Mon money เขียน:ทำไมคิดว่าน่าจะสองเด้ง
ผมมองว่าโอกาสโตน้อย แต่เงินสดมาก หากผู้บริหารไม่คิดทำอะไรกับเงินมันก็จะเพิ่มมากขึ้น ไม่รู้จะเก็บไว้แบบWGของพี่ฉัตรหรือเปล่า
สงสัยเพราะหลงคารมณ์ บริษัทนี้อ่ะพี่ ตอบไม่ถูกอ่ะว่ามันจะดีมั๊ย
แต่ซื้อแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ซื้อ (ตอนที่มันขึ้นน่ะ)
ไม่รู้ว่าความคิดมันจะเป็นแผลงๆ แปลกแยกคนอื่นเค้ามั๊ย
แต่ผมก็อ่านงบไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน แต่ถ้ามันมีแบบ ๔๐ กว่าล้านนั่นอีกคงคิดเหมือนกัน
โครงการดำเนินงานในอนาคต
1. บริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิต จากปริมาณการผลิตประมาณ 40,000 ตันต่อปีเป็น 50,000 ตันต่อปี
โดยลงทุนในการก่อสร้างอาคารโรงงานหลังใหม่ พื้นที่ 6,300 ตร.ม. และซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมสำหรับการผลิต
ใช้เงินลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท โดยใช้เงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนในครั้งนี้ และคาดว่า
จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2548 และจะเริ่มทำการผลิตได้ในปี 2549
2. บริษัทมีโครงการก่อตั้งศูนย์บริการ (Service Center) ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อติดต่อประสานงานกับลูกค้า
ในประเทศญี่ปุ่น และแก้ไขซ่อมแซมชิ้นงานในปประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
และเหมาะสม ด้วยงบลงทุนประมาณ 10 ? 20 ล้านบาท โดยใช้เงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนในครั้งนี้
โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมในการลงทุนระหว่างการร่วมทุนกับบริษัทใน
ประเทศญี่ปุ่น หรือการลงทุนโดยบริษัทเอง และคาดว่าจะใช้เงินภายไตรมาสที่ 1 ปี 2549
3. บริษัทมีแผนที่จะร่วมทุนกับบริษัทผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กในประเทศจีน เพื่อขยายตลาดไปยังประเทศจีน และ
เพื่อเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบเหล็กในประเทศจีน นอกจากนั้นเพื่อได้เรียนรู้เทคโนโลยีในการผลิตเหล็กโครงสร้างเบา โดย
มีสัดส่วนการลงทุนไม่เกินร้อยละ 10 และใช้เงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท โดยใช้เงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแก่
ประชาชนในครั้งนี้ และคาดว่าจะใช้เงินภายไตรมาสที่ 1 ปี 2549
4. บริษัทมีโครงการก่อสร้างท่าเรือที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห่างจากโรงงานประมาณ 3 กม.
เพื่อใช้ในการขนถ่ายชิ้นงานที่ผลิตเสร็จไปยังท่าเรือคลองเตยโดยตรง ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้า
ประหยัดเวลา ขนส่งได้คราวละมากๆ ควบคุมง่ายและชิ้นงานไม่ได้รับความเสียหาย และบริษัทสามารถลดต้นทุน
ค่าขนส่งได้ประมาณ 90 บาทต่อตัน ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 1 ? 2 ของต้นทุนค่าขนส่ง ทั้งนี้บริษัทจะร่วมทุน
กับเจ้าของท่าเทียบเรือแห่งหนึ่งที่อำเภอบางไทร โดยบริษัทลงทุนในการก่อสร้าง/ขยาย/ปรับปรุงท่าเรือและติดตั้ง
เครนให้ และคาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือในปี 2548 และใช้เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท
โดยใช้เงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนในครั้งนี้ และคาดว่าจะใช้เงินภายไตรมาสที่ 1 ปี 2549
5.บริษัทมีโครงการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัททางหนึ่งในอนาคต โดยบริษัท
ได้มีการลงทุนไปแล้วประมาณ 20 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2546 และได้เริ่มโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์และ
ทดลองขายผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการทำวิจัยและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ร่วมกับคณาจารย์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โครงการ
ดังกล่าวคาดว่าจะใช้เงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ปีละประมาณ 2-2.5 ล้านบาท และใช้เงินทุนหมุนเวียน
ปีละประมาณ 11-12 ล้านบาทในระหว่างปี 2548-2549 แหล่งเงินทุนของโครงการมาจากเงินหมุนเวียนของบริษัท
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะเริ่มทดลองผลิตและจำหน่ายได้ในปี 2548 ประมาณ 1,000 ตัน โดยเป็นการขายภายใน
ประเทศทั้งหมด และในปี 2549 บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3,500 ตัน โดยขายภายในประเทศประมาณ
3,000 ตัน และทดลองขายต่างประเทศประมาณ 500 ตัน หลังจากนั้นบริษัทจะพิจารณาทบทวนผลการดำเนิน
การอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้หากบริษัทไม่ดำเนินการโครงการนี้ต่อไป บริษัทจะมีค่าใช้จ่าย
โครงการรวมประมาณ 30 - 33 ล้านบาท (ประมาณการค่าใช้จ่ายรวมปี 2546 ? 2549) และอาคารที่ใช้
ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จะนำมาใช้เป็นอาคารโรงงานผลิตโครงสร้างเหล็กต่อไป