หน้า 2 จากทั้งหมด 2

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 3:04 pm
โดย chatchai
Jeng เขียน:ในปี 2010 สมมุติว่า pttep เทรดที่ PE 15 ราคาจะเท่ากับ 1094.85
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าในปี 2010 จะซื้อขายกันที่ PE 15 เท่า  ไม่ใช่ 10 เท่า หรือ 8 เท่า

WG มีกำไรสุทธิโตเฉลี่ยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา  ไม่ต่ำกว่า 15%ต่อปี  ทุกวันนี้ยังซื้อขายกันที่ PE  ต่ำกว่า 10 เท่าเลยครับ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 3:08 pm
โดย MarginofSafety
แล้ว APRINT มองไปอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า
จะเป็นอย่าง Washington Post มั้ยครับ...

(พื้นที่โฆษณา  8) )

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 3:13 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าในปี 2010 จะซื้อขายกันที่ PE 15 เท่า  ไม่ใช่ 10 เท่า หรือ 8 เท่า 

WG มีกำไรสุทธิโตเฉลี่ยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา  ไม่ต่ำกว่า 15%ต่อปี  ทุกวันนี้ยังซื้อขายกันที่ PE  ต่ำกว่า 10 เท่าเลยครับ
คุณฉัตรชัยครับ ในหนังสือ the new buffetology

เค๊าบอกว่า เราไม่รู้หรอกว่า pe เท่าไร

ก็เลยใช้ pe เฉลี่ยในอดีต สมมุติมีข้อมูล ย้อนหลัง 10 ปี

ก็เอา pe เฉลี่ยว่า 10 ปี ที่ผ่านมาได้เท่าไร

ก็เลยสมมุติว่า อีก 10 ปีข้างหน้าก็ pe นั้นแหละ

เหอๆ ผมไม่ได้คิดเอง คงต้องหาหนังสือมาอ่าน เค๊าอธิบายไว้เหมือนกันครับ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 3:22 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมพยายามยึดมั่น VI มาตลอด แต่พบว่าเมื่อถือยาวๆนั้นพบว่า มี 2 ครั้งแล้วที่ราคาตกลงมาตำ่กว่าทุนที่ซื้อ ทั้งที่รอและเลือกซื้อหุ้นดีๆตอนหุ้นลงหนักๆ และตอนนี้ก้อไม่ได้ขายออกสักที ทั้งที่ก่อนหน้านั้นได้กำไรตัวละ 20% ได้ ก้อเลยงงๆ ว่า VI เป็นแบบไหนกันแน่ เห็นพี่ๆเพื่อนๆบอกว่าถือยาวเป็นปีๆ มันก้อเลยงงๆ อธิบายด้วยคร้าบบ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

scc เคยซื้อไว้ตอน 220 บาท,bbl เคยซื้อไว้ที่ 106 บาท เคยขึ้นไปหลายหนแล้วก้อไม่ขาย โง่จิงๆเรา 555555 ตอนนี้กระสุนก้อหมด ซื้อเพิ่มก้อไม่ได้ ได้แต่นั่งดูหุ้นตัวเองลง
คุณ amsittichai รบกวนหน่อย

ช่วยเล่าให้เพือนๆฟังหน่อยว่า ตอนซื้อ SCC 220 และซื้อ BBL 106 นี่ใช้หลัก VI อะไรไปซื้อครับ แล้วที่บอกว่ายึดมั่นมาตลอด ยึดมั่นอะไรครับ

และคาดหวังอะไรจากการซื้อ

ถือเป็นวิทยาทานให้ VI รุ่นใหม่ครับ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 3:33 pm
โดย ลุงขวด
หุ้นที่ผมถือยาว ให้ ลูกให้ หลาน ไปเลย ... ไม่มีใครสนใจหรอกครับ  เป็นกลุ่มประกันภัย และ สิ่งทอ  ยกตัวอย่างเช่น  BKI  THRE  NKI  SMG  TIP  AYUD CHARAN TIP PHA ตอนนี้อาจมีแถม TIC   ส่วนสิ่งทอ  ตัวอย่างเช่น  LTX   TTL   SUC  .....พวกนี้ยาวจริง ๆ

หุ้นตีแตก ขวัญใจของผม ตอนนี้ ก็ลงตามตลาดเหมือนกัน ถืออย่างต่ำ 3 ปี หรือ มากกว่า แล้วแต่ผลประกอบการที่เขาจะทำให้ได้โตไปเรื่อย ๆ หรือเปล่า   ตอนนี้ก็ลงมาแล้ว แต่รู้สึกจะลงไม่มากเท่าไหร่  คงมีคนสนใจรอซื้อกันมาก  ก็ สบายไปอย่างครับ

lผมก็ว่า tfund น่าจะเป็นหน่วยลงทุนที่ยาวอีกตัวหนึ่ง เห็นว่า เขาจะจ่ายปันผลทุกไตรมาส ตกปีละ 7% ก็นับว่าไม่เลว นะครับ....แฮะ ๆ เงินไม่มีให้ซื้อหุ้นและครับ ปันผลรับมา ก็ แปลงเป็นหุ้นไปมากแล้ว  :oops:  :oops:  :oops:

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 3:59 pm
โดย Willpower
คุณ เจง
อืม 18 หรือน่าสนแหะ
ราคาใกล้กับ ESOP เลย
ดีเหมือนกัน margin เยอะดี

Re: ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 5:14 pm
โดย yoyo
amsittichai เขียน:ผมพยายามยึดมั่น VI มาตลอด แต่พบว่าเมื่อถือยาวๆนั้นพบว่า มี 2 ครั้งแล้วที่ราคาตกลงมาตำ่กว่าทุนที่ซื้อ ทั้งที่รอและเลือกซื้อหุ้นดีๆตอนหุ้นลงหนักๆ และตอนนี้ก้อไม่ได้ขายออกสักที ทั้งที่ก่อนหน้านั้นได้กำไรตัวละ 20% ได้ ก้อเลยงงๆ ว่า VI เป็นแบบไหนกันแน่ เห็นพี่ๆเพื่อนๆบอกว่าถือยาวเป็นปีๆ มันก้อเลยงงๆ อธิบายด้วยคร้าบบ
มี 2 ครั้งที่ราคาตกลงมาต่ำกว่าทุน
ผมว่ายังน้อยนะครับ ของผมนี่หลาย 10 ครั้งเลยครับ
แต่สุดท้ายถ้าเราเลยหุ้นมีคุณภาพราคาไม่แพง รอเวลาต่อไปมันก็มักจะขึ้นมาเกินราคาทุนทุกทีนะครับ

ในเรื่องการถือหุ้นในภาวะแบบนี้ ลองใช้วิธีแบบผมดูมั๊ยครับ
- แทนที่จะดู port ตัวเองผ่านทาง website ของ Broker ที่มีรายละเอียดให้เราครบ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหุ้น ราคาทุน กำไรขาดทุนสุทธิ
- ผมสร้างตาราง excel ของตัวเอง มีบอกแค่จำนวนหุ้น และมูลค่า port รวม และก็เติมช่องให้เราใส่ราคาหุ้นไว้หน่อย นานๆทีก็ค่อยเปิดดูราคาหุ้นจาก web ตลาดแล้วเอามากรอกใน excel
- วิธีนี้ทำให้เราไม่เห็นราคาทุนของตัวเอง ไม่เห็นว่าหุ้นตัวไหนทำกำไรหรือขาดทุนให้เราเท่าไหร่ ทำให้เราไม่ยืดติดกับตัวหุ้น ชอบหุ้นที่ทำกำไรให้เราเป็นพิเศษ หรือไม่ชอบหุ้นที่ทำให้เราขาดทุน

ทุกวันนี้หุ้นใน port ของผมมีอยู่ 4-5 ตัว
ผมจำราคาทุนได้เฉพาะหุ้นที่ผมเพิ่งซื้อล่าสุดตัวเดียวเองครับ
คิดจะเล่นหุ้น vi ผมว่าราคาทุนนี่ทิ้งลงถังไปได้เลยครับ ไม่มีผมต่อการตัดสินใจ

Re: ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 5:48 pm
โดย Tiger
yoyo เขียน:ทุกวันนี้หุ้นใน port ของผมมีอยู่ 4-5 ตัว
ผมจำราคาทุนได้เฉพาะหุ้นที่ผมเพิ่งซื้อล่าสุดตัวเดียวเองครับ
ซื้อแปะก้วย มากินนะ ความจำจะได้ดี ๆ  :lol:

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 5:55 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ทุกวันนี้หุ้นใน port ของผมมีอยู่ 4-5 ตัว 
ผมจำราคาทุนได้เฉพาะหุ้นที่ผมเพิ่งซื้อล่าสุดตัวเดียวเองครับ 
คิดจะเล่นหุ้น vi ผมว่าราคาทุนนี่ทิ้งลงถังไปได้เลยครับ ไม่มีผมต่อการตัดสินใจ
ราคาทุนทิ้งลงถังไปเลย อืม  :shock:  :shock:  :shock:  แล้วถ้าซื้อแพงหละทำไง

yoyo

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 6:02 pm
โดย PaZZaHut
ยกมือ โหวตกระทู้ครับ

:D  :D  :D

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 6:13 pm
โดย สุมาอี้
อึม เห็นด้วยกับ yoyo นะ

เพื่อนพ่อผมคนหนึ่งเขามีรถยุโรปเก่าๆ อยู่หนึ่งคัน แล้วก็พึ่งไปซื้อรถคันใหม่มากอีกหนึ่งคัน

พ่อผมถามว่าแล้วรถยุโรปคันเก่านะ จอดทิ้งไว้เฉยๆ ทำไม น่าจะขายทิ้งซะ

เพื่อนพ่อผมเขาบอกว่า ไม่อยากขายเดี๋ยวราคาตก  :shock:

ที่จริงราคารถยุโรปมันตกลงทันทีตั้งแต่วันที่ถอยออกมาจากโชว์รูมแล้ว เพราะรถยุโรปตลาดมือสองสภาพคล่องต่ำมาก คำว่า รถมือสอง สำหรับรถยุโรปแล้ว ไม่ว่าจะอายุ 1 วันหรือ 20 ปี ก็ขายไม่ได้ราคา

แต่ความเสียดายเมื่อคิดถึงต้นทุนทำให้เจ้าของรถไม่ยอมขายทิ้ง

ผมว่าการเก็บไว้เพื่อมิให้ unrealized loss กลายเป็น realized loss นั้นเป็นเพียงการหลอกตัวเองเท่านั้น คุณค่าของสินทรัพย์มันได้ลดลงแล้วไม่ว่าจะขายหรือไม่ขาย

จะขายหุ้นหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับคุณค่าในปัจจุบันของหุ้นตัวนั้นว่าต่ำหรือสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน ไม่ได้ขึ้นกับต้นทุนที่เราซื้อมาเลย

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 6:49 pm
โดย คนเรือ VI
พี่เจ๋งครับ

วิธีคิด return และ ราคาของ PTTEP ของพี่ ทำไมไม่นำ เงินปันผลมาคำนวนด้วยครับ

ถ้านำเงินปันผลมาคำนวนด้วย ราคาที่พี่จะซื้อจะแพงขึ้นด้วยใช่มั้ยครับ

หรือว่าต้องการ margin of safety มากๆจึงไม่นำมาคำนวนด้วย

แล้ว growth ของบริษัท เราจะ "เก็ง" ยังไงครับ ใช้ growth ที่ผ่านมา ลบ Risk Allowance ซัก 5% ดีมั้ยครับ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 6:56 pm
โดย สามัญชน
สุมาอี้บอกว่า
จะขายหุ้นหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับคุณค่าในปัจจุบันของหุ้นตัวนั้นว่าต่ำหรือสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน ไม่ได้ขึ้นกับต้นทุนที่เราซื้อมาเลย
อันนี้เยี่ยมครับ   :cool:

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 8:09 pm
โดย yoyo
[quote="Jeng"]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ทุกวันนี้หุ้นใน port ของผมมีอยู่ 4-5 ตัว 
ผมจำราคาทุนได้เฉพาะหุ้นที่ผมเพิ่งซื้อล่าสุดตัวเดียวเองครับ 
คิดจะเล่นหุ้น vi ผมว่าราคาทุนนี่ทิ้งลงถังไปได้เลยครับ ไม่มีผลต่อการตัดสินใจ
ราคาทุนทิ้งลงถังไปเลย อืม

Re: ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 8:11 pm
โดย yoyo
Tiger เขียน:
ซื้อแปะก้วย มากินนะ ความจำจะได้ดี ๆ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 11:13 pm
โดย MarginofSafety
Comment ของคุณสุมาอี้ เยี่ยมมั่กๆ
อธิบายสิ่งที่เข้าใจได้ยากได้ชัดเจน ...

สำหรับคุณ amsittichai
ทำไมถึงถือ BBL ครับ...
หากคิดว่ามีตัวอื่นในตลาดตอนนี้น่าลงทุนมากกว่า
เปลี่ยนเลยครับ ...
(แต่ถ้าคิดว่ายังดีอยู่ ก็ถือต่อได้
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะมีความคิดเป็นอิสระ)

เหมือนกับขายรถมือสองทิ้ง
แล้วเอาเงินที่ขายได้ไปซื้อคันใหม่
กลัวขาดทุน ปล่อยทิ้งไว้ยิ่งเสียราคา
อย่ายึดติดกับต้นทุน ขายทันทีหากเราคิดว่าพลาด

คงมีประโยชน์นะครับ ...

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 11:25 pm
โดย BHT
:bow:  :bow:

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 1:51 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

พี่เจ๋งครับ 

วิธีคิด return และ ราคาของ PTTEP ของพี่ ทำไมไม่นำ เงินปันผลมาคำนวนด้วยครับ 

ถ้านำเงินปันผลมาคำนวนด้วย ราคาที่พี่จะซื้อจะแพงขึ้นด้วยใช่มั้ยครับ 

หรือว่าต้องการ margin of safety มากๆจึงไม่นำมาคำนวนด้วย 

แล้ว growth ของบริษัท เราจะ "เก็ง" ยังไงครับ ใช้ growth ที่ผ่านมา ลบ Risk Allowance ซัก 5% ดีมั้ยครับ
คนเรือVI โทษทีที่ตอบช้านะ

เรืองที่ไม่นำปันผลมาคิดก็ยึดตามหนังสือ

คืองี้ เค๊าสอน

1. ให้เลือกหุ้น consumer monopoly โดยมีหลัก 8 ข้อ คร่าวๆคือ roe สูงกว่า 15 % หนี้น้อย กำไรโตตลอด 10 ปีซ้อน

2. เค๊าให้เลือกซื้อตอน 4 สถานการณ์ เช่น ตลาดปรับฐาน หรือเกิด แพนนิค เซล

3. เค๊าไม่ให้ซื้อ comodity มี 8 ข้อ เช่นกำไรขึ้นๆลงๆ

4. เค๊าให้คำนวณหาราคาซื้อ โดยดู growth ย้อนหลัง เพื่อประเมิณ growth ในอนาคต เช่น ย้อนหลัง 10 ปี เฉลี่ยโต 15 % เราจะคิดว่า มันจะโตอีก 15 % หรือ 10 % เพื่อให้มี margin of safty ก็ตามใจ แต่หนังสือใช้ 15 % ถ้าคิดบนฐาน 10 ปี ส่วนที่พี่สอน มีข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พี่ก็เลย สมมุติให้น้อยลง เท่ากันนั้นเอง

ส่วนเรือง ปันผล ก็ในหนังสือเค๊าถือว่าเป็นของแถม และพี่ก็มานั่งคิดว่า เจ้าปันผลนี่ อย่างมากก็ได้ประมาณ 5 % ในหุ้นที่กำลังโต เนืองจากต้องใช้เงินไปโตด้วย ทำให้ 5 % นี่ก็คือ ไปหักล้าง อัตราเงินเฟ้อครับ อันนี้ก็เลย ไม่ต้องนำมาคิด

เหมือนกรณี เงินเฟ้อ 5 % แล้วฝากธนาคารได้ 5 % จริงๆแล้วดูเหมือนเงินเยอะขึ้น แต่ buying power เท่าเดิมครับ

เมือ่เรารู้ว่าบริษัทจะโตเท่าไร ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราก็จะหา eps ในอนาคตได้

และเมื่อเอา pe เฉลี่ยในอดีต ได้เท่าไรก็สมมุติว่า pe ในอนาคตเท่า pe ในอดีต ทำให้เรารู้ราคาในอนาคตได้

เมื่อรู้ราคาอนาคต ใน 10 ปีข้างหน้า ก็สามารถคำนวนหาราคาปัจจุบันได้

โดยการ discount กลับมาในผลตอบแทนที่เราต้องการ เช่น 20 % ต่อปี

ทำให้เราสามารถหาราคาซื้อในปัจจุบันได้

..............................................................................

คำถามจะรู้ได้ไงว่า การเติบโตในอดีตจะทำนายอนาคตได้

ในหนังสือใช้ ฐาน 10 ปีเติบโตอย่างต่อเนือง กราฟเป็นเส้นตรง ทางขึ้น คือโตสม่ำเสมอมา สมมุติบริษัทนึง โตสมำเสมอมา ปีละ 10 % 10 ปีซ้อนแล้วก็ให้คาดเดาว่า เค๊าจะโตต่ออีก 10 % ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ทำไมต้องใช้ ฐาน 10 ปี เพราะว่า การแต่งบัญชีทั้งหลาย จะแต่งยาก ค่าเสื่อม ค่าใช้จ่ายที่พยายามซ่อนไว้จะหลุดออกมาให้เห็น ภายใน 10 ปี

ในหนังสือแปลกมาก คือ ใช้หลักการเดียวกันวิเคราะห์ทุกธุรกิจที่เป็น consumer mopoly ไม่เอาไปวิเคราะห์พวก commodity โดยเค๊าไม่ได้เลือกธุรกิจมาก่อน แต่เพียงอย่างเดียว ดูเหมือนเค๊าเลือกธุรกิจมา แล้วนำ ผลงาน 10 ปี มายืนยันว่า ธุรกิจนั้นๆ เป็น consumer monopoly จริงหรือไม่ เพราะบางธุรกิจ เป็น consumer monopoly แต่ผู้บริหาร ไม่สามารถทให้เกิดผลกำไรได้ ก็ไม่ถือว่าเป็น consumer monopoly สรุปคือเค๊าดู ผลงานด้วย เช่น กำไรเติบโต 10 ปีซ้อน หนี้น้อย roe สูง

เมื่อซื้อแล้ว ราคาไม่ต้องดู ราคาจะลงช่างเค๊า ให้ติดตามดูผลประกอบการว่าเป็นอย่างไร การซื้อโดยเน้นพื้นฐาน และติดตามพื้นฐานของหุ้นต่อไปโดยไม่ได้มานั่งคิดว่า ราคาขึ้น คือกำไร ราคาลงคือ ขาดทุน หมายถึงในระยะสั้นตัดทิ้งไปเลย การซื้อหุ้น แนวนี้ แล้วนั่งดูราคาจะน่าเบื่อมากเพราะราคาไม่ไปไหน เผลอๆลงด้วย

สรุปแล้วก็เป็นการคิดแบบเราเป็นเจ้าของกิจการ อย่าง pttep ที่คำนวณให้ eps โตต่อ 15 % ต่อปี ปี 2010 eps เท่ากับ 72.99  และเทรดที่ pe 15 ราคาเท่ากับ 1094.85 ถ้าเราต้องการผลตอบแทน 20 % ทบต้นทุกปี ตลอด 5 ปี เราต้องซื้อในราคา 439.99 หรือ 87.99 บาท

มันเป็นอะไรที่คิดแล้วเห็นภาพ ว่า ถ้า pttep โตไม่ถึง 15 % ราคาที่ให้ผลตอบแทนเรา 20 % จะต่ำกว่า 87.99 ครับ

โอเค เหนื่อยแล้ว ลืมซีร๊อคชี๊ดไว้สอนเสาร์ อาทิตย์นี้ด้วย

เหอๆ บาย

ลองคิดดูดิ ถ้าเราต้องการผลตอบแทน

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 1:20 pm
โดย คนเรือ VI
ขอถามซื่อๆนะพี่

ถ้าอย่างงั้นทำไมเราไม่ discount เงินปันผลด้วยอัตราเงินเฟ้อล่ะครับ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 1:22 pm
โดย Jeng
เชิญตามสบายครับ ท่าน คนเรือVI พี่คิดไม่เป็นแล้ว

คิดออกบอกด้วยเด้อ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 6:52 pm
โดย thaloengsak
:8)  ขอบคุณครับ มีประโยชน์ดีครับ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 9:07 am
โดย Warantact
อ่านพวกบทวิเคราะห์หรือบทเชียร์หุ้นรึเปล่าครับ
ไอพวกนี้โบรคชอบเขียนให้คนเข้าใจผิด

เช่น หุ้นนั้น หุ้นนี้เป็นหุ้นคุณค่า
บางทีผมมาดูแล้วก็ต้องอุทาน

คุณค่าตรงไหนวะ! โครตแพง


ถ้าไปอ่านอาจเข้าใจ VI ผิดไปครับ
VIตัวจริงขาดทุนทางบัญชีได้บ้าง แต่ไม่มีเจ๊ง ถ้าเจ๊งก็ไม่ใช่VI
ขาดทุนถาวร ก็ไม่ใช่VI
เฉกเช่นเดียวกับจอร์จ โซรอส มีได้มีเสีย แต่รวมๆก็กำไร นักลงทุนตัวจริง จะสายอะไรก็กำไรได้

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 11:19 am
โดย siebelize
บทความพวกนี้

เป็นอมตะจริงๆ

:bow:  :bow:  :bow:  :bow:

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 7:18 pm
โดย hsf
ขอบคุณครับ

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 8:43 pm
โดย thaloengsak
[quote="siebelize"]บทความพวกนี้

เป็นอมตะจริงๆ

:bow:

ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 11:05 pm
โดย BABY TERMITE
ฟังเซียนรุ่นเก่าๆ ถกเถียงกันด้วยปัญญานี่ประเทืองปัญญามากๆ
แค่ประโยคนี้ของท่านแม่ทัพ ก็เข้าใจอะไรได้มากมาย

"จะขายหุ้นหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับคุณค่าในปัจจุบันของหุ้นตัวนั้นว่าต่ำหรือสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน ไม่ได้ขึ้นกับต้นทุนที่เราซื้อมาเลย"


แต่เซียนหลายๆคนที่เคยถกเถียงให้รุ่นน้องได้เรียนรู้ ค่อยๆหยุดโพสท์ไป
ก็ได้แต่เสียดาย.....

ขอบคุณคนขุดกระทู้ด้วยนะครับ