หน้า 2 จากทั้งหมด 3

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2003 2:09 pm
โดย Mon money
คุยไปคุยมาน่าสนใจขึ้นเลื่อยๆครับ

จริงๆแล้วผมไม่ค่อยอยากคุยเรื่องVI VS เท่าไรนัก เพราะมันไม่ค่อยจบ

เอาความเห็นผมบ้างนะครับ

Value Investor ลงทุนเป็นหุ้นส่วนของบริษัทนั้นๆ ยาวไม่ยาวแล้วแต่ว่าเจ้าเพื่อนซี้ที่บริหารอยู่มันจะดำเนินธุรกิจเข้าท่าเข้าทางหรือเปล่า

วิธีปฎิบัติแสนจะง่ายครับ
1 บริษัททำอะไร คู่แข่งมากไหม เรามีจุดเด่นอะไรเหนือคู่แข่ง
2 ผลดำเนินงานในอดีตเป็นอย่างไร การเติบโตต่อไปในอนาคตดีไหม อะไรจะเป็นอุปสรรค และจะไปรอดไหม
3 ถ้าวิเคราะห์แล้วตามข้อหนึ่งข้อสอง ก็ซื้อหุ้น
4 สำคัญมากครับคือ ต้องคอยติดตามดูแลการบริหารงาน สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ผลการดำเนินงาน และเจ้าเพื่อนซี้ที่บริหารงานครับ

จริงๆแล้วผมเห็นเพื่อนๆหลายๆท่านก็ทำตามนี้กันอยู่ มีการวิเคราะห์ ติดตามเป็นประจำ

Value Speculator ลงทุนเพราะเห็นโอกาสที่จะได้กำไรจากการซื้อขายไม่จำเป็นต้องถือเร็ว ขายเร็วครับ และไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้น เช่นเป็นที่ดินที่นครนายก หากคุณทราบก่อนว่า นายกจะทำเป็นเมืองใหม่ คุณอาจไปรอซื้อดักไว้แล้วรอขายในราคาที่สูงกว่าซื้อมา ถ้าเป็นหุ้นคุณอาจได้ข่าวจากเพื่อนในบริษัทนั้นๆว่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หรือเป็นต้นรอบวัฎจักรขาขึ้นของผลิตภัณฑ์ ก็ซื้อดักเอาไว้ขายตอนราคาขึ้น

วิธีการตามที่ผมเคยทำ
1 ได้ข่าวมาแล้วต้องวิเคราะห์เหตุการณ์และสภาพแว้ดล้อมว่ามีความน่าจะป็นไหม
2 ถ้ากลัวเสี่ยงก็ตรวจสอบความแข็งแกร่งทางการเงินซะหน่อย เพื่อให่มั่นใจว่าถ้าพลาดจะเจ็บตัวน้อยหน่อย
3 ซื้อหุ้น และรอข่าว หากราคาขึ้นตามที่กำหนดไว้ก็ขาย

ถ้าถามผม ผมว่าVI ง่ายกว่าและปลอดภัยกว่ามากครับ ระยะยาวก็น่าจะดี มีเวลาให้ครอบครัว และงานการ แต่หากได้ข่าวมาจริงๆ วิเคราะห์แล้วความน่าจะเป็นสูงก็ลองได้ครับ แต่สังเกตุนะครับมันเป็นความน่าจะเป็น มีโอกาสเกิดและไม่เกิดก็ได้ต้องเสี่ยงเอา

มาเรื่องติดหุ้นบ้าง การติดหุ้นก็คือการที่คุณอยากขายแต่ให้ขายออกที่ราคาต่ำๆคุณก็ทำใจไม่ได้ แต่สำหรับผมแล้วผมถือยาวเพราะเจ้าหุ้นส่วนที่บริหารอยู่มันยังทำงานของมันอย่างดี ธุรกิจยังไปได้สวย ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนมูลค่าก็ปล่อยไป หรือมีข่าวร้ายมากระทบให้มันลงไป บางคนไม่สะบายใจก็อยากขายเป็นติดหุ้นไป ผมจะรอให้มันลงมากๆแล้วเพิ่มสัดส่วนครับ

ทั้งหมดนี้เกิดจากประสบการณ์และความเห็นของผม ท่านอื่นอ่านแล้วก็เห็นต่างมุมได้นะครับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 8:55 am
โดย stockms
ผมเข้าใจว่ากฎเหล็กของ VS คือขายตัดขาดทุนซึ่งเห็นว่ามีประโยชน์มากในการป้องกันตัวยามตลาดไม่เป็นใจ เพราะเขาจะไม่ยอมเสียเวลาถึงแม้หุ้นที่ถืออยู่จะดีแค่ไหนก็ตามสู้ขายไปก่อนแล้วมาซื้อใหม่เมื่อตลาดเป็นใจดีกว่า ส่วนของ VI ก็ขอเดาว่าเป็นขายเมื่อหุ้นเกินมูลค่าที่แท้จริงซึ่งมองที่ตัวหุ้นเป็นหลัก ถึงแม้ตลาดไม่เป็นใจเดี๋ยวมันก็ขึ้นสวนกระแสมาตามมูลค่าของมันเอง ซึ่งผมคิดว่าแนวคิดสองอันนี้ถึงแม้จะฟังดูขัดแย้งกันมากแต่เราสามารถนำมาใช้ได้ครับ คือเลือกซื้อหุ้นดีๆ มีปันผล มีแนวโน้มเติบโต ถ้ากล้าเสี่ยงก็ลุ้นพวกเทิร์นอะราวด์และมีข่าวดีได้บ้าง (ถ้าเป็น VS แบบมีอินไซเดอร์เขาเน้นกลุ่มนี้เลยทีเดียว) มั่นใจมากถือยาว มั่นใจน้อยถือสั้น ตลาดร่วงไม่มีเหตุผลถือได้ ตลาดร่วงแบบภาพทั้งประเทศดูไม่ดีควรขาย ผมยังไม่เคยเจอสถาณการณ์หลังนี้ เพราะเพิ่งเข้ามาเล่นหุ้นได้สองปี ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมองออกไหมว่ามันเริ่มดูไม่ดีแล้วนะ แต่ตอนนี้ดูดีครับถ้าซื้อหุ้นที่มี norm-PE ต่ำกว่า 10 มีปันผลมากกว่า 2% อยู่ในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลส่งเสริมหรือมีคนในรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ถืออย่างน้อย 1 ปี ควรจะกำไรมากกว่า 20% แต่คนเล่นหุ้นคนไหนที่จะตอบได้อย่างเต็มปากว่าไม่ได้หวังกำไรมากกว่านี้ เมื่อหวังมากก็เสี่ยงมาก บางคนก็มั่นใจมากทุ่มซื้อตัวใดตัวหนึ่งด้วยเงินจำนวนมาก ทวีคูณไปเรื่อยๆ คนรู้จริงวิเคราะห์พื้นฐานเก่ง หรือมีอินไซด์ก็ทำได้ แต่อย่าพลาดก็แล้วกัน เพราะครั้งเดียวก็เกินพอ ผมประเภทไม่รู้จริงในหุ้นตัวไหนเลยเพราะไม่มีอินไซด์ และไม่ใช่เจ้าของ ชอบกระจายความเสี่ยง เพราะกลัวพลาด แต่ก็หวังว่าสักวันจะมีโอกาสพัฒนาเป็นพวกกล้าอัดเต็มๆกับเขาบ้าง ไม่เกี่งที่จะเป็น VI หรือ VS
ข้อสังเกต VI ไม่ชอบให้ราคาหุ้นแกว่งมากๆชอบแบบขึ้นเรื่อยๆ เนิบๆ ส่วน VS เขาชอบแบบยิ่งแกว่งยิ่งมันส์ เข้าออกได้หลายรอบ
คุณเป็นแบบไหน?

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 1:38 pm
โดย ayethebing
สงสัยผมจะไม่ได้เป็น VI ตามความหมายของคุณ คัดท้ายซะละมั้ง ผมขอสับสนด้วยคนดีกว่า แหะ แหะ

ผมก้อว่าเซ็งๆ กับการเปรียบเทียบ VI กับ VS เหมือนกัน และก้อไม่เคยคิดดูถูกดูแคลนใคร ลงทุนยังไงก้อได้ขอให้ได้ตังและไม่ต้องเครียดกับมันมากก้อโอเคแล้วละมั้ง

ผมเองก้อพยายามหา intrinsic value ของหุ้นทุกตัวที่จะซื้อแต่มันก้อเป็นแค่ปัจจัยในการตัดสินใจแค่นั้นนะ ก่อนหน้าจะไปหา intrinsic value ผมก้อต้องดูข้อมูลเชิงคุณภาพของบริษัทนั้นๆก่อน หุ้นดีๆ หลายตัวผมเองก้อไม่ได้ซื้อเพราะพอหา intrinsic value ได้แล้วมันยังรู้สึกว่าแพงไปสำหรับผมนะครับ

แต่การหา intrinsic value เนี่ยมันก้อมีปัจจัยเยอะเหมือนกันที่บางทีมันทำให้เป็น subjective หรือมีสมมติฐาน ซึ่งบางทีสมมติฐานมันก้อมี bias เหมือนกันนะ การหา intrinsic value ก้อเลยไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการลงทุนเหมือนกัน

สรุปแล้วมันก้อต้องดูหลายๆ อย่างประกอบกันครับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 1:47 pm
โดย Jeng
OK ผมขอประกาศกฏใหม่ของ TVI

อิอิ

ห้ามเปรียบเทียบ VI VS

สรุปคือ ดีทั้งคู่

Ok

:D :D :D

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:04 pm
โดย FITCH
Jeng เขียน:OK ผมขอประกาศกฏใหม่ของ TVI

อิอิ

ห้ามเปรียบเทียบ VI VS

สรุปคือ ดีทั้งคู่

Ok

:D :D :D

ว่าแล้ว ว่าแล้ว :)

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:05 pm
โดย คัดท้าย
คุณ ayethebing ครับ จริงๆ ผมไม่ได้มีเจตนาจะเถียงเกี่ยวกับ VS กับ VI หรอกครับ

พี่เจ๋ง ไม่ได้เถียงครับ แต่ว่าผมกำลังศึกษาเรื่องสำคัญอยู่

ผมกำลังศึกษา เรื่องว่า ซื้อหุ้นอย่างไรจะรอดวิกฤตได้ครับ ไม่ได้ทะเลาะนะ พี่อ่านดีๆนะครับ

แต่ที่ผมชอบพูดเรื่อง "มูลค่าที่แท้จริง" เพราะ ผมมีเรื่องคาใจครับ

ผม คาใจ เรื่องที่มีหลายคนบอกว่า การลงทุน VI เป็นการลงทุนแบบที่ทำให้นักลงทุนรอดพ้นวิกฤติการณ์ ต่างๆได้ บางคนบอกว่า
บางคนก็มาบอกว่า "VI ไม่กลัว SET ตกไป 200 อีกหน"

ผมอยากทราบเหตุผลครับ ว่าทำไม VI ไม่กลัว SET ตกกลับไป 200 ทำไม VI ไม่กลัว ?

*** สมมุติ พรุ่งนี้ SET ตกกลับไปที่ 200 ***
สมมุติว่า นาย ก. เป็น VS , นาย ข. เป็น VI

นาย ก. ซื้อ SHIN เอาไว้, ส่วนนาย ข. ซื้อ IRC เอาไว้

ผมถามว่า ทั้ง 2 คนนี้ จะได้รับผลต่างกันอย่างไรถ้า SET ร่วงไปที่ 200 ?
ถ้าทั้ง 2 คนไม่ขาย นะครับ ไม่ขายทั้งคู่
VS บอกว่าตูติดหุ้น VI บอกว่า ตูไม่กลัวหรอก ตูไม่ได้ติดหุ้น
แล้วมันต่างกันยังไงครับ 2 คนนี้?


ถ้า VI คนนั้นบอกว่า ผมไม่กลัวหรอก เพราะเดี๋ยวราคามันก็จะกลับมาเหมือนเดิม
VS ก็บอกว่า ผมไม่ขายไม่ขาดทุน ถือไว้ถึงรอบเศรษฐกิจกลับมาดีอีกหน ราคามันก็กลับมาเองแหละ

แล้วมันมีอะไรต่างกัน ? อะไรคือ หัวใจของการลงทุนกันแน่ครับ ?

ตามความคิดผม เมื่อ SET ร่วงลงไป 200 หุ้นที่ไม่ได้สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงไม่มากเท่านั้นแหละครับ ที่จะไม่ตกมาก หรืออาจดีดกลับมาได้เร็ว

ขอเน้นว่าผมไม่ได้เถียงเรื่อง VI หรือ VS แต่ที่ถามอยู่บ่อยๆนี่คือ ผมอยากได้ "แก่นแท้ของ VI" มากกว่าครับ

จากใจของนายคัดท้ายเลยนะครับ
ถ้าพรุ่งนี้พระเจ้าบอกว่า ต่อไปนี้จะไม่มี ก่อการร้าย ไม่มีวินาศกรรมแล้ว ไม่มีฟองสบู่แตก ... คัดท้ายไม่สนหรอก VI หนะ เพราะทุกวันนี้วิชา VS ผมกล้าแข็งพอตัว อันนี้อยากบอกเพราะอยากให้รู้จุดประสงค์ในการศึกษา VI ของผมว่าไม่ใช่เพราะผมล้มเหลวใน VS แต่อย่างใด

นายคัดท้าย สนการลงทุนแบบ VI เพราะนายคัดท้ายเชื่อ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆนั้นมันต้องเกิดขึ้นอีก และการลงทุนแบบ VS อาจจะไม่สามารถรับมือกับสิ่งร้ายๆเหล่านั้นได้

คำถามที่ผมมีเสมอคือ แล้วผมจะลงทุนอย่างไรให้รอด ?


พี่ๆ มีความเห้นอะไรเรื่องนี้บางครับ อยากทราบครับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:15 pm
โดย Jeng
ถ้าหุ้นตกไป 200 แล้ว VI ถือ BigC ที่ 18.2 VS ถือ BLAND ที่ 1.76

จะต่างกันอย่างไร

ก็ต้องขอเดาแบบเข้าข้างตัวเองว่า

1. ราคา BigC ก็ต้องลงเหมือนกับราคา BLAND

สมมุตว่าลงไปทั้งคู่เลย 50 เปอร์เซ็นต์

ต่างกันอย่างไร

พี่ว่า VI ซื้อ BigC เพิ่ม แต่ VS อาจต้อง cutloss BLAND

...........................................................................

ต่างกันอย่างไร

.........................................................................

หุ้นลงไป 200 ก็ต้องมีขึ้น

........................................................................

ตอนขึ้นนี่ซิ

VI ยังถือหุ้นอยู่

แต่ VS อาจจะคิดว่าขึ้นมาหลอก เดี๋ยวก็ลงอีก ก็เลยมีโอกาส ขายหมูเหมือนกัน

..........................................................................

ไม่ได้ว่า VI ดีกว่านะ

ไม่อยากเทียบจริงๆ

คัดท้ายว่าอย่างไรบ้างครับ ความคิดพี่เป็นแบบนี้ ช่วย เจรนัย ความคิดพี่ให้คมกว่านี้หน่อยซิ

............................................................................

ืคือสรุปว่า ตอนหุ้นลง VI จ้องซื้อเพิ่ม แต่ VS จ้อง cut loss พฤติกรรมซื้อขายค่อนข้างตรงกันข้ามอย่างชัดเจน

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:20 pm
โดย คัดท้าย
โทษทีครับพี่เจ๋ง บังเอิญผมไปแก้ในข้อความเก่า

คืองี้ครับ

ขอเน้นว่าผมไม่ได้เถียงเรื่อง VI หรือ VS แต่ที่ถามอยู่บ่อยๆนี่คือ ผมอยากได้ "แก่นแท้ของ VI" มากกว่าครับ

จากใจของนายคัดท้ายเลยนะครับ
ถ้าพรุ่งนี้พระเจ้าบอกว่า ต่อไปนี้จะไม่มี ก่อการร้าย ไม่มีวินาศกรรมแล้ว ไม่มีฟองสบู่แตก ... คัดท้ายไม่สนหรอก VI หนะ เพราะทุกวันนี้วิชา VS ผมกล้าแข็งพอตัว อันนี้อยากบอกเพราะอยากให้รู้จุดประสงค์ในการศึกษา VI ของผมว่าไม่ใช่เพราะผมล้มเหลวใน VS แต่อย่างใด

นายคัดท้าย สนการลงทุนแบบ VI เพราะนายคัดท้ายเชื่อ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆนั้นมันต้องเกิดขึ้นอีก และการลงทุนแบบ VS อาจจะไม่สามารถรับมือกับสิ่งร้ายๆเหล่านั้นได้

คำถามที่ผมมีเสมอคือ แล้วผมจะลงทุนอย่างไรให้รอด ?

ถ้าสมมุติว่าผมเปลี่ยนการลงทุนทั้งหมด ในวันนี้มาเป็น VI แล้วผมได้กำไร 15% ต่อปี อีก 2 ปีเกิดมีผู้ก่อการร้ายระเบิดพระราชวังบักกิ้งแฮม ..!!
หุ้นตกลง 50% เท่ากับผมเข้าเนื้อ ...

ถ้าผมลงทุนแบบ VS ผมได้กำไร แบบ VS ผมได้ 50% ต่อปี แล้วเกิดเหตุการณ์ขึ้น
ผมเท่าทุน ...

VS กับ VI ต่างกันยังไง ทำไมทุกคนบอกว่า VI จะรอดวิกฤต ผมยังไม่เคลียร์ตรงนี้ครับ

ผมเห็นข้อเดียวคือ "มูลค่าพื้นฐาน" ที่หาก VI หรือ VS ซื้อหุ้น ที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน โอกาสรอดจะสูงขึ้น

พี่ๆ มีความเห้นอะไรเรื่องนี้บางครับ อยากทราบครับ

ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมถามเป็นประโยชน์กับพวกเราทุกๆคนครับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:25 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

นายคัดท้าย สนการลงทุนแบบ VI เพราะนายคัดท้ายเชื่อ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆนั้นมันต้องเกิดขึ้นอีก และการลงทุนแบบ VS อาจจะไม่สามารถรับมือกับสิ่งร้ายๆเหล่านั้นได้ 
ขอตอบว่า

ถ้าพี่ซื้อหุ้น Makro ได้ในราคา 31 แล้วพี่ก็รับปันผล และพี่ก็พอใจ ตอนนี้ 44 พี่ก็ไม่สน พี่ก็ไม่ขาย

ถ้าเกิดเหตุการณ์วินาศสันตโร ขึ้นมาจิงๆจิง Makro เหลือ 10 บาท

พี่ไม่คิด และไม่เคยคิดเลยว่าพี่ขาดทุน

แต่ต้องขอบคุณเหตุการณ์ร้ายเหล่านั้นจริงๆ อยากให้เกิดจริงๆ แล้ว Makro เหลือ 10 บาท

พี่จะกลุ้มไปทำไม

ถ้าพี่มีเงินเท่าไร พี่ก็จะซื้อ Makro หมดตัวเลย มีเท่าไรซื้อหมด

คือราคาลง VI ดีใจ ที่ได้ซื้อกิจการที่ดี ที่ไม่ได้มีโอกาสซื้อ เพราะนั่งดูมาตั้ง 1 ปี 2 ปี 5 ปี แล้วก็ยังไม่ได้ซื้อ

ก็จะได้ซื้อซักที

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:27 pm
โดย ayethebing
แหม ผมก้อกลัว Set ไปที่ 200 อีกหนเหมือนกันนะ หุ้นในพอร์ทแดงหมดใครก้อตกกะใจทั้งนั้นแหละ

ผมว่าผมจะเลิกเปรียบเทียบแล้วละว่า VS กับ VI เป็นไง (ตามคำบัญชาพี่เจ๋ง เจ้าของกระทู้)

ถ้าสถานการณ์เป็นหมีมากๆ ผมก้อคงเล่นหุ้น defensive มั้งครับ เอาปันผลไว้ก่อนครับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:28 pm
โดย Jeng
สรุปคือ เราในฐานะนักลงทุน เฝ้าดูหุ้นมาอย่างยาวนาน ดูทุกเรื่องทุกอย่างจนกระทั่งมั่นใจ

แต่

ราคามันแพงซื้อไม่ไหว

เราก็ได้แต่ภาวนาว่าจะมีข่าวร้ายที่ไม่เกี่ยวกับกิจการ เข้ามาทำให้เรามีโอกาสได้ซื้อกิจการที่ดีในราคาที่ถูกมากๆ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:33 pm
โดย pae2020
คุณคัดท้ายครับ

ความเห็นส่วนตัวผมนะครับ ถ้านาย ก. เป็น VS ตัวจริงเขาจะไม่ถือ Shin จน Set มันตกไป 200 จุดหรอกครับ เขามีทางเลือกอยู่ไม่กี่ทาง

1. Cut Loss ตั้งแต่ตอนที่ราคามันตกลง 10% (หรือ xx% แล้วแต่เขาจะตั้งจุด Cut Loss ของเขา) และทราบผลขาดทุนไปเรียบร้อยแล้ว

2. ถูกบังคับขายด้วยระบบมาร์จิ้น หรืออะไรสักอย่างแล้วหาเงินไปจ่ายดอกเบี้ยที่กู้มาเล่น

หากเขาไม่ยอม Cut Loss เขากลายเป็น VI จำเป็นครับ และทนทุกข์ทรมานต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะ Cut Loss ถ้านาย ก. คิดอย่างที่คุณคัดท้ายว่า "ผมไม่ขายไม่ขาดทุน ถือไว้ถึงรอบเศรษฐกิจกลับมาดีอีกหน ราคามันก็กลับมาเองแหละ" นั่นเป็นแนวคิดของ VI ตามความเห็นของผมแล้วล่ะครับ เพราะเขาเชื่อว่ามูลค่าที่เขาซื้อมามันยังต่ำกว่ามูลค่าที่เขาประเมินเมื่อเศรษฐกิจมันดีขึ้น

ผมเชื่อว่า VI ไม่ยากในเชิงความซับซ้อนครับ แต่มันยากที่จะทำมากกว่า เข้าทำนอง Simple, But not easy.

ผมมีความเห็นอีกอย่างคือคำว่ามุลค่าที่แท้จริง มันไม่มีค่าตายตัวหรอกครับ เป็นมุลค่าแบบ Subjective มากกว่า Objective ดังนั้น VI ประเมินมูลค่าที่แท้จริงตามมุมมองและความรู้ของตน เฉพาะตน

ดังนั้น สมมติว่าหากใครสักคนซื้อ Hemraj ที่ 1.9 เนื่องจากใช้ความรู้และสติปัญญาของตนพิจารณาประเมินว่ามูลค่าของมันเป็น 3.0 และถือรอจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย แม้ว่าจะไม่เคยไปถึง 3.0 เลย ผมยังถือว่าเขาเป็น VI นะครับ เพียงแต่เป็น VI ที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่านั้นเอง

ความเป็น VI ไม่ได้วัดด้วยความสำเร็จ แต่วัดด้วย Concept ในการลงทุน ดังนั้นไม่ใช่ VI ทุกคนที่ประสบความสำเร็จหรอกครับ เพราะการลงทุนคือความเสี่ยง ไม่ว่าเป็น VI หรือ VS ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:36 pm
โดย Jeng
อืมลืมบอกคัดท้ายไปนิดหนึ่ง สมมุติ พี่ถือ Makro 31 แล้ววันนี้ 44

แล้วหุ้นตกเหลือ 10 บาท

ที่พี่บอกว่าพี่ไม่ขาดทุนเพราะ จำนวนหุ้นพี่เท่าเดิม และยอดขาย รายได้ ปันผล ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พี่ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร

คือการดูกำไรขาดทุนของ VI อาจจะไม่ได้ดูแต่ราคามั๊ง

แต่ราคา 10 บาท เป็นโอกาสซื้อเพิ่มครับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:38 pm
โดย คัดท้าย
ผมพอจะสรุปอย่างนี้ได้มั้ยครับ (มีประโยชน์ทั้งกับ VI และ VS)

ได้แก่

1. เราต้องมั่นใจว่า บริษัทที่เราซื้อ จะต้องไม่ปิดกิจการหากมีภาวะวิกฤตอย่างรุนแรงเกิดขึ้น เพราะเศรษฐกิจมีรอบของมัน ถ้าบริษัทยืนหยัดได้ ท้ายสุด มันก็จะกลับมาเมื่อรอบขาขึ้นกลับมา

ผมว่าเหตุผลนี้อาจจะเป็นที่มา ที่ VI หลายๆท่านไม่ซื้อหุ้นกลุ่ม FIN เพราะนอกจากไม่ค่อยมีปันผล ยังเจ๊งเป็นประจำหลังวิกฤตการณ์ด้วย

2. บริษัท นั่นควรมีปันผล เพราะหาเราต้องถือ (VS ก็อาจต้องถือเพราะติดอยู่) เราก็จะได้ปันผลในช่วงที่เราขายไม่ได้ เพราะตอนนั้นจะเป็นรายรับทางเดียวในขณะนั้นของเรา

สำหรับพี่เจ๋ง คือ พี่มองหุ้นเหมือนห่านที่ออกไข่ให้เราเรื่อยๆใช่มั้ยครับ ดังนั้น เราต้องเลือกว่าห่านที่เรากำลังจะซื้อ ให้ไข่ในขนาดที่คุ้มค่ากับราคามั้ยถ้าห่านแพง แต่ไข่ใบไม่ใหญ่ เราก็ไม่ซื้อ อย่างนี้ใช่มั้ยครับ ?

3. VI เองก็ควรเข้าซื้อหุ้นยามหุ้นถูกๆ เท่านั้น สมมุติว่าในปีหน้า ราคาหุ้นในตลาดขึ้นไปสูงแล้ว คนที่คิดจะเล่นแบบ VI ควรระมัดระวังในการซื้อหุ้น ใช่มั้ยครับ VI ควรซื้อหุ้นเมื่อยังถูกๆอยู่หรือเมื่อเกิดวิกฤตการใหม่ๆ แล้วถือยาววววว ไปเรื่อยๆ

พี่ๆ ว่ายังไงบ้างครับ ?

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 2:59 pm
โดย Jeng
. เราต้องมั่นใจว่า บริษัทที่เราซื้อ จะต้องไม่ปิดกิจการหากมีภาวะวิกฤตอย่างรุนแรงเกิดขึ้น เพราะเศรษฐกิจมีรอบของมัน ถ้าบริษัทยืนหยัดได้ ท้ายสุด มันก็จะกลับมาเมื่อรอบขาขึ้นกลับมา

โค้ด: เลือกทั้งหมด

วอเรนบอกว่า ต้องมีพลังที่จะต่อต้านข่าวร้ายขึ้นมาให้ได้ และมีปัจจัยอื่นๆเสริม เช่น เกิดสงคราม คนยังโกนหนวด คนยังแปลงฟัน ดูอย่าง Makro กำไร 10 ปี ซ้อน ไม่มีหนี้สินเลย ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ตอนปี 40 makro ปันผล 2 บาท 
ผมว่าเหตุผลนี้อาจจะเป็นที่มา ที่ VI หลายๆท่านไม่ซื้อหุ้นกลุ่ม FIN เพราะนอกจากไม่ค่อยมีปันผล ยังเจ๊งเป็นประจำหลังวิกฤตการณ์ด้วย

โค้ด: เลือกทั้งหมด

วอเรนไม่ซื้อไฟแนน เพราะ ธุรกิจไม่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน จำได้ว่า พี่เปี๊ยะ อยู่ JF JF ก็มียอดเทรดอันดับหนึ่ง ถ้าพี่เปี๊ยะไม่อยู่กิมเอ็ง หุ้นกิมเอ็งก็ตก แบบนี้วอเรนไม่ซื้อหุ้นกิมเอ็งเพราะขึ้นอยู่กับตัวบุคคล มาร์เก็ตติ้งหอบลูกค้า หายไปได้ชั่วข้ามคืน
2. บริษัท นั่นควรมีปันผล เพราะหาเราต้องถือ (VS ก็อาจต้องถือเพราะติดอยู่) เราก็จะได้ปันผลในช่วงที่เราขายไม่ได้ เพราะตอนนั้นจะเป็นรายรับทางเดียวในขณะนั้นของเรา

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ไม่จำเป็นต้องมีปันผล แต่ต้องมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เจอวิกฤตการ แบบตลาดหมี แต่ก็ยังขายของได้ มีกำไร จะปันไม่ปันไม่เกี่ยว 
สำหรับพี่เจ๋ง คือ พี่มองหุ้นเหมือนห่านที่ออกไข่ให้เราเรื่อยๆใช่มั้ยครับ ดังนั้น เราต้องเลือกว่าห่านที่เรากำลังจะซื้อ ให้ไข่ในขนาดที่คุ้มค่ากับราคามั้ยถ้าห่านแพง แต่ไข่ใบไม่ใหญ่ เราก็ไม่ซื้อ อย่างนี้ใช่มั้ยครับ ?

โค้ด: เลือกทั้งหมด

พี่ไม่ชอบบริษัทที่มีปันผล พี่ชอบบริษัทที่ได้กำไรทันที innitial rate of return เช่น ซื้อทั้งบริษัท 100 ล้านบาท กำไร 20 เปอร์เซ็นต์ ก็เท่ากับ PE 5 เป็นต้น ยิ่งกำไรมากยิ่งดี และต้องเป็นกำไรจากกิจการ เป็นกำไรที่ยั่งยืน ปีนี้กิน pepsi ปีหน้าก็กิน pepsi
3. VI เองก็ควรเข้าซื้อหุ้นยามหุ้นถูกๆ เท่านั้น สมมุติว่าในปีหน้า ราคาหุ้นในตลาดขึ้นไปสูงแล้ว คนที่คิดจะเล่นแบบ VI ควรระมัดระวังในการซื้อหุ้น ใช่มั้ยครับ VI ควรซื้อหุ้นเมื่อยังถูกๆอยู่หรือเมื่อเกิดวิกฤตการใหม่ๆ แล้วถือยาววววว ไปเรื่อยๆ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ถ้าปีหน้าราคาหุ้นขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าซื้อไม่ได้ วอเรนไม่ได้ซื้อหุ้นในราคาถูกเสมอไป เขาพิสูจน์ให้เห็นตอนเขาซื้อ coke ถึงแม้ว่าไม่ได้ซื้อถูก แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปเขาได้ทุนคืน และยังได้หุ้นที่มีมูลค่าเพิ่มเป็น 10 เท่า เคล็ดลับคือเขาเลือกบริษัทที่มีคูเมือง บริษัทที่ไม่มีวันเจ๊ง อะไรทำนองนั้น เขาไม่เลือก microsoft เพราะไม่รู้ว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นอย่างไร 

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 3:12 pm
โดย Mon money
ไปๆมาๆกลับมาเรื่องติดหุ้นอีกแล้ว.....อย่างที่บอกแหละ ว่าติดเพราะอยากขาย กลัวว่าจะลงไปอีก จะขาดทุนมากขึ้น .....

พี่เจ๋งกล่าวในงานTVI meeting ว่าเหตุการณ์อย่างนี้เป็นอะไรที่ทำใจลำบากมาก พอหุ้นลงจะให้ดีใจกระโดดโลดเต้นคงลำบากสำหรับมนุษย์อย่างเราๆ มีกี่คนที่ดีใจจะได้ซื้อของถูกมากๆเข้าport

Warren Buffett กล่าวเมื่อหลังเหตุการณ์ 911ว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ทำให้ สติปัญญาและประสิทธิภาพการผลิตของเราลดน้อยลงไปเลย แล้วทำไมเราต้องไปกังวลอะไรกับมันด้วย"

ดังเช่นที่เกิดกับเราเมื่อ5-6ปีที่แล้ว ในที่สุดบริษัทที่แข็งแกร่งก็กลับมาดังเดิม ว่าแต่ว่าตอนนั้นได้ดีใจกระโดดโลดเต้นและซื้อสะสมไว้หรือเปล่าครับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 3:15 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

พี่เจ๋งกล่าวในงานTVI meeting ว่าเหตุการณ์อย่างนี้เป็นอะไรที่ทำใจลำบากมาก พอหุ้นลงจะให้ดีใจกระโดดโลดเต้นคงลำบากสำหรับมนุษย์อย่างเราๆ มีกี่คนที่ดีใจจะได้ซื้อของถูกมากๆเข้าport 
โห ความจำเป็นเลิศ จริงๆ ท่านมน

ยกนิ้วให้เลย

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 4:00 pm
โดย คัดท้าย
ขอบคุณครับพี่ :D

ผมเคลียร์มากขึ้นเยอะครับ

ปล. มิน่าพี่เจ๋งมอง EGCOMP ...

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2003 6:01 pm
โดย FITCH
ไม่กระโดดโลดเต้นหรอกครับ
รู้แต่ว่าได้โอกาสซื้อเพิ่มถูกๆ อิอิอิ สำหรับ EGCOMP ด้วย SCB ด้วย

เอ้ ยังงี้ผมเป็นอะไรหว่าระหว่าง VI กะ VS ชัก งงๆๆ ว่าจะไม่เข้ามาร่วมวงสนทนา ก็อดไม่ได้ เลยขอแจมนะครับ 8)

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 29, 2007 6:24 pm
โดย plamuek76
ผมชอบกระทู้นี้จังเลย ได้เข้าใจความหมายของการลงทุนมากขึ้น :P

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 30, 2007 12:02 am
โดย InnoVI
ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ตั้งเป้าเป็น VI ก่อนซัก 5 ปีแล้วศึกษา VS ต่อเป็นป.โท อิๆ :lol:

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 03, 2007 1:27 pm
โดย boy2t
ขอเป็น V3 ชอบไอ้มดเขียวได้เปล่า 555

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 06, 2007 9:16 pm
โดย dracro
โดยส่วนตัวผม..
ถ้าเปรียบเทียบกับหนังจีน ... สมมุติว่าเป็นเรื่อง3ก๊ก
ผมว่า VI เหมือนฝ่ายบุ๋น
และ VS เหมือน ฝ่ายบู๊
ให้ตลาดหุ้น เป็นสมรภูมิรบ
ฝ่ายบู๊ในหนังจีนก็ เช่นเตียวหุย กวนอู
ฝ่ายบุ๋นในหนังจีนก็ เช่น ขงเบ้ง

ฝ่ายบู๊ที่มีฝีมือและมีสติเสมอ มีความเคร่งครัดต่อกฏระเบียบก็สามารถทำชื่อเสียงให้กับตนได้ เช่นกวนอู

ฝ่ายบู๊ที่หุนหันพลันแล่น ถึงแม้ว่าจะมีฝีมือ ก็ย่อมแต่นำภัยมาสู่ตน เช่น เตียวหุย

ฝ่ายบุ๋น ฝ่ายนี้จะเป็นฝ่ายคอยวางแผน และเมื่อถึงเวลา สิ่งต่างๆก็จะเป็นไปตามแผนของตัวที่วางไว้ ซึ่งต้องมีความรอบคอบ และรู้เรื่องต่างๆเป็นอย่างดี

การศึกหากไม่มีการวางแผน ต่อให้มีฝีมือขนาดไหนก็ย่อมมีวันหลงกลข้าศึกได้ได้

แต่มองอีกทางนึง
หากเรามีการวางแผนที่ดีเลิศเพียงใด ถ้าหากนักรบของเราหุนหันพลันแล่น ขาดสติในสนามรบ ก็ย่อมทำให้การศึกพ่ายแพ้ได้เช่นเดียวกัน

แต่สุดท้าย
คนที่เป็นผู้นำทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นเหล่านี้เป็นใคร . . . .

ถ้าให้ผมตอบ เกี่ยวกับเรื่อง VI และ VS
ผมคิดว่า ถ้าหากคุณมีความรู้ทางด้านไหนก็ตามอย่างลึกซึ้งจริงๆแล้วละก็ไม่สำคัญครับ เหมือนกับข้อความด้านบนที่ว่า

แมวสีอะไรก็ได้ ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน..

แต่หากว่าเป็นแมวบ้าน ที่มีคนคอยแต่ป้อนอาหารให้กินละก็...
ชาติหน้าก็ยังจับหนูไม่ได้แน่นอนครับ  :)

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 06, 2007 9:40 pm
โดย dracro
ถ้าเป็นฝ่ายบุ๋น

มีคำกล่าวโบราณสุดจะคลาสสิคที่ว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง"

ลองถามตัวเองว่าคุณรู้เขา (หุ้นที่คุณได้ลงทุนไป) ดีแค่ไหน
และย้อนมาดูตัวเรา หรือรู้เรา ว่ามีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนขนาดไหน ซื้อถูกจังหวะ หรือซื้อตามมูลค่า ติดตามข่าวสารต่างๆ และนำมาวิเคราะห์ผลกระทบต่อหุ้นในพอร์ทที่เราถือไว้ดีแค่ไหน

ถ้าเป็นฝ่ายบู๊ (ผมตัดเพียงบางส่วน มานะครับ)

"อันธรรมดาผู้เป็นนายทัพนายกองจะทำการสงคราม
ถ้าแพ้ก็อย่าเพิ่งเสียใจ แม้ได้ชัยชนะก็อย่าเพิ่งทะนง "
(ตอนที่45:เตียวเลี้ยวเตือนสติแก่นายทหารทั้งปวง)

"ตัวเรานี้อุปมาเหมือนปลาเกลือกอยู่บนดอน
ซึ่งได้ขงเบ้งมาไว้นี้เหมือนเราเกลือกลงมาถึงน้ำได้ "
(ตอนที่35:เล่าปี่ว่าแก่เตียวหุยให้เชื่อใจขงเบ้ง)

สุดท้ายผมขอฝากคำที่ผมชอบที่สุดเลย ซึ่งจะเกี่ยวกับตรงนี้รึเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ ^^
" อันธรรมดาเกิดเป็นชาย
เมื่อปราถนาจะเป็นใหญ่
แม้ได้ทีที่ไหนก็จะทำการที่นั่น
อันจะคิดรั้งรออยู่กลัวแต่ความนินทาฉะนี้
นานไปเมื่อหน้าเป็นของคนอื่นแล้ว
จะคิดทำการต่อภายหลังก็จะมิได้ความเดือดร้อนเสียใจอยู่หรือ "
(ตอนที่ 49: เตียวสงให้เล่าปี่ไปเอาเมืองเสฉวน)

ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จกับการเล่นหุ้นและลงทุนในหุ้นครับ :D

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 07, 2007 5:20 pm
โดย BOONPARUEY
...   ถ้าจะให้ดี   ...
...   ทั้ง  VS  และ  VI  มาตั้งต้นที่   ...
...   แสวงจุดร่วม   สงวนจุดต่าง    จะดีไหม ?   ...
...   เพราะทุก ๆ คนที่อยู่ในตลาดหุ้น ณ เวลานี้ เป็นตลาดเปิด    ...
...   มีต่างชาติ ทุนหนา ความรู้มากมาย เข้ามาเป็น คู่ค้่า - คู่แข่ง ในตลาดบ้านเรา ...
...   ทุก ๆ คน ( ไทย ) กำลังอยู่ในทะเลที่มีคลื่นลม และ เป็นเรือลำเล็ก  ...
...   ต่างชาติก็อยู่ในทะเลเดียวกับเรา แต่เป็นเรือใหญ่  ...
...   ทั้งเขา และ เราก็แข่งกันหาทรัพยากร ในที่เดียวกัน ...
...   ถ้าเรือลำไหนล่ม  จะไม่มีลำไหนเข้ามาช่วยหรอก   ...
...   เปลี่ยนพลังงานจากการมั่นใจในแนวทางตนเอง ( อัตตา ) ...
...   มาเป็นพลังร่วมในการต่อกร กับ ต่างชาติ  จะดีไหม ?  ...
...   หรือว่า่  !? ...ต่างฝ่ายกำลังใช้กระบวนการ   ...
...   เพิ่มเหยื่อ !?  ...
...   ใครเคยเห็นรถบรรทุก  เป็ด  -  ไก่  ที่กำลังวิ่งไปสู่โรงเชือด ไหม ? ...
...   ตลอดการเดินทางนั้น เจ้าเป็ด  -  ไก่  ทะเลาะ - จิกตีกันไปตลอดทาง  ...
...    มันกำลังเสียเวลา  -  เสียพลังงาน   เพราะมันไม่รู้ว่า มันกำลังไปไหน  ...
...    แล้วในตลาดหุ้นบ้านเราล่ะ ?  ...
...    ใครเป็น  เป็ด  -  ไก่ .........ใครเป็นเจ้าของกิจการเชือด ?  ...
...    มีกระบวนการมากมายที่เราจะรวมพลังกัน  ...
...    เพื่อแข่งกัน กับ  ต่างชาติ   ...
...    ถ้าเราเริ่ม   ...
...    อีก  ๑๐  -  ๒๐  ปีข้างหน้า   ...
...    พวกเราทุก ๆ คน  และ  ประเทศไทย   ...
...    น่าจะเป็น  อย่างไร นะ ?   ...

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 12, 2008 3:48 pm
โดย กล้วยไม้ขาว
บทความดี ๆ อ่านกี่ทีก็ยังได้มุมมองใหม่ ๆ เสมอ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 23, 2008 1:09 pm
โดย jakrit
VI กับ VS คืออารายคับ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 24, 2008 11:36 am
โดย ศิษย์เซียน007
ผมยังมีไม่ถึงเลยครับคุณเจ๋งกำลังปั้นอยู่ครับ  :)

VI คือ ลงทุนแบบเน้นคุณค่า(ช้าแต่ชัวร์เหมือนสิงฆ์ปืนยาวอย่างบัฟเฟตต์)  VS คือ ลงทุนแบบเน้นเก็งกำไร(เร็วแต่หวาดเสียวเหมือนสิงฆ์ปืนสั้นอย่างโอนีล)

การลงทุนทั้งสองแนวนี้ทำให้ขึ้นสู่สวรรค์แห่งการลงทุนได้ครับขึ้นอยู่นักลงทุนจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งเพียงใดเท่านั้นเองครับถ้านักลงทุนเข้าใจได้ทั้งสองหนทางสู่สวรรค์แห่งการลงทุนก็ถือได้ว่าท่านคือยอดคนที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋นนับถือๆ

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2008 8:22 pm
โดย chinsetsu
ลองแบ่งเงินซักก้อนมาเล่นดูก่อนซิครับ
เล่นหลายๆแบบ มองดูหุ้นหลายๆตัว
พยายามสังเกต แล้วก้อศึกษาเทคนิคการเล่นของแต่ละคน

สุดท้ายปรับใช้กะตัวเราเอง

ผมมองว่าเล่นหุ้นให้ดีที่สุด ต้องเล่นหุ้นในแบบของตัวเองครับ!!!!

ถ้ามีเงิน 300,000 บาท ควรเล่นหุ้นแนว VI หรือ VS หรือ ผสมผสาน

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 07, 2008 1:25 pm
โดย kornjackrit
pae2020 เขียน:สมมติว่าหากใครสักคนซื้อ Hemraj ที่ 1.9 เนื่องจากใช้ความรู้และสติปัญญาของตนพิจารณาประเมินว่ามูลค่าของมันเป็น 3.0 และถือรอจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย แม้ว่าจะไม่เคยไปถึง 3.0 เลย ผมยังถือว่าเขาเป็น VI นะครับ เพียงแต่เป็น VI ที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่านั้นเอง
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

ผมว่า VI กับ VS ต่างกันในเรื่องมุมมอง
และนิยามของคำว่าขาดทุน

VS ขาดทุน เมื่อราคาที่ซื้อแพงกว่าราคาตลาด

VI ขาดทุน เมื่อมูลค่าของกิจการต่ำกว่าราคาตลาด

VI มองมูลค่า แต่ VS มองราคา

ผิดถูกประการใดช่วยชี้แนะด้วยนะครับ

:roll:  :roll:  :roll:  :roll: