Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

พี่สุมาอี้ เรื่องมูลค่าหนี้ที่เกิดจากสัญญาเช่าระยะยาว ตัวอย่าง CP7-11 หน้า136 ทำไม n (เลขยกกำลัง) ของ 12572 ถึง เป็น 2 แล้วทำไม  n ของ 47108 ถึง เป็น 15 ครับ

คุณสุมาอี้ครับ ผมได้อ่านหนังสือคุณจบแล้ว แต่ว่ามีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ เนื่องจากผมเป็นมือใหม่ครับ ยังไงก็จะพยายามอ่านอีกสักสองสามรอบ  แล้วก้อจะลองทำตามหนังสือดูเพื่อจะได้เข้าใจยิ่งขึ้น

มีอยู่ส่วนนึงที่ผมคิดว่าผมคงไม่มีทางเข้าใจ ก้อรบกวนช่วยอธิบายด้วยครับ คือว่าในหน้า 107 ที่พูดถึงการเอาค่า CAPEX ที่มีอยู่มาคำนวณหาค่าเสื่อมราคาในอนาคต โดยใช้วิธีเส้นตรง 30 ปี

ขอถามว่าวิธีเส้นตรง 30 ปี ทำอย่างไร หรือสามารถศึกษาได้จากที่ไหน

ส่วนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ คืออย่างให้มีการตั้งกระทู้ให้เกี่ยวกับ ถามตอบหนังสือวัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง เพราะว่าข้อความส่วนมากในกระทู้นี้ เกี่ยวกับการสั่งซื้อหนังสือ

ขอบคุณครับ

มันหายไปจากแผงหนังสือแล้วครับ จึงคิดได้สองอย่าง

อย่างแรก มันไม่มีใครซื้อเลย จนฝุ่นเกาะไปหมดแล้ว ทางร้านหนังสือจึงตัดสินใจเก็บขึ้น

หรืออย่างสอง มันขายหมดแล้ว คนแย่งกันซื้อกันไม่หวาดไม่ไหว จนหมดจากแผง ซึ่งถ้าเป็นงี้ ของแนะนำให้คุณสุมาอี้ ให้ลิขสิทธิ์กับสำนักพิมพ์เพิ่มขึ้นครับ

พิมพ์ซักแสนเล่มเลยยิ่งดี

เพราะผมเห็นแค่แว่บเดียวก็หายจากแผงไปแล้วอ่ะ

[quote="Saitthasak"]พี่สุมาอี้ เรื่องมูลค่าหนี้ที่เกิดจากสัญญาเช่าระยะยาว ตัวอย่าง CP7-11 หน้า136 ทำไม n (เลขยกกำลัง) ของ 12572 ถึง เป็น 2 แล้วทำไม

ZenDai เขียน: ขอถามว่าวิธีเส้นตรง 30 ปี ทำอย่างไร หรือสามารถศึกษาได้จากที่ไหน

ก็ง่ายๆ เลย เช่น ถ้าปีหน้าบริษัทวางแผนไว้ว่าจะลง Capex 300 ล้านบาท เวลาตัดค่าเสื่อมเส้นตรง 30 ปี ก็คือค่อยๆ ตัดปีละ 10 ล้านบาท (10*30=300) แสดงว่าหลังจากปีหน้าเป็นต้นไป ค่าเสื่อมต่อปีจะเพิ่มขึ้น 10 ล้านทุกปี

ถ้ามี Capex ของปี ต่อไปอีก ก็คิดเหมือนกัน

สุดท้ายแล้วก็นำค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นจาก capex ของทุกปีมาบวกกันให้หมด

ถ้ามีคำถามอะไรอีกก็ถามไว้ในกระทู้ของหนังสือเล่มนี้ที่อยู่ในห้องแนะนำหนังสือก็ได้ครับ จะไปตอบให้ครับ

อ่านหนังสือของวรากรณ์ สามโกเศศ มีเรื่องไม่แน่ใจอยากถามนิดหน่อยครับผม พี่สุมาอี้

1. Balance of payment ที่เกินมาจะมาบวกกับ international reserve ลองทำดู ปรากฏว่าได้ตัวเลขใกล้เตียง แต่ไม่เหมือน เช่น ปี 2004 มี reserve bl  49.8 balnce of payment ปี 2005 5.4 + กันเท่ากับ 55.2 แต่ตัวเลขที่มีแค่ 52.1 อยากรู้ว่าตกหล่นตรงไหนหรือไม่ หรือเป็นเพราะอัตราแลกเปลี่ยน


2. 2.ถ้าอยากรู้ตัวเลขเงินออมจากทุนส่วนว่าเป็นกี่ % ของ gdp จะสามารถเช็กได้จาก  ที่ไหน


3. 3.เรื่องค่าเงินบาทอ่อน แข็งนั้น แนวคิดก็เหมือนเงินเฟ้อใช่หรือไม่ เช่น มีเงิน 100 มีของ 100 ถ้ามีเงินเพิ่มขึ้น 5 แต่ของในประเทศมีเท่าเกิม 100 = 105 : 100 เงินก็เลยเฟ้อ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนถ้าคิดว่ามีเงินบาท 100 บาท ต่อ 100 dolllar ปรากฏว่าส่งออก 10 นำเข้า 15 เลยกลายเป็นค่าเงินบาทต่อ dollar = 100 : 95 เลยทำให้บาทอ่อนค่าใช่หรือไม่


4. 4.จาก 3 แบงค์ชาติสามารถเอาเงินมาขายเพิ่มทำให้ dollar ไม่ลดใช่ไหม โดยหักออกจาก international reserve


5. 5.คำว่า net for ward position ก็คือเงินที่เอาออกจาก international reserve  มาขายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนใช่หรือไม่


6. 6.จากทั้งหมดสามารถสรุปได้ว่า international reserve ที่สูงสามารถช่วยป้องกัน ค.ผันผวนของค่าเงินได้ใช่หรือไม่

น้อง hongvalue ครับ

[quote="hongvalue"]
1. Balance of payment ที่เกินมาจะมาบวกกับ international reserve ลองทำดู ปรากฏว่าได้ตัวเลขใกล้เตียง แต่ไม่เหมือน เช่น ปี 2004 มี reserve bl

ขอบคุณครับ

ผมพึ่งไปซื้อที่ ศูนย์หนังสือจุฬามาเมื่อวานนี้เองพี่สุมาอี้ เอ้..รู้สึกคนเเต่งจะหน้าตาดีด้วยนะครับ 555

poppo เขียน:เรียนท่านแม่ทัพ ผมอ่านมาหลายรอบแต่ยังไปได้แค่ สี่สิบเปอร์เซนต์เอง สงสัยต้องลงทุนแบบปาเป้าเหมือนเดิมแล้วมั้ง
ถ้าว่างเปิดคอร์สสอนก็ดีนะครับ ตอนอาจารย์มนสอนผมติดงานตลอดเลย คราวนี้ถ้ามีอีกต้องไม่พลาดแล้ว

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับท่าน poppo ครับ ถ้าเปิดสอนเมื่อไหร่ ผมเรียนด้วยคนครับ อาจจะมีการให้ผู้เข้าอบรมหาบริษัทในใจมาร่วมทำแบบทดสอบในห้องสัก 2-3 บริษัทฯ ข้อดีก็คือ ผู้เข้าอบรมก็จะได้มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทที่ตนเองสนใจกลับไป เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดกันด้วยครับ

คุณสุมาอี้ครับ http://www.bot.or.th/bothomepage/databa ... ai_Key.asp

2.1 ผลิตภัณฑ์รวม ณ ราคาคงที่ ปี 2531  ปี 2548 3842 อันนี้ใช่ real gdp ไหมครับ

2.2 ผลิตภัณฑ์รวม ณ ราคาปัจจุบัน (พันล้านบาท) คือ nominal  คือแบบไม่หัก เงินเฟ้อใช่ไหมครับ

น้อง ฮองแวลู เข้าใจถูกต้องแล้วครับ

จำไว้ว่า ถ้าพูดถึงจีดีพีทั้งหมด นิยมใช้จีดีพี? ณ ราคาปัจจุบัน แต่ถ้าพูดถึงอัตราการเติบโตของจีดีพี นิยมพูดถึงอัตราการเติบโตของจีดีพีที่แท้จริง

อุดหนุน แน่นอนครับ แต่ผมอยู่แคนาดา คงต้องรอนานหน่อยกว่าน้องจะซื้อฝากมาให้

tanate@man เขียน:อุดหนุน แน่นอนครับ แต่ผมอยู่แคนาดา คงต้องรอนานหน่อยกว่าน้องจะซื้อฝากมาให้

ขอบคุณครับ

คุณสุมาอี้ครับ random walk down wall street เนี้ยมีฉบับภาษาไทยไหมครับ อาจารย์บัญชีแนะนำให้อ่านน่ะครับ เขาเห็นผมบ้าเรื่องการลงทุน แต่ไม่รู้ว่ามีเล่มแปลยัง และถ้าคุณสุมาอี้เคยอ่านก็ขอ comment หน่อยครับ ว่าดีไหม

hongvalue เขียน:คุณสุมาอี้ครับ random walk down wall street เนี้ยมีฉบับภาษาไทยไหมครับ อาจารย์บัญชีแนะนำให้อ่านน่ะครับ เขาเห็นผมบ้าเรื่องการลงทุน แต่ไม่รู้ว่ามีเล่มแปลยัง และถ้าคุณสุมาอี้เคยอ่านก็ขอ comment หน่อยครับ ว่าดีไหม

ผมไม่เคยเห็นเล่มภาษาไทยนะครับ สงสัยต้องรอคุณ WEB แปล เล่มภาษาอังกฤษมีให้อ่านที่ห้องสมุดมารวยครับ ผมเห็นโชว์อยู่ตรงหัวบันไดทางขึ้นชั้นสอง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพิ่งเปิดดูกะว่าจะอ่าน แต่ไปเจอเล่มอื่นซะก่อน ผมเองก็เลยยังไม่ได้อ่านครับ แต่ดูสารบัญแล้วน่าอ่านมากครับ

อึม แต่ว่าเล่มนี้เป็นแนว passive investment นะครับ

ว่าจะถาม ท่าน แม่ทัพ สุมาอี้ หลายรอบแล้วครับ    ดันลืมว่าจะถามอะไร จนกระทั่ง เหลือบไปเห็น  หนังสือ  CFA  เลยจำได้ครับ

การคำนวณ  FCF ของท่านแม่ทัพ จะเป็น สูตร

 FCF  = Nopat+D&A -Capex-^WC


แต่ หนังสือ ที่ มี หนังสือชื่อ Stalla  review for the CFA exam  year 2004

 FCF  เค้า งัด ออกจาก งบกระแสเงินสดเลยครับ

FCF  = Cash Generated from Operating Activities - Cash Used   for      Investing Activities

   ในความเห็น ท่านแม่ทัพ  คิดว่าแบบไหนดีกว่ากันครับ

ส่วนใหญ่ ผมใช้ ตามหนังสือ น่ะครับ  ในใจผมว่า มันง่ายดี  แต่ไม่รู้หยาบไปหรือเปล่า   เพราะยังไงในส่วนของ Cash flow from operation มันรวมพวก D&A   capex     Working  capital   ไปในตัวแล้ว

แบบ CFA exam คือ FCF ในปี "ปัจจุบัน"

ปัญหาก็คือว่า FCF ของธุรกิจส่วนใหญ่จากปีหนึ่งไปอีกปีหนึ่งค่อนข้างผันผวนมาก เพราะอาจจะลงทุนหนักๆ ปีหนึ่ง แล้วลงทุนน้อยลงในปีต่อๆ ไป ดังนั้นการเอา FCF ของปีปัจจุบันมาใช้ประมาณ FCF เฉลี่ยในอนาคตอาจได้ค่าที่บิดเบือนไปมาก

ด้วยเหตุนี้จึงหันมาใช้  FCF ที่ประมาณมาจาก NOPAT เพราะตัวเลขที่เป็น accrual basis กลับสามารถใช้ประมาณค่าเฉลี่ยในอนาคตได้ดีกว่า

Saw the review of your book in Bangkok Post today (6 Nov 06). Congratulation!

ขอบคุณมากครับที่แจ้งมา ซื้อเกือบไม่ทัน  :D

http://www.bangkokpost.com/Yourmoney/06 ... oney03.php

อยากถามหน่อยครับพอดีผมอ่านแล้วลองทำดูตามหุ้น UEC คือผมไม่ได้มีตัวนี้นะครับแต่เห้นเพื่อนๆพูดถึงกันเลยลองทำมาดูเล่นๆไม่ทราบว่าผมพลาดอะไรไปรึเปล่าครับ
สินทรัพย์ หมายเหตุ 30 มิถุนายน 31 ธันวาคม
2549 2548
(ไม่ได้ตรวจสอบ)(พันบาท)

สินทรัพย์หมุนเวียน
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 394,478 144,746
เงินลงทุนชั่วคราว 14,059 250,000
ลูกหนี้การค้า - สุทธิ   3, 4 338,673 369,257
สินค้าคงเหลือ - สุทธิ 155,526 105,919
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 22,124 10,008
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 924,860 879,930
^wcไม่รวมเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราว       และเงินกู้ระยะสั้น
ลูกหนี้การค้า - สุทธิ   3, 4 338,673 369,257
สินค้าคงเหลือ - สุทธิ 155,526 105,919
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 22,124 10,008
จึงคิดแค่                                                            516661                           485184          
^wcจึงมีค่า     =            31477    ^wcจึงมีค่า = 31.477 ล้านบาท
ค่าD&Aค่าเสื่อมราคาสินค้า  
ค่าเสื่อมราคา 8,337 6,544
D&A  =  8.337 ล้านบาท
ค่า Capex เงินค่าซื้อสินทรัพย์ถาวร
ซื้ออาคารและอุปกรณ์ (44,389) (17,508)
Capex จึงมีค่า = 44.389 ล้านบาทไทย(ค่าเงินสดรับจากการจำหน่ายอาคารและอุปกรณ์ไม่นำมาคิดใฃ่มั้ยครับ)
แล้วก็มาถึงการหาค่า NOPAT ซึ่งค่อนข้างงง ยังแยกไม่ค่อยออกเท่าไหร่

งวดสามเดือน งวดหกเดือน
หมายเหตุ 2549 2548 2549 2548
(พันบาท)
รายได้
รายได้ตามสัญญา 3 258,368 394,086 528,025 645,218
ดอกเบี้ยรับ 3,896 611 6,142 631
รายได้อื่น 2,371 1,851 9,411 2,904
รวมรายได้ 264,635 396,548 543,578 648,753

ค่าใช้จ่าย
ต้นทุนงานตามสัญญา 168,273 276,724 372,160 468,460
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 25,385 37,820 47,730 54,926
ค่าตอบแทนกรรมการ 3 1,650 6,300 3,300 7,800
รวมค่าใช้จ่าย 195,308 320,844 423,190 531,186

กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ 69,327 75,704 120,388 117,567
.'.เราจะใช้ค่า  NOPAT คือ69.327 ล้านบาท
FCF=NOPAT+D&A-^wc-Capex
(หน่วยพัน)FCF=69,327+8,337 -44,389-31,447=1828
.'.FCF=1.828ล้านบาท
ซึ่งผมคิดว่ามันผิดไม่ทราบว่าผมคิดอะไรผิดไปรึเปล่าครับขอบคุณมากครับ
ท่าทางวิชานี้จะติดF ซะแล้ว :lol:  :lol: รบกวนตรวจการบ้านให้ทีนะครับขอบคุณครับ

[quote="shisuka"]

คุณสุมาอี้ครับ ผมไปดูที่ศูนย์หนังสือจุฬามาไม่เห็นจะมีหนังสือเรื่องหลักการพนันเลยครับ ผมให้พนักงานกดในเครื่องคอมแล้วด้วย เค้าบอกว่าไม่มีขายนี่นั้น

hongvalue เขียน:คุณสุมาอี้ครับ ผมไปดูที่ศูนย์หนังสือจุฬามาไม่เห็นจะมีหนังสือเรื่องหลักการพนันเลยครับ ผมให้พนักงานกดในเครื่องคอมแล้วด้วย เค้าบอกว่าไม่มีขายนี่นั้น

ไปร้านซีเอ็ดที่สยามสิครับ มีแน่นอนครับ ผมไปดูมาแล้ว

khun_parinya เขียน:มันหายไปจากแผงหนังสือแล้วครับ จึงคิดได้สองอย่าง

อย่างแรก มันไม่มีใครซื้อเลย จนฝุ่นเกาะไปหมดแล้ว ทางร้านหนังสือจึงตัดสินใจเก็บขึ้น

หรืออย่างสอง มันขายหมดแล้ว คนแย่งกันซื้อกันไม่หวาดไม่ไหว จนหมดจากแผง ซึ่งถ้าเป็นงี้ ของแนะนำให้คุณสุมาอี้ ให้ลิขสิทธิ์กับสำนักพิมพ์เพิ่มขึ้นครับ

พิมพ์ซักแสนเล่มเลยยิ่งดี

เพราะผมเห็นแค่แว่บเดียวก็หายจากแผงไปแล้วอ่ะ

ฝุ่นขึ้นไม่ทันหรอกครับ
เพราะวันนี้ผมไปที่ร้านซีเอ็ด เซ็นทรัลพระรามสอง
เห็นขึ้นป้ายหนังสือขายดี ตัวแดงแป๋เลย

ยินดีด้วยครับ

Thonburi Funds เขียน:
ฝุ่นขึ้นไม่ทันหรอกครับ
เพราะวันนี้ผมไปที่ร้านซีเอ็ด เซ็นทรัลพระรามสอง
เห็นขึ้นป้ายหนังสือขายดี ตัวแดงแป๋เลย

ยินดีด้วยครับ

ขอบคุณครับที่มาบอก  :D

สุมาอี้ เขียน:มีผู้ถามเกี่ยวกับตัวเลขในตัวอย่าง TF เยอะมาก ได้โอกาสตอบทีเดียวเลย...

1. เรื่อง normalized EBIT
กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยในงบเท่ากับ 840 แต่ผมทำ normalize ด้วยการรวมเฉพาะรายการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัทจริงๆ เท่านั้น ได้แก่

รายได้จากการขาย -ต้นทุนขาย -ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร -ค่าตอบแทนกรรมการ

= 5063-3971-485-6 = 600 ล้าน

ดังนั้น normalized EBIT จึงเป็น 600 เท่านั้น มิใช้ 840

ภาษี 118 ล้าน ดังนั้น NOPAT ปรับปรุงแล้วจึงเป็น 600-118 = 482 ล้าน


2.เรื่อง WC
ใช้ครับจริงๆ ควรเป็น (210) อย่างที่ทักท้วงมา ผมหลุดไปดันเอาหนี้สินกำหนดชำระภายใน 1 ปีไปรวมด้วย

3.เรื่องหนี้สินของบริษัท
ที่จริง TF มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยอยู่ ที่ถูกต้องจึงต้องนำมูลค่าหนี้เหล่านั้นมาลบจากมูลค่าบริษัทก่อนจึงจะได้มูลค่าหุ้นด้วย แต่ในหนังสือไม่ได้ทำเพราะหนี้สินที่มีดอกเบี้ยเหล่านั้นมีมูลค่ารวมกันน้อยมากเมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้น เป็นการ simplified ครับ ผมไม่อยากคิดละเอียดด้วยการหักนี้ออกให้ดูเพราะไม่อยากให้ตัวอย่างซับซ้อนเกินไป อะไรที่มีค่าน้อยในการวัดมูลค่าหุ้นเราตัดทิ้งไปได้เลยครับ เราไม่ได้ทำบัญชี การวัดมูลค่าหุ้นมิใช่วิศวกรรมฐานยิงจรวด

คุณสุมาอี้ครับ ในข้อ2.เรื่อง WC ทำไมจึงเป็น (210) ครับ ผมดูจากงบดุลปี 48 ของ TF เขาก็เขียนไว้ว่า หนี้สินหมุนเีวียนอื่น คือ 222.78  ช่วยอธิบายให้ด้วยครับ  
ขอบคุณครับ

[quote="wiras"]
คุณสุมาอี้ครับ ในข้อ2.เรื่อง WC ทำไมจึงเป็น (210) ครับ ผมดูจากงบดุลปี 48 ของ TF เขาก็เขียนไว้ว่า หนี้สินหมุนเีวียนอื่น คือ 222.78

แอบอ่านมานาน.... วันนี้ได้ซื้ออ่านแล้วครับ  :oops:

เก็บไว้เป็นความรู้ เสมือนอาวุธอีกเล่มหนึ่ง  

ซื้อตอนนี้ยังทันมั้ยครับ SE-ED ยังมีมั้ยครับ