หน้า 2 จากทั้งหมด 5
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 9:47 am
โดย Oatarm
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ คุณ PIG เหมือนแบกภาระไว้มากจริงๆ ดูแลด้านการเงินให้พ่อตา แม่ยาย ด้วย หาน้อยรายจริงๆ ที่ทำแบบนี้ได้ ผมเองก็ถูกกดดันคล้ายๆกัน แต่อาจไม่หนักหนามากนัก
ช่วงนี้ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยในการขายซะด้วย ผมหวังว่า ในช่วงปีใหม่น่าจะเป็นช่วงที่ดีในการทยอยเอาเงินออกจากหุ้น เพื่อนำไปใช้จ่าย อดทนนะครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 9:55 am
โดย ต.หยวนเปียว
อ่านแล้วได้แต่เห็นใจ
อดทนครับ
ใจเขาใจเรา
ทางสายกลาง
หาจุดสมดุลย์ให้เจอ :)
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 9:57 am
โดย krittapon_r
ขอเป็นกำลังใจให้คุณ PIG...สู้ต่อไปนะครับ
เห็นทำงานหนักมาก...อย่าลืมนึกถึงต้นทุนสุขภาพด้วยนะครับ
เดียวเป็นอะไรไปไม่คุ้ม...
ปล. ไม่รู้กระทู้จะติดเป็นกระทู้ที่วิ่งไวที่สุดหรือเปล่า
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 10:10 am
โดย chatchai
ผมไม่ทราบว่าภรรยาคุณทำงานอะไร มีความจำเป็นในการใช้รถส่วนตัวมากน้อยแค่ไหน
การใช้รถ TAXI บางโอกาสก็มีอันตรายเกิดขึ้นได้สำหรับผู้หญิง บางโอกาสก็ไม่มีความสะดวก
การใช้รถยนต์มือ 2 ก็ต้องมีคนที่แนะนำรถได้ดี เพราะผุ้หญิงส่วนใหญ่ดูแลรถไม่เป็น เวลาเสียกลางทางก็จะลำบาก
แล้วทำไมคุณ ถึงต้องอยากมีอิสระภาพทางการเงินภายใน 10 ปีด้วยครับ เร็วเกินไปไหม เครียดเกินไปไหม
ถ้าระหว่างทางที่เดินไป ไม่มีความสุขแล้วจะเดินไปทำไม จะเดินไปถึงหรือ
การลงทุนแนว VI นั้น นอกจากผลตอบแทนที่ดีแล้ว ก็ยังเป็นการลงทุนที่ควรจะมีความสุขในระหว่างการลงทุนด้วย
อย่ามองแต่เรื่องเงินอย่างเดียว
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 10:18 am
โดย อองตวน
ถามว่าทุ่มเทเวลากับการสะสมหุ้นมานานหรือยัง
ไม่อยากให้ขายหุ้นที่สะสมมานาน ซึ่งเชื่อว่าเงินดังกล่าวก็ได้ผ่านการแลกเปลี่ยนกับการยอมสละการบริโภคบางสิ่งบางอย่างมาเหมือนกัน
แนะนำให้หยุดเติมเงินเพื่อลงทุนชั่วคราว แต่ไม่ขายหุ้นที่สะสมมาเพื่อซื้อรถ
ให้สิ่งที่มีอยู่โตด้วยตัวมันเอง ช้าบ้างก็ไม่เป็นไร แต่เราไม่ได้ทำลายความฝันที่เป็นเป้าหมายใหญ่
ต่อจากนี้ไป ก็เริ่มเก็บเงิน เพื่อดาวน์รถ
ได้ทั้งสองเป้าหมาย เพียงแต่ช้าลงสักนิด
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 10:24 am
โดย pongo
เข้ามาให้กำลังใจคุณ PIG ครับ
ผมอายุยังน้อย + โสดครับ
แต่ผมคิดว่า ทั้งสองฝ่ายน่าจะต้องปรับตัวเข้าหากัน ยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น รอตอนอารมณ์เย็นๆ ทั้งคู่ ลองคุยกับเธอใหม่ครับ ร่วมกันหาทางออกที่ดีทั้ง 2 ฝ่าย
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 10:53 am
โดย สามัญชน
เวลาเจ็บป่วยเราก็จะนึกถึงการรักษาโรค พอหายป่วยแล้วก็แล้วกันไป
นั่นเป็นมิติเดิมในเรื่องสุขภาพ
มิติใหม่นั้นจะให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงตั้งแต่ยังไม่เจ็บป่วย วิธีนี้นอกจากประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว คุณภาพชีวิตระหว่างทางยังดีกว่ากันมากด้วย
นับเป็นวิธีของ VI โดยแท้
ก่อนที่จะพูดถึงการป้องกันขอพูดถึงการรักษาโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าก่อนนะครับ
ผมเองก็มีแนวคิดแบบวีไอ(ผมคิดว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นนะครับ) ถ้าให้เทียบกันระหว่างเอาเงินไปซื้อรถซึ่งนับวันก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆกับการเอาเงินไปลงทุนเพื่อเพิ่มเติมความมั่งคั่งในวันข้างหน้า ผมต้องเลือกการลงทุนแน่นอน
แต่......เอ๊ะ....แล้วที่ผ่านมาทำไมผมถึงซื้อรถก่อนหละ ชีวิตจริงผมพลาดไปแล้วหรือเปล่า ถ้าผมไม่ซื้อรถตอนนั้นพอร์ทในตอนนี้ของผมคงจะมากกว่านี้มหาศาล
คำตอบคือ ผมไม่ได้พลาดและถ้าย้อนเวลาได้ผมก็คงยังตัดสินใจเหมือนเดิม เพราะรถยนต์สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผมได้มากกว่าเดิมเยอะและเพิ่มให้คนรอบข้างผมด้วย คุณภาพชีวิตระหว่างทางเป็นเรื่องสำคัญมากพอๆกับคุณภาพชีวิตที่ปลายทาง เพียงแต่ว่าผมต้องปรับระดับไม่ให้มากเกินไป ผมใช้รถยนต์ญี่ปุ่นซึ่งคำนวนดูแล้วไม่แพงมากนักอยู่ในวิสัยที่จะจ่ายได้โดยไม่เดือดร้อน
ถ้าผมดึงดันจะใช้เงินลงทุนและไม่ซื้อรถจะดีกว่าไหม ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ อันนี้ไม่แน่ใจจริงๆ แต่ที่ทราบก็คือว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ได้ก็โดยเส้นทางของ มัฌฉิมาปฏิปทา ถ้าท่านดึงดันจะบำเพ็ญทุกขกิริยาต่อไป ท่านคงไม่ก่อให้เกิดปัญญาจนตรัสรู้ได้เป็นแน่
ผลลัพภ์ที่ดีที่สุดไม่ได้เกิดจากความพยายามที่หนักที่สุด ที่แรงที่สุด ที่เร็วที่สุด ที่มากที่สุด หรือที่เก่งที่สุด แต่เกิดจากสิ่งที่พอดิบพอดีกลมกล่อมลงตัวที่สุด
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 10:58 am
โดย สามัญชน
กลับมาเรื่องป้องกันโรค
ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้เกิดจากช่องว่างทางความคิด
คุณ pig คิดอย่างหนึ่ง แฟนคิดอีกอย่างหนึ่ง และคงจะไม่เหมือนกันแน่จึงเกิดเรื่องขึ้นมา หรือถ้าเป็นจากเรื่องอื่นๆแทรกแซงเข้ามาก็เป็นเรื่องที่คุณpig จะต้องวิเคราะห์ให้ออก เมื่อวิเคราะห์ออกแล้ววิธีป้องกันก็จะค่อยๆปรากฎออกมา
ไม่ว่าจะเป็น
การเริ่มต้นค่อยๆฟังในสิ่งที่แฟนคุณ pig คิด
การเริ่มต้นค่อยๆพูดในสิ่งที่คุณ pig คิด
หรืออื่นๆอีกมากมายตามแต่วิธีที่คุณ pig ถนัด ซึ่งจะยากหน่อยเพราะเป็นทั้งเรื่องศาสตร์และศิลป์
แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ก็อย่าลืมว่าเราจะต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันโรค เพราะเป็นวิธี VI ที่ได้ผลดีกว่าเป็นไหนๆ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 11:02 am
โดย BHT
เยี่ยมยอดทุกท่านจริงๆเลย
สำหรับผมขอแนะนำสั้นๆเหมือนคุณ yoyo ว่า เขียนบรรยายเป็นจดหมายถึงข้อดี ข้อเสีย และทางเลือกต่างๆเอาไว้ แล้วส่งให้แฟนอ่านครับ อย่าลืมบอกด้วยว่า ลงทุนแนววีไอดีอย่างไร และเพื่ออะไร
พอเธอได้อ่านจะเข้าใจครับ เพราะถ้าพูดคุยกับจะกลายเป็นทะเลาะ ก็จะไม่มีทางเข้าใจกันได้ครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 11:05 am
โดย aramboy
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
โดยส่วนตัวแล้วยังไม่มีประสบการณ์ครอบครัว
แต่ขอนับถือพี่ Pig จริงๆครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 11:42 am
โดย Sawitree
ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะผู้หญิง (ลงทุนในหุ้น) นะคะ
เป็นธรรมดาของสาวๆที่เริ่มมีรายได้แล้วอยากได้รถเพื่อความสะดวกสบาย และถ้าหากมีลูก ก็ยิ่งคิดว่ามันจำเป็นค่ะ แต่ปัจจุบันดิฉันมีเป้าหมายเหมือนคุณ Big ดังนั้นจึงคิดว่าหากต้องซื้อรถ เอาเงินไปลงทุนในหุ้นดีกว่า
ขอเป็นกำลังใจให้คืนดีกับแฟนโดยเร็ว โดยไม่ต้องซื้อรถนะคะ แต่ที่ต้องทำด่วนคือ ต้องง้อค่ะ ลองเอาอกเอาใจ ยอมตามใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ พอหายโกรธกันแล้วค่อยกล่อมเธออีกที
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 11:54 am
โดย sunrise
ผมโสดครับแต่เข้าใจความรุ้สึกครับ
ผมว่านะ
ทำให้มีความสุขในปัจจุบันดีกว่ามีความสุขในอนาคตครับ
เพราะความสุขในอนาคต เกิดจากปัจจุบัน
ถ้าวันนี้มีแต่ความทุกข์เหนื่อย....
ผมว่า อนาคตก็อาจไม่มีความสุขก็ได้ครับ
เรื่องรถเป็นภาระอันมหาศาล เคยทำผิดโดยที่ซื้อมาโดยไม่ประเมินตัวเองเพราะความอยาก
กลายเป็นภาระที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำอีกครับ
แต่ถ้าจำเป็น มันก็ต้องซื้อครับ
แต่ไม่ต้องแพง ให้คำนวนให้เรียบร้อยครับ ว่าเท่าไหร่ถึงจะพอใช้จ่ายสบายๆ
ผมแนะนำว่าให้ครอบครัวแฟนน้อยลงหน่อยครับ เหตุผลคือจะมาผ่อนรถ
ให้ลงทุน แล้วแสดงให้ที่บ้านเห็นว่าเราทำได้จริงแล้วเค้าจะเชื่อเรามากขึ้นครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 12:26 pm
โดย buglife
รถ ผมถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นนะครับ
ยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบัน
การจราจรและพฤติกรรมคนขับบนถนน
และในสังคมไทย
มีรถปลอดภัยกว่านั่งมอเตอร์ไซต์ หรือรถประจำทางแน่นอน
ข่าวใน นสพ มีมากมายครับ
อย่าคิดว่าคนที่โดนโชคร้าย เป็นส่วนน้อย
ความเสี่ยงต่ำจริง และผลกระทบสูงครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 12:39 pm
โดย คนเรือ VI
ผมไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้คำแนะนำอ่ะนะครับด้วยความ immature ในทุกด้าน มีอย่างเดียวครับที่อยากบอก
ความรักแก้ได้ทุกปัญหาครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 1:18 pm
โดย itti_peak
มาช่วยให้กำลังใจครับ
ส่วนเรื่องรถ การมีรถสักคันเนี่ยมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงเยอะนะครับ
ง่ายๆ ก็ สมมติครับ รถ honda ครับ 1500 cc ครับ
ประกันชั้นไหนครับ
ท่าชั้นหนึ่ง ก็ประมาณ หมื่นกว่าครับ 13000-17000 ขึ้นอยู่กับปีของรถแล้วก็ทุนครับ
เฉลี่ยเดือนละพันครับ
ค่าน้ำมันครับ ขึ้นอยู่กับการใช้ ระยะทางครับ คิดง่ายๆครับ สิบโลลิตรแล้วกันครับ ณ ราคาปัจจุบันครับ ยี่สิบห้าบาท
ถามการใช้ครับ ถ้าเดือนนึงใช้พันโล (ลองคิดดูแล้วกันครับ เวลานั่งแท็กซี่กลับบ้านไปแล้วกลับ) ก็เฉลี่ย เดือนละ ร้อยลิตร เท่ากับ สองพันห้าร้อยบาทครับ ไม่นับค่าภาษี จิปาถะ ซ่อม ที่จอดนะครับ
ลองคิดดูครับ ว่าปัจจุบันมีรายได้เท่าจ่าย เท่าไหร รายรับเท่าไหร่ลองบวกตรงนี้ไปครับ
ส่วนตัวมองว่า เรื่องการเก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็นส่วนนึง แล้วอีกส่วนเก็บเพื่อลงทุนก็อีกส่วนนึงครับ ถูกแล้ว ถ้ารายรับยังพอไหว ก็ตัดสินใจซื้อได้ครับ (นี้ยังไม่ได้รวมราคารถนะครับ ผมมองว่า รายจ่ายประจำเดือนนี้แหละ มันเพิ่มรายจ่ายเยอะครับ)
ผมมองนะครับ ถ้าคิดจะมีรถแล้ว รายรับควรจะได้มากกว่าสองหมื่นต่อเดือนแล้วนะครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 2:04 pm
โดย moo
เห็นใจคุณบิ๊ก และ ก็เห็นใจแฟนคุณบิ๊กด้วยครับ
การมุ่งมั่นในการลงทุน บางครั้งเราอาจลืมเรื่องใกล้ตัวหรือปล่าว
ขอยืมคำพูดเฮียคลายเครียดมาครับ
ท่านกล่าวประมาณว่า หุ้นตัวไหน หุ้นอะไร ก็ไม่เท่าหุ้นส่วนชีวิต
พี่น้องหลายๆท่านแนะนำไว้ดีมากแล้ว
เป็นกำลังใจให้คุณบิ๊กคลี่คลายปัญหาให้ได้ครับ
เรื่องราวทางใจ ต้องรีบตัดสินใจนะครับ
เร็วขึ้นหนึ่งวัน เราก็จะมีความสงบสุขเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 2:12 pm
โดย akekarat
ผมมีแฟนแล้ว แถมตอนนี้ก็ลงทุนแบบ VI อยู่เหมือนกัน แต่ผมซื้อรถแล้วครับ แถมขับไปส่งบ้านแฟนทุกวัน (ย้ำว่าทุกวัน) ยกเว้นวันที่ไม่ว่างจริง ๆ
ถามว่าผมมีเงินเติมเข้าไปในพอร์ตลงทุนเรื่อย ๆ มั๊ย บอกได้เลยครับว่า สามเดือนถึงจะเติมได้ซักหมื่นนึง เพราะค่าน้ำมันมันเอาไปกินหมดครับ + ค่าข้าวเย็นหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดกันด้วย
การมีใครซักคนอยู่กับเรา ผมว่าถ้าเรามั่นใจกับเค้าจริง ก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งครับ อย่าไปมองผลตอบแทนในรูปตัวเงินอย่างเดียว ต้องมองเรื่องชีวิตด้วย สำหรับผม คนสำคัญกว่าเงิน แต่ก็ใช้เท่าที่ทำเป็น
ถ้าผมแนะนำได้ ผมว่า ซื้อรถเลยเถอะครับ City สี่ห้าแสน แบบธรรมดา ๆ ก็ได้ ผ่อนไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก หยุดเติมเงินเดือนละ 20% เข้าพอร์ต ปล่อยให้เงินที่มีอยู่ทำงานของมันไปต่อก็ได้ครับ
เว้นวรรคลงทุนกับเงิน มาลงทุนกับคนบ้างก็ดีนะครับ อย่าเครียดมากเกิน หาเวลาว่างไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน การได้ใช้เวลาร่วมกันทั้งวัน หาเวลาว่างปรับความเข้าใจที่บรรยากาศดี ๆ จะช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้นเยอะครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 2:24 pm
โดย akekarat
อ้อ ดู location คุณ Mr. Pig บอกว่าคุณอยู่ลพบุรี ผมขอเดาว่า ค่าน้ำมันไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนต่างจังหวัดนะครับ (รถไม่น่าติด) ประเด็นเรื่อง Taxi น่าจะตัดไปได้ ถ้าที่โน่นไม่มี Taxi
ที่ผมอยากให้มีรถ เพราะเรื่องความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตครับ
ส่วนเงินเดือน ความเห็นผมเหมาะสำหรับถ้าคุณสามารถผันเงินออมต่อเดือน มาเป็นเงินผ่อนรถได้โดยไม่กระทบกับรายจ่ายหลักนะครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 2:56 pm
โดย buglife
รถมือสองก็ได้นะครับ ไม่ต้องหารถมือหนึ่งหรอกครับ ของนอกกาย
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 3:03 pm
โดย BHT
buglife เขียน:รถมือสองก็ได้นะครับ ไม่ต้องหารถมือหนึ่งหรอกครับ ของนอกกาย
เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ
ของมือสอง ต้องดูเป็นหรือมีคนที่ดูเป็นแล้วไว้ใจได้นะครับ เจอย้อมแมวมาล่ะก็ แย่หนักเลย แถมค่าใช้จ่ายดูแลซ่อมแซมก็สูงกว่ามือหนึ่ง ยกเว้นเจอคนใช้เป็นดูแลรถดี
ของใหม่ซื้อมาสบายใจกว่า ถ้าไม่เจอพวกการผลิตมีปัญหา คิดว่าโอกาสเจอน้อย ไม่งั้นคงมีข่าวกันทุกวันแล้ว
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 3:14 pm
โดย ต.หยวนเปียว
รถเป็นปัจจัย5ไปแล้วครับ :)
ผมจำเป็นต้องมีรถไว้ใช้2คัน
คันใหม่สำหรับภรรยา
พอใช้ไปได้4-5ปี ก็กลายเป็นรถเก่ามือ2สำหรับผม
ส่วนรถมือ2ของผมประมาณ10ปี ก็ขาย
เทิร์นไปเป็นป้ายแดงให้ภรรยาใช้
หมุนเวียนอยู่ยังงี้ :lol:
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 4:20 pm
โดย buglife
พึ่งอ่านเจอเรื่องภาระ ตอนแรกนึกว่าช่วยกันเก็บตังค์
งั้นสอบถามนิด แต่ไม่จำเป็นต้องตอบครับ
สถานะแต่งงานแล้ว มีบุตร?
แฟนคุณ pig ทำงานด้วยหรือไม่ครับ
เงินที่บอกว่า ช่วยทางครอบครัวแฟน และครอบครัวคุณ
เป็นการหามาจากคุณคนเดียว?
ถ้าใช่ ก็ยังต้องดูเรื่องสวัสดิภาพ ความปลอดภัย
ถ้าแฟนอยู่บ้านเฉยๆ นั่นเป็นอีกเรื่องแล้วครับ
คงต้องไปดูความเหมาะสม
ย้อนไปที่คำตอบคุณหมอสามัญชนก็ดีครับ สรุปได้ดีมากครับ ชื่นชม
สุดท้าย บางที เหตุผลอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดเสมอไปครับ
(กรณีซื้อรถมือสอง หมายตาคันไหนไว้
เดินไปอู่รถเสียค่าเสียเวลาสัก 500
ให้ช่างไปช่วยดูรถได้ครับ ป้องกันความเสี่ยง
อีกอย่างรถญี่ปุ่นอย่างพี่โต
ค่าบำรุงซ่อมแซมข้างนอกไม่แพงครับ
เมื่อเทียบกับรถยี่ห้ออื่นๆ มือสองต้องพี่โตเท่านั้น :lol:)
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 5:27 pm
โดย Monet
มาให้กำลังใจด้วยคนครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดความเห็นของคุณสามัญชน
"คุณภาพชีวิตระหว่างทางเป็นเรื่องสำคัญมากพอๆกับคุณภาพชีวิตที่ปลายทาง"
ถ้าไม่ต้องเดือดร้อนถึงขั้นถอนเงินลงทุนออกมาเพื่อใช้จ่ายกับรถ
เป็นผม ผมเลือกซื้อรถครับ (แต่เป็นรถมือสองสภาพดี)
อย่างที่คุณ akekarat บอก
"เว้นวรรคลงทุนกับเงิน มาลงทุนกับคนบ้างก็ดี"
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 5:31 pm
โดย Mon money
อ่านดูแล้วผมว่าคุณกับภรรยาเข้าใจผิดกันอยู่นะ
ประเด็นที่หนึ่ง คุณเขียนว่า ภรรยาคุณให้ลดเงินลงทุนของคุณลงบ้างเพื่อมาให้น้ำหนักกับรถยนต์ ซึ่งเธอไม่ได้ให้คุณเลิกลงทุนหรือถอนเงินลงทุนใช่ไหม? ถ้าใช่ผมว่าง่ายแล้วละ คุณสามารถเริ่มสอนให้เธอหัดเก็บออม(ลงทุน)โดยคำแนะนำของคุณเพื่อไปซื้อรถได้แล้ว แต่ต้องรอให้เงินเก็บสะสมพอก่อนแล้วจะได้ดาวน์รถแน่นอน ซึ่งระยะเวลาน่าจะคำนวณได้ใกล้เคียง ในระยะเวลาแรกเธอจะได้เห็นฝั่งมีกำลังใจ จากนั้นอาจเห็นเงินเติบโตแล้วไม่อยากได้รถแล้วก็ได้ ผมเคยยุเมียว่า เงินโตแค่นี้ได้รถราคานี้ แต่ถ้ารออีกหน่อยได้รถดีกว่านี้อีกจะรอไหม
ประเด็นที่สอง เกิดอาการขัดใจกัน คุณเข้าใจว่าเธอประชดว่าคุณใช้เงินผิดทางซึ่งคุณว่าไม่ใช่ คุณกำลังสร้างอนาคต เธอเข้าใจว่าคุณไม่สนใจทุกข์สุขของเธอ จริงๆแล้วไม่ใช่ เพียงแต่ยังไม่พร้อม ต้องปรับความเข้าใจด่วน อย่าใช้อารมณ์ครับ เราเริ่มก่อนก็ได้เพราะถือว่าเราเป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่เสียฟอร์มแน่นอน
ประสบการณ์ระดับแก่ๆใกล้หลักสี่อย่างผมเคยใช้ได้ผลมาแล้ว ตอนซื้อรถpick upคันนี้ ภรรยาต้องการระดับ Accord หรือ Camry ผมก็เลยเจรจาลดspec.ลงเป็น ISUZU โดยเอาเงินที่เหลือจากส่วนต่างราคาลดใส่ในบัญชีเธอ แล้วลงทุนโดยผมแนะนำให้ ปรากฎว่าพอมีผลตอบแทน เห็นเงินโตเข้าก็เกิดอาการเหนียวขึ้นมาทันที ทุกวันนี้ไม่ต้องการอะไรที่ฟุ่มเฟื่อยนัก มีบ้างก็ตามนิสัยสตรีเพศ เงินเดือนของภรรยาผมแบ่งเป็นเงินลงทุนในportของเธอทุกเดือน(ด้วยความเหนียว) สรุปว่าทุกวันนี้เราพออยู่พอกิน และพอดีครับ
ประเด็นที่ต้องระวังหลังจากซื้อรถคือ ค่าประกัน ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน อื่นๆจิปาทะ คุณต้องให้เธอวางแผนค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้คุณเห็นอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้
ประเด็นสุดท้ายครับ การที่คุณรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องดี เป้นหัวหน้าครอบครัวโดยแท้ แต่คุณต้องให้เธอร่วมรับรู้ถึงภารกิจอันหยิ่งใหญ่นี้ด้วยครับ ปล่อยไว้เธอจะคิดว่าคุณไม่ได้ลำบากอะไร อยากได้อะไรก็จะร้องเอาเหมือนเด็ก
ในอนาคต มีผู้ใหญ่ต้องดูแลสี่คน มีค่าใช้จ่ายเพียงพอในอนาคตไหม
ต่อไปต้องมีลูก มีค่าใช้จ่ายที่สูงไปไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี
ตัวเองต้องแก่ลง รายได้ และค่าใช้จ่ายจะเพียงพอไหม?
งานที่ทำเป็นลูกจ้าง ไม่มีอะไรมั่นคงหรอกครับ ผมยืนยัน และคุณต้องอธิบายให้เธอเห็นให้ได้
เริ่มจากความรักและเข้าใจกันครับ ผมว่าคุณทำได้
มาช่วยตอบค่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 7:25 pm
โดย PebbleYui
เห็นแต่หนุ่ม ๆ ตอบแล้วนะคะ เลยมาให้กำลังใจบ้าง ส่วนตัวก้อคิดเหมือนคุณ Mr. Pig นะคะ ซื้อรถ ก้อมีแต่ลดเนอะ ลงทุนก้อมีแต่เพิ่ม แต่อย่างว่าความเป็นผู้หญิงนะคะ บางทีก้ออยากได้ความปลอดภัยและสะดวกสบายบ้าง ขี่มอร์เตอร์ไซด์ ถ้าใกล้ ๆ ก้อไม่เป็นไร ถ้าไกล ๆ มันก้ออันตรายนะคะ เกิดเป็นไรขึ้นมา เสียทั้งค่ารักษาพยาบาล หรือถ้าโชคร้าย อาจจะเสียเธอไป แล้วจะเก็บเงินมากมายมาทำไมหล่ะคะเนี่ย ขอให้ความเห็นว่า อาจจะแบ่งเงินบางส่วนซื้อรถมือสองก้อได้ ตามศักยภาพและความเป็นไปได้ โดยที่ยังมีเงินบางส่วนไว้ลงทุนนะคะ ก้อออกความเห็นตามหลาย ๆ ท่านนะคะ ใช้วิธีผ่อนถ้าสามารถทำให้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยผ่อนได้ค่ะ ยังไง คงต้องเดินทางสายกลางนะคะ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 8:04 pm
โดย Saran
เนื่องจากผมอายุยังน้อย เลยไม่รู้ว่าจะให้ความเห็นยังไง แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่ Pig นะครับ
อาจเป็นเพราะช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย กำลังเข้าหน้าหนาว เลยมีผลต่ออารมณ์นะครับ
"ชีวิตคนเรา ไม่เหมือนกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรอก"
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 8:10 pm
โดย กล้วยทอด
เห็นทำงานหนัก ก็ขอให้พักผ่อนให้เยอะกว่านี้
อย่ากดดันตัวเองเพื่อคนอื่น ให้มากเกินไปค่ะ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 9:54 pm
โดย เบเบ
เงินกับความรัก เลือกความรักสิครับ ตอนนี้ผมมีเงิน แต่ ...
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 10:34 pm
โดย ปุย
เป็นกำลังใจให้คุณ Pig อีกแรงครับ
และน่าดีใจ ที่มีคำแนะนำดีๆ จากเพื่อนๆ พี่ๆ มากมาย
ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ แต่หาทางออกไม่เจอจริงๆ
ก็มองกลับไปตรงทางที่เข้ามานั่นแหละครับ
ทะเลาะกับแฟนเรื่องหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 04, 2006 10:52 pm
โดย เพื่อน
ภรรยาผมก็เคยบ่นแบบนี้เหมือนกันครับ
ตอนนี้ซื้อให้แล้ว ก็ยังไม่ยอมขับ(ผมประเมิณแล้ว ไม่ให้ขับเองครับ) เพราะยังขับไม่แข็งพอ ทั้งๆที่เรียนมาแล้ว สอบได้ใบขับขี่มาแล้ว ผมห่วงว่าจะเป็นอันตรายมากกว่า โดยเฉพาะเริ่มจากรถเกียร์ออโต้ด้วย
จะบอกให้ฟังว่า รถที่ซื้อมาใหม่ อยู่ในสภาพเกือบป้ายแดง เป็นรถประมูล(จากสหการประมูล) ผมซื้อจากเงินปันผลที่ได้มาจากการลงทุนครับ
ที่จริงผมกะจะซื้อให้ภรรยา ตั้งแต่เมื่อ2ปีก่อนแล้วครับ โชคดีที่ไม่รีบร้อน ค่อยๆดูค่อยๆเลือก ในขณะเดียวกันก็นำเงินไปลงทุนหุ้นให้มันงอกเงยขึ้นมาก่อน จนตอนนี้ได้รถมาฟรีๆจากเงินปันผล ดีกว่าเอาเงินต้นไปซื้อรถตั้งแต่ตอนนั้นครับ
ผมไม่แน่ใจว่าปัญหาของภรรยาคุณPIGอาจจะไม่เหมือนผมก็ได้ ภรรยาผมไม่ได้มีความจำเป็นมากในการใช้รถเพื่อกิจวัตรประจำวัน เพราะสามารถใช้รถแทกซี่ได้(แต่อาจจะไม่สะดวกเท่ามีรถของตัวเอง) ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องวิ่งติดต่องานหลายๆแห่งเหมือนเรา ก็เลยพอจะทำความเข้าใจกันได้อยู่ครับ
อย่างที่น้อง KIDVI แจกแจงไว้ถูกต้องแล้วครับว่า การนั่งแทกซี่ประหยัดกว่ามีรถไว้ใช้เอง ถ้าสามารถอธิบายส่วนนี้ให้เค้าฟังเข้าใจได้ก็มีชัยไปแล้วครึ่งหนึ่งครับ
แต่สำคัญว่า ภรรยาคุณPIG ไม่ได้อยู่ในขั้นจำเป็นต้องใช้รถเป็นกิจวัตรในการติดต่อสถานที่ต่างๆ หรือ ทำเลในการอยู่อาศัยทำให้เรียกหารถแทกซี่ค่อนข้างลำบาก .....เพราะถ้าจำเป็นอย่างนั้น ผมว่าก็คงต้องหาดูรถสภาพดีๆมือ2ด้วยวิธีผ่อนมาให้เค้าใช้ดีกว่าครับ เรื่องหุ้นอาจเพลาๆลงมานิดหน่อย เพื่อความสุขในชีวิตบ้าง
ช่วงนี้พาเธอไปค่อยๆดูเลือกๆรถ ปรึกษาหลายๆคนครับ เพราะเวลาเราได้หลายๆความคิดเห็นแล้วจะทำให้สับสนไปเองจนไม่อยากรีบตัดสินใจซื้อในตอนนั้นครับ...ถ่วงเวลาไปได้อีกเป็นระยะๆ.... :lol: (อันนี้เทคนิคส่วนตัวที่ใช้ได้ผลมาแล้วครับ...ขอยืนยัน)