Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับคุณ Kopite

ผมเองก็ค่อนข้างผิดหวังตอนที่อ่านโครงการในอนาคตใน IPO ครับ
ไม่ค่อยสร้างสรรเรื่องรายได้เท่าไหร่ พูดถึงเรื่องขยายสายส่งเป็นส่วนใหญ่
ตัวธุรกิจสายส่งนี่ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีแยกออกมาจาก EGAT ด้วยซ้ำไป

ความต้องการพลังงานไฟฟ้าโตประมาณ 7-8% อาจเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยตามเศรษฐกิจบ้านเรา ถ้าจะนับเป็นตลาดไฟฟ้าโตเพื่อดูการขยายตัวของ revenue น่าจะเป็นไปตามนี้

โครงการ Asian Power Grid ก็ไม่เห็นมีถ้ามีเราน่าจะเป็นผู้ซื้อจากชาวบ้านเขามากกว่านะ

ที่จะดูให้เข้าท่าน่าจะมีโครงการอย่างเช่นออกไปต่างประเทศใน Asian รับจ้างสร้างหรือบริหารโรงไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน อาจจะขายในประเทศเขาหรือขายให้เมืองไทย etc น่าจะดูดีในแง่ ช่องทำมาหากินในอนาคต

แต่ดูคร่าวๆใน IPO ก็ยังเป็น EGAT เดิมๆ ต่างกันที่เปลี่ยนชื่อแค่นั้นเอง

ไม่เหมือน PTT ที่ยังมี PTTEP ไปหากินนอกบ้านหารายได้เข้ามา

ตอนนี้ผมมองว่าซื้อหุ้น EGAT ความรู้สึกเหมือนซื้อพันธบัตรอะไรประมาณนั้น

แต่ว่าธุรกิจผูกขาดว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเงินเลยในอนาคตผมว่คงไม่ใช่
ทุกคนคงจำตอน New York Blackout ที่ไฟดับทั้ง New York ได้ไหมครับตอนปี 2003
บริษัทนั้นก็ทำนองผูกขาดเหมือนกัน แต่มีปัญหาเรื่องการเงินอะไรสักอย่าง เลยเกิดปัญหาลามจนเกิดไฟดับทั้ง New York ได้

ต้องดูไปหลายๆแง่หลายมุม อย่างน้อยก็เป็นหุ้นอินเทรนอยู่ตอนนี้หละไม่นับสิ่งพิมพ์ที่อาทิตย์นี้ อินเทรนกันสุดๆ

 :mrgreen:  :mrgreen:  :mrgreen:  :mrgreen:

กฟผ จ่ายภาษีมากกว่า ปตท ครับ เพราะว่ารายได้มากกว่า

ข่าวจาก นสพ.ผุ้จัดการรายวันครับ
กฟผ.ดีเดย์เทรด14 พ.ย. ราคา24-29บาทต่อหุ้น

โดย ผู้จัดการรายวัน 20 กันยายน 2548 00:57 น.


      กฟผ.ดีเดย์เข้าเทรดในตลาดหุ้น 14 พ.ย.นี้ ราคา IPO 24-29 บาทต่อหุ้น ประเมินการคงค่าไฟฐาน และการคิดค่าไฟล่วงหน้าทำให้ต้องแบกค่าเชื้อเพลิงฉุดมูลค่าทางบัญชีกฟผ.หด 5 หมื่นล้าน ส่งผลจัดสรรหุ้นให้พนักงานได้ต่ำลง ด้าน"คลัง"ยอมรับนักลงทุนอยากเห็นการตั้ง Regulator ให้ชัดก่อน สหพันธ์องค์กรผู้บริโภคจวกแผนเกลี่ยรายได้ กฟผ.สูงลิ่วเอาใจนักลงทุนเกินจำเป็น เผยผลศึกษาที่ปรึกษาก.พลังงานชี้ชัดค่าไฟฟ้าทะยานขึ้นเฉียด 4% สมัชชาคนจนเตือนคนซื้อหุ้นกฟผ.ระวังปัญหาบานปลาย เหตุกฟผ.ซุกปัญหาขัดแย้งกับชาวบ้านไว้เพียบ
     
      แหล่งข่าวจากคณะกรรมการระดมทุนจากภาคเอกชนในการแปรสภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ซึ่งมีนายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน วานนี้(19ก.ย.) ว่า ที่ปรึกษาทางการเงินได้รายงานกำหนดการในการเสนอขายหุ้นสามัญของบมจ.กฟผ. โดยกำหนด วันที่ 3 ต.ค.2548 จะเป็นวันสรุปช่วงราคาเสนอขายหุ้น(IPO Price rang ) วันที่ 4-6 ต.ค.48 พนักงานบมจ.กฟผ.จองซื้อหุ้น วันที่ 26-27 ต.ค.เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป วันที่ 3 พ.ย. 48 สรุปราคา IPO (Final IPO Price ) และวันที่ 14 พ.ย.48 เริ่มซื้อขายในตลาดหุ้น
     
      อย่างไรก็ตาม จากโนบายของนายวิเศษ จูภิบาล รมว.กระทรวงพลังงาน ที่กำหนดให้ค่าไฟฟ้าจะยึดหลักการเดิมไป 3 ปีคือ กำหนดค่าไฟฐานที่ระดับ 2.25 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(Ft) 46.83 สตางค์ต่อหน่วย โดยจะกำหนดค่า Ft ใหม่ที่จะบวกลบค่า Ft เดิมที่คิดเฉพาะค่าเชื้อเพลิงและค่ารับซื้อไฟฟ้าเท่านั้น รวมไปถึงจะคิดค่าไฟให้ตรงรอบ 4 เดือนจากเดิมที่กฟผ.จะแบกรับค่าเชื้อเพลิงให้ก่อน 4 เดือนแล้วมาเก็บภายหลังส่วนนี้จะมีผลทำให้กฟผ.ต้องแบกภาระค่าเชื้อเพลิง 4 เดือนรวมกับการตรึงค่าไฟก่อนหน้านี้จะมีผลให้มูลค่าตามบัญชีของกฟผ.จาก 202,100 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มี.ค.48 ลดเหลือ 152,500 ล้านบาท ณ วันที่ 23 มิ.ย. 48 (ลดลง 48,500 ล้านบาท) หรือลดลงจากประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ 1.75 แสนล้านบาท ที่ระดับ 22,500 ล้านบาท
     
      "ผลจากการตัดบัญชีรายได้ค้างรับค่า Ft ออกจากบัญชีกฟผ.ในงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 23 มิ.ย. 48 มีผลให้มูลค่าตามบัญชีกฟผ.ลดลงเหลือ 1.52 แสนล้านบาทซึ่งต่ำกว่าการประมาณการเดิมที่มีสมมติฐานไว้ที่ 1.75 แสนล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้ว่าการจัดสรรหุ้นให้พนักงานบมจ.กฟผ.อาจไม่เพียงพอซึ่งมติครม. 30 ส.ค.48 ระบุให้พนักงานกฟผ.ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน 8 เท่าของเงินเดือน และให้จัดสรรหุ้นสามัญกับพนักงานไม่เกิน 460 ล้านหุ้น" แหล่งข่าวกล่าว
     
      *** ยึดให้พนักงาน8เท่าของเงินเดือน
     
      ทั้งนี้ ที่ปรึกษาทางการเงิน ได้ประมาณการหากราคา IPO อยู่ในช่วง 24-29 บาทต่อหุ้นจำนวนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญให้กับพนักงานกฟผ.จะอยู่ที่ 454- 616 ล้านหุ้น ดังนั้นหากจะกำหนดประมาณการใหม่จากไม่เกิน 460 ล้านหุ้นเป็น 620 ล้านหุ้นจะต้องขออนุมัติครม.หรือคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)หรือไม่ เพราะครม.เดินกำหนดไว้ว่าไม่เกิน 460 ล้านหุ้น ซึ่งที่ประชุมยังไม่ได้ข้อยุติประเด็นดังกล่าวแต่ให้ยึด 8 เท่าของเงินเดือนไว้ โดย ได้มอบให้ที่ปรึกษาไปประเมินราคา IPO ที่ชัดเจนก่อนเพราะหากราคาหุ้นมากไปอาจดึงราคาหุ้นให้ต่ำได้ ส่วนประเด็นต้องแจ้งครม.หรือกพช.หรือไม่ขอให้ไปปรึกษากับสำนักงานอัยการสูงสุดเร่งด่วนเพื่อมาสรุปอีกครั้ง
     
      สำหรับประเด็นการจ่ายเงินปันผลพิเศษของบมจ.กฟผ. นั้นกำหนดการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองแล้ว แต่จากผลกระทบของการปรับสูตรค่า Ft ที่ทำให้บริษัทไม่สามารถบันทึกรายได้ในส่วนของบัญชีลูกหนี้ค่า Ft ค้างรับอาจทำให้บมจ.กฟผ.มีกำไรสุทธิในงวดปี 2548 (24มิ.ย.-สิ้นสุด 31 ธ.ค.48 )ไม่เพียงพอจ่ายเงินปันผล ดังนั้นที่ปรึกษาทางการเงินจึงเสนอให้บอร์ดกฟผ.อนุมัติกำหนดการจ่ายเงินปันผลด้วย ซึ่งกลุ่มที่ปรึกษามีความเห็นว่าระดับ Dividend Yield ที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 5-6% หรือ Trading Yield อยุ่ที่ 4-5%
     
      แหล่งข่าวกล่าวว่า ผลจากที่ปรึกษารายงานระบุถึงข้อกังวลใจของนักลงทุนที่สำคัญได้แก่ การเข้ามาแทรกแซงค่า Ft ของรัฐบาลมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนในการจัดตั้ง องค์กรกำกับกิจการไฟฟ้า หรือ Regulator ของรัฐบาลซึ่งควรจะให้เกิดก่อนกฟผ.เข้าระดมทุนในตลาดฯ รวมไปถึงการกังวลใจกรณีการประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่หรือ IPP บริษัทลูกกฟผ.ได้แก่ บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) หรือเอ็กโก้ กับบริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ก็จะต้องแข่งขันกับกฟผ.เท่ากับเป็นการขัดแย้งกันเองในทางธุรกิจ เป็นต้น
     
      ***ยอมรับนักลงทุนห่วงRegulator
     
      นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมว่า อัตราค่าไฟฟ้าฐานที่ยังคงเดิม 2.25 บาทต่อหน่วย 3 ปีและ Ft ใหม่จะคิดเฉพาะค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าก็จะสร้างความชัดเจนให้กับนักลงทุน ส่วนกรณีการจัดตั้ง Regulator นั้นยอมรับว่านักลงทุนเองก็ต้องการให้ชัดเจนก่อนการนำกฟผ.เข้าระดมทุน
     
      "หากตั้งก่อนได้ก็จะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นแต่การตั้งก่อนหรือหลังเข้าระดมทุนนั้นก็คงไม่ได้เป็นปัญหาเพราะทุกวันนี้ก็มีคณะกรรมการกำกับดูแลอยู่แล้วทั้ง กพช. ส่วนค่าไฟก็มีคณะอนุกรรมการพิจารณาค่า Ft อย่างไรก็ตามกรณีมีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่าครม.กำหนดให้ตั้งก่อนนั้นไม่ทราบว่ามีมติครม.บอกเช่นนั้นหรือไม่คงจะต้องไปถามกระทรวงพลังงาน" นายอารีพงศ์กล่าว
     
      สำหรับประเด็นการเกลี่ยรายได้ของ 3 การไฟฟ้า คือ กฟผ. การไฟฟ้าสว่นภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ที่มีกระแสข่าวว่ากำหนดให้ผลตอบแทนกฟผ.สูงถึง 8.7% นั้น ยืนยันว่ายังไม่ได้ข้อสรุปและคาดว่าอัตราจะใกล้เคียงกันแน่นอน ดังนั้น จะไม่กระทบรายได้ของ 2 การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายและท้ายสุดทั้ง 2 การไฟฟ้าก็จะต้องเข้าระดมทุนในตลาดฯตามเวลาที่เหมาะสมต่อไป
     
      *** ค่าไฟปรับขึ้นแน่เฉลี่ย 4%
     
      นางสาวสายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ออกแถลงการณ์ กรณีการปรับโครงสร้างค่าไฟที่รัฐบาลออกมาแถลงว่าจะยกเลิกการนำค่าเอฟทีมาร่วมกับค่าไฟฟ้าฐานนั้น เป็นการเล่นกลกลับกลอกให้ผู้บริโภคสับสน ความจริงแล้วประเด็นสำคัญที่ผู้บริโภคเรียกร้องก็คือ การทบทวนสมมุติฐานที่ใช้ในการกำหนดค่าไฟที่ต้องให้โปร่งใสตรวจสอบได้
     
      ส่วนกรณีการเกลี่ยรายได้ของ 3 การไฟฟ้า คือ บริษัท กฟผ., การไฟฟ้านครหลวง (กฟน) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ว่า การประกันผลตอบแทนการลงทุน (Return on Investment Capital : ROIC) ให้กฟผ. ได้ผลตอบแทน 8.7% นั้นถือว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นักลงทุนมากเกินจำเป็น เพราะจากการศึกษาของกระทรวงพลังงาน เกี่ยวกับระดับค่า ROIC ในต่างประเทศ จำนวน 20 ประเทศ พบว่ามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.2% เท่านั้น ที่สำคัญตัวเลขประกันผลตอบแทนลงทุนซึ่งใกล้เคียงกับข้อเสนอของที่ปรึกษากระทรวงพลังงาน ที่เสนอให้ใช้ ROIC 9% จะทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นประมาณ 4%
     
      นางสาวสายรุ้ง กล่าวว่า สาระสำคัญของมติครม.เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมาคือการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การกำหนดค่าไฟฟ้าจากเดิมอิงความจำเป็นของการไฟฟ้าในการลงทุนขยายระบบและชำระหนี้มาเป็นการประกันผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งมีนัยสำคัญต่อการเกลี่ยรายได้ของ 3 การไฟฟ้าในแง่ฐานะการเงินและค่าไฟฟ้า
     
      กล่าวคือ เดิม 3 การไฟฟ้าจะเกลี่ยรายได้เพื่อให้ฐานะทางการเงินใกล้เคียงกัน โดยกฟผ.ซึ่งมีกำไรสุทธิคำนวน ROIC ได้ 9.17% ส่วนกฟน.และกฟภ.อยู่ที่ 4.37% และ 2.41% ตามลำดับ กฟผ.ซึ่งมีรายได้ดีกว่าจากโครงสร้างค่าไฟฟ้าขายส่งที่สูงกว่าควรจะเป็น จึงเกลี่ยรายได้ประมาณปีละ 6,000 ล้านบาทให้กฟน.และกฟภ.เพื่อไม่ให้มีการขึ้นค่าไฟฟ้าขายปลีก ทำให้ฐานการเงิน 3 การไฟฟ้าดีใกล้เคียงกันคือ ROIC มากกว่า 6% แต่เมื่อเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่และประกันผลตอบแทนฯ ให้กฟผ. อย่างน้อย 8.7% เป็นเวลา 3 ปี จะทำให้กฟผ.สามารถช่วยชดเชยรายได้ของ 2 การไฟฟ้า ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ทำให้ฐานะการเงินของกฟน.และกฟภ.ไม่ดีและเป็นแรงกดดันให้มีการขึ้นค่าไฟฟ้าขายปลีกเพื่อพยุงฐานะเตรียมเข้าตลาดหุ้น
     
      *** สมัชชาคนจนเตือนขัดแย้งบานปลาย
     
      ในวันเดียวกันนี้ กลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดต้อนจากการสร้างเขื่อนปากมูล ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ห้องรับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านก่อนนำ กฟผ. เข้าตลาดหุ้น และขอให้รัฐบาลเปิดประตูเขื่อนปากมูนตลอดปีหรือชดเชยรายได้แก่ชาวบ้านจำนวน 8,139 ครอบครัวๆ ละ 500 บาท/วันตามจำนวนวันที่ปิดประตูน้ำเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
     
      นักลงทุน ที่จะซื้อหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ก่อนว่ารัฐบาลได้แก้ปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เรียบร้อยหรือยัง เพราะหากรัฐบาลยังไม่แก้ปัญหา ท่านในฐานะผู้ที่ถือหุ้น กฟผ. จำกัด (มหาชน) จะต้องร่วมรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาของกลุ่มชาวบ้านต่อไป และอาจเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมด้วยเช่นเดียวกัน แถลงการณ์ของสมัชชาคนจน ระบุ
     
      นายทองเจริญ สีหาธรรม ตัวแทนชาวบ้านเขื่อนปากมูล กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านก็ยังหมักหมมมาหลายปี การขาย กฟผ. ครั้งนี้ถือเป็นการขายชีวิตของชาวบ้านไปอีกรอบหนึ่ง ไม่มีใครมารับผิดชอบ ฟื้นฟู อาชีพและเยียวยาทรัพยากร เป็นอีกครั้งที่ต้องถือว่า ชีวิตจะถูกถ่ายโอนให้คนอื่นหลอกต่ออีกรอบโดยเข้าไปอยู่ในครอบครองของผู้ถือหุ้น ถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องถือว่าผู้ที่ถือหุ้นครั้งนี้ก็ต้องเป็นเจ้าของปัญหาของชาวบ้านด้วย
     
      ยังมีชาวบ้านเขื่อนปากมูล กว่า 400 คน จาก 72 หมู่บ้าน ร่วมกันชุมนุมบริเวณหน้าเขื่อนปากมูล บริเวณหมู่บ้านหัวงานเขื่อนปากมูล เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ก่อนนำ บริษัท กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ และ กฟผ. ก็มีคำสั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยปิดประตูทางเข้า-ออกสันเขื่อนทั้ง 2 ด้าน พร้อมนำเครื่องกีดขวางหลายชนิดมาวางป้องกัน เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจนที่ประท้วงเข้ามาในตัวเขื่อนด้วย

ส่วนกรณีการเกลี่ยรายได้ของ 3 การไฟฟ้า คือ บริษัท กฟผ., การไฟฟ้านครหลวง (กฟน) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ว่า การประกันผลตอบแทนการลงทุน (Return on Investment Capital : ROIC) ให้กฟผ. ได้ผลตอบแทน 8.7%

น่าสนใจ.........
เอาไปประเมินต่อได้


 :mrgreen:  :mrgreen:  :mrgreen:  :mrgreen:

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการระดมทุนจากภาคเอกชนในการแปรสภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ซึ่งมีนายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน วานนี้(19ก.ย.) ว่า ที่ปรึกษาทางการเงินได้รายงานกำหนดการในการเสนอขายหุ้นสามัญของบมจ.กฟผ.

โดยกำหนด วันที่ 3 ต.ค.2548 จะเป็นวันสรุปช่วงราคาเสนอขายหุ้น(IPO Price rang )

วันที่ 4-6 ต.ค.48 พนักงานบมจ.กฟผ.จองซื้อหุ้น วันที่ 26-27 ต.ค.เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป วันที่ 3 พ.ย. 48 สรุปราคา IPO (Final IPO Price ) และวันที่ 14 พ.ย.48 เริ่มซื้อขายในตลาดหุ้น

ตกลงเขากำหนด IPO price rang ไปหรือยังครับไม่เห็นได้ข่าวเลยครับ  :roll:  :roll:

ขอลองวิเคราะห์ดูบ้าง โดยใช้ dark force

ถ้าเป็นหุ้นดี ลงไปในตลาด จะอยู่ในมือใครมากที่สุด ?
รายย่อยทั้งหลาย เทียบสัดส่วนแล้วเป็นกี่เสี้ยวของขาใหญ่ ?

ถ้าหุ้นเลวมีหนี้มาก ภายในสามปีห้าปีต้องพยายามสร้าง performance
เขาจะทำอย่างไร?

เมื่อบริษัทกำไร เงินปันผลที่ได้ หยิบมาจากมือใครบ้างในสังคม...

จะ IPO แล้วรายละเอียดยังไม่มีไรสักอย่างเลยครับ เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าราคาจะอยู่เท่าไหร่

เรื่องรายได้ไม่ว่าจะเป็น ค่าไฟฐาน เอฟที สูตรใหม่ไร ยังไม่บอกเลยครับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะสรุปก่อน แล้วยังมีการเฉลี่ยรายได้ให้กับ กฟภ. อีก

กลัวว่าถ้า IPO แพงนี่อาจต่ำจองได้เหมือนกันนะครับ แต่ผมว่าไหนๆ ก้เป็นตัวฮอทขนาดนี้ วายุภักษ์เอยคงเข้ามาแน่ๆ ถ้าแปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้วต่ำจองไปเรื่อย คนด่าทั้งบ้านทั้งเมืองแน่ครับ

ลงทุนยาวๆ นี่คงกำไรดีแน่ๆ นะผมว่า แต่ไม่รู้ผู้บริหารเค้าบริหารเก่งแค่ไหนอะครับ

มีข้อมูลแล้ว ฟังปรมาจารย์วิเคราะห์ต่อ ว่าหุ้นแจ๋วขนาดไหน

กำไร ปี 45-47 ตกประมาณ เกือบ 3 หมื่นล้าน
แต่ยังไม่ได้หักภาษี   อีก 30 %
คาดว่า พอหักแล้วคงเหลือ  ประมาณ 2 หมื่น
กับหุ้น 8 พันล้านหุ้น
ก็ตก 2.5 บาท ต่อหุ้น
ขาย 28 บาท ก็ตกที่ P/E = 11.2

ไม่รู้คิดถูกป่าวนะคับ  ช่วยตรวจสอบที

:lol:  :lol:   เอาไงดีหนอ  กับต้องไปยืนรอคิวจอง แล้วได้มา 400 หุ้น คุ้มป่าวเนี่ย?