หน้า 2 จากทั้งหมด 2
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 3:57 pm
โดย สุมาอี้
Jeng เขียน:แต่สำหรับผมแล้ว การเลือกหุ้น pe ต่ำ แต่อนาคตดี หรือเสมอตัว อาจจะดีกว่าหุ้น pe สูง ที่ต้องลุ้นเสมอว่า อนาคตต้องดีนะ
ถ้าแบบนี้ก็โอเคครับ แต่ถ้าแบบว่า pe ต่ำแปลว่าถูก pe สูงแปลว่าแพง โดยไม่สนใจว่า e กำลังเปลี่ยนแปลงไปทางไหน แบบนี้หายนะครับ
ตอนที่ Micheal Dell เป็นนักศึกษาปี 2 แล้วประกอบเครื่องคอมฯ ขายหาลำไพ่พิเศษ ถ้าคุณไปขอร่วมหุ้นกับแก $1 มีคนคำนวนไว้ว่าตอนนี้หุ้นนั้นจะมีมูลค่าประมาณ $8,000,000 ครับ Dell เป็นหุ้นที่โตเร็วที่สุดในทศวรรษที่ 90
ถ้าต้นทศวรรษที่ 90 คุณซื้อหุ้น Dell ที่ P/E สัก 1,000 ตอนนี้คุณก็ยังได้กำไรมากกว่าคนที่ซื้อหุ้น McDonald's พร้อมกับคุณที่ P/E สัก 12
ที่ผมพยายามจะบอกก็คือว่า การเติบโตมีผลต่อ Valuation ของหุ้นอย่างมาก การตีราคาหุ้นโดยดูจากกำไรปัจจุบันอย่างเดียวไม่เป็นธรรมครับ
ถ้ายึดคติว่า pe ยิ่งต่ำแปลว่ายิ่งถูก พอร์ตของคุณจะเต็มไปด้วย หุ้นที่กำลังจะล้มละลาย หุ้นที่กำลังเป็นดาวตก หุ้นที่อยู่จุดสูงสุดของวัฏจักรพอดี หุ้นโตช้า ฯลฯ ซึ่งคุณอาจจะได้กำไรพอสมควรจากหุ้นโตช้าในพอร์ตของคุณ เพราะคุณซื้อมันมาไม่แพง หรืออาจได้กำไรอย่างมากจากหุ้น pe ต่ำที่บังเอิญวันหนึ่งกลายเป็นหุ้นโตเร็วขึ้นมา แต่คุณก็อาจขาดทุนจากหุ้นประเภทอื่นๆ ที่เหลือในพอร์ตของคุณอย่างมากได้ด้วย
เรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบก็คือ ตอนที่ Buffet ซื้อ KO เขาซื้อที่ PE 15 ในขณะที่ตอนนั้น S&P500 มี PE ประมาณ 7 เท่านั้น และเขาก็ยังกำไรจาก KO อย่างมากมายมหาศาล
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 4:14 pm
โดย อาฮุย
ความมั่นคงของ E คือจุดสำคัญ...
คุณสุมาอี้ ยอดเยี่ยมจริง ๆ :lol: :lol: :lol:
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 4:21 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ถ้ายึดคติว่า pe ยิ่งต่ำแปลว่ายิ่งถูก พอร์ตของคุณจะเต็มไปด้วย หุ้นที่กำลังจะล้มละลาย หุ้นที่กำลังเป็นดาวตก หุ้นที่อยู่จุดสูงสุดของวัฏจักรพอดี หุ้นโตช้า ฯลฯ ซึ่งคุณอาจจะได้กำไรพอสมควรจากหุ้นโตช้าในพอร์ตของคุณ เพราะคุณซื้อมันมาไม่แพง หรืออาจได้กำไรอย่างมากจากหุ้น pe ต่ำที่บังเอิญวันหนึ่งกลายเป็นหุ้นโตเร็วขึ้นมา แต่คุณก็อาจขาดทุนจากหุ้นประเภทอื่นๆ ที่เหลือในพอร์ตของคุณอย่างมากได้ด้วย
เรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบก็คือ ตอนที่ Buffet ซื้อ KO เขาซื้อที่ PE 15 ในขณะที่ตอนนั้น S&P500 มี PE ประมาณ 7 เท่านั้น และเขาก็ยังกำไรจาก KO อย่างมากมายมหาศาล
หุ้น mcs ก็ pe ต่ำ และ อืม ก็ไม่เห็นว่าจะโตช้านะ
ในขณะที่ wg ก็ pe ต่ำ แต่ กำไรก็โตไม่ช้านะ อาจจะดูเหมือนช้า แต่ wg ทำให้คุณฉัตรชัยรวยไปแล้ว
อืม ผมว่าเป็นความเชื่อส่วนตัวมั๊งครับ ที่คิดว่าคนที่ซื้อหุ้น pe ต่ำ พอร์ตจะเต็มไปด้วย หุ้นทีใกล้ล้มละลาย
ยืนยันครั้งสุดท้ายนะ
คุณวิบูลย์ ซื้อ pttep ตอน pe ต่ำ คุณพี่ครรชิตซื้อ tr ก็ตอน pe ต่ำ
คุณปีเตอร์ ชาง มีทั้ง psl และ tcb ก็ตอน pe ต่ำ
ตัวอย่างเรื่อง วอเรนซื้อ pe 15 อืม โดยปกติเมกา ค่าเฉลี่ย pe สูงนะ และ 15 ก็ไม่แปลว่าสูง เมื่อเทียบกับตลาดเมกา
ส่วนวอเรนก็ชอบยกตัวอย่างว่า ได้ซื้อหุ้น ที่ pe ต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจตก แต่ตัวธุรกิจยังดี
คงเข้าใจกันแล้วนะ เป็นแค่แนวคิดที่แตกต่าง
1. ผมชอบหาหุ้น pe ต่ำครับ
2. คุณสุมาอี้ อาจจะไม่ชอบหุ้น pe ต่ำ
ก็แล้วแต่ครับ
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 4:29 pm
โดย สุมาอี้
ผมชอบหุ้น pe ต่ำครับ แต่ต่ำกว่าโอกาสในการเติบโต มิใช่ต่ำกว่า 10
ถ้าหุ้นเติบโตเร็วแล้ว pe ยังต่ำอีก ทำไมจะไม่เอาล่ะครับ
PTTEP ตอน pe 7 น่าซื้อมากๆ แต่ไม่ใช่น่าซื้อเพราะ pe 7 แต่น่าซื้อเพราะจริงๆ แล้วมันเป็นหุ้นที่โตเร็วมากแต่ตลาดคาดไม่ถึง
หุ้นโตเร็วส่วนใหญ่ตลาดก็รู้ว่ามันโตเร็วครับ pe จึงมักจะสูงกว่าดัชนี แต่ถ้ามันไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับโอกาสเติบโต ก็ซื้อได้ครับ เพราะคุณก็จะมีกำไรพอสมควร แต่ถ้าคุณสามารถหาหุ้น pe ต่ำที่ตลาดไม่รู้ว่ามันคือหุ้นเติบโต อันนี้คุณจะได้กำไรอย่างมหาศาล
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 4:33 pm
โดย Jeng
อืม นั่นก็หมายความว่า หาหุ้นที่โต ถ้าโชคดี pe ต่ำด้วยก็ดี
วิธีที่ 1. หาหุ้นในตลาดที่โต ( คาดว่าจะโต ) แล้วมาดูถ้ามี pe ต่ำ ก็ดี ถ้าไม่มี pe สูงหน่อยก็ซื้อ
วิธีที่ 2. หาหุ้น pe ต่ำ ทั้งตลาดมาก่อน แล้วมากรองหา หุ้นที่มีโอกาสโต
ผมชอบวิธีที่สองครับ
เพราะหุ้นที่ pe ต่ำนั้น เป็นผลงานในอดีตครับ ที่เกิดขึ้นแล้ว ในขณะหุ้นที่เราคิดว่า จะโต ใครจะไปรู้ครับ
เหมือน ptt ตอนนั้น ใครจะไปรู้ว่าจะโต
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 4:39 pm
โดย Jeng
จริงๆคุณสุมาอี้ต้องลองยกตัวอย่างจริง ของใครก็ได้ที่ซื้อหุ้น ตอน pe สูงๆ แล้วต่อมา 2-3 ปี ราคาหุ้นก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้ง peลดลงมาก แต่ราคาหุ้นไม่ได้ลดลง pe ลดลงจากกำไรที่มากขึ้น
ขอตัวอย่างจริง เป็นกรณีศึกษานะครับ
และขอระยะเวลานานหน่อยนะ แบบว่าสัก 2-3 ปีนะครับ
ไม่ใช่ซื้อ bgh bh ตอน pe สูง ถือไว้ 2 เดือน โห ราคาวิ่งใหญ่ แล้วสรุปว่าใช่ เลย ผมว่าสรุปเร็วไปหน่อย
อยากศึกษาจริงๆนะ ไม่ได้มาว่าอะไร คืออยากเปิดโลกตัวเองเหมือนกัน
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 4:52 pm
โดย สุมาอี้
ผมซื้อ BH ตอนเมื่อ มีค 2547 ราคา 60.5 บาท ต่อมา split 5:1 กลายเป็น 12.1 บาท ตอนนั้น PE น่าจะซักประมาณ 13 แต่ fully diluted น่าจะสัก 17 เห็นจะได้ ในขณะที่ SET มี P/E สักประมาณ 9
สองปีต่อมา 26.5 บาทแล้ว แบบนี้โอเคหรือเปล่าครับ ผมเพิ่งเข้ามาในตลาดได้แค่ 2 ปี ซื้อหุ้นไปแค่ 3 ครั้ง เลยไม่มีตัวอย่างที่ถือยาวๆ ให้ดู แต่ผมว่าในที่นี้หลายๆ คนมีนะครับ
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 5:02 pm
โดย Jeng
ดีครับ แต่เวลายังสั้นเกินไปหรือเปล่า ไว้ดูกันต่อไปอีกสัก 2-3 ปีดีกว่า
เพราะราคาตอนนี้อาจจะทำให้สรุปผิดได้ครับ
กำไร BH ตั้งแต่ปี 2001 ถึง 2005 ไตรมาสสอง รวมทั้งหมด 2498 ล้าน แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นมาจาก ประมาณ 9000 ล้าน เป็น 19000 ล้าน
คงต้องติดตามกันต่อไป และต้องยอมรับว่าจังหวะของโรงพยาบาลมาเป็นแบบนี้ เพื่อนๆหมอยังงงเลย
............................................................................................
นับว่าเป็นเคสที่น่าติดตาม
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 14, 2005 10:19 pm
โดย hed
เข้ามาดูคุณ jeng และ คุณ สุมาอี้ คุยกันครับ ได้ไอเดียดีๆเยอะครับ
ปล.ผมชอบมุมมองแบบคุณสุมาอี้ แต่ชอบวิธีการแบบคุณ jeng ครับ
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 15, 2005 1:16 am
โดย jiras
ชอบครับ ได้หลากมุมมอง
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 15, 2005 9:02 pm
โดย Stock Broker
อ่านกระทู้นี้แล้ว เห็นด้วยกับท่านนันเลยว่า หลายคนยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำระหว่าง "เรือตู้" กับ "เรือเทกอง" :?
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 16, 2005 9:41 am
โดย สุมาอี้
มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูดอ่ะครับ..
เวลาคนได้ยินว่าผมมีหลักการเล่นหุ้นอย่างไร ทุกคนจะเข้าใจไปว่าผมชอบหุ้นพีอีสูง
ผมเห็นในหนังสือส่วนใหญ่เขาเรียกหุ้นพีอีสูงว่าหุ้นเติบโต หุ้นพีอีต่ำว่าหุ้นคุณค่า จนกลายเป็นมาตรฐานไปแล้ว
ซึ่งผมว่าผิดโดยสิ้นเชิง..
คิดดูก็รู้แล้วว่า กำไรของบริษัทจะเติบโตหรือไม่เติบโต ราคาหุ้นจะไปเกี่ยวอะไร อย่างนี้ใครอยากให้กำไรของบริษัทตัวเองเติบโตมากๆ ก็ช่วยกันซื้อหุ้นในตลาดให้แพงๆ สิ จะได้เติบโต
หน้าที่ของนักลงทุนคือการมองว่าบริษัทไหนมีโอกาสในการเติบโตของกำไรที่สูงแต่ยังมีพีอีต่ำกว่าโอกาสนั้นอยู่ก็ซื้อ ตัวไหนมีโอกาสในการเติบโตของกำไรต่ำแต่พีอีสูงอยู่ก็ขาย นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากการมองเห็นความไม่สมดุลเหล่านั้น และสังคมก็จะได้รับประโยชน์จากการที่ทุนถูก allocateไปในธุรกิจต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด
หุ้นเติบโตไม่จำเป็นต้องมีพีอีสูงเสมอไป หน้าที่ของเราคือการมองหา mispriced securities ให้เจอแล้วปรับมันให้ถูกต้อง
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 16, 2005 10:58 am
โดย hed
สุมาอี้ เขียน:มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูดอ่ะครับ..
เวลาคนได้ยินว่าผมมีหลักการเล่นหุ้นอย่างไร ทุกคนจะเข้าใจไปว่าผมชอบหุ้นพีอีสูง
ผมเห็นในหนังสือส่วนใหญ่เขาเรียกหุ้นพีอีสูงว่าหุ้นเติบโต หุ้นพีอีต่ำว่าหุ้นคุณค่า จนกลายเป็นมาตรฐานไปแล้ว
ซึ่งผมว่าผิดโดยสิ้นเชิง..
คิดดูก็รู้แล้วว่า กำไรของบริษัทจะเติบโตหรือไม่เติบโต ราคาหุ้นจะไปเกี่ยวอะไร อย่างนี้ใครอยากให้กำไรของบริษัทตัวเองเติบโตมากๆ ก็ช่วยกันซื้อหุ้นในตลาดให้แพงๆ สิ จะได้เติบโต
หน้าที่ของนักลงทุนคือการมองว่าบริษัทไหนมีโอกาสในการเติบโตของกำไรที่สูงแต่ยังมีพีอีต่ำกว่าโอกาสนั้นอยู่ก็ซื้อ ตัวไหนมีโอกาสในการเติบโตของกำไรต่ำแต่พีอีสูงอยู่ก็ขาย นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากการมองเห็นความไม่สมดุลเหล่านั้น และสังคมก็จะได้รับประโยชน์จากการที่ทุนถูก allocateไปในธุรกิจต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด
หุ้นเติบโตไม่จำเป็นต้องมีพีอีสูงเสมอไป หน้าที่ของเราคือการมองหา mispriced securities ให้เจอแล้วปรับมันให้ถูกต้อง
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 16, 2006 11:28 pm
โดย วัวแดง
ขอขุดขึ้นมาหน่อยครับ....
อ่านแล้วชอบมากครับ......
ชอบแนวคิดคุณสุมาอี้มากๆๆๆ แต่ทำใจไม่ได้ เพราะผมชอบ peต่ำ pbv ต่ำ ปันผลสูง เติบโตสูง-ปานกลาง(สม่ำเสมอ) เงินสดเยอะ และที่สำคัญราคาลงมาจากจุดสุงสุดเยอะๆ จนใกล้ถึงราคาต่ำสุดในรอบ2ปี.....
บางคนบอกมีด้วยหรอ ผมบอกได้เลยว่ามี โดยเฉพาะตอนข่าวร้ายมาเยือน เยอะๆๆ เช่นตอนนี้.........
หรือผมไม่ใช่ vi :lol:
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 17, 2006 8:38 am
โดย สุมาอี้
เมื่อคืนหลังปิดตลาด PSL แจ้งผลประกอบการ
PSL 4Q2005
net income 1066 ราคาปิดตลาด 30.75
แต่ไปดูบทวิเคราะห์เก่าพบว่า
ASP คาดไว้ 1450 เป้าหมาย 27.9 บาท
GBX คาดไว้ 1386 เป้าหมาย 39 บาท
น่าติดตามอย่างยิ่งว่าเปิดตลาดวันนี้อะไรจะเกิดขึ้น
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 17, 2006 9:14 am
โดย CK
เปิดตลาดน่าจะขึ้นก่อนครับ หลังจากนั้นก็เซๆ แล้วลบตาม SET ไป
หุหุ กลายเป็นหมอเดาไปแล้ว
ขายไปแล้วครับเมื่อวาน
เป็นภาวะปกติหลังจากเพิ่งขาดทุนมาหมาดๆ คือ "ขายหมู"
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 17, 2006 9:19 am
โดย สุมาอี้
เอ่อ แล้วผีเสื้อคืออะไรหรือครับพี่ซีเค ดูยังไงครับ
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 17, 2006 9:53 am
โดย สุมาอี้
เข้าใจว่าเมื่อคืน BDI Index ขึ้น 5% ในคืนเดียว
ไม่รู้ว่า net effect แล้วจะเป็นอย่างไร
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 17, 2006 10:12 am
โดย สุมาอี้
ตลาดหุ้นนี่คนมองแต่อนาคตจริงๆ นะครับ
และแล้วก็ลองเข้าRCL อีกครั้ง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 17, 2006 2:50 pm
โดย วัวแดง
สุมาอี้ เขียน:เมื่อคืนหลังปิดตลาด PSL แจ้งผลประกอบการ
PSL 4Q2005
net income 1066 ราคาปิดตลาด 30.75
แต่ไปดูบทวิเคราะห์เก่าพบว่า
ASP คาดไว้ 1450 เป้าหมาย 27.9 บาท
GBX คาดไว้ 1386 เป้าหมาย 39 บาท
น่าติดตามอย่างยิ่งว่าเปิดตลาดวันนี้อะไรจะเกิดขึ้น
ผมว่าบวกครับ( เพิ่งเข้าเน็ต เลยตอบช้าหน่อย ไม่ได้รอผลอยู่นะ :lol: )
เหตุผลข้อ1 คือนักวิเคาะมักผิดอยู่เสมอ
ข้อ2.ตอนนี้มองอย่างอื่นมากกว่า(คล้ายๆมองอนาคต) (bdi) ซึ่งเมื่อนักวิเคาะและผู้เชื่ยวชาญต่างๆ เปลื่ยนมุมมองว่า ดีมากๆในอนาคต เมื่อนั้นหุ้นจะขึ้นกระฉูด ตามมาด้วยพาคนไปขึ้น ดอยเรียบร้อยแล้ว :lol: :lol:
***เป็นความเชื่อส่วนตัวที่เห็นมาบ่อย และเคยเป็นเหยื่อของมันมาแล้ว***