พอร์ตอันยิ่งใหญ่ จริง ๆ แล้ว ถามจากใจจริง ผมกะจะใช้เองหรือเปล่าตอบเลยว่าเปล่า
กะจะให้คนอื่นใช้ ให้มันมีความรู้ที่จะเอาพอร์ตของเราไปปลูก
คนที่เรารัก รวมไปถึงสังคมนั่นแหละ ตายตาหลับแล้ว

เห็นด้วย 100% และขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจครับ ผมผ่านจุดที่ไม่พอมาแล้ว ส่วนภาระที่รักและความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ก็ทำด้วยความเต็มใจ ขอให้ อ.NB มีความสุข พอร์ตโตหลายเด้งนะครับ

ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ทำได้ถึงเป้าหมายนะครับ และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ยังไปไม่ถึงครับ

Port ยังไม่ถึงแปดหลัก แต่วันนี้ขอมาปักหลุด ได้ milestone มูลค่าใสพอร์ตโตขึ้นมาจนเท่ากับหนี้บ้านที่เหลืออยู่ครับ เมื่อห้าปีที่แล้วพอร์ตวิ่งมาจากหลักแสน หนี้บ้านลงมาจากห้าล้านกว่า วันนี้เท่ากันแล้ว เป้าต่อไป หวังว่าพอร์ตจะแซงหนี้บ้านไปเยอะ ๆ จนเอาออกมาโปะบ้านได้หมดและเหลือเงินในพอร์ตครึ่งของสิบหลักครับ

ปล. ยังไม่นับหนี้คอนโดที่ซื้อไว้ให้เช่า แพงกว่าบ้านอีก

xsutt เขียน:Port ยังไม่ถึงแปดหลัก แต่วันนี้ขอมาปักหมุด ได้ milestone มูลค่าในพอร์ตโตขึ้นมาจนเท่ากับหนี้บ้านที่เหลืออยู่ครับ เมื่อห้าปีที่แล้วพอร์ตวิ่งมาจากหลักแสน หนี้บ้านลงมาจากห้าล้านกว่า วันนี้เท่ากันแล้ว เป้าต่อไป หวังว่าพอร์ตจะแซงหนี้บ้านไปเยอะ ๆ จนเอาออกมาโปะบ้านได้หมดและเหลือเงินในพอร์ตครึ่งของแปดหลักครับ

ปล. ยังไม่นับหนี้คอนโดที่ซื้อไว้ให้เช่า แพงกว่าบ้านอีก

พิมพ์ด้วยมือถือ ผิดหลายคำเลย ขอแก้คำผิดหน่อยครับ