Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ช่าย เห็นด้วยครับ ผมพูดแทน หม่อมคัดท้าย หม่อมพอใจ หม่อมฉัตรชัย และหม่อมบีมมี่

Jeng เขียน:ช่าย เห็นด้วยครับ ผมพูดแทน หม่อมคัดท้าย หม่อมพอใจ หม่อมฉัตรชัย และหม่อมบีมมี่

8) ผมเป็นพวกตลกหม่อมเอ็ม มากกว่าครับ
    (เห็นหม่อมเอ็ม แกไปเปิดร้านหมูกะทะ กุ้งกะทะ แถวนวมินทร์
    ผมเคยไปอุดหนุนครั้งนึง)

กำลังฟัง พุทธจริยา หาซื้อได้ที่วัดปทุมวนาราม

ผู้ใดก็ตามที่มีการกระทำอันบริสุทธิ์ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่า จะเกิดในวรรณะใดก็ตาม

ผมคิดว่าคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบครับ จะรับผิดชอบอย่างไรก็แล้วแต่ครับ หรือพวกท่านคิดว่าไม่ได้มาจากเลือกตั้งจะทำอะไรก็ได้ครับ  :evil:

ประโยคนี้ ทำไมไม่เอามาให้หมด ท่านบอกต่อว่า "ห่วงเกษตรกรเมืองไทยดีกว่า" ได้ฟังมาประมาณนี้

ประเทศไทยมีเกษตรกรกี่ล้านคน แล้วมีคนเล่นหุ้นกี่แสนคน ลองคิดดูก็แล้วกัน

อันนี้เป็นมุมมองที่แตกต่างนะ

perper เขียน:ประโยคนี้ ทำไมไม่เอามาให้หมด ท่านบอกต่อว่า "ห่วงเกษตรกรเมืองไทยดีกว่า" ได้ฟังมาประมาณนี้

ประเทศไทยมีเกษตรกรกี่ล้านคน แล้วมีคนเล่นหุ้นกี่แสนคน ลองคิดดูก็แล้วกัน

อันนี้เป็นมุมมองที่แตกต่างนะ

เท่าที่ผมอ่านในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  ก็มีเท่าที่ผมเขียนมานะครับ  ส่วนเสียงของท่าน  ผมไม่ได้ฟังครับ

อุ๋ย หน้าบาน หุ้นขึ้น 60 จุด โวลั่นได้เงินลงทุน 5 แสน ล.กลับคืนแล้ว

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 ธันวาคม 2549 19:09 น.
 
 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ดีใจเนื้อเต้น! ดัชนีตลาดทรัพย์ทะลุ 60 จุด โวลั่นเราได้มาร์เก็ตแคป 5 แสนล้านบาท คืนมาแล้ว พูดย้ำไม่มีกลุ่มการเมืองเก่า เข้ามาเกี่ยวข้องเก็งกำไรค่าเงินบาท ปฎิเสธลั่น ไม่เคยรายงานครม.แม้แต่คำเดียวว่า มีกลุ่มทุนเข้าโจมตีตลาดหุ้นไทย พร้อมเหน็บกลับแมงเม่า ชั่วโมงบินสูง ดักซื้อทำกำไรไปแล้ว
     
      ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผู้สื่อข่าว วันนี้ (20 ธ.ค.) กรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปรับตัวขึ้นมาได้ 60 กว่าจุด ซึ่งมาร์เก็ตแคปของตลาดที่หายไป 8 แสนล้านบาท ขณะนี้กลับคืนมา 5 แสนล้านบาทแล้ว
     
      คงต้องรอดูดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดตลาดในช่วงบ่ายอีกรอบ แต่ไม่ได้หวังให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้น 108 จุด เหมือนที่ตกลงไปเมื่อวานนี้ โดยดัชนีที่ปรับตัวขึ้นมา 60-70 จุด ก็ถือว่าสบายใจได้ โดยขณะนี้ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมอีก เนื่องจากถึงจุดที่ ธปท.ต้องการแล้ว คือ ค่าเงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นต่ออีก และตลาดหลักทรัพย์เริ่มกลับมาแล้ว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า กลุ่มธุรกิจการเมืองเก่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรับตัวลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดยระบุว่า ไม่มี ไม่เกี่ยวเลย เพราะคนที่ขายหุ้นวานนี้ กว่า 50% เป็นชาวต่างชาติ เพราะกลัวว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติมอีก ซึ่งเมื่อต่างชาติขายหุ้น กองทุนต่างๆ ก็เทขายหุ้นตาม เพราะไม่เช่นนั้นกองทุนจะขาดทุนด้วย
     
      อย่างไรก็ตาม ภายหลังความกลัวหายไป นักลงทุนก็กลับมาซื้อ โดยไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และขณะนี้ยังไม่มีเงินก้อนใหม่เข้ามาในประเทศ
     
      นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังปฏิเสธได้รายงาน ครม.ว่า มีกลุ่มทุนเข้าโจมตีตลาดหุ้นไทย โดยกล่าวว่า ตนไม่เคยพูด แม้แต่คำเดียว มีคนชอบพูดแทนตน
     
      ส่วนใครจะเป็นผู้รับผิดชอบกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เงินก็ได้คืนมาแล้ว 5 แสนล้านบาท และคาดว่า คงได้ครบทั้งหมด ส่วนความเสียหายนักลงทุนรายย่อยนั้น พวกนี้ซื้อหุ้นกลับตั้งแต่แรกแล้ว และไม่ต้องห่วง เพราะพวกนี้เก่ง บางคนยังทำกำไรได้ด้วย

tummeng เขียน:ส่วนความเสียหายนักลงทุนรายย่อยนั้น พวกนี้ซื้อหุ้นกลับตั้งแต่แรกแล้ว และไม่ต้องห่วง เพราะพวกนี้เก่ง บางคนยังทำกำไรได้ด้วย

คืนนี้  ท่านน่าจะสอบถามลูกชายของท่าน  คนที่จัดรายการเรื่องหุ้นบ้างก็ดีนะครับ

ไม่เข้าใจจริงๆ  หรือว่าแกล้งไม่เข้าใจก็ไม่รู้

[quote="chatchai"]"ผมปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

"ผมปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ  ปล่อยทีเดียวเลยเดี๋ยวก็เด้งกลับ  ไม่ต้องห่วงหรอกพวกที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์  เก่งทั้งนั้น  "
   
  ใช่ครับ  ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก แต่เรากลับเป็นห่วงท่าน แค่บริหารงานมาเพียง 3 เดือน ได้สร้างวีรเวรไว้
อย่างน้อย 2 ครั้ง  ครั้งที่ 1 เรื่องหวย  กลับลำแทบไม่ท้น
มีผลกระทบเฉพาะภายในประเทศ แต่ครั้งนี้เป็นการเผยกึ๋นให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าผู้บริหารการเงินการคลังของ
ประเทศไทยคิดได้แค่นี้เอง
เราเป็นห่วงกลัวท่านจะเอาหน้าไปมุดดินแสดงความรับผิดชอบ :lol:  :lol:  :lol:

ตอนหม่อมทำดีไม่เห็นมีใครชม  ก่อนหน้านี้พอร์ตใครมีกำไรก็คงนึกชมแต่ตนเอง ว่าแหมเรานี่คิดถูก     ตอนนี้ขาดทุนก็ว่ากันแต่หม่อม  ทำอย่างกับท่านบังคับให้ซื้อหุ้นต้นทุนสูงๆไว้    

ผู้กำหนดนโยบายก็เป็นมนุษย์เหมือนกันก็อาจมีการให้ยาแรงไปบ้าง  หากเรามีโอกาสไปอยู่ในจุดนั้นบ้างอาจเข้าใจว่ามันไม่ใช่ง่ายๆที่จะต้องดูแลเสถียรภาพในระดับมหภาค

ผมว่ามองมุมหนึ่งมันก็จริงที่ว่าท่านอาจประเมินสถานการณ์ผิดไปว่าผลกระทบไม่น่าแรงขนาดนี้   แต่ใช้ภาษาอีกแบบเราก็อาจกล่าวได้ว่าหม่อมท่านประเมินนักลงทุนไทยสูงเกินไป

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าตำแหน่งสำคัญนี้ได้คนที่เก่งที่สุดเข้าไปทำหรือเปล่า เลือกกันอย่างไร

สงสัยต้องปรึกษาประวัติศาสตร์

พวกเราเก่งจริง ๆ น่ะแหล่ะครับ แต่พวกเราไม่รู้ตัวเองอ่ะ

"กงเล็บเหยี่ยวไม่กางพร่ำเพรื่อครับ"

khun_parinya เขียน:พวกเราเก่งจริง ๆ น่ะแหล่ะครับ แต่พวกเราไม่รู้ตัวเองอ่ะ

"กงเล็บเหยี่ยวไม่กางพร่ำเพรื่อครับ"

8) ใครเป็นพวกเรามั่งครับ

    มีใครมั่งครับ

    อย่ายกตัวอย่างซี๊ซั๊วนะครับ...

นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังปฏิเสธได้รายงาน ครม.ว่า มีกลุ่มทุนเข้าโจมตีตลาดหุ้นไทย โดยกล่าวว่า ตนไม่เคยพูด แม้แต่คำเดียว มีคนชอบพูดแทนตน

ไม่รู้ผู้ว่าแบงค์ชาติคนที่เป็นผู้หญิงจะคิดแบบนี้อยู่รึเปล่าน้า
"ตูไม่เคยพูด แม้แต่คำเดียว มีคนชอบพูดแทนตู

ฟังแล้วจี๊ดจริงๆครับ .. คิดได้ไง ...
ผมว่าหยุดพูดบ้างก็ดีนะครับ รู้สึกว่าพูดไม่ค่อยเข้าหูคนเท่าไหร่เลย

การออกมาตรการจนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง จนต้องประกาศยกเลิกใน 24 ชั่วโมง น่าจะทำให้คนๆ นี้หมดความน่าเชื่อถือ และความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปได้แล้วนะครับ แต่ฟังจากที่เค้าให้สัมภาษณ์แล้วนี่...   สงสัยต้องเรียก "หนา" ซะแล้ว  :?

คืนนี้  ท่านน่าจะสอบถามลูกชายของท่าน  คนที่จัดรายการเรื่องหุ้นบ้างก็ดีนะครับ

ลูกชายของท่าน จัด คลื่นไหน เวลา กี่โมงคับ อยากลองฟังดูคับ  :D

thana1823 เขียน:ตอนหม่อมทำดีไม่เห็นมีใครชม

ทำตอนไหนครับ  ช่วยบอกผมที  ผมจำไม่ได้

thana1823 เขียน:ผู้กำหนดนโยบายก็เป็นมนุษย์เหมือนกันก็อาจมีการให้ยาแรงไปบ้าง

คุณฉัตรัชัย อย่าไปซีเรียสเลย

เพราะคนที่เลือกท่านๆ เหล่านี้ มาบริหาร คงต้องการแบบนี้ครับ

แต่ไม่รู้เพราะอะไร

หมายถึงโดยรวมนะครับ ทำให้ผู้บริหารบ้านเราก็เลยเป็นแบบนี้กันไปหมด

ประมาณว่า ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอในตำแหน่งหน้าที่การงานนั้นๆ  แต่ไม่ยอมเสียอำนาจ ในตำแหน่งหน้าที่การงานนั้นๆ

ได้อ่านความเห็นมาว่า

เพราะท่านคิดว่าเข้ามารับตำแหน่งเพียงปีเดียว  เดี๋ยวก็ไปแล้ว  ไม่ได้ลงเลือกตั้งต่อ  เลยไม่ต้องสนใจอะไรมาก

Jeng เขียน:ช่าย เห็นด้วยครับ ผมพูดแทน หม่อมคัดท้าย หม่อมพอใจ หม่อมฉัตรชัย และหม่อมบีมมี่

ผมก้อคนธรรมดาๆ ครับ (ไม่อยากเป็นหม่อม 555)

การลงทุนต้องดูหลายๆ ปัจจัยเป็นสำคัญ

แต่ขอติ "หม่อมอุ๋ย" นิดนึง ครับ

ไม่ใช่หน้าที่ของท่านนี่นา มันควรเป็นหน้าที่ของผู้ว่าการ ธปท. อะ

เข้ามาแสดงความเห็น ครับ ...

ทำไมนักการเมืองไทย นี่ปากพาจน เยอะจัง

ที่ผ่านมาก็มีให้เห็นแล้ว มาตอนนี้ก็ยังทำกันอีก เวงกำ  :lol:

shinnozuke เขียน:การออกมาตรการจนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง จนต้องประกาศยกเลิกใน 24 ชั่วโมง น่าจะทำให้คนๆ นี้หมดความน่าเชื่อถือ และความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปได้แล้วนะครับ

ผมบาดเจ็บเพราะการออกมายืนยันว่ามาตราการถูกต้องในตอนบ่ายของท่านนั่นแหละครับ ขายไป 70 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต ขาดทุนกำไรไปอื้อ ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีการปรับนโยบายให้ดีขึ้น ค่อยกระโดดเข้า หรือไม่ก็เข้าซื้อหุ้นบางตัวที่ต่ำกว่าพื้นฐานมากๆ จริงๆ

แต่ไม่ทันข้ามคืน คำพูดเมื่อบ่ายสามเปรียบเสมือนหมาเห่า คนเป็นผู้นำเขาทำกันอย่างนี้หรือ? จะได้ไปบอกสถาบันการศึกษาในเมืองไทยทุกที่ว่าหลักสูตรสอนการเป็นผู้นำต้องทำอย่างนี้ อยากจะออกนโยบายอะไรมาก็ออก ไม่ต้องวิเคราะห์ พิจารณาว่ามีผลกระทบอะไรหรือไม่ ถ้ามีก็ค่อยยกเลิก คนที่อิ๊บอ๊ายไม่ใช่ท่านผู้นำ

ดีใจด้วยครับสำหรับคนที่เป็นชาวสวนในวันแดงเดือดนั้น
ดีใจด้วยเช่นกันครับ สำหรับคนที่ไม่ได้ขาย ไม่ได้ทำอะไร นิ่งจริงๆ นับถือ
เสียใจด้วยครับ สำหรับคนที่ขายหุ้นไป เพราะวิเคราะห์สถานการณ์ว่า นโยบายนี้ผิดพลาด หากยืนยันใช้ต่อไป เศรษฐกิจจะต้องพัง เงินจากต่างชาติจะไหลออก บริษัทฯ จะขาดเงินทุนหมุนเวียน การจ้างงานอาจจะต้องลดลง ข้าวของจะต้องแพงขึ้น ถือเงินสดไว้ในมืออุ่นใจกว่า เพราะผู้นำยืนยันแล้วว่านโยบายนี้มาถูกทาง

ท่านอาจจะเป็นนักธนาคารที่เก่ง
ไม่ใช่นักเล่นหุ้นเลยเข้าใจผิดไปครับ

ตอนนี้พวกเล่นหุ้นแย่ตาม ๆ กันหมดครับ
พูดในฐานะคนเล่นหุ้น อยากให้ระวังนิดนึงครับ
เพราะคนเล่นหุ้นตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่คอยดีนักครับ

ถ้าเจ็บเพื่อชาติ
เจ็บเพื่อส่งออกจะได้แข่งขันได้
เกษตรกรสามารถขายสินค้าได้
เจ็บก็กัดฟันเจ็บได้ครับ

เจตนาดีแต่ถ้าพูดไม่ดีก็อันตรายครับ
เพราะเจตนาอยู่ในใจไม่มีใครรู้ครับ

ผลกระทบที่เห็นชัดเจนของมาตราการนี้คือผลกระทบของตลาดทุน  ผมอยากฟังผู้มีความรู้มาวิจารณ์นโยบายนี้ในกรอบของปัญหาที่ธปท ต้องการแก้  นั่นคือการแข็งค่าของเงินบาท  โดยจะแก้อย่างไรไม่ให้มีปัญหาเงินเฟ้อตามมา  การวิจารณ์ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยส่วนใหญ่วิจารณ์จากการตำหนิผลกระทบด้านลบที่กระทบกระเทือนต่อตลาดทุน   แต่เป้าหมายที่แท้จริงและความเป็นไปได้หากดำเนินนโยบายนี้กลับไม่มีใครพูดถึง และวิจารณ์โดยไม่เบี่ยงประเด็นไปในเรื่องการตกลงของราคาหุ้นอย่างหนัก   สิ่งที่ผมแปลกใจที่สุดคือนักลงทุนที่เป็น value investor หลายท่านโฟกัสไปที่การตกลงของราคาหุ้นอย่างหนักทั้งๆที่ทราบอยู่แก่ใจถึงความไร้เหตุผลของราคาหุ้นในตลาดอยู่เต็มหัวใจ   การเรียนตนเองว่า value investor ในความหมายของคำนี้หมายถึงเรายอมรับแต่แรกอยู่แล้วว่าราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของธุรกิจเลย     การที่ทุนต่างชาติทยอยออกจากประเทศ และมีรายย่อยขายเพื่อตัดขาดทุนหรือเหตุผลอื่นเป็นเพียงการแสดงออกถึงการไร้วินัย และขาดความรู้ทางการลงทุนของตลาด  รวมไปถึงการแสดงให้เห็นถึงการมีทัศนคติที่ไม่พึ่งพาตนเองของนักลงทุนในชาติ    ผมไม่เห็นผู้บริหารขายบริษัทหนีวิกฤติในวันอังคารทิ้งไปไหนสักราย   หากเราลงทุนในทัศนคติของ คนที่สนใจในศักยภาพในการแข่งขัน  เรื่องที่เกิดในวันอังคารไม่สมควรกระทบจิตใจด้วยซ้ำ   และหากจะคิดแทนหัวอกรายย่อยที่ขาดทุน  หากจะสงสารเขาอยากหาความเป็นธรรมให้เขา      ต่อจากนี้คุณอย่าพยายามหาประโยชน์จากนายตลาดอีก    เพราะพวกเขาคือนายตลาด คนที่ value investor หาประโยชน์กับเขามาโดยตลอด


วิจารณ์หม่อมท่านโดยตรงที่นโยบายของท่าน และผลกระทบเกี่ยวกับค่าเงินบาทเถิด  ผมอยากฟัง   หรือมีใครมีนโยบายที่ดีกว่านี้โดยไม่มีปัญหาเงินเฟ้อมากระทบ    ยอมรับเถิดครับว่าเราอยู่ในตลาดที่ไร้ประสิทธิภาพที่สุด และมีคนรอบข้างที่มีทัศนคติทางการลงทุนที่ด้อยมาก   ผมน้อมรับฟังคำตักเตือนและโต้แย้งทุกประการ  

ด้วยความเคารพ

thana1823 เขียน: สิ่งที่ผมแปลกใจที่สุดคือนักลงทุนที่เป็น value investorหลายท่านโฟกัสไปที่การตกลงของราคาหุ้นอย่างหนักทั้งๆที่ทราบอยู่แก่ใจถึงความไร้เหตุผลของราคาหุ้นในตลาดอยู่เต็มหัวใจ   การเรียกตนเองว่า value investor ในความหมายของคำนี้หมายถึงเรายอมรับแต่แรกอยู่แล้วว่าราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของธุรกิจเลย     การที่ทุนต่างชาติทยอยออกจากประเทศ และมีรายย่อยขายเพื่อตัดขาดทุนหรือเหตุผลอื่นเป็นเพียงการแสดงออกถึงการไร้วินัย และขาดความรู้ทางการลงทุนของตลาด  รวมไปถึงการแสดงให้เห็นถึงการมีทัศนคติที่ไม่พึ่งพาตนเองของนักลงทุนในชาติ  

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

คงเป็นกรรมที่ นักลงทุน ทำมาร่วมกัน
เลยเจอ วิบาก แบบเดียวกัน

[quote="thana1823"]ผลกระทบที่เห็นชัดเจนของมาตราการนี้คือผลกระทบของตลาดทุน