news01/12/07
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 01, 2007 12:49 pm
พลังงานเริ่มก้าวแรกลอยตัวก๊าซหุงต้มราคาพุ่ง18 บาทต่อกก.
30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 17:21:00
พลังงานประกาศปรับขึ้นราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซหุงต้ม 1.20 บาท/กก. ทำให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มเพิ่มเป็น 18.01 บาท/กก.ก้าวแรกก่อนเดินหน้าลอยตัว ลดภาระชดเชยกองทุนน้ำมันเดือนละ 279 ล้านบาท
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (30 พย.) กระทรวงพลังงาน ได้พิจารณาปรับราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นของก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น 1.20 บาท/กก. ทำให้ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้ในรถยนต์เพิ่มขึ้น 65 สต./ลิตร และราคาจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้ม จะอยู่ที่ 18.01 บาท/กก. หรือราคาก๊าซหุงต้มถัง 15 กก. เพิ่มขึ้น 18 บาท/ถัง เป็น 270 บาท/ถัง (จากเดิมราคาก๊าซหุงต้มอยู่ที่ระดับ 16.81 บาท/กก. หรือ 252 บาท/ถัง 15 กก.) เพื่อลดภาระการชดเชยเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องจ่ายชดเชยราคาก๊าซหุงต้มประมาณ 279 ล้านบาท/เดือน
สาเหตุที่กระทรวงพลังงานมีความจำเป็น ต้องปรับราคาก๊าซหุงต้มในครั้งนี้ เนื่องจากพบว่าในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้นโยบายตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มมาโดยตลอด โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เก็บจากน้ำมันชนิดอื่นมาจ่ายชดเชย จนมีผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มต่ำกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ ทำให้เกิดการใช้ก๊าซหุงต้มแทน
ภาคขนส่ง ผู้ใช้รถยนต์ได้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซหุงต้มแทนน้ำมันเบนซิน และภาคอุตสาหกรรมได้เปลี่ยนมาใช้แทนน้ำมันเตา โดยเฉพาะในภาคขนส่งนั้น พบว่าปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ในปี 2549 ที่ผ่านมา มีการใช้เพิ่มถึงร้อยละ 51.6 และในปี 2550 นี้ มีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7
นอกจากนี้ ราคาก๊าซหุงต้มในประเทศที่จำหน่ายต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้เกิดการลักลอบส่งออก ทำให้สูญเสียเงินจากกองทุนน้ำมันฯ รวมทั้งการใช้ก๊าซหุงต้มมาเป็นเชื้อเพลิงทดแทนในเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ทำให้ขาดรายได้จากการส่งออกและสูญเสียโอกาสจากการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่า
ราคาก๊าซหุงต้มได้ถูกชดเชย 2 ระดับ คือ การชดเชยโดยตรงจากกองทุนน้ำมัน โดยผู้ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อมาชดเชยผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมันที่มีทั่วประเทศ และมีการชดเชยโดยอ้อม จากผู้ผลิตก๊าซหุงต้ม จากการที่รัฐบาลได้กำหนดราคาก๊าซหุงต้มอยู่ในระดับไม่เกิน 320 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ในขณะที่ราคาตลาดโลกอยู่ในระดับประมาณ 740 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ทำให้เกิดส่วนต่างด้านราคา ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิต และผู้ค้าก๊าซหุงต้ม อยากส่งออกมากกว่าจำหน่ายในประเทศ โดยการปรับราคาครั้งนี้ เป็นการลดภาระการชดเชยจากกองทุนน้ำมัน และได้มีการกำหนดสูตรราคา ณ โรงกลั่นให้สามารถเปลี่ยนแปลงตามราคาตลาดโลกได้เล็กน้อย พร้อมกับการยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนจากการส่งออกก๊าซหุงต้ม นายวีระพลกล่าว
ดังนั้น ภาครัฐจึงมีความจำเป็นต้องมีการปรับราคา เพื่อลดภาระการชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ และค่อยๆ ปรับราคาให้สะท้อนราคาตามต้นทุนจริงที่ควรเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือน
http://www.bangkokbiznews.com/2007/11/3 ... sid=207424
30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 17:21:00
พลังงานประกาศปรับขึ้นราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซหุงต้ม 1.20 บาท/กก. ทำให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มเพิ่มเป็น 18.01 บาท/กก.ก้าวแรกก่อนเดินหน้าลอยตัว ลดภาระชดเชยกองทุนน้ำมันเดือนละ 279 ล้านบาท
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (30 พย.) กระทรวงพลังงาน ได้พิจารณาปรับราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นของก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น 1.20 บาท/กก. ทำให้ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้ในรถยนต์เพิ่มขึ้น 65 สต./ลิตร และราคาจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้ม จะอยู่ที่ 18.01 บาท/กก. หรือราคาก๊าซหุงต้มถัง 15 กก. เพิ่มขึ้น 18 บาท/ถัง เป็น 270 บาท/ถัง (จากเดิมราคาก๊าซหุงต้มอยู่ที่ระดับ 16.81 บาท/กก. หรือ 252 บาท/ถัง 15 กก.) เพื่อลดภาระการชดเชยเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องจ่ายชดเชยราคาก๊าซหุงต้มประมาณ 279 ล้านบาท/เดือน
สาเหตุที่กระทรวงพลังงานมีความจำเป็น ต้องปรับราคาก๊าซหุงต้มในครั้งนี้ เนื่องจากพบว่าในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้นโยบายตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มมาโดยตลอด โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เก็บจากน้ำมันชนิดอื่นมาจ่ายชดเชย จนมีผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มต่ำกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ ทำให้เกิดการใช้ก๊าซหุงต้มแทน
ภาคขนส่ง ผู้ใช้รถยนต์ได้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซหุงต้มแทนน้ำมันเบนซิน และภาคอุตสาหกรรมได้เปลี่ยนมาใช้แทนน้ำมันเตา โดยเฉพาะในภาคขนส่งนั้น พบว่าปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ในปี 2549 ที่ผ่านมา มีการใช้เพิ่มถึงร้อยละ 51.6 และในปี 2550 นี้ มีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7
นอกจากนี้ ราคาก๊าซหุงต้มในประเทศที่จำหน่ายต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้เกิดการลักลอบส่งออก ทำให้สูญเสียเงินจากกองทุนน้ำมันฯ รวมทั้งการใช้ก๊าซหุงต้มมาเป็นเชื้อเพลิงทดแทนในเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ทำให้ขาดรายได้จากการส่งออกและสูญเสียโอกาสจากการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่า
ราคาก๊าซหุงต้มได้ถูกชดเชย 2 ระดับ คือ การชดเชยโดยตรงจากกองทุนน้ำมัน โดยผู้ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อมาชดเชยผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมันที่มีทั่วประเทศ และมีการชดเชยโดยอ้อม จากผู้ผลิตก๊าซหุงต้ม จากการที่รัฐบาลได้กำหนดราคาก๊าซหุงต้มอยู่ในระดับไม่เกิน 320 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ในขณะที่ราคาตลาดโลกอยู่ในระดับประมาณ 740 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ทำให้เกิดส่วนต่างด้านราคา ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิต และผู้ค้าก๊าซหุงต้ม อยากส่งออกมากกว่าจำหน่ายในประเทศ โดยการปรับราคาครั้งนี้ เป็นการลดภาระการชดเชยจากกองทุนน้ำมัน และได้มีการกำหนดสูตรราคา ณ โรงกลั่นให้สามารถเปลี่ยนแปลงตามราคาตลาดโลกได้เล็กน้อย พร้อมกับการยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนจากการส่งออกก๊าซหุงต้ม นายวีระพลกล่าว
ดังนั้น ภาครัฐจึงมีความจำเป็นต้องมีการปรับราคา เพื่อลดภาระการชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ และค่อยๆ ปรับราคาให้สะท้อนราคาตามต้นทุนจริงที่ควรเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือน
http://www.bangkokbiznews.com/2007/11/3 ... sid=207424