หน้า 7 จากทั้งหมด 8

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 11:02 pm
โดย กล้วยไม้ขาว
ขอเดาด้วยคน
อันดับสามได้แก่หมายเลข สามและแปด
อันดับสองหมายเลขสอง
อันดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง

มาจากการจัดอันดับแต่ละส่วนแล้วเอามาหาอันดับจากผลรวมครับ
ไม่ค่อยได้เอาตามหลักวิชาการเท่าไหร่ :oops:

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 11:04 pm
โดย กล้วยไม้ขาว
พิมพ์ผิดครับ
อันดับหนึ่งหมายเลขสี่นะครับ => 4, 2, 3+8

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 11:24 pm
โดย hongvalue
hongvalue เขียน:ผมว่าเรื่อง sat กับ Stanly ถ้าเฉลยคำตอบออกมาคนคงบอกว่าไอ้นี้ถามเหมือนยากแต่ตอบง่ายฉิบเป๋ง
ไม่เห็นมีอะไรยากเลย กร๊ากกกก
มาเฉลยครับ
คำตอบง่ายมากเลยครับ อ่านแล้วอย่าปาขวดใส่ละครับ
ลองดูตารางใน slide นี้
ครับ
หวังว่าคงเข้าใจความนัยกันนะครับ
หุ้นอสังห เดี่ยวมาเฉลยพรุ่งนี้นะครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 11:51 pm
โดย hongvalue
กระทู้นี้โพสไปโพสมาแถบจะเอา slide ใน pwp มาโชว์ยกชุดอยู่แล้ว
555

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 11:57 pm
โดย VI Wannabe
ขอความรู้หน่อยนะครับ คุณฮงและเพื่อนๆทุกท่าน

ผมเริ่มสับสนแล้วว่าเวลาเราพูดถึง PE กันเนี่ยมัน เป็น trailing (EPS 12 เดือนย้อนหลัง) หรือ forward PE (EPS 12 เดือนล่วงหน้า)
ผมเข้าใจว่าที่ lynch บอกว่าหุ้นวัฎจักร PE สูง ให้ซื้อนี่คือ trailing ใช่ไหมครับ
ซึ่งผมคิดว่ามันก็ make sense นะ เพราะ การที่ PE trailing สูงแสดงว่า Market กำลังคาดการณ์บางอย่างว่า E จะโตในอนาคต (forward PE ต่ำ)
ส่วนตอนขายเนี่ยก็ PE trialing ต่ำ คือ earning มันออกมาดีมากๆ แล้วแต่ตลาดไม่ price มันอีกแล้ว (ตลาด expect อยู่ว่า forward PE สูงหรือ E ใน 12 เดือนข้างหน้าไม่สูงแบบนี้อีกแล้ว)
ผมเข้าใจ lynch ถูกไหมครับ?
แล้วทีนี้เนี่ย เวลาคุณฮง กับคุณ nanchan สังเกตว่า ช่วงที่ผ่านมา หุ้นวัฎจักร ออกแนวน่าซื้อที่ PE trailing ต่ำ แล้วน่าไปขายที่ PE trailing สูง ใช่ไหมครับ?

ขออีก 1 คำถาม สำหรับคุณฮง เกี่ยวกับ graph ข้างบนครับ
low ของหุ้น เมื่อเทียบกับ EPS 2008 ที่เราเห็นเป็น PE เนี่ย คือ forward PE ใช่ไหมครับ เพราะ ขณะที่หุ้นทำ low , EPS ของ 2008 ยังไม่ออกใช่หรือปล่าวครับ?

ขอบคุณทุกท่านมากๆครับกระทู้นี้อ่านแล้วได้ความรู้ + กระตุ้นต่อมขยันขึ้มาได้เลยทีเดียวครับ :D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 26, 2011 11:59 pm
โดย hongvalue
เรื่องหุ้น develop ผมดูจากตัวเลขที่เพื่อนๆตอบมาพอจะเห็นภาพแล้วครับ
ว่านักลงทุนถ้าเห็น financial ratio ย้อนหลังจะให้น้ำหนักกับตัวเลขไหนที่คิดว่าตลาดจะให้พีอีสูง

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 27, 2011 12:02 am
โดย hongvalue
พอดีเพื่อนผมคนนึงเขาบอกว่าถ้าเราเล่าๆๆๆอย่างเดียวคนฟังจะไม่ได้ประโยชน์เท่าฟังแล้วคิดตามแล้วค่อยมาแชร์กันต่อ ซึ่งกรณีนี้จะคล้ายๆทำ workshop ครับ

ส่วนคำถามเดี่ยวพรุ่งนี้มาตอบนะครับ
ผมว่าเซียน reiter ก็เคยเล่น stanly ยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 27, 2011 12:52 am
โดย MaiFuen
ขอลองตอบเกมส์ "ทายPE อสังหา" แบบมั่วๆนะครับ

อันดับที่1 คือ บริษัท7
อันดับที่2 คือ บริษัท4

ผมให้ความสำคัญกับ ROE มากที่สุดครับ

ซึ่งลองดูที่ ตารางROE แล้วจะเห็นว่า...
บริษัทที่ 4และ7 มีROE เพิ่มสูงขี้นเรื่อยๆและโดยเฉพาะใน 3ปีหลัง
ROE ของ 2บริษัทนี้จะดูโดดเด่นกว่าเพื่อน

ถ้าดูจากสูตร
ROE = NPM * Asset turnover * (Total Asset/Equity)

จะเห็นว่า ROE ที่ดี จะมีปัจจัยมาจาก Marginที่ดี , Asset turnoverที่สูง , หนี้ที่เยอะๆ

พอมองค่า D/E ratio
จะเห็นว่า เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นแล้ว บริษัท7 มีค่าDE ที่ต่ำมาโดยตลอด

ผมจึงคิดว่า บริษัท7 ROE สูง แถมD/Eต่ำ
แสดงว่า ROE ที่สูงมาจากฝีมือการบริหารจัดการของบริษัทล้วนๆ(ไม่ใช้หนี้มาเป็นตัวช่วยในการเพิ่มROE)
ในการบริหารให้ขายสินค้าได้ Marginที่ดี และ Asset Turnoverที่สูง

ผมจึงเลือก บริษัท7
เพราะ ROEสูง บริษัทบริหารจัดการดี และ DEต่ำ (ซึ่งผมว่าตลาดน่าจะให้ความสำคัญกับค่า DEสำหรับกลุ่มอสังหาเหมือนกันนะ เพราะ คนจะรู้สึกว่าบริษัทอสังหาเสี่ยงสูง)

ส่วนอันดับที่2 เลือกยากครับ
ชอบหลายบริษัท ทั้งบริษัทที่ 1,4,6 เลย

แต่ขอเลือก บริษัท4 แล้วกัน
เพราะ ROE โดดเด่น DEก็กลางๆ GPM ก็ดีอย่างโดดเด่นมากที่สุด
(แสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้ดีมาก)


ปล. อันนี้มั่วแหลกนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขอโทดพี่ๆมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 27, 2011 7:42 am
โดย kabu
รอเฉลยครับ
เหมือนเกมส์เดาอนาคตยังไงไม่รู้ :mrgreen:

ชอบๆ ครับ มีอุตสาหกรรมอื่นมาให้เล่นด้วยมั้ยครับ :D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 27, 2011 10:01 pm
โดย reiter
ได้กลิ่นธูปลอยมา คิดไว้ว่าต้องมีคนเรียก ที่แท้เทพฮงนี่เอง :mrgreen: :mrgreen:


ตอนนั้นผมเริ่มเห็นสัญญาณจากยอดขายรถในประเทศ ว่ามันไม่ได้เลวร้ายมากเท่าที่ทุกคนแพนิคกัน จึงตัดสินใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ ( แต่เอาเข้าจริงผมมองแค่ว่าราคามันแพนิคเกินสถานการณ์ ไม่ได้คิดถึงขนาดที่ว่ามันจะฟื้นตัวมาแข็งแกร่งขนาดนี้ )

พอมองอุตสาหกรรมได้ ผมก็มองหาตัวบริษัทก่อน ตอนนั้นแนวคิดของผมก็คือพยายามหาตัวที่เป็น"ราชา"ในอุตสาหกรรม เนื่องจากถ้าอุตสาหกรรมฟื้น บรรดา"ราชา"ย่อมต้ิองฟื้นก่อน

ตอนนั้นผมมองที่สองราชา คือ SAT กับ STANLY

มุมมอง ณ ตอนนั้น ผมเลือก STANLY เหนือ SAT เนื่องจากโดยสไตล์การลงทุนของผม ผมมองที่ downside ก่อน upside เสมอ

ผมเลือก STANLY เพราะผมเชื่อว่า ถึงแม้ผมจะมองการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์พลาดไป คือยานยนต์ไม่ฟื้นตัวจริง ผมเชื่อว่า STANLY ก็ไม่เดือดร้อน ด้วยเงินสดที่มีอยู่แทบจะท่วมบริษัท กระแสเงินสดที่เป็นบวกอยู่ตลอดเวลา

ผมเชื่อว่าแม้วิกฤติจะทอดยาวไป 3 ปี 5 ปี STANLY ก็คงจะยังยืนหยัดอยู่ได้ และแม้แต่จะคิดฐานกำไรจากช่วงวิกฤติ ผมเชื่อว่า ณ ราคาที่ผมมองตอนนั้น ผมสามารถได้ปันผลในระหว่างรออุตสาหกรรมฟื้นตัว 9 -10% ต่อปีสบายๆ

ซึ่งสำหรับ SAT ผมไม่สามารถมั่นใจแบบ STANLY ได้ ( แถม SAT ยังมีบ่วงหนี้ที่ไม่ยอมให้ปันผลอีก )

ถ้ามามองย้อนกลับไปจากวันนี้ ณ วันที่หน้าไพ่หงายออกมาหมดแล้วว่า ยานยนต์ฟื้นตัวกลับมาเติบโตแบบเต็มตัว ก็คงต้องบอกว่ามุมมองของผมนั้นผิด เพราะ STANLY ขึ้นมาเพียง 4 เด้ง แต่ SAT ขึ้นมา 10 เด้ง

แต่ ถ้าให้ย้อนกลับไปที่ ณ ช่วง subprime ผมก็คงตัดสินใจแบบเดิม เพราะ ณ จุดนั้น ผมก็คงไม่สามารถมั่นใจได้อยู่ดีว่าอุตสาหกรรมจะฟื้นจริง

และถ้ามี subprime เกิดอีกรอบจริงๆ ผมก็เชื่อว่า"ราชา"ที่มีโครงสร้างทางการเงินแบบ STANLY จะมีราคาที่ตกลงไปไม่มากแบบ"ราชา"อย่าง SAT เพราะคงมีนักลงทุนที่มี"จริต"แบบ ผม คอยช้อนซื้อ STANLY อยู่ ( แต่หากมีการฟื้นตัว"ราชา"อย่้าง SAT ก็คงจะฟื้นตัวมากกว่า STANLY เพราะราคา ณ Crisis ถูก discount ไปมากกว่านั่นเอง )

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 27, 2011 10:28 pm
โดย hongvalue
VI Wannabe เขียน: แล้วทีนี้เนี่ย เวลาคุณฮง กับคุณ nanchan สังเกตว่า ช่วงที่ผ่านมา หุ้นวัฎจักร ออกแนวน่าซื้อที่ PE trailing ต่ำ แล้วน่าไปขายที่ PE trailing สูง ใช่ไหมครับ?
คือผมขอใช้คำว่า case by case ดีกว่าครับ
อย่างหน้าก่อนๆจะเห็นว่าของ psl pe ถูกมากในต้นปี 2003
แต่ของ atc ถ้าจะได้เยอะจริงต้องซื้อตอนยังขาดทุนแต่ขาดทุนน้อยลงครับ ถ้าซื้อตอนกำไรโผล่ออกมาแล้วก็ไม่แน่ใจนะครับว่า risk เทียบกับ reward เนี้ยข้างไหนจะเยอะกว่า

คือความเห็นของผมคือเราอย่าไปยึดติดจะดีกว่าครับว่าต้องซื้อตอน pe สูงหรือต่ำ และขายตอน pe สูงหรือต่ำ เนื่องจากผมไปไล่หุ้นสมัยต้มยำกุ้งจนถึงรอบล่าสุดที่เป็น cycle ผมว่ามันไม่มีกฏนะครับ เนื่องจากเหตุผลการฟื้นตัวแต่ละรอบไม่เหมือนกัน วิกฤติแต่ละรอบเศรษฐกิจซึมลึกซึมนานไม่เท่ากัน เหตุผลที่ demand supply กลับมาก็ไม่เหมือนกันครับ

ขอแง้มไว้นิดนึงผมนั่งดูย้อนหลังจนจับทริกบางอย่างในการซื้อหุ้น cycle แล้วมีระยะเวลาในการถือค่อนข้างสั้นและ risk คุ้มค่ากับ reward ครับ อิอิ แต่ขอเล่าในโอกาศถัดไปนะครับเนื่องจากกลัวว่า slide ที่ทำ pwp จะเผลอนำมาเล่าจนหมดในกระทู้นี้ซะก่อนจะถึงงานใหญ่ในวันข้างหน้า
VI Wannabe เขียน: ขออีก 1 คำถาม สำหรับคุณฮง เกี่ยวกับ graph ข้างบนครับ
low ของหุ้น เมื่อเทียบกับ EPS 2008 ที่เราเห็นเป็น PE เนี่ย คือ forward PE ใช่ไหมครับ เพราะ ขณะที่หุ้นทำ low , EPS ของ 2008 ยังไม่ออกใช่หรือปล่าวครับ?

ขอบคุณทุกท่านมากๆครับกระทู้นี้อ่านแล้วได้ความรู้ + กระตุ้นต่อมขยันขึ้มาได้เลยทีเดียวครับ :D
เป็น eps ของปี 2008 โดยเทียบกับราคาต่ำสุดซึ่งเกิดขึ้นเกือบทุกตัวในช่วงเวลาใกล้กันคือ เดือน 3-4/2009 ครับซึ่งตอนนั้นเราจะเห็นงบปี 2008 แล้วครับ ยกเว้น stanly ที่งบไม่เหมือนชาวบ้านครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 27, 2011 10:36 pm
โดย hongvalue
reiter เขียน:ได้กลิ่นธูปลอยมา คิดไว้ว่าต้องมีคนเรียก ที่แท้เทพฮงนี่เอง :mrgreen: :mrgreen:
wow you have a good nose


reiter เขียน:

ถ้ามามองย้อนกลับไปจากวันนี้ ณ วันที่หน้าไพ่หงายออกมาหมดแล้วว่า ยานยนต์ฟื้นตัวกลับมาเติบโตแบบเต็มตัว ก็คงต้องบอกว่ามุมมองของผมนั้นผิด เพราะ STANLY ขึ้นมาเพียง 4 เด้ง แต่ SAT ขึ้นมา 10 เด้ง
สรุปว่า ถ้าเห็นว่าหุ้นถูกมากๆแล้วและคิดว่าจะได้ upside เป็นเท่าตัวหรือหลายเท่าตัวแต่เรายังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะเลือกตัวที่งบการเงินแกร่งกว่าไว้ก่อนใช่ไหมครับ

จริงๆแล้วผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้นะครับ เนื่องจากว่าบริษัทที่มี d/e สูงนั้นไม่สามารถการันตีถึง downside ได้ว่าจะมากแค่ไหนเนื่องจากในภาวะตอนนั้นเรายังไม่เห็นแสงสว่างดังนั้นการเลือกหุ้นที่ model ดีสองตัวที่มีความแข็งแกร่งของงบไม่เท่ากัน ตัวที่งบแกร่งกว่าจะค่อนข้างการันตีได้ว่าคุณจะได้หลายเด้งและคุณจะ downside น้อยด้วย แต่ตัวที่งบไม่แกร่งนั้นคงต้องใช้คำว่าแม้คุณจะมีโอกาศได้ upside หลายเด้งแต่เกิดบริษัทขาดสภาพคล่องมากๆคุณก็คงจะมี downside ที่เยอะ

มองในมุมนี้จุดที่ไม่เห็นการฟื้นตัวหุ้นที่ roe สูงและ d/e ต่ำดูจะมี
risk คุ้มกับ reward

แต่ในมุมที่เราเห็นการฟื้นตัวแล้วหุ้นที่มี roe สูงและ d/e สูงดูเหมือนจะน่าสนใจกว่าเพราะหุ้นมันถูก discount มากกว่าในตอนที่ฟ้ายังไม่สว่าง

อืม เข้าท่าดีแหะ อิอิ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 27, 2011 10:55 pm
โดย reiter
hongvalue เขียน:
reiter เขียน:ได้กลิ่นธูปลอยมา คิดไว้ว่าต้องมีคนเรียก ที่แท้เทพฮงนี่เอง :mrgreen: :mrgreen:
wow you have a good nose


reiter เขียน:

ถ้ามามองย้อนกลับไปจากวันนี้ ณ วันที่หน้าไพ่หงายออกมาหมดแล้วว่า ยานยนต์ฟื้นตัวกลับมาเติบโตแบบเต็มตัว ก็คงต้องบอกว่ามุมมองของผมนั้นผิด เพราะ STANLY ขึ้นมาเพียง 4 เด้ง แต่ SAT ขึ้นมา 10 เด้ง
สรุปว่า ถ้าเห็นว่าหุ้นถูกมากๆแล้วและคิดว่าจะได้ upside เป็นเท่าตัวหรือหลายเท่าตัวแต่เรายังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะเลือกตัวที่งบการเงินแกร่งกว่าไว้ก่อนใช่ไหมครับ

จริงๆแล้วผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้นะครับ เนื่องจากว่าบริษัทที่มี d/e สูงนั้นไม่สามารถการันตีถึง downside ได้ว่าจะมากแค่ไหนเนื่องจากในภาวะตอนนั้นเรายังไม่เห็นแสงสว่างดังนั้นการเลือกหุ้นที่ model ดีสองตัวที่มีความแข็งแกร่งของงบไม่เท่ากัน ตัวที่งบแกร่งกว่าจะค่อนข้างการันตีได้ว่าคุณจะได้หลายเด้งและคุณจะ downside น้อยด้วย แต่ตัวที่งบไม่แกร่งนั้นคงต้องใช้คำว่าแม้คุณจะมีโอกาศได้ upside หลายเด้งแต่เกิดบริษัทขาดสภาพคล่องมากๆคุณก็คงจะมี downside ที่เยอะ

มองในมุมนี้จุดที่ไม่เห็นการฟื้นตัวหุ้นที่ roe สูงและ d/e ต่ำดูจะมี
risk คุ้มกับ reward

แต่ในมุมที่เราเห็นการฟื้นตัวแล้วหุ้นที่มี roe สูงและ d/e สูงดูเหมือนจะน่าสนใจกว่าเพราะหุ้นมันถูก discount มากกว่าในตอนที่ฟ้ายังไม่สว่าง
อืม เข้าท่าดีแหะ อิอิ

ปัญหาก็คือเรามีความสามารถในการมองแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ขนาดไหน

ถ้าตาเราดีมาก ก็เลือกหุ้นที่ D/E สูงๆ ได้

แต่ตาฟ้าฟางแบบผมก็คงต้องขอปลอดภัยไว้ก่อน

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 27, 2011 11:10 pm
โดย hongvalue
reiter เขียน:
ปัญหาก็คือเรามีความสามารถในการมองแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ขนาดไหน

ถ้าตาเราดีมาก ก็เลือกหุ้นที่ D/E สูงๆ ได้

แต่ตาฟ้าฟางแบบผมก็คงต้องขอปลอดภัยไว้ก่อน

ผมว่าสิ่งนึงที่เราสามารถเจาะเพิ่มคือกรณีของ sat ตอนนั้น
d/e ที่แถวๆ 1.5 เท่า บริษัทมีกระแสเงินสดเป็นอย่างไร
โครงสร้างหนี้เป็นอย่างไร ระยะยาวเท่าไหร่ สั้นเท่าไหร่
มีเงินสดในมือแค่ไหน

ถ้าวิเคราะห์ออกมาแล้วสภาพคล่องพอที่จะหายใจได้เป็นปีหรือสองปีขึ้นไปหลังจากที่ usa ประกาศ qe 1 ผมคิดว่าการอัดเงินระดับนั้น
เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นบ้าง ถ้าบริษัทพอจะมีลมหายใจได้1-2ปีโดยที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น หลังจากเห็นนโยบายของ usa หลายอย่าง downside คงไม่มากเกินไปนะ

แต่รายละเอียดเรื่องนี้คงต้องไปเจาะลึกเรื่อง โครงสร้างทางการเงินในตอนนั้นอีกที

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2011 12:02 am
โดย hongvalue
เกมส์ทาย pe หุ้น develop อาจไม่สนุก
ลองเกมส์นี้สิครับ สนุกแน่
ล้อเล่นนะครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2011 12:15 am
โดย กล้วยไม้ขาว
สรุป sat กับ stanly เป็นเพราะ pe ต่ำกว่าใช่มะ :wall:

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2011 1:18 am
โดย MaiFuen
hongvalue เขียน:เกมส์ทาย pe หุ้น develop อาจไม่สนุก
ลองเกมส์นี้สิครับ สนุกแน่
plant.JPG
ล้อเล่นนะครับ
สนุกครับพี่ ผมว่าดีมากเลยนะ ได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย

แต่อยากรู้เฉลยแล้วอะครับ ว่าตลาดให้PEอย่างไร?

และ ในความคิดพี่ฮง คิดว่าตัวไหนควรมีPEสูงสุดอันดับ 1 และ2ครับ?

:D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2011 1:22 am
โดย hongvalue
อันนี้เฉลยนะครับ

บอกก่อนว่าไม่มีใครตอบผิดนะครับ เพราะตัวเลขที่โชว์ให้เห็นมันไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจแต่แรกเพียงแต่ลองร่วมสนุกแชร์ความเห็นกันเฉยๆนะครับ
(เนื่องจากมีหุ้นค่อนข้่างเยอะและทำติดกันหลายปีตัวเลขอาจจะไม่ถูกต้อง 100% แต่ก็รับประกันว่าถูกต้องไม่ต่ำกว่า 90% ครับ)

ออกตัวก่อนว่าไม่ได้เปิดชื่อหุ้นและไม่ได้สื่อว่าหุ้นตัวใดน่าซื้อทั้งนั้นนะครับ นี้เป็นการแชร์ความเห็นร่วมกับเพื่อนๆเฉยๆว่าถ้าเราเห็นแต่ตัวเลขทางการเงินแล้วเราคิดว่าบริษัทไหน pe น่าจะสูงบ้าง pe น่าจะสูงไม่ได้หมายถึงหุ้นควรจะขึ้นต่อ pe ที่น่าจะต่ำก็ไม่ได้หมายถึงหุ้นควรจะลง ดังนั้นดูเฉยๆอย่าไปตีความว่ามาใบ้หุ้นล่ะ :D

บอกอีกนิดว่าผมไม่ได้เก่งหุ้นกลุ่มนี้เลยนะครับความเห็นที่ผมเขียนเป็นเพียงความเห็นของคนที่ติดตามหุ้นกลุ่มนี้บ้างเพียงแต่ไม่ถึงกับชำนาญนะครับ

ตารางนี้ก็ประมาณว่าราคาวันสุดท้ายของปีเทียบกับ eps ของปีนั้นครับ

จริงๆแล้วบริษัทที่ pe สูงที่สุดดันเป็นบริษัทที่สามนะครับ
แต่จริงๆแล้ว ผมต้องบอกว่ามันสูงเพราะบริษัทที่สามมีอะไรบางอย่างที่บริษัทอื่นไม่มีครับ เช่น

ถือหุ้นในบริษัทที่ 5 มีแบงค์เป็นของตัวเองเพิ่งขายโรงพยาบาลแห่งนึงออกไปเมื่อเร็วๆนี้และมีบริษัทในเครือที่ขาย furniture ครับ
ดังนั้นการประเมิน pe ของบริษัทที่สามจริงๆแล้วควรใช้วิธี sum of the part ครับซึ่งในกรณีนี้ถือว่าเราตัดออกไป

หุ้นที่ได้ pe สูงต่อมาคือลำดับที่ 5
ที่นี้บริษัทที่ 5 เนี้ยเวลาคำนวนมูลค่าหุ้นเขาก็ใช้ sum of the part ครับ เพราะว่าเขามี property fund มี service apartment และมี retail bank และมีบริษัทขายเฟอร์นิเจอร์ในมือเช่นเดียวกับบริษัทที่สามครับ



สรุปว่าตารางนี้หุ้นที่ดู pe สูงๆนั้นเพราะกำไรที่ออกมาไม่ได้สะท้อน asset หรือ บริษัทอย่างอื่นที่เขาถือหุ้นอยู่และจริงๆแล้วถ้าสองบริษัทมี pe เท่ากัน แต่บริษัท a มี service apart ment ที่คนเช่าแน่นอน แต่บริษัท b ขายของหมดเลย pe ของบริษัท a ควรจะสูงกว่าเพราะควรจะแยก recurring income ออกมาคำนวน pe ที่สูงแล้วกำไรส่วนที่เหลือก็คูณกับ pe develop ที่ท่านคิดว่าเหมาะสม

ดังนั้นบริษัทที่สามกับห้าเนี้ย pe สูงโดยมีเหตุผลในตัวของมันเองครับ

ที่นี้ถ้าเรามาดูต่อ(ย้อนกลับไปดูหน้า 5)บริษัท1,2,4,7
จะถือว่ามี roe ที่สูงใกล้เคียงกันแต่ว่าสิ่งที่ต่างกันก็คือว่าก่อนปี 52 บริษัทที่ 4 มี asset turnover ที่ต่ำกว่าสามบริษัทที่เหลือ
ทั้งๆ roe ใกล้เคียงกันและทำให้ช่วงก่อนจะถึงปี 52 บริษัทที่ 4 มี pe ต่ำกว่าบริษัทอื่นๆชัดเจนมากจนกระทั่ง asset turnover ของบริษัทที่ 4 เพิ่งมาดีขึ้นในปี 52 และ 53 จึงทำให้ดูเหมือนตลาดเริ่มให้ pe สูงขึ้นบ้างเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ

ตามความเห็นของผม develop เป็นธุรกิจเงินต่อเงินการขายเร็วจะทำให้บริษัทมีกำไรที่สูงขึ้นซึ่งบริษัทที่ 1 กับ 7ถือเป็นบริษัทที่ขายได้เยอะเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ ลองสมมุติว่าแต่ละบริษัท a ขายแล้วได้ gm ที่ 34% โดยเฉลี่ย
ถ้าบริษัทมี asset 10000 ล้านและ asset turnover 0.8 หมายความว่าบริษัทมียอดขาย 8000 ล้านซึ่งเท่ากับบริษัทได้กำไรขั้นต้นไป 34% ของ 8000 ล้านจากฐาน asset 10000

ในขณะที่บริษัทที่แม้จะมีกำไรขั้นต้นสูงเช่น 40% แต่ถ้า asset turnover ในสมัยก่อนทำได้เฉลี่ยแค่ 0.45 เท่าหมายความว่ามี asset 10000 ล้านและมีรายได้ 4500 ล้านและมีกำไรขั้นต้น 40% ของ 4500

ลองเปรียบเทียบแล้วแม้กำไรขั้นต้นของบริษัทแรกจะน้อยกว่า
แต่ลองเทียบดูจริงๆแล้วถ้า pe เท่ากันคงไม่มีใครซื้อบริษัทที่สอง
ผมเลยคิดตามความเห็นของผมว่าแม้ roe จะใกล้เคียงกันแต่ asset turnover ที่ต่างกันทำให้ pe ต่างกันได้พอสมควร

ถามว่าทำไมใช้กำไรขั้นต้นไม่ใช่สุทธิ์คือจริงๆแล้วตัวเลข pe เนี้ยมี noise นะครับเนื่องจากว่าถ้าบริษัทเปิดโครงการใหม่ก็มียอดค่าใช้จ่ายเยอะแต่ยังรับรู้รายได้ไม่ได้ อาจจะทำให้ดูเหมือนกับว่า กำไรสุทธิ์ต่ำเกินจริง อะไรทำนองนี้เลยยกตัวอย่างเป็นกำไรขั้นต้นแทน

ผมไม่เปิดเผยชื่อหุ้นเพราะว่า ไม่อยากให้มีดราม่าเดี่ยวจะมีคนคิดว่าทำไมมาว่าบริษัทเขาไม่ดีเทียบกับอีกบริษัทอะไรทำนองนี้

สุดท้ายนี้จริงๆแล้วเหตุผลที่ผมพูดมาอาจจะเป็นเหตุผลที่ตลาดคิดจริงๆ หรือไม่ใช่ก็ได้เพราะตลาดอาจจะไม่ได้มองแบบที่ผมเล่า

ผมก็แค่แชร์ความเห็นนะครับ

จบแล้วครับพิมพ์ตั้งนานกว่าจะจบ ไปฆ่า zombie ต่อดีกว่า

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2011 1:44 am
โดย hongvalue
MaiFuen เขียน: และ ในความคิดพี่ฮง คิดว่าตัวไหนควรมีPEสูงสุดอันดับ 1 และ2ครับ?

:D
พี่ตอบไปแล้วนะครับว่าตลาดให้ pe เท่าไหร่
และพี่มีมุมมองอย่างไรว่าทำไมตลาดถึงให้พีอีแบบนั้น

ส่วนความเห็นส่วนตัวของพี่ถ้าตัดปัจจัยอื่นๆออกไปแล้วเทียบกันหมัดต่อหมัดบริษัทที่ 1 ควรมีพีอีสูงที่สุดครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2011 2:39 am
โดย MaiFuen
ขอบคุณพี่ฮงมากครับที่ชี้แนะ :D

พี่ฮงครับ ผมมีข้อสงสัยครับว่าที่พี่ฮงบอกว่า...
hongvalue เขียน:ตามความเห็นของผม develop เป็นธุรกิจเงินต่อเงินการขายเร็วจะทำให้บริษัทมีกำไรที่สูงขึ้นซึ่งบริษัทที่ 1 กับ 7ถือเป็นบริษัทที่ขายได้เยอะเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ ลองสมมุติว่าแต่ละบริษัท a ขายแล้วได้ gm ที่ 34% โดยเฉลี่ย
ถ้าบริษัทมี asset 10000 ล้านและ asset turnover 0.8 หมายความว่าบริษัทมียอดขาย 8000 ล้านซึ่งเท่ากับบริษัทได้กำไรขั้นต้นไป 34% ของ 8000 ล้านจากฐาน asset 10000

ในขณะที่บริษัทที่แม้จะมีกำไรขั้นต้นสูงเช่น 40% แต่ถ้า asset turnover ในสมัยก่อนทำได้เฉลี่ยแค่ 0.45 เท่าหมายความว่ามี asset 10000 ล้านและมีรายได้ 4500 ล้านและมีกำไรขั้นต้น 40% ของ 4500

ลองเปรียบเทียบแล้วแม้กำไรขั้นต้นของบริษัทแรกจะน้อยกว่า
แต่ลองเทียบดูจริงๆแล้วถ้า pe เท่ากันคงไม่มีใครซื้อบริษัทที่สอง
ผมเลยคิดตามความเห็นของผมว่าแม้ roe จะใกล้เคียงกันแต่ asset turnover ที่ต่างกันทำให้ pe ต่างกันได้พอสมควร
ผมคิดว่า
ตามที่พี่ฮงยกตัวอย่างมา

ถ้าให้สมมุติฐานว่า ทั้ง2บริษัทมีSG&A , ดอกเบี้ย,ภาษี และ D/E ratioในสัดส่วนที่เท่ากันแล้ว

ที่บริษัทแรก น่าสนใจกว่า ว่าคิดว่าน่าจะมาจากบริษัทมี ROE ที่สูงกว่า ไม่ใช่เพราะว่ามี Asset Turnoverที่มากกว่ารึปล่าวครับ?

ส่วนที่บริษัทที่2 ดูแย่กว่า เพราะมี ROE ที่่ำต่ำกว่า เนื่องจากถึงมี Marginที่ดีมาก แต่Asset Turnoverแย่มาก
จนพอเอา Margin*Asset Turnover แล้วทำให้ ROE ออกมาต่ำกว่า เลยดูไม่น่าสนใจ


ประเด็นของผม ที่อยากจะถามพี่ฮง และ พี่ๆท่านอื่นๆก็คือ...
ในธุรกิจอสังหา ถ้าROEเท่ากัน เราควรให้ความสำคัญกับ GPM หรือ Asset Turnover กว่ากันครับ?

เพราะ สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าน่าจะให้ความสำคัญพอๆกัน เพราะ ผมมองROEเป็นหลัก
GPM เพิ่มขึ้น10% ก็ส่งผลให้ ROE เพิ่ม10%
Asset Turnover เพิ่มขึ้น10% ก็ส่งผลให้ ROE เพิ่ม10% เหมือนกันเลย


ผมจึงคิดว่า GPM หรือ Asset Turnover น่าจะส่งผลกับPE เท่ากันนะครับ
และัคิดว่า ตัวที่น่าจะส่งผลต่อPE คือ ROE เพราะ ROE ที่สูงกว่า
มันกำลังบอกว่า บริษัททำGPMและAsset Turnover เฉลี่ยๆแล้วเจ๋งกว่าเพื่อน

ขอคำชี้แนะจากพี่ๆด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ :D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2011 9:08 pm
โดย hongvalue
พอดีได้คุยกับทีมงานบางท่านเรื่องงานเฮฮาครั้งหน้าสรุปว่าผมไม่ได้เป็นวิทยากรนะครับเข้าใจว่าทางทีมงานจะมีวิทยากรที่มีความสามารถสูงกว่าผมมากมาบรรยายดังนั้นเนื้อหาที่ผมเตรียมเอาไว้เรื่องหุ้นสิบเด้งคงจะไม่ได้พูดแต่เชื่อว่าเพื่อนๆจะได้ฟังทีเด็ดยิ่งกว่านั้นในงานครั้งหน้าครับ

จึงขออภัยมาด้วยว่าเรื่อง project ที่ทำคงไม่ได้ไปเล่าแล้วครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 28, 2011 9:47 pm
โดย sapa2010
hongvalue เขียน:
hongvalue เขียน:ผมว่าเรื่อง sat กับ Stanly ถ้าเฉลยคำตอบออกมาคนคงบอกว่าไอ้นี้ถาม
post8.JPG
แล้ว AH ขึ้นได้กี่เท่าครับ?? AH ต้องขึ้นได้มากเท่ากว่า stanly ใช่ไหมครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 12:03 am
โดย MaiFuen
hongvalue เขียน:พอดีได้คุยกับทีมงานบางท่านเรื่องงานเฮฮาครั้งหน้าสรุปว่าผมไม่ได้เป็นวิทยากรนะครับเข้าใจว่าทางทีมงานจะมีวิทยากรที่มีความสามารถสูงกว่าผมมากมาบรรยายดังนั้นเนื้อหาที่ผมเตรียมเอาไว้เรื่องหุ้นสิบเด้งคงจะไม่ได้พูดแต่เชื่อว่าเพื่อนๆจะได้ฟังทีเด็ดยิ่งกว่านั้นในงานครั้งหน้าครับ

จึงขออภัยมาด้วยว่าเรื่อง project ที่ทำคงไม่ได้ไปเล่าแล้วครับ
น่าเสียดายครับ
พี่ฮงจัดอบรมเลยครับ อยากเรียนมากครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 1:33 am
โดย hongvalue
sapa2010 เขียน:
hongvalue เขียน:
hongvalue เขียน:ผมว่าเรื่อง sat กับ Stanly ถ้าเฉลยคำตอบออกมาคนคงบอกว่าไอ้นี้ถาม
post8.JPG
แล้ว AH ขึ้นได้กี่เท่าครับ?? AH ต้องขึ้นได้มากเท่ากว่า stanly ใช่ไหมครับ
แต่ความสามรถในการทำกำไรของ ah วัดจาก roe แล้วต่ำครับ
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องวิ่งแรงกว่าครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 1:48 am
โดย hongvalue
MaiFuen เขียน:
hongvalue เขียน:พอดีได้คุยกับทีมงานบางท่านเรื่องงานเฮฮาครั้งหน้าสรุปว่าผมไม่ได้เป็นวิทยากรนะครับเข้าใจว่าทางทีมงานจะมีวิทยากรที่มีความสามารถสูงกว่าผมมากมาบรรยายดังนั้นเนื้อหาที่ผมเตรียมเอาไว้เรื่องหุ้นสิบเด้งคงจะไม่ได้พูดแต่เชื่อว่าเพื่อนๆจะได้ฟังทีเด็ดยิ่งกว่านั้นในงานครั้งหน้าครับ

จึงขออภัยมาด้วยว่าเรื่อง project ที่ทำคงไม่ได้ไปเล่าแล้วครับ
น่าเสียดายครับ
พี่ฮงจัดอบรมเลยครับ อยากเรียนมากครับ
ครับ แบบนี้ผมคงจะจัดเองดีกว่า
จริงๆตอนแรกๆเรื่องหุ้นสิบเด้งนี้ทำไว้ดูเล่นเองแต่พอดีหมอเคชวนเป็นวิทยากรก็เลยคิดว่าจะเอา project ที่ผมทำเลือดตาแทบกระเด็นนี้ไปเล่าเผื่อเพื่อนๆจำนวนมากจะได้ประโยชน์แต่ทางทีมงานไม่ได้ให้ผมเป็นวิทยากร

ผมเลยคิดว่าจะจัดกันเองแบบ exclusive แล้วชวนมา discuss กันเองกลุ่มเล็กๆดีกว่าครับสบายใจกว่าเยอะครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 7:53 am
โดย champ_st
hongvalue เขียน:
MaiFuen เขียน:
hongvalue เขียน:พอดีได้คุยกับทีมงานบางท่านเรื่องงานเฮฮาครั้งหน้าสรุปว่าผมไม่ได้เป็นวิทยากรนะครับเข้าใจว่าทางทีมงานจะมีวิทยากรที่มีความสามารถสูงกว่าผมมากมาบรรยายดังนั้นเนื้อหาที่ผมเตรียมเอาไว้เรื่องหุ้นสิบเด้งคงจะไม่ได้พูดแต่เชื่อว่าเพื่อนๆจะได้ฟังทีเด็ดยิ่งกว่านั้นในงานครั้งหน้าครับ

จึงขออภัยมาด้วยว่าเรื่อง project ที่ทำคงไม่ได้ไปเล่าแล้วครับ
น่าเสียดายครับ
พี่ฮงจัดอบรมเลยครับ อยากเรียนมากครับ
ครับ แบบนี้ผมคงจะจัดเองดีกว่า
จริงๆตอนแรกๆเรื่องหุ้นสิบเด้งนี้ทำไว้ดูเล่นเองแต่พอดีหมอเคชวนเป็นวิทยากรก็เลยคิดว่าจะเอา project ที่ผมทำเลือดตาแทบกระเด็นนี้ไปเล่าเผื่อเพื่อนๆจำนวนมากจะได้ประโยชน์แต่ทางทีมงานไม่ได้ให้ผมเป็นวิทยากร

ผมเลยคิดว่าจะจัดกันเองแบบ exclusive แล้วชวนมา discuss กันเองกลุ่มเล็กๆดีกว่าครับสบายใจกว่าเยอะครับ
กระซิบบอกพี่ด้วย

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 2:56 pm
โดย GTA
ขอตามไปฟังด้วยคนครับ :D

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 30, 2011 2:47 am
โดย aee8795
ขอตามไปฟังด้วยครับ

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 30, 2011 9:57 am
โดย zesar
hongvalue เขียน: ครับ แบบนี้ผมคงจะจัดเองดีกว่า
จริงๆตอนแรกๆเรื่องหุ้นสิบเด้งนี้ทำไว้ดูเล่นเองแต่พอดีหมอเคชวนเป็นวิทยากรก็เลยคิดว่าจะเอา project ที่ผมทำเลือดตาแทบกระเด็นนี้ไปเล่าเผื่อเพื่อนๆจำนวนมากจะได้ประโยชน์แต่ทางทีมงานไม่ได้ให้ผมเป็นวิทยากร

ผมเลยคิดว่าจะจัดกันเองแบบ exclusive แล้วชวนมา discuss กันเองกลุ่มเล็กๆดีกว่าครับสบายใจกว่าเยอะครับ
กลุ่มใหญ่ ๆ ก็ดีนะครับ ผมว่ามีคนสนใจจะฟังเยอะนะ :twisted:
(ปล.กลัวไม่ได้ฟังจัด)

Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 30, 2011 11:34 am
โดย ma_i
ขอไปด้วยคนครับ :8)