Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คุณสุมาอี้คะ  เมื่อวานดิฉันไปเดิน se-ed ที่โลตัส พระราม3 มีวางขายแล้วค่ะ  เมื่อวางรวมกับหนังสืออื่น ๆ รูปเล่มสะดุดตามากค่ะ  คาดว่าจะขึ้น top seller ได้ไม่ยาก  เพราะคุณภาพคับเล่มจริง ๆ

ดุลบัญชีทุน capital and financial account คืออะไร ครับพี่สุมาอี้

[quote="leena"]คุณสุมาอี้คะ

hongvalue เขียน:ดุลบัญชีทุน capital and financial account คืออะไร ครับพี่สุมาอี้

capital account เป็น mirror account ของดุลบัญชีเดินสะพัด (current account) หักกลบกันก็จะได้เป็นดุลการชำระเงิน (balance of payment)

มันเป็นตัวเดียวกับ ดุลบัญชีทุนเคลื่อนย้ายที่ประกอบด้วย fdi กับ portfolio inflow หรือป่าวครับ

hongvalue เขียน:มันเป็นตัวเดียวกับ ดุลบัญชีทุนเคลื่อนย้ายที่ประกอบด้วย fdi กับ portfolio inflow หรือป่าวครับ

ใช่ครับ fdi กะ port inflow เป็นส่วนประกอบของ บัญชีทุนครับ

1.ยังงี้การขาดดุลชำระเงินก็น่ากลัวกว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสิครับ แล้วถ้าเราขาดดุลชำระเงินจะตามมาด้วยค่าเงินอ่อนลงไหมครับ เพราะว่าค้าขายก็ขาดดุล เงินก็ไหลออก

2.ที่พี่สุมาอี้ใช้สโลแกนว่า จะสนใจเฉพาะโอกาศที่ไม่ซื้อก็บ้าแล้วเท่านั้น พอมีตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาไหมครับ ว่าตัวไหน ราคาไหน อยากรู้จังเลยอะครับ

3.ตอนนี้ผมกำลังอ่านสามก๊กฉบับคนขายชาติอยู่ อยากถามว่าที่พี่สุมาอี้เคยอ่านเนี้ย ภาคไหนครับ  พอดีเห็นชื่อสุมาอี้พอดี แสดงว่าชอบสุมาอี้นะสิครับ ผมชอบโจโฉ กล้าแล้วก็ตัดสินใจเด็ดขาดดี (นอกเรื่องหุ้นบ้างไม่ว่ากันนะครับ)

hongvalue เขียน:1.ยังงี้การขาดดุลชำระเงินก็น่ากลัวกว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสิครับ แล้วถ้าเราขาดดุลชำระเงินจะตามมาด้วยค่าเงินอ่อนลงไหมครับ เพราะว่าค้าขายก็ขาดดุล เงินก็ไหลออก)

ไม่เลยครับ ถ้าธปท.ไม่แทรกแซงค่าเงินเลย ดุลชำระเงินจะเป็น 0 เสมอ ไม่ว่าประเทศจะดีหรือแย่แค่ไหน เพราะกระแสเงินสดรับย่อมเท่ากับกระแสเงินสดจ่ายเสมอ

hongvalue เขียน: 2.ที่พี่สุมาอี้ใช้สโลแกนว่า จะสนใจเฉพาะโอกาศที่ไม่ซื้อก็บ้าแล้วเท่านั้น พอมีตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาไหมครับ ว่าตัวไหน ราคาไหน อยากรู้จังเลยอะครับ

เหอๆ เขียน ขำๆ น่ะครับ

hongvalue เขียน: 3.ตอนนี้ผมกำลังอ่านสามก๊กฉบับคนขายชาติอยู่ อยากถามว่าที่พี่สุมาอี้เคยอ่านเนี้ย ภาคไหนครับ

ผมได้รับหนังสือเมื่อว่านเเล้วครับ 2 เล่ม ขอบคุณมากครับ

สุมาอี้ เขียน: เหอๆ เขียน ขำๆ น่ะครับ

ขอตอบแทนหน่อย
"ตอนที่คุณสุมาอี้บอกว่า ฟ้าเปิดแล้ว ในร้อยคนร้อยหุ้นของ PTTEP"

งงครับ พูดเมื่อไหร่ตอนไหนครับ ไม่เห็นเคยรู้บ้างเลยอะ

บอกหน่อยสิ

ดีนะที่ยังไม่ได้ซื้อดูแล้วสูตรเยอะจัง ผมคงปวดหัวตายพอดี  

นี่เป็นหนังสือ DCF ที่มีสูตรน้อยที่สุดในโลกแล้วล่ะครับ กว่าจะย่อยจนเหลือแค่นี้ แทบตาย

คุณสุมาอี้ครับ ในหนังสือมีบอกว่าทฤษฏี ddm จุดอ่อนคือยังมีเงินสดเหลืออยู่ แล้งยังงี้การคำนวนหุ้นแบบ nav มีจุดอ่อนยังไงครับ เพราะ nav ก็คำนวณเงินสดด้วยเหมือนกัน จุดอ่อนตรงไม่แสดงความสามารถของงบกำไรขาดทุนหรือป่าวครับ แล้ว npv ต่างจาก dcf ยังไงครับ

ผมโอนเงินไปให้เมื่อวันที่ 14/08/2006 เวลา 14.48
จาก KBNK ตู้ ATM  S1A9002 จำนวนเงิน 200 บาทครับ
ยังไม่ได้รับหนังสือเลยครับ ไม่ทราบต้อง ทำอย่างไร เพราะผม email ไปรอบ1แล้ว

ถ้าเผอิญตกหล่นชื่อผมไปรบกวนด้วยครับ

ส่งที่
กฤษฎา เอี่ยมไพศาล
586/8 ถ สุขาภิบาล ต มหาชัย อ เมือง สมุทรสาคร 74000

ขอบคุณครับ

cooment นิดเดียวว่าหนังสือราคาแพงเกินไป ทำให้มีโอกาสถูก copy เหมือนเทปผี CD เถื่อน ที่ของจริงขายแพงเกินไป แต่ผมเข้าใจนะครับว่า
มันเทียบไม่ได้กับความรู้ที่คุณสุมาอี้ให้ เพียงแต่ remind ไว้แค่นั้นเอง

ผมขอ comment นะครับ

หนังสือ แบบ หน้าแคบครับ  มันเปิดยาก   ความกว้างของหน้ากระดาษทำคล้ายๆกับ หนังสือท่องเที่ยวของนายรอบรู้   อ่ะครับ  เปิดยากจริงๆ

ทำให้เวลาเปิด ต้องออกแรงเพื้อให้มันเปิด  ต้องออกแรงและคงแรงไว้เยอะมาก

อิอิอิ  ผมจะหงุดหงิดเสมออกับหนังสือที่มีขนาดหน้ากว้างเท่านี้  ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นไรเหมือนกัน

มีความคิดเห้นแค่นี้อ่ะครับ  นอกนั้น  ดีครับ

ไปอุดหนุนที่ se-ed มาแล้วครับ

ผมเข้าไปขอไฟล์ excel ในเวป บอกว่าส่งมาแล้วนี่รอสามวันยังไม่ได้เลยครับ ต้องทำยังไงเอ่ย

charnengi เขียน:ผมเข้าไปขอไฟล์ excel ในเวป บอกว่าส่งมาแล้วนี่รอสามวันยังไม่ได้เลยครับ ต้องทำยังไงเอ่ย

ผมทดสอบดูยังทำงานดีอยู่ครับ คุณ charnengi ลองอีกทีครับ ทดลองเปลี่ยน mailbox ด้วยก็ดี

กฤษฎา เอี่ยมไพศาล
ที่ผมทวงหนังสือผ่านทาง webboard และ email ไปตอนนี้ได้แล้วครับ

ตอนแรกที่ได้แอบเสียใจนิดว่าทำไมเล่มมันเล็กเหลือเกิน - จะคุ้มเงินไหมเนี่ย

แต่พออ่านไปแล้วรู้สึกไม่ผิดหวังเลยครับ มีแต่เนื้อหาเน้นๆ ไม่มีเยิ่นเย้อ
การที่หนังสือเขียนโดยผู้แต่งเองทำให้ อ่านง่ายกว่าหนังสือแปลมากครับ และหนังสือแนวนี้ก็หาอ่านยากมาก

-----
ขอบคุณพี่สุมาอี้มากครับ
VI มือใหม่

ครับ หนังสือส่วนใหญ่โดยเฉพาะหนังสือของอเมริกันจะมีเนื้อหาเย่นเย้อ เนื่องมาจากว่าเขาจำเป็นต้องซ่อนเนื้อๆ ให้จมอยู่ข้างใน เพื่อไม่ให้คนอ่านใช้วิธีไปยืนอ่านอย่างเดียวที่ร้านหนังสือแต่ไม่ซื้อได้

แต่ตอนผมเริ่มทำหนังสือผมตั้งใจว่าจะไม่ใช้วิธีนั้นครับ เพราะผมอยากทำหนังสือในแบบที่ตัวผมเองอยากได้ ซึ่งนับว่าในแง่ธุรกิจเป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เคยไปแอบดูที่ร้านซีเอ็ด เห็นคนอ่านคนหนึ่งยืนอ่านหนังสือทฤษฎีเกมของผมนานประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงทีเดียวครับ ไม่ยอมซื้อ

สุมาอี้ เขียน:ครับ หนังสือส่วนใหญ่โดยเฉพาะหนังสือของอเมริกันจะมีเนื้อหาเย่นเย้อ เนื่องมาจากว่าเขาจำเป็นต้องซ่อนเนื้อๆ ให้จมอยู่ข้างใน เพื่อไม่ให้คนอ่านใช้วิธีไปยืนอ่านอย่างเดียวที่ร้านหนังสือแต่ไม่ซื้อได้

แต่ตอนผมเริ่มทำหนังสือผมตั้งใจว่าจะไม่ใช้วิธีนั้นครับ เพราะผมอยากทำหนังสือในแบบที่ตัวผมเองอยากได้ ซึ่งนับว่าในแง่ธุรกิจเป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เคยไปแอบดูที่ร้านซีเอ็ด เห็นคนอ่านคนหนึ่งยืนอ่านหนังสือทฤษฎีเกมของผมนานประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงทีเดียวครับ ไม่ยอมซื้อ

  ช่างเขาเถอะครับ ยังไงก็มีพวกเรารู้คุณค่า และพร้อมรอคอยอย่างใจจดจ่อของทุกผลงานของน้องสุมาอี้อยู่แล้ว ทฤษฎีเกมผมก็อ่านจบแล้ว สนุกดี และได้ข้องคิดดีครับ แต่ติดตรงบทสรุป ที่น้องสุมาอี้เขียนไว้ มันแม่งๆ นิดๆครับ ทำนองว่า "โลกนี้คงจะดีขึ้นอีกมาก หากทุกคนจะคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองมากขึ้น " หากคนที่ไม่ได้อ่านตลอดอ่านงงว่า แนะนำให้คนอ่านเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และเห็นแก่ตัวมากขึ้น ซึ่งผมเข้าใจว่าน้องสุมาอี้ไม่ได้ตั้งใจจะสื่อทำนองนั้น แต่ต้องการจะสื่ออย่างเช่น ในสถานะการที่มีทางเลือกได้หลายอย่าง เราควรเลือกทางที่เราควรจะได้ผลประโยชน์มากที่สุด แม้ว่าทางนั้นเราจะต้องแพ้เขา แต่ทางนั้นเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของเราแล้ว หากเราไปเพ่งเล็งแต่ทางที่จะเอาชนะ ในบางสถานะการณ์มันเสี่ยงเกินไป และเราอาจเจ็บหนักกว่า แต่ผมไม่รู้จะคิดคำพูดสรุปให้กระทัดรัดยังไงเหมือนกันครับ  :?

[quote="drchatri"]

เรียนท่านแม่ทัพ ผมอ่านมาหลายรอบแต่ยังไปได้แค่ สี่สิบเปอร์เซนต์เอง สงสัยต้องลงทุนแบบปาเป้าเหมือนเดิมแล้วมั้ง
ถ้าว่างเปิดคอร์สสอนก็ดีนะครับ ตอนอาจารย์มนสอนผมติดงานตลอดเลย คราวนี้ถ้ามีอีกต้องไม่พลาดแล้ว

ผมก็ไปซื้อที่ se-ed สาขาโลตัสหาดใหญ่ เรียบร้อยแล้วครับ รูปเล่มแปลกตาดีครับ ลองอ่านคร่าว  ๆ แล้ว คงต้องใช้สมาธิในการอ่านบ้าง เพราะผมเป็นโรคแพ้ตัวเลขและสูตรคำนวนเอามาก ๆ เลย แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าอยากเป็นVI ที่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องหาความรู้ให้มาก ๆ อุตส่าห์มีคนเก่ง ๆ เขียนหนังสือดี ๆ ออกมาให้เราอ่าน ถ้ายังไม่พยายามอีก ก็คงจะถามหาความสำเร็จลำบาก อ่านแล้วมีข้อสงสัยอะไรแล้วจะเข้ามาถามพี่สุมาอี้นะครับ ขอบคุณครับ

ขอสอบถามหน่อยคะ  จากสูตร

  FCF = NOPAT+D&A-CAPEX-^WC

โดยปกติ CAPEX ในงบกระแสเงินสดจะมีค่าเป็นลบอยู่แล้ว (ในกรณีที่มีการซื้อสินทรัพย์เพิ่ม)  และจะมีค่าเป็นบวก ในกรณีที่มีการขายสินทรัพย์
ตามตัวอย่างในหน้าที่ 89 มีการซื้อสินทรัพย์ถาวร 170 ล้านบาท
เมื่อมาแทนค่าในสูตร  น่าจะเป็น  FCF = 482+209+170-136
ไม่ใช่หรือค่ะ  หรือว่าเราเข้าใจผิด

[quote="rungtiwa"]ขอสอบถามหน่อยคะ

กรณี PTTEP ที่คุณสุมาอี้บอกว่า ในเวบไซต์ของบริษัทมีตัวเลขที่แสดงถึงอัตราการเติบโตของ output ของบริษัทในอีก 5 ปี
เวบไซต์ของบริษัท ใช่ www.pttep.com หรือเปล่าครับ ผมหาอัตราการเติบโตของ output ของบริษัทไม่เจอ
CAPEX และ^wc ก็พลอยหาไม่เจอไปด้วย
รบกวนช่วยชี้แนะด้วยครับ

Saitthasak เขียน:กรณี PTTEP ที่คุณสุมาอี้บอกว่า ในเวบไซต์ของบริษัทมีตัวเลขที่แสดงถึงอัตราการเติบโตของ output ของบริษัทในอีก 5 ปี
เวบไซต์ของบริษัท ใช่ www.pttep.com หรือเปล่าครับ ผมหาอัตราการเติบโตของ output ของบริษัทไม่เจอ
CAPEX และ^wc ก็พลอยหาไม่เจอไปด้วย
รบกวนช่วยชี้แนะด้วยครับ

http://www.pttep.com/upload/06%20Analys ... 02Q%20.pdf

หน้า 7 กะหน้า 12 ครับ