Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

[quote="ต.หยวนเปียว"]ลดซื้อๆขายๆหุ้น

ป๋มมาอยู่เมืองนอก ได้ประหยัดเรื่องค่าอาหารไปมากเลย เดือน ๆ หนึ่งค่าอาหารน้อยกว่าที่จ่ายที่เมืองไทยอีก      

เพราะกินอาหารฝรั่งไม่เป็นยกเว้น junk food  

ทำกินเองทุกมื้อประหยัดแต่เสียสุขภาพจิต.....เพราะต้องทนทานแบบมั่ว ๆ  :lol:

[quote="chatchai"]ผู้บริหารโรงภาพยนต์เคยพูดว่า

เดอะมอลล์ชี้เหตุอุตสาหกรรมแฟชั่นสูญ 7 พันล. เหตุชาวบ้านเน้นซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค [ ไทยรัฐ, 24 พ.ย. 54 ]

นายเชิงชาย ภูรวีรานนท์ ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า Men Intrend บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด
เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำท่วมที่เริ่มขยายวงกว้างในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรม
เสื้อผ้าแฟชั่นสูญรายได้ไปประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคจะหันมาเน้นซื้อสินค้าในการ
อุปโภคบริโภคเป็นหลักและลดการซื้อสินค้าแฟชั่นลง ซึ่งในส่วนของบริษัทก็ได้รับผลกระทบด้วยโดยในส่วนของ
ช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมามียอดขายหายไป 300-400 ล้านบาท

--จบ--

การประหยัดของผมคือ
1. เสื้อผ้า-ถ้ายังใช้ได้ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่
2. อาหาร-แปลงดอกไม้ที่บ้านยังว่าง คิดว่าจะปลูกผักต่างๆที่ชอบไว้กินเอง ส่วนบ่อปลาก้อคิดว่าจะเลี้ยงปลาดุกไว้กินเอง ถ้าผักและปลามีมากพอก็ขายหารายได้เพิ่ม
3. การสื่อสาร-พยายามคุยให้ตรงประเด็น เพื่อลดค่าโทรศัพท์
4. หนังสือ- ใช้เวลาในการหาหนังสือที่สนใจให้นานขึ้น
5. อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ- ไม่ชื้อ


ผมคิดไว้ประมาณนี้แหละครับ

pak เขียน:เดอะมอลล์ชี้เหตุอุตสาหกรรมแฟชั่นสูญ 7 พันล. เหตุชาวบ้านเน้นซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค [ ไทยรัฐ, 24 พ.ย. 54 ]

นายเชิงชาย ภูรวีรานนท์ ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า Men Intrend บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด
เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำท่วมที่เริ่มขยายวงกว้างในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรม
เสื้อผ้าแฟชั่นสูญรายได้ไปประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคจะหันมาเน้นซื้อสินค้าในการ
อุปโภคบริโภคเป็นหลักและลดการซื้อสินค้าแฟชั่นลง ซึ่งในส่วนของบริษัทก็ได้รับผลกระทบด้วยโดยในส่วนของ
ช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมามียอดขายหายไป 300-400 ล้านบาท

--จบ--

คนกินมาม่า ก้อยากจะกินอะไรดีๆๆก่อนครับ

คนบ้านน้ำท่วม กินแต่ปลากระป๋อง มาม่า และของแห้ง

ดูจากข่าว 3 มิติ อาหารธรรมดาประเภทข้าวก้ดีขึ้น พวกเตาแก๊ซก้ดีขึ้น

พวกวัสดุก้ดีขึ้น

แต่พวก ฟุ่มเฟือยเจอกระทบหน่อย

ลดการซื้อหุ้นแพง
หันมาซื้อหุ้นถูก !

1. ลดน้ำหนักตัวเองด้วยการกินน้อยลงครับ ทำให้ประหยัดค่าอาหารด้วย ยิ่งของกินจุกจิกนี่พยายามเลิกครับ
2. ลดปริมาณการดูหนังครับ ถ้าดูก็จะไปดูตอนวันพุธ 80 บาท
3. ใช้เวลาเลือกซื้อหนังสือให้มากขึ้นครับ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ซื้ออาศัยยืมห้องสมุดเอา
4. ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องทำอาหารทานเองที่บ้านมากขึ้นครับ เพราะประหยัดกว่าทานนอกบ้านพอสมควร
และ พืชผักก็ควรจะปลูกไว้ข้างๆบ้าน เลี้ยงปลาแบบเศรษฐกิจพอเีพียงครับ ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายอย่างเหลือเชื่อ
ครับ
5. เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ำสำคัญครับ ควรจะปิดให้สนิท ไม่ใช่ปิดกะรีโมท และควรจะถอดปลั๊กทุกครั้ง
ส่วนตู้เย็นนี่ต้อง อย่าใส่ของเยอะและอย่าเอาของร้อนใส่ตู้เย็น หมั่นทำความสะอาดตู้เย็นและแอร์

0. นอกจากลดรายจ่ายผมขอเสนอใ้ห้เพิ่มรายรับด้วยครับ อาจหางานพิเศษทำ
หรือไม่ก็เอาของในบ้านเช่น หนังสือพิมพ์ ขยะรียูส รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆที่ไม่ได้ใช้ ไปขายครับ

http://board.thaivi.org/posting.php?mod ... =1&t=18231#

Jeng เขียน:โห ยอมรับเลยว่าทุกท่านประหยัดกันเก่งจริงๆ ลดได้เกือบทุกอย่าง ยกเว้น เฮียชู ไม่เห็นมีใครลดเลย

ไม่ลดครับ แต่เปลี่ยนโซนจากรัชดามาเป็นเพชรบุรีแทน

ถ้าลดรายจ่าย ก็พวกเสื้อผ้าฟุ่มเฟือย กินข้าวนอกบ้านราคาเวอร์ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า (ยกเว้น 0%10 เดือนอาจจะมีบ้าง) หนังสือนี่ยืนอ่านเอาตามร้าน ถ้าสนใจ ไม่ก็ google wiki อ่านแบบย่อเอาเลย โทรศัพท์ก็ใช้โปรแกรมแชท พยายามไม่โทร จะเที่ยวแบบง่ายๆ ก็ไปดูหนังนะครับ ไม่เดินทางไกล

แต่ธุรกิจโรงหนังในช่วงข้าวยากหมากแพง ผมเองไม่แน่ใจสมัยนี้เป็นยังไง

เพราะสมัยนี้ดูหนังโหลดบิท ซื้อแผ่นผี ซีรีย์เรื่องนึงอยู่บ้านดูได้เป็นหลายอาทิตย์ หรือบางคนนั่งดูผ่านยูทูบละครไทย เทียบกับ ไปโรงหนังสมัยนี้ไปทีสองคน กินป๊อปคอร์น รวมราคาแล้วรุ้สึกเหมือนโดนปล้น ขนาดใช้บัตร ใช้โปร แต่ไม่น่าเกี่ยวกับว่าหุ้นดีไม่ดี เพราะถ้าขายแพงแต่คนยังไป มันก็น่าจะดี ผมรู้แค่ตัวผมรู้สึกแบบนี้ แต่คนอื่นผมไม่รู้ เลยวัดไม่ได้

ที่ผมเคยคิดว่าจะลดบางอย่าง แต่มันก็ดันไม่ลด แถมเติบโตปกติซะด้วย คือพวกครีม เครื่องสำอางบำรุงผิว ไม่ก็พวกของหรูไฮโซ เพราะข้าวยากหมากแพง แต่สำหรับคนรักสวยรักงาม หรือคนรวยรสนิยมสูง แล้วดันไม่มีผล คนรวยมันยิ่งรวย คนจนมันยิ่งจน

ที่สำคัญ ต่อให้คนไม่มีตัง แต่ถ้ารักสวยรักงาม ยิ่งสาวๆสมัยนี้บางที
"อดข้าว ไม่เป็นไรจะได้ผอม แต่ผิวไม่สวย ไม่ทาครีมต่อเนื่องนี่เรื่องใหญ่"

ถ้าตอบให้ตรงตามคำถามกระทู้ก็คงต้องลดค่า "หมาก" ครับ
เพราะหมากแพง 5555

ลดนำ้หนักและทำตัวเบาๆยิ้มให้สดใส และให้ค่อยๆคิดว่าเราจะนำเอาสิ่งของที่มีอยู่แล้วสามารถที่จะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง เช่นเสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วไม่ถูกใจและเก็บไว้ก้นตู้ก็ให้นำมาใช้ หรืออาหารในแต่ละมื้อจากที่เคยกินกับข้าว3อย่างก็ให้ลดเหลือ2อย่างหรือไม่ก็จากที่เคยกินเมนูข้าวสวยก็หันมาเน้นเป็นเมนูข้าวต้ม

Warantact เขียน:ถ้าตอบให้ตรงตามคำถามกระทู้ก็คงต้องลดค่า "หมาก" ครับ
เพราะหมากแพง 5555

ลึกซึ้ง ครับ หมากจะแพงแบบเกลือ แบบในหนัง อิมซัมก๊ก ไหมครับ

ake4315 เขียน:ลดนำ้หนักและทำตัวเบาๆยิ้มให้สดใส และให้ค่อยๆคิดว่าเราจะนำเอาสิ่งของที่มีอยู่แล้วสามารถที่จะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง เช่นเสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วไม่ถูกใจและเก็บไว้ก้นตู้ก็ให้นำมาใช้ หรืออาหารในแต่ละมื้อจากที่เคยกินกับข้าว3อย่างก็ให้ลดเหลือ2อย่างหรือไม่ก็จากที่เคยกินเมนูข้าวสวยก็หันมาเน้นเป็นเมนูข้าวต้ม

มันก็หิวง่ายดิครับกินข้าวต้ม ทำให้กินระหว่างมื้ออีก(สำหรับผมนะ)

Warantact เขียน:ถ้าตอบให้ตรงตามคำถามกระทู้ก็คงต้องลดค่า "หมาก" ครับ
เพราะหมากแพง 5555

ลดหมากแต่มาเพิ่ม "ณเดช" แทนใช่มั้ยครับ

ผมลดของฟุ่มเฟือยลงครับ
ไม่ซื้อเสื้อผ้าแพงๆ ใส่ของธรรมดาก็ดูดีได้
ไม่เปลี่ยนอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความบันเทิงบ่อยๆ เช่นมือถือ โทรทัศน์
อยู่บ้านมากขึ้นครับ แต่เรื่องทานอาหารจะไม่พยายามลดครับ ถือเป็นความสุขในชีวิตแบบหนึ่งครับ
หนังเนี่ย แต่ก่อนดูทุกอาทิตย์ เดี๋ยวนี้ เลือกเรื่องที่อยากดู แล้วเลือกโรงด้วยครับ ผมไปดู RCA แถวบ้าน 100 เดียวเอง ไม่คนเลย
สมัยตอนทำงานประจำอยู่ เอาเงินไปแจกดื่มน้องๆโคโยตี้เดือนนึงหลายหมื่นอยู่ นี่ก็งดมา 3 ปีแล้วครับ

แต่ที่สำคัญคือพยายามหารายได้ให้เพิ่มขึ้นครับ จะได้ใช้ชิวิตแบบที่เราชอบได้อีก (ยังอยากไปแจกเงินเข้ากองทุนหลุยส์วิตตอง กับมูลนิธิแอปเปิ้ลให้น้องๆโคโยตี้อยู่ครับ) ตอนนี้สั่งอุปกรณ์ปืนจากอเมริกาเข้ามาขาย เพราะกำลังบ้าปืนอยู่ครับ

chatchai เขียน:ผู้บริหารโรงภาพยนต์เคยพูดว่า เศรษฐกิจตกต่ำ เป็นผลดีต่อธุรกิจโรงภาพยนต์ เพราะการดูภาพยนต์ที่โรงเป็นการเที่ยวที่ราคาต่ำ
จริงไหมครับ

bigshow เขียน:

chatchai เขียน:ผู้บริหารโรงภาพยนต์เคยพูดว่า

กระทู้ที่พี่ bigshow ตอบมันหายไปแล้วอะครับ มีใครจำคำตอบได้บ้างมั้ย?
หรือเข้ามาถกกันในคำถามนี้อีกรอบใหม่ก็ได้นะครับ

เรื่องโรงภาพยนต์สำหรับผมแล้ว ยังเป็นวัยรุ่นอยู่รู้สึกว่าเป็นการออกไปดูหนัง เป็นการเที่ยวที่ใช้เงินไม่มากครับ แต่รู้สึกว่าหลัง ๆ ค่าชมภาพยนต์เริ่มแพง

ผมคิดว่าสมัยก่อนก็คงใช่
แต่ปัจจุบันการดูหนังในโรงภาพยนต์ผมว่ามันไม่ถูกแล้ว ค่าตั๋วแพงขึ้นค่าจอดรถแพงขึ้น ป็อปคอร์นของกินข้างหน้าไม่ใช่ถูก แต่แผ่นผีหาซื้อง่ายมาก อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงใช้กันทั่วโหลดบิตเอาก็ได้ เครื่องเล่นและทีวีราคาก็ไม่ได้สูงมากอีกแล้ว

ผมเองจะดูหนังก็ต่อเมื่อผมหาคนดูข้างๆน่ารักๆมานั่งดูด้วยได้เท่านั้นครับ