หน้า 2 จากทั้งหมด 3

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 11, 2003 9:34 pm
โดย corner
ผมขอแจมด้วยคนนะครับ ตอนนี้ก็ไล่อ่านตามอยู่
ขอนอกเรื่องนิดนึง คือผมกำลังจะทำวิจัยเรื่องจิตวิทยาการลงทุนอยู่ พี่ๆเพื่อนTVI ท่านที่มีประสบการณ์ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมครับ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 11, 2003 10:52 pm
โดย Jeng
คนส่วนใหญ่ ซื้อหุ้นแล้วกะให้มันขึ้นเลย

เมื่อราคาหุ้นลง คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า หุ้นตัวนั้นพื้นฐานไม่ดี

เช่นซื้อไว้ที่ราคา 19 พอราคาลงไป 17 ก็เริ่มคิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตอนเข้าซื้อกะว่าราคา 19 นี่เป็นราคาต่ำสุดแล้ว

พอราคาวิ่งลงไปอีก เช่น 15 ชักหนาวละซิทีนี้

พอราคาวิ่งกลับมาที่ 17 หลายๆคน cut loss เลย ขาดทุน 2 บาท ดีกว่า ขาดทุน 4 บาท

พอราคากลับไป ที่ 15 ก็ดีใจ เห็นมั๊ยละ ถ้าไม่ cut loss ป่านนี้แย่เลย

และก็เลิกดูราคาหุ้นตัวนี้ เปลี่ยนไปดูหุ้นตัวอื่น

ผ่านไปซัก 4-6 เดือน กลับมาดูราคาหุ้นตัวนี้อีก แทบตกเก้าอี้ไปเลย เพราะราคาวิ่งไป 55 บาท

คงมีแบบนี้ และแบบอื่นๆครับ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 11, 2003 11:12 pm
โดย ปรัชญา1
:P การลงทุนของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ

การรับความเสี่ยงได้ ไม่เท่ากัน

เสี่ยงได้มากบ้าง น้อยบ้าง

คาดการว่า.....กิจการคือหุ้นตัวนั้นจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

เหตุผลการลงทุน และสิ่งแวดล้อม

บางคนซื้อหุ้นตามเพื่อนบอก
บางคนซื้อหุ้นเพราะสำรวจตลาดดูว่าอะไรขายดี
บางคนอ่านงบการเงิน ดูเศรษฐกิจ ดูค่าเงิน
ดูวอลุ่มหุ้น ผมคิดว่า10คนก็คง10อย่าง

แต่จะมีอยู่1อย่างที่เหมือนกัน
คือต้องการประสบความสำเร็จในการลงทุน

บางคนถือหุ้นตัวนี้สบายใจกินอิ่มนอนหลับ
บางคนถือเพื่อความสุขใจ
บางคนอ่านขาดว่าจะได้ปันผลเท่าที่ต้องการ
ราคาหุ้นลงก็ไม่ตกใจ เพราะการขึ้นลงเป็นเรื่องธรรมดา

วิธีการลงทุน

นักเก็งกำไร จะมีเหตุผลว่า..ได้ก็ดี เสียก็โยนทิ้ง

นักลงทุน กว่าจะซื้อหุ้นได้แต่ละตัว
ตั้งโจทย์ทำการบ้านอยู่นั่นล่ะ

เจ้าของผู้ถือหุ้นใหญ๋ ชื่อ-นามสกุลอะไร
เอาหุ้นมาเล่นรอบหรือเปล่า
มีบริษัทย่อย น่าสงสัยไหม
ธุรกิจนี้ จะทรงๆ หรือเติบโตกี่%
ผู้บริหารซื่อสัตย์ สุจริต ตั้งแต่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือเปล่า
ปัจจัยพื้นฐาน

มีเงินกำไรสะสมไหม
มีหนี้สินเท่าไหร่
มีโครงการในอนาคตไหม
โอ๊ย........สารพัดที่จะคิด

การซื้อหุ้น
บางคนซื้อ ต้องการจำนวนมากๆ
ซื้อได้มาแล้วตั้งยันไม่ให้ลงและดันขึ้นไปเรื่อยๆ
จนได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ
บางคนรับแล้วถอย รับแล้วถอย ตั้งกด

(ส่วนผมซื้อเฉลี่ยขึ้น ไม่ค่อยมีคนใช้วิธีนี้มันเสี่ยงครับ)

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 11, 2003 11:31 pm
โดย Mon money
ลองหาหนังสือเรื่อง Mental work of Model ของ Robert G. Hagstrom มาอ่าน หรือลองหาเรื่องนี้ที่ Charlie Munger พูดไว้ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหมนะครับ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 13, 2003 9:32 pm
โดย corner
ขอโทษที่ผมพาออกนอกเรื่องเลย แต่ก็ขอบคุณพี่ๆที่แนะนำครับ
จริงๆตอนนี้ผมก็พิมพ์ออกมาอ่านอยู่ และก็พยามจัดเป็นหมวดหมู่นะครับ
จะเห็นได้ว่า เรื่องมันมีตั้งแต่วิธีพิจารณาหุ้น การใช้ปัจจัยพื้นฐานต่างๆ การทำ valuation ที่เอามาจัดกลุ่มเป็น section ในหนังสือได้นะครับ
ผมไม่แน่ใจว่าความรู้ถึงหรือเปล่า แต่อยากอาสาช่วยด้วยนะครับ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 22, 2003 4:36 pm
โดย คลายเครียด
ขออนุญาตกลับมาถามความคืบหน้า
เรื่องพิมพ์กระทู้เป็นหนังสือไปถึงไหนแล้วครับ
รออ่านอยู่ เพราะไม่ได้ตามอ่านกระทู้มานานแล้ว
อยากให้ทำออกมาเป็นสองเล่ม
เล่มแรกระดับเบสิก ผมจะขออ่านเล่มนี้ก่อน ฮาๆๆๆ
เล่มสองระดับแอดวานซ์ สำหรับพวกมือโปรฯ
สองสามวันก่อนผมไปดูหนังสือในซีเอ็ด
หนังสือแนววีไอของคุณเฟยหงขายดี พิมพ์ครั้งที่เจ็ดแล้ว

ขอเสนอของคุณคอนเนอร์ น่าสนใจ
ควรเชิญเข้าไปเป็นบรรณาธิการร่วม
พิมพ์ออกมาเร็วๆน่าจะดี
ตอนนี้นักลงทุนหน้าใหม่ๆเข้าตลาดเยอะจริงๆ
ถ้าไม่พกอะไรไว้เป็นอาวุธ นอกจากข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าววงใน
ระยะยาวลำบากแน่

ขอทักทายคุณปรัชญาในความเห็นนี้ด้วยครับ
เรื่องประสาทหูเสื่อม คงต้องทำตามที่คุณครรชิตแนะนำไว้
คือยอมรับสภาพ และอยู่กับมันต่อไปอย่างสันติ
รวยแล้วน่า เรื่องแค่นั้นเล็กน้อย ฮาๆๆ

สำหรับหุ้นสหพัฒน์ในตลาดมีดังนี้ครับ

อาหารมี
TF PR PB

เวชภัณฑ์มี
S & J

สิ่งทอมี
BNC BRC BTNC NPK PAF PG TNL TPCORP
WACOAL

พาณิชย์มี
ICC OCC NC SPC SPI

โฆษณามี
FE

รีแฮบมี
IFEC

ไอเฟคเป็นตัวที่เน่าที่สุดของสหพัฒน์
และเป็นหุ้นที่แสดงให้เห็นว่า
เราไม่ควรทำอะไรที่ตัวเองไม่ถนัด

ตามความรู้สึกส่วนตัวของผม
ซึ่งไม่มีหลักการทางงบการเงินแต่อย่างไร
หุ้นกลุ่มสหพัฒน์ขึ้นถึงจุดสูงสุด หรือไม่ก็เกือบสูงสุดแล้ว
ไปต่อยาก เพราะเจ้าของไม่ได้ลงมาช่วยปั่นกับรายใหญ่ในตลาด
เป็นหุ้นในตลาดเพียงกลุ่มเดียวที่ไม่เคยแจกวอร์แรนท์?
นอกจากโอซีซี ที่เคยลงมติแจกวอร์แรนท์ฟรีให้กับพนักงานบริษัท
ราคาใช้สิทธิ์ที่สามบาท
แต่เรื่องก็เงียบหายไป เข้าใจว่าคุณสำเริง มนูญผลอาจจะเบรคเอาไว้

ขออนุญาตท้วงติงอีกเรื่องครับคุณปรัชญา
โฟร์โมสต์ออกจากตลาด
โดยการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่
สัญชาติเนเธอร์แลนด์ครับ
ก่อนหน้านั้น
วอลล์ของยูนิลีเวอร์เพียงแต่มาซื้อเฉพาะแผนกไอศกรีมไปเท่านั้น
ผมก็ได้ขายไปตอนทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ออกจากตลาด
ที่ ๑๐๔ บาท(ซื้อมา ๔๐)

รออ่านหนังสือครับ
พิมพ์ออกมาเร็วๆหน่อย

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 22, 2003 7:22 pm
โดย ปรัชญา1
ขอทักทายคุณปรัชญาในความเห็นนี้ด้วยครับ
เรื่องประสาทหูเสื่อม คงต้องทำตามที่คุณครรชิตแนะนำไว้
คือยอมรับสภาพ และอยู่กับมันต่อไปอย่างสันติ
รวยแล้วน่า เรื่องแค่นั้นเล็กน้อย ฮาๆๆ

สำหรับหุ้นสหพัฒน์ในตลาดมีดังนี้ครับ

อาหารมี
TF PR PB

เวชภัณฑ์มี
S & J

สิ่งทอมี
BNC BRC BTNC NPK PAF PG TNL TPCORP
WACOAL

พาณิชย์มี
ICC OCC NC SPC SPI

โฆษณามี
FE

รีแฮบมี
IFEC

ไอเฟคเป็นตัวที่เน่าที่สุดของสหพัฒน์
และเป็นหุ้นที่แสดงให้เห็นว่า
เราไม่ควรทำอะไรที่ตัวเองไม่ถนัด


:P สวัสดีครับเฮียคลายเครียด

ขอบคุณครับ ที่เข้ามาชี้แจงเรื่องรายละเอียดของไอศครีม
ผมพูดแบบอธิบายไม่หมดก็ต้องขอโทษด้วยครับ
โรคปลายประสาทหูเสื่อม คงหมดโอกาสหายแล้วคงเป้นเวรกรรม
พูดแบบธรรมเข้าข่มใจครับ ทรมานก่อนนอนทุกคืน

เฮียคลายเครียด ก็ถือหุ้นกลุ่มสหพัฒน์อยุ่หลายบริษัทนิครับ
คงจะได้มากกว่าเสีย

ผมสนใจBTNC ของคุณศิริณา
ท่านไม่ยอมปันผลทั้งที่บริษัทมีกำไร
และท่านก็แจ้งตลาดหลักทรัพย์เกือบทุกอาทิตย์ว่า....
ซื้อหุ้นตัวนี้เพิ่ม อาทิตย์ละ1-2พันหุ้น
ด้วยประสพการณ์ของเฮีย
เฮียคลายเครียด คิดว่ามีสัณญานอะไรหรือเปล่าครับ
ผมดูแล้วเดาไม่ถูกครับ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 23, 2003 7:46 pm
โดย Solo
ผมขอจองสักสิบหุ้น ครับ เฮีย สอง คอ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 23, 2003 9:59 pm
โดย VIB007
เรียนเฮียคลายเครียดที่นับถือครับ

เรื่องหนังสือ
ผมยกให้ บก.Mon กับ ผจก.ธันวา แล้วครับ
ตอนนี้ ผจก. ก็กำลังเดินป่าอยู่
คิดว่าอาทิตย์หน้าคงกลับเข้ากรุง
ไว้ ท่าน ผจก. ธันวากลับมา
คิดว่าคงมีข่าวดี

ส่วนการรวบรวมของคุณ Corner
ถ้าเสร็จก็ส่งให้ บก.Mon ดูได้เลยนะครับ
ได้มาร่วมงานกันให้สนุกไปเลย

วันก่อนเพื่อนผมมาแซวว่า
ดร.นิเวศน์เคยพูดเรื่องปั่นแปะ
เมื่อการแข่งขันมาถึงจุดหนึ่ง
ก็มีคนพิมพ์หนังสือกลยุทธการปั่นแปะออกมา
แล้วเขาก็หัวเราะเสียงดัง

ผมก็เลยบอกว่า
ผมไม่ได้คิดอะไรใหม่ๆเลย
ผมไม่ได้คิดกลยุทธอะไร
ทุกสิ่งที่ผมเล่าให้ฟัง
ก็เพียงแต่ลักจำอาจารย์Buffet มา
แล้วเล่าให้ฟังเท่านั้นเอง
อย่าเข้าใจผิดว่าผมจะคิดตั้งตัวเป็นเซียนหุ้นกับเขา
เพราะผมเป็นแค่นักลงทุนธรรมดาคนนึงเท่านั้นเอง
และผมก็ไม่ได้บอกให้ใครมาทำตามสักหน่อย
เผลอๆทำตามอาจจะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าชาวบ้านก็ได้
ฮ่า ฮ่า ฮ่า

จริงๆถ้าพิมพ์ออกมา
ผมคงอายนักเก็งกำไรแย่
ตอนนี้ญาติพี่น้องผมบอกว่าไงรู้มั๊ยครับ
เขาบอกว่า
ไม่เห็นจำเป็นต้องอ่านหนังสือ Buffet
เป็นสิบๆเล่ม อย่างที่ผมทำ
ก็ได้กำไรเยอะแยะแล้ว
ผมก็ได้แต่เงียบ
เพราะพวกเขากำไรเยอะกว่าผมมาก
แต่ผมก็ไม่ย่อท้อหรอกครับ
กลับเป็นแรงบันดาลใจให้ผมยิ่งมุ่งมั่นในแนวทาง VI
มากขึ้นกว่าเดิม

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 23, 2003 10:47 pm
โดย someOne
ขอเสนอเพิ่มครับ

ลองเอาเนื้อหาใน meeting ทั้งครั้งที่ 1 และ 2 ไปตัดแต่งตกแต่งให้สวยงามแล้วมาลงเป็นเนื้อหาในเล่มจะดีไหมครับ ?

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 24, 2003 2:34 pm
โดย thanwa
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ

อย่างที่ว่าครับ ผมโทรไปติดต่อสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งเอาไว้
คงจะต้องรวบรวมให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเพื่อให้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
งานนี้ก็เอามันอีกเช่นเคยครับ เพราะคงไม่ได้อะไรเป็นกอบเป็นกำ
กะว่าจะคุยกันวันที่ 1 ธ.ค. ตามที่คุณเจ๋งเคยโพสต์เอาไว้

คุณเจ๋ง บก.มน คุณวิบูลย์ เฮียคลายเครียด คุณ cornner คุณ moo
คุณ dear คุณ Banchap คุณ solo คุณ SomeOne คุณ ayethebing คุณ M101 คุณ gather คุณ dolphins และท่านอื่นๆ ที่สนใจ ช่วยเคลียร์คิววันที่ 1 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 10:30 - 15:00 น. คุยกันทั้งเรื่องหนังสือและก็เรื่องทั่วๆ ไป ใครอยากคุยเรื่องอะไรก็พกมาเลยครับ

อืม... ดูเหมือนผมเป็นคนนัดยังไงไม่รู้นะเนียะ :wink:

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 25, 2003 10:22 pm
โดย Mon money
พี่ไก่และเพื่อนๆครับ เสาร์หน้าครับไม่ใช่ 1 ธค. ครับ 1 พย.นะครับท่าน ว่างก็มานั่งคุยกัน สถานที่พี่เจ๋งกำหนดครับ อเมริกันแชร์ตามระเบียบพัก

ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดพิมพ์หนังสือ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 26, 2003 5:52 pm
โดย แดง
เพิ่งเริ่มเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นได้ไม่นาน และ www.thaivalueinvestorcom ก็เป็นที่หนึ่งที่ดิฉันได้ความรู้เพิ่มขึ้นมา และเนื่องจากมีประสบการณ์เกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ก็เลยขออนุญาต ให้ข้อมูลในการจัดพิมพ์หนังสือที่คุยกันอย่ดังนี้ค่ะ
ในการจัดพิมพ์หนังสือต้องมีการจัดเตรียมต้นฉบับให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งเข้าใจว่าคุณธันวา คงได้รับมอบหมายไปโดยปริยายไปเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาก็เข้าสู่ขั้นตอนการจัดพิมพ์ก็ทำได้โดย
1. ลงทุนในการจัดพิมพ์เอง โดยการระดมทุน หรือทุนส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ แล้วก็จัดหาคงมาจัดหน้า เรียงพิมพ์ แล้วก็ว่าจ้างโรงพิมพ์ให้พิมพ์ตามจำนวนที่ต้องการ
2. ติดต่อสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะสนใจ แล้วนำต้นฉบับไปนำเสนอ เช่น ที่ ซีเอ็ด ทางสำนักพิมพ์เองก็จะส่งเนื้อหาให้ทีมบรรณาธิการพิจารณาความเป็นไปได้ในการที่หนังสือจะขายออก เมื่อตกลง ก็เป็นหน้าที่ของทางสำนักพิมพ์ในการจัดพิมพ์ แล้วก็จะมีการตกลงกันเรื่องค่าต้นฉบับ เจ้าของต้นฉบับอาจจะได้รับเงินสดจำนวนหนึ่งล่วงหน้า(อาจจะไม่มาก หรือเกือบไม่มีเลย) และรายได้อื่นๆ ก็จะได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายของหนังสือ ซึ่งเราก็ไม่มีทางรู้ได้ ก็ต้องเชื่อถือตามที่สำนักพิพม์แจ้งยอดมาให้
ขั้นตอนสุดท้ายการจัดจำหน่าย
1. กรณีที่เราลงทุนจัดพิมพ์กันเอง ก็สามารถไปติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ต่างๆเพื่อเป็นตัวกลางในการกระจายหนังสือออกจำหน่าย โดยเฉลี่ยคิดค่าธรรมเนียมที่ 37.5 - 50 % จากราคาปกจากยอดที่ขายได้ โดยจะมีงวดในการเช็คยอดขาย และระยะเวลาที่จะให้เครดิตในการเก็บเงินจากผู้จัดจำหน่าย โดยเฉลี่ยคาดว่าจะได้รับเงินงวดแรก ประมาณ 3-6เดือน นับจากวันส่งหนังสือ
2.ถ้าให้สำนักพิมพ์เป็นผู้ลงทุนในการจัดพิมพ์ ทางสำนักพิมพ์จะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายให้เอง
ก็ขอให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณานะคะ หรือมีคำถามอื่นๆเพิ่มเติมก็โพสต์ที่นี่ค่ะ ดิฉันก็จะยังคงติดตามความคืบหน้าของโครงการนี้ต่อไป

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 26, 2003 8:33 pm
โดย VIB007
ขอบคุณคุณแดงครับ
ผมเคยแต่ลงขันกับเพื่อนพิมพ์หนังสือธรรมะแจก
ไม่เคยพิมพ์หนังสือเป็นเรื่องเป็นราวทำขายเลย
ถ้าจะพิมพ์จริง
ผมแนะนำให้พิมพ์กับสำนักพิมพ์ดีกว่า
สะดวกกว่าเยอะ
ได้เงินน้อยหน่อย
แต่ก็คิดจะเอาเงินไปบริจาคอยู่แล้วใช่ไหมครับ บก.มน ท่านธันวา

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 26, 2003 9:47 pm
โดย thanwa
ก่อนอื่นต้องยืนยันวันที่แน่นอนคือ 1 พ.ย. ครับ
ขอบคุณ คุณมน ที่ช่วยแก้ไขให้
เท่าที่ทราบจากคุณเจ๋ง ก็เป็นอาหารญี่ปุ่นบุฟเฟต์
เพราะฉนั้นก็หารเท่ากันทุกคนไม่ขาดไม่เกินครับ :wink:

ที่แน่ๆ ก็มีคุณเจ๋ง กะผม เป็นตัวตั้งก่อน
เพื่อนๆ ที่จะไปก็ช่วยยืนยันผ่านทางกระทู้นี้ก็ได้
เชิญเลยครับ ถือว่าเป็น TVI get together ก็แล้วกันครับ
เรื่องหนังสือก็เป็นเรื่องแถมติดปลายนวมก็แล้วกัน

ขอบคุณคุณแดงมากที่ให้รายละเอียดครับ
ช่วยกันคนละไม้ ละมือนี่ น่าดีใจ ชาว TVI มีน้ำใจทุกคนครับ
ที่ผมไปติดต่อมา คิดว่าคงจะเหมาเข่งให้สำนักพิมพ์จัดการทั้งหมด
โดยทั่วไปคนแต่งก็จะได้ประมาณ 10% ของปก พิมพ์ขั้นต่ำ 3,000 เล่ม
ไม่ทราบว่า ผมได้ข้อมูลถูกต้องหรือเปล่าครับคุณแดง ช่วย confirm ด้วยครับ

คำณวนดูแล้ว พิมพ์ครั้งแรกสงสัยจะได้แค่ช่วยค่า web ของคุณมนก่อนน่ะคุณวิบูลย์

ลองคิดดูอีกที เนื้อหาของกระทู้จะเยอะ แต่คงต้องมาเรียบเรียงใหม่
โดยให้ภาษาและความเหมาะสมเพื่อให้นักลงทุนทั่วไป เข้าใจง่ายขึ้น
เพื่อนๆ ท่านใดมีความสามารถ ทางด้านนี้ยกมือขึ้น :wink:

หนังสือเล่มนี้ถ้าสำเร็จขึ้นมาจริง คงเป็นหนังสือที่อ้างถึงชื่อของหลายคนมากทีเดียว :D

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2003 3:06 pm
โดย คลายเครียด
ขอทักทายคุณปรัชญาก่อนครับ
แสดงว่าโรคปลายประสาทหูเสื่อม
ยังไม่กระทบกระเทือนถึงการนอนหลับ
น่าจะรับสภาพตัวเองได้ครับ
ตอนนี้ไม่รู้เป็นไง
รอบข้างผมมีแต่ข่าวคนล้มป่วย
ที่หนักหนาที่สุดคือญาติร่วมสายโลหิต
เป็นโรค"ไม่"ติดเชื้อที่ร้ายแรงมาก เมื่อเทียบกับโรคของคุณปรัชญา
ผมเห็นสัจธรรมของคำคมจีนนี้มานานแล้ว
"พันคน ก็ทุกข์พันอย่าง ไม่มีใครทุกข์เรื่องเดียวกัน"

สำหรับเรื่องบูติคนิวซิตี้
คิดว่าคงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อสี่ห้าเดือนก่อน ผมเคยซื้อไปสองครั้งสองหมื่นหุ้น
ที่ราคาประมาณสิบแปดบาทห้าสิบสตางค์
ดังนั้นคุณศิริณาอาจจะทะยอยซื้อกลับเข้าพอร์ต
ปีที่แล้วบริษัทขาดุทนครับ เลยไม่มีปันผล
ปีนี้เริ่มกำไรเล็กน้อย
ที่ผมซื้อ ก็เพราะอาจเจอข่าวจากมติชน
คุณศิริณา กำลังถ่ายโอนอำนาจบริหารให้กับรุ่นลูก
ซึ่งเป็นหนุ่มสาวไฟแรง
พูดไปแล้วคือการถ่ายโอนภารกิจจากรุ่นคุณตา(เทียม โชควัฒนา) สู่รุ่นหลาน

เรียนคณะผู้จัดทำหนังสือ
ผมต้องขอตัวไม่เข้าร่วมประชุม
เอาเป็นว่าผมจะเป็นผู้ซื้อหนังสือ หรือเป็นผู้ถือหุ้นก็ได้
แล้วแต่มติของคุณจัดทำ
ถ้าลงทุนพิมพ์เองผมจะร่วมถือหุ้น
ถ้าให้สำนักพิมพ์จัดพิมพ์ก็จะเป็นผู้ซื้อมาอ่านครับ

เดี๋ยวในความเห็นต่อไป
จะเป็นข้อมูลที่คุณนกเพนกวินตัวอ้วนฯเคยให้กับผมไว้ทางอีเมล์
อาจจะเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2003 3:11 pm
โดย คลายเครียด
งานเขียน

สวัสดีครับ เฮียคลาย เครียด

พอดีมีเพื่อนในเว็บได้เข้าไปอ่านกระทู้ที่เว็บไซต์ ด้านล่าง..................
ผมเลยขออนุญาตเมล์มาคุยกับเฮียครับ เรื่องรายละเอียดคร่าวๆ
เกี่ยวกับงานเขียนอีกครั้งครับ (เฮียไม่ต้องตอบเมล์ก็ได้ครับ) ^.^
http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... php?t=1650

ส่วน Link ด้านล่างเป็นของเว็บไซต์ของซี-เอ็ด ครับ ......... อธิบายรายละเอียดทั่วไปครับ
http://www.se-ed.com/se-ed/default.aspx
http://www.se-ed.com/article/W_article.htm
http://www.se-ed.com/article/writer.htm
เสนอต้นฉบับ http://www.se-ed.com/combook/proposalregis.html

ผมได้เคยเข้าไปอ่านกระทู้ แต่นานมาแล้วไม่ได้เซฟไว้..........
แต่พอจำได้ลางๆ ครับ..........
ผมแบ่งงานออกเป็น 2 ลักษณะครับ คือ

1.การนำเสนองานเขียนให้กับทางสำนักพิมพ์

ทางสำนักพิมพ์จะเป็นผู้พิจารณางานเขียน
โดยให้ผู้เขียนเสนองานเข้าไป เช่น สารบัญ เนื้อหาประมาณ 1-2 บท
รวมถึงการวิเคราะห์ตลาด/ผู้อ่าน ? ตาม Link ด้านบนครับ (อาจใช้เวลานานพอสมควร)
ถ้าทางสำนักพิมพ์ตอบตกลง
ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเซ็นสัญญาซึ่งเป็นสัญญาฉบับร่าง
และผู้เขียนต้องเขียนให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
แต่ ถ้ายังไม่เซ็นสัญญาฉบับล่าง ก็จะเป็นผลดีของทั้ง 2 ฝ่าย โดยเป็นการทำสัญญาทางคำพูด (ไม่มีผลทางกฎหมาย แต่ถ้านักเขียนผิดสัญญา งานเขียนครั้งถัดไปอาจไม่ได้รับการพิจารณา) ซึ่งทางสำนักพิมพ์จะซีเรียสเรื่องเวลามาก.........เพราะต้องมีการเตรียมงาน ตั้งแต่จองเวลาเกี่ยวกับโรงพิมพ์ การทำอาทเวิร์ก และการวางตลาด ฯลฯ
เมื่องานเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางสำนักพิมพ์จะทำตามขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การขอลิขสิทธิ์ การจัดทำอาร์ทเวิร์ก ส่งเข้าโรงพิมพ์ และจัดจำหน่าย
.........................รายละเอียดอยู่ในสัญญาแต่ละฉบับ

2.การจัดทำหนังสือด้วยตนเอง (อันนี้ผมก็มะค่อยรู้เหมือนกันครับ แต่สามารถสอบถามจากทางสำนักพิมพ์ได้ครับ.........)

จัดทำเนื้อหา และ อาร์ทเวิร์ก ให้กับทางสำนักพิมพ์ โดยอาจเป็นการให้ทางสำนักพิมพ์ไหนก็ได้ เป็นผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่าย
ขอลิขสิทธิ์หนังสือ


ปัญหาเกี่ยวกับการจัดทำหนังสือด้วยตนเอง (ในครั้งแรก)
ตามที่ผมมองเห็นนะครับ.....................

เงินทุน ตามที่ผมได้ทราบมาจากเพื่อนๆ นะครับ (โดยประมาณ)
ผู้จัดพิมพ์/จัดจำหน่าย จะมีรายรับจากหนังสือเล่มนั้นๆ ............
~30 - 40% ของราคาปก

แผงหนังสือทั่วไป จะมีรายรับจากหนังสือเล่มนั้นๆ 40% ของราคาปก

สายส่ง จะมีรายรับจากหนังสือเล่มนั้นๆ ...........~10 20% ของราคาปก

นักเขียน จะมีรายรับจากหนังสือเล่มนั้นๆ 10% ของราคาปก
สมมุติ ราคาหนังสือ 120 บาท จัดพิมพ์ 3000 เล่ม
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 360,000 บาท

ค่าจ้างของทางสำนักพิมพ์ จัดพิมพ์และจัดจำหน่าย (ไม่รวมอาร์ทเวิร์ก ต้องเข้าไปคุยกับทางสำนักพิมพ์) ผมเดาว่าน่าจะประมาณ 20% ของราคาปกคูณด้วยจำนวนเล่ม ก็อยู่ประมาณ 24*3000 = 72,000 บาท

ส่วนรายรับกำไรของเราเอง ประมาณ 20% ของราคาปกคูณด้วยจำนวนเล่ม ก็อยู่ประมาณ 24*3000 = 72,000 บาท ซึ่ง ปัญหา คือ เรายังไม่ได้รับเงินนั้นทันที ทางเราต้องตรวจสอบยอดขายกับทางแผงหนังสือ กรณีนี้ เรายกตัวอย่างให้ทางสำนักพิมพ์เป็นผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่าย................ดังนั้น ทางสำนักพิมพ์จะตรวจสอบยอดขายทั้งหมดก่อนที่จะนำจ่ายรายรับนั้นๆ (รายละเอียดลึกๆ ผมยังไม่แน่ใจ ว่ามีรายละเอียดแบบไหน แต่อาจขึ้นอยู่กับการพูดคุย หรืออยู่ในสัญญาว่าจ้าง)

การจัดทำหนังสือด้วยตนเอง อาจมีความเสี่ยงพอสมควร เช่น
งบประมาณ รายจ่ายแอบแฝง
ระยะเวลา
ลิขสิทธิ์ เราต้องมีฝ่ายกฎหมาย หรือ ผู้รู้กฎหมายกรณีที่ถ้ามีการร่วมงานเขียน กันหลายคน และอาจมีการคัดลอกมาจากที่อื่น (อาจคัดลอกมาโดยไม่ตั้งใจก็ได้ครับ.........)

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจในเรื่องนี้ (การนำเสนองานเขียนให้กับทางสำนักพิมพ์ / การจัดทำหนังสือด้วยตนเอง ) คงต้องมีการลงมติกันครับ ว่าจะเลือกแบบไหนดี ? และเนื้อหาจะออกมาในรูปแบบไหน ? หรือ เฮีย จะลองติดต่อผ่านไปยังพี่ อินโนเวสเตอร์ ของทางตลาดหลักทรัพย์ หรือติดต่อกับทางสำนักพิมพ์โดยตรงก็ได้ครับเพื่อจะได้ทราบเนื้อหาโดยรวม (ที่ต้องการ) ของทางตลาดหลักทรัพย์/หรือของทางสำนักพิมพ์ ครับ

ผมขออนุญาตร่วมทำงานด้วยครับ...............
แต่ขอเป็นลงแรงเยอะๆ หน่อยนะครับ ^.^

นกเพนกวินอ้วน

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2003 5:48 pm
โดย VIB007
ขอบคุณเฮียคลายเครียดและคุณนกเพนกวินครับ
ไว้หลังจากประชุมจะรายงานให้ทราบครับ
ตอนนี้อ่านในเวปไปก่อนแล้วกันครับ
เรื่องหนังสือท่าทางจะยาว
เพราะส่วนใหญ่ก็ลอกตำรามานะครับ
อาจจะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์
ผมก็เพิ่งนึกได้เหมือนกัน
ขอบคุณอีกครั้งครับ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2003 9:11 pm
โดย บุคคลทั่วไป
คลายเครียด เขียน:ขอทักทายคุณปรัชญาก่อนครับ
แสดงว่าโรคปลายประสาทหูเสื่อม
ยังไม่กระทบกระเทือนถึงการนอนหลับ
น่าจะรับสภาพตัวเองได้ครับ
ตอนนี้ไม่รู้เป็นไง
รอบข้างผมมีแต่ข่าวคนล้มป่วย
ที่หนักหนาที่สุดคือญาติร่วมสายโลหิต
เป็นโรค"ไม่"ติดเชื้อที่ร้ายแรงมาก เมื่อเทียบกับโรคของคุณปรัชญา
ผมเห็นสัจธรรมของคำคมจีนนี้มานานแล้ว
"พันคน ก็ทุกข์พันอย่าง ไม่มีใครทุกข์เรื่องเดียวกัน"

สำหรับเรื่องบูติคนิวซิตี้
คิดว่าคงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อสี่ห้าเดือนก่อน ผมเคยซื้อไปสองครั้งสองหมื่นหุ้น
ที่ราคาประมาณสิบแปดบาทห้าสิบสตางค์
ดังนั้นคุณศิริณาอาจจะทะยอยซื้อกลับเข้าพอร์ต
ปีที่แล้วบริษัทขาดุทนครับ เลยไม่มีปันผล
ปีนี้เริ่มกำไรเล็กน้อย
ที่ผมซื้อ ก็เพราะอาจเจอข่าวจากมติชน
คุณศิริณา กำลังถ่ายโอนอำนาจบริหารให้กับรุ่นลูก
ซึ่งเป็นหนุ่มสาวไฟแรง
พูดไปแล้วคือการถ่ายโอนภารกิจจากรุ่นคุณตา(เทียม โชควัฒนา) สู่รุ่นหลาน

เรียนคณะผู้จัดทำหนังสือ
ผมต้องขอตัวไม่เข้าร่วมประชุม
เอาเป็นว่าผมจะเป็นผู้ซื้อหนังสือ หรือเป็นผู้ถือหุ้นก็ได้
แล้วแต่มติของคุณจัดทำ
ถ้าลงทุนพิมพ์เองผมจะร่วมถือหุ้น
ถ้าให้สำนักพิมพ์จัดพิมพ์ก็จะเป็นผู้ซื้อมาอ่านครับ

เดี๋ยวในความเห็นต่อไป
จะเป็นข้อมูลที่คุณนกเพนกวินตัวอ้วนฯเคยให้กับผมไว้ทางอีเมล์
อาจจะเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย
:P เห็นมีคนนำข้อเขียนของเฮียคลายเครียดไปรวมเล่ม
และพิมพ์ออกขาย วางตลาดหรือยังครับ
จะได้ซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลานดู
ว่านี่เป็นเฮียคลายเครียด
เป็นญาติผู้ใหญ่ภรรยาของเฮียเป็นป้ารหัส NU11
จะได้บอกว่านี่คือข้อเขียนจากประสพการณ์จริง
ของคนที่ผมรักและนับถือมากครับ

ต้องขอโทษที่เข้าไปโพท์สในพันทิบไม่ได้
เพราะไม่ได้ต่อบัตรครับ
ขอใฮยมีความสุข สุขภาพแข็งแรง
ใครจะคิดอย่างไรกับเฮียผมไม่รู้
แต่ผมรู้ว่าเฮียจริงใจกับทุกๆคนที่เฮียรู้จักครับ

ขอแสดงความรักความนับถือ
ปรัชญา

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2003 9:19 pm
โดย ปรัชญา1
:P ข้างบนนี้ผมเองครับ คอมฯมันรวนๆ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2003 2:18 pm
โดย คลายเครียด
คุณวิบูลย์
ผมว่าเราเลี่ยงบาลีได้นะ
ก็เอามาเป็นข้อความอ้างอิงทำนอง
คุณวอเรน บุฟเฟ่ต์กล่าวไว้ว่า

คุณปรัชญา
ผมคงสื่อความหมายผิดพลาด
ผู้จัดทำไม่ได้เอากระทู้ทั้งหมดไปพิมพ์ครับ
เขาเพียงแต่ขอสองกระทู้นำไปดัดแปลง
ให้เข้ากับหนังสือที่จะจัดทำให้ตลาดหลักทรัพย์
ตอนนี้ก็ขาดการติดต่อไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว
เลยไม่รู้ว่าจะนำไปใช้หรือเปล่า
เพราะครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกัน
ผมยืนยันว่าไม่ให้ลบคำว่า

"เกมล่าส่วนเกินทุน" ในบทความของผม

ซึ่งทางผู้จัดทำรับปาก แต่ก็คงลำบากใจ
เนื่องจากผิดแนวทางของตลาดหลักทรัพย์
นี่ก็ยังไม่รู้จะเป็นไง
แต่ถึงไม่เอาบทความไปอ้างอิง ผมก็เฉยๆครับ
บางครั้งถึงเราจะอยากได้หน้า ฮาๆๆๆ
ก็ต้องรักษาแนวคิดของเราไว้ด้วยครับ

ไปๆมาๆ ผมว่าแนวทางหนังสือของคุณวิบูลย์
น่าจะตรงกับวัตถุประสงค์ของตลาดหลักทรัพย์อย่างที่สุด
น่าจะลองติดต่อฝ่ายสิ่งพิมพ์ของตลาดฯ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2003 3:52 pm
โดย VIB007
เฮียคลายเครียดครับ
ผมมีข้อเสนอให้กับตลาดหลักทรัพย์
เด็ดกว่านั้นอีกครับ
คือ
ผมจะเสนอแบบเดียวกับอาจารย์บัฟเฟตครับที่ว่า
ให้เก็บภาษี Capital Gain Tax 100%
สำหรับหลักทรัพย์ที่ถือต่ำกว่าหนึ่งปี
หมายความว่าถ้าขายหุ้นต่ำกว่าหนึ่งปี
ก็จะไม่ได้"ส่วนเกินทุน"อะไรเลย

เด็ดมั๊ยครับ ความเห็นอาจารย์ผม
ผมเห็นด้วยเต็มที่เลยครับ
แต่เฮียคลายเครียดกับพี่ปรัชญาคงไม่ต้องกังวล
เพราะส่วนใหญ่เฮียก็จะถือหุ้นมากกว่าหนึ่งปีอยู่แล้ว
ใช่ไหมครับ
อิ อิ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2003 5:20 pm
โดย นักดูดาว
บ่ได้ดอก..ท่านวิบูลย์ หากหักภาษีขนาดนั้น
เฮียคลายเครียด คงไม่ได้แสดงกลยุทธ์ "คลายเครียดเรโช" ให้เห็นเป็นแน่ครับ ยังไม่นับ "งาบแล้วชิ่ง" นะครับ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 29, 2003 10:03 am
โดย คลายเครียด
คุณวิบูลย์
อย่าว่าแต่ขอเสนอขนาดนั้นเลยครับ
แค่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศให้

ทุกรายการซื้อหุ้น ต้องจ่ายเป็นเช็คเต็มจำนวนเงินที่ซื้อ
และ
กระทรวงการคลังประกาศเก็บภาษีเงินกำไรส่วนเงินทุนจากบุคคลธรรมดา

ผมฟันธงเลยว่า ได้เห็นนิ้วชี้ตลาดหลักทรัพย์ที่ห้าร้อยจุดอย่างแน่นอน
ทุกวันนี้ ทุกการกระทำของตลาดหลักทรัพย์ก็เหมือนกับ
"ปากว่า ตาขยิบ" เพราะเห็นแก่ค่าต๋งจำนวนมหาศาลของโบรกเกอร์
ใครเขาจะเห็นแก่นักลงทุนรายย่อย
ในเมื่อไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงแม้แต่นิดเดียว
ไม่ว่าจะในการเลือกผู้บริหารตลาด หรือการกำหนดทิศทางของตลาดฯ

ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไม่เคยมองเห็นหัวนักลงทุนรายย่อย
ทั้งๆที่เงินค่าต๋งของพวกเราๆท่านๆนี่แหละ
เป็นรายได้หลักที่สำคัญในการหล่อเลี้ยงองค์กรของตลาดฯ

คุณนักดูดาว

ผมและสมาชิกห้องสินธรคงได้ร่วมทำบุญกับบ้านครูน้อย
หลังจากผมได้อีเมล์ถามความคืบหน้าไปเมื่อวาน
ทางผู้จัดพิมพ์ได้ยืนยันกลับมาแล้วว่า
หนังสือจะเสร็จในอีกสามเดือนข้างหน้าครับ
ดังนั้นผมจึงเสนอให้นำเงินค่าตอบแทนของบทความสองกระทู้
จำนวนสามพันบาท บริจาดเข้ากองทุนบ้านครูน้อย
คิดว่าคุณสุเกียงและคุณพ่อน้องพลอยก็คงเห็นชอบด้วย

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 29, 2003 11:04 am
โดย VIB007
ขอบคุณเฮียคลายเครียดครับ
ผมเห็นด้วยกับเฮีย 100% ครับ

ขอคารวะ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 29, 2003 11:32 am
โดย Boring Stock Lover
ตลาดไม่น่าจะมีหน้าที่ในการคุ้มครองนักลงทุนจากความโลภ หรือจากการลงทุนที่ไม่มีการเตรียมตัวที่ดีจากตัวนักลงทุน

ตลาดควรจะมีมาตรการในการจัดการกับบริษัทที่กระทำผิดให้แรงขึ้น ในกรณื Rxxxxx นั้น การลงโทษจูงใจให้กระทำผิดอย่างมาก โดยบทลงโทษไม่ให้ทำงานต่อ (ห้ามเป็นผู้บริหาร บมจ.) ซึ่งคนที่ทำผิดได้เงินมากขนาดนั้นก็อาจตั้งใจ Retire Young อยู่แล้ว

เครื่องมือต่างๆ เข่น Short Sell, Options ก็ควรจะมีให้กับนักลงทุนทุกคน มุมมองที่มีต่อนักลงทุนก็ควรเปลี่ยนว่านักลงทุนนั้นไม่ใช่ลูก ที่ไม่รู้เดียงสา หรือโง่

ข่าวสารและข้อมูลก็ควรจะรวดเร็ว ถูกต้อง และสะดวกในการเข้าถึง

นักลงทุนในระบบมีปริมาณผมเดาว่ามีเพียง500,000คน ส่วนใหญ่ก็รู้อยู่ว่าหุ้นที่ซื้อนั้นเป็นเข้าข่ายหุ้นปั่นหรือไม่ปั่น คนที่หาเงินได้จนเข้ามาซื้อขายหรือลงทุนนั้นก็น่าจะรู้จักชีวิตมากพอที่จะดูแลตัวเอง

หมายเหตุ ผู้บริหาร Enron โดนเข้าคุก

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 02, 2003 4:43 pm
โดย VIB007
เรียนเฮียคลายเครียดครับ
เมื่อวานไปคุยกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่น
ไปกันสิบหกคน
คุยไปคุยมา
เหลือ VI พันธุ์แท้สามคน
ที่เหลือปันใจไปเก็งกำไรหมดแล้วครับ

ก็เลยคุยกับคุณมนว่า
จะเตรียมต้นฉบับไว้
แล้วคอยเวลาตลาดตกอีกที
ค่อยพิมพ์ออกมาขาย

ตอนนี้
คนไปเก็งกำไรกันหมดแล้วครับ
ได้เงินง่ายกว่ากันเยอะ
ไม่มีใครถือหุ้นยาวๆแล้วครับ

เฮียคิดว่ายังไงบ้างครับ

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 02, 2003 8:20 pm
โดย thanwa
จริงอย่างที่คุณวิบูลย์ว่า...
หนังสือตีแตก ของท่าน ดร.นิเวศน์ ขายดีช่วงหนึ่ง
เพราะเหมาะกับการลงทุนในภาวะวิกฤต

ตอนนี้ขาขึ้น หลายคนก็ให้ความสำคัญกับ น้ำขึ้นให้รีบตัก
หนังสือออกมาตอนนี้อาจจไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
เพื่อนๆ ในห้องนี้ ที่จะร่วมลงทุน 3 หุ้น 5 หุ้น 10 หุ้น
คิดว่าไงครับ :?:

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 02, 2003 9:02 pm
โดย ลูกอิสาน
ผมเห็นด้วยว่า "น้ำขึ้นให้รีบตัก" ครับ..

นั่นหมายความว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุด ที่จะทำหนังสือออกขายครับ..
ผมสังเกตุดูช่วงนี้ หนังสือหุ้นแนวไหน เล่มไหน ออกมา ก็ขายดีทั้งนั้นครับ เพราะหุ้นขึ้น และดอกเบี้ยต่ำติดดิน....

ก็ในเมื่อวัตถุประสงค์ของการจัดทำหนังสือเล่มนี้ เป็นการเผยแพร่แนวความคิด การลงทุนแบบเน้นคุณค่า...>>>มิใช่เพื่อกำไร

ขายได้มาก ได้น้อยก็ไม่น่าจะเป็นไร คนซื้อ ซื้อไป หากไม่อ่านตอนนี้ ตอนหุ้นตกเค้าต้องหยิบขึ้นมาอ่านแน่ครับ...

ส่วนเรื่องทุนดำเนินการ หากตัดสินใจว่าจะทำ ก็ลองระดมทุนผ่่านเวป นี้ ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหา.....แต่เรื่องนี้ต้องอาศัย "เจ้าภาพ" ที่ต้องเสียสละมากครับ เพราะมีงานต้องจัดการงานมากครับ...

เรียนคุณวิบูลย์และชาวทีวีไอทุกท่าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 3:07 pm
โดย คลาย เครียด
เห็นด้วยกับคุณลูกอิสานครับ
พิมพ์ออกมาเลย ไม่ต้องกลัวเจ๊ง
ถ้ากลัวก็เอาแบบลงขันกันก็ได้
ผมยืนยันตามเดิมครับ ซื้อสิบหุ้นหนึ่งหมื่นบาท
จะได้มีหนังสืออีกแนวทางหนึ่งไว้อ่าน
เพิ่มความรู้ในการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุน

ในความเห็นของผม
ผมถือว่า ทุกคนที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นคือ
นักเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนทั้งสิ้น จะต่างกันตรงที่
แนวทางนักลงทุนก็คือ
การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัทหรือผลประกอบการ
ส่วนแนวทางเก็งกำไรก็คือ
การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
ด้วยการซื้อตามข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าววงใน
และกราฟแท่ง กราฟเส้นที่ชี้ให้เห็นแรงกรรมแห่งความโลภและความกลัว

ช่วงนี้เกมล่าส่วนเกินทุนคึกสุดขีด
เพราะมีเงินก้อนใหม่ๆซึ่งทนดอกเบี้ยเงินฝากถูกๆไม่ได้
ตามเข้ามาเล่นเกมแบบเงินต่อเงิน
แรงกรรมแห่งความโลภ จึงสามารถเหวี่ยงราคาหุ้นไปมา
แบบไม่สนใจผลประกอบการเท่าไร

ในตอนนี้ หุ้นไม่มีคำว่าดีหรือเน่า
มีแต่ขึ้นหรือลง
แล้วแต่ว่าคนจำนวนน้อยที่มีเงินมาก(ต่างชาติ กองทุน เซียนหุ้นรายใหญ่)
จะเลือกหยิบไพ่สำรับไหนขึ้นมาเล่น
แล้วทำให้คนจำนวนมากที่มีเงินน้อยเล่นตาม

ดังนั้นในภาวะกระทิงดุ แนวทางการเล่นหุ้นแบบนักลงทุน
จะเสื่อมความนิยมลงไปบ้าง
เพราะคำว่าหุ้นดีหรือหุ้นเน่า
สำคัญน้อยกว่าคำว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงมาก

ซึ่งถ้าผมตามเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรว่าขึ้นหรือลง
วิธีเดียวที่ผมคิดว่าจะเอาตัวรอดได้ก็คือ
ควบคุมปริมาณความโลภด้วยวิธีการทำคลายเครียดเรโช

แต่กับการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนด้วยการดูกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัท
ถ้าเราดูเป็น แล้วเอามาเทียบกับราคาหุ้นในตลาดให้เหมาะสม
ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า เราจะเจ๊งหุ้นได้ไง
ที่สำคัญเราก็ไม่ต้องคอยจำกัดปริมาณความโลภ
เพราะเงินลงทุนของเราจะเหวี่ยงไปตามแรงกรรมของผลประกอบการ
ไม่ใช่แรงกรรมแห่งความโลภของผู้คนในตลาดหุ้น