หน้า 2 จากทั้งหมด 2

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 8:48 pm
โดย ek_tt
พฤษภาทมิฬ ปี ๓๕
ลอยตัวค่าเงินบาทปี ๔๐
หุ้นดิ่งเมื่อสองสามวันก่อน

... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
... เราต้องผ่านมันไปได้แน่นอน

... เพราะผมเชื่อว่า
... ประชาชนอย่างเราๆท่านๆ
... ยืนอยู่บนขาของตัวเองมาตั้งนานแล้ว

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 11:49 pm
โดย ROGER
เสื้อเหลืองนี่แถวบ้านผมขายกันเต็มซอยเลยครับ  เดินไปโบ๊เบ๊นี่เกลื่อนเลย

โชคดีที่งานที่ผมทำนี่ใน 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีการขยายการผลิต  ทำให้หลังๆๆตลาดโตขึ้นเรื่อยๆๆ  จนมาปีนี้หลังจากเปิดสุวรรณภูมินี่  งานต่างๆๆยิ่งเพิ่มขึ้นจนออเดอร์ทะลักครับ

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 23, 2006 12:56 pm
โดย teetotal
tachikoma เขียน: ส่วนเมืองจีนช่วงนี้ก็น่ากลัวครับ
เขาไม่ได้ทำได้แต่ของถูกแล้ว เขาทำได้ทั้งของถูกและดี
สินค้า Hi-End เช่นพวกเครื่องเสียงที่ราคาหลักแสน เขาสามารถทำให้ราคาเหลือหลักพัน จนมีฝรั่งหลายคนซื้อเอาไปประมูลในเวป e-bay เสียด้วยซ้ำ

แล้วก็เขามีมุขไม้ตาย ตอนกลางวัน โรงงานผลิตของ Brand Name พอกลางคืน มีอีกกะ ผลิตของแบบเดียวกัน ไลน์การผลิตเดียวกัน ต่างกันที่เป็นยี่ห้อของเขาเอง
นิทานที่ พวกจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เอามาเล่าสอนเด็ก จะแฝงให้เด็กขยัน
เช่น ฝึกวรยุทธ 10 ปีจนเก่ง ตื่นตี4 รับใช้อาจารย์
นิทานพื้นบ้านของไทย หลายๆ เรื่อง สอนให้เด็กฝัน
เช่น พระอินทร์ เล็งทิพยจักษุ เห็นพระเอกลำบาก เลยมาช่วย เนรมิตให้น้ำเต็มตุ่ม

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 26, 2006 10:16 pm
โดย yield
ปีนี้ยอดขายช่วงปีใหม่ เหมือนไม่ใช่ปีใหม่เลยครับ เงียบมาก เห็นด้วยกับหลายท่านครับ

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 26, 2006 11:13 pm
โดย เทียน
การเมืองนิ่งไว้เป็นดี ที่สุด 4 ปี เลือกตั้ง ที่ แล้วประเทศไทยจะไปได้เอง  นักธุรกิจชอบอะไรที่คาดได้

ผมทำโรงพิมพ์อยู่ก้ไปได้เรื่อย แต่หลังปฏิวัติ งานหายไปพักใหญ่ แต่ตอนนี้ก็เป็นปกติครับ

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 30, 2006 3:05 am
โดย ek_tt
ทิพย์อาสน์ เคยอ่อน แต่ก่อนมา
กลับกระด้าง ดั่งศิลา ประหลาดใจ
ต้องเกิดเหตุ เภทภัย ในแดนดิน
อัมรินทร์ เร่งคิด สงสัย

จริงครับ พี่ไทยเราพึ่งพาความหวัง มากกว่าความพยายาม...

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 30, 2006 9:24 am
โดย Tongue
P Jeng wrote
อยากทราบว่าเพื่อนรู้สึก หรือมีอะไรบ่งชีว่าเศรษฐกิจไม่ดีหรือไม่

และการลงทุนในตลาดหุ้นจะกระทบอย่างไร

ตัวชี้วัดความมั่นใจผู้บริโภค, Consumer Confidence IndEX (CCI)

http://www.price.moc.go.th/cci/index.asp

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 15, 2007 11:37 am
โดย akekarat
[quote="ROGER"]ไม่จริงครับ

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 16, 2007 5:30 am
โดย bsk(มหาชน)
คนระมัดระวังในการใช้จ่ายหรือเปล่าคับ หลังปีใหม่มาเนี่ย มันซบเซาไปเหมือนกัน...

ส่วนนี่ ตามข่าวคับ..
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2192   15 ก.พ. - 17 ก.พ. 2550  
 




--------------------------------------------------------------------------------



กำลังซื้อซบสุด +บ้านหรูจุก- รถถูกยึดเพิ่มจัดประมูลเดือนละ 16 รอบ ห้างดังอัดแคมเปญต้อนลูกค้า
 
อสังหาฯ-รถยนต์-ห้าง ผวากำลังซื้อเดือนม.ค.วูบประเดิมปีหมูไฟ บ้านราคา5ล้านค้างเติ่ง ลูกค้าหันซื้อทาวเฮาส์ ยอดขายรถเดือนแรกตกถึง 23 % ชี้รากแก้วหมดแรงซื้อจักรยานยนต์ ยอดทั้งปีหด 11 % ธปท.ยอมรับกำลังซื้อแผ่ว ฝากความหวังไว้กับครึ่งปีหลัง ฝ่ายห้างดังระดมจัดกิจกรรมดึงกำลังซื้อช่วงไฮซีซัน ทอง-เพชรลดขนาดยั่วลูกค้า


ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ อันเกิดจากความไม่มั่นคงการเมือง เมื่อคนร้ายวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯและนนทบุรีในช่วงต้นปีใหม่ และยังหาตัวคนกระผิดไม่ได้ กับความวิตกกังวลของนักลงทุนไทยและต่างชาติ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท.ออกมาตรการกันสำรอง30% ส่งผลให้ประชาชนชะลอการจับจ่ายใช้สอยลง สะท้อนภาพความชัดเจนมากขึ้นเมื่อกำลังซื้อของประชาชน ที่ใช้ในปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิต อย่างเช่นบ้าน รถยนต์และการอุปโภคบริโภคลดลง.


***บ้านเดี่ยวเหนื่อย!





ร.ศ. มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาเคหะการ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย กล่าวว่าภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงนี้เห็นชัดเจนว่า ปีนี้กำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่เป็นบ้านในระดับราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป จะชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมซบเซา และหันไปลดไซน์ด้วยการซื้อบ้านที่มีขนาดเล็กและถูกลงแทน อาทิ คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทเป็นต้น อย่างไรก็ดี แม้อัตราดอกเบี้ย จะลดลงแต่เป็นเพียงการลดลงตามนโยบาย0.25 % และเชื่อว่า แนวโน้มน่าจะขยับขึ้นอีกหรือไม่ก็ไม่ปรับลดไปมากกว่านี้ ทั้งนี้ดูได้จากผู้ประกอบการมีการปรับตัวด้วยการลดหรือซอยขนาดบ้านให้มีขนาดเล็กลง ทำให้สามารถขายราคาต่ำลงตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ทำให้ ปี 2550 ตัวเลขที่อยู่อาศัย ที่เปิดตัวและจดทะเบียนสูงกว่าปี2549 คือ 76,000 หน่วย ในขณะที่ปี 2549 มีจำนวน 72,000 หน่วยแต่ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว เป็นต้น





เช่นเดียวกับความเห็นของนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย และ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงนี้ โครงการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับบน ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปจะขายยาก และถึงขั้นผู้บริโภคชะลอการซื้อออกไป เนื่องจาก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ ซึ่งประเมินว่าผลประกอบการจะไม่ดีนักเนื่องจาก จีดีพี จะโตเพียง 4 % หรืออาจจะอยู่ที่ เกือบ 4 % ดังนั้น แน่นอนว่า คนกลุ่มนี้จะคำนึงถึงธุรกิจของเขาก่อนที่จะซื้อบ้าน ส่วนมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ต่อครัวเรือนตั้งแต่ 20,000-70,000 บาท จะยังไม่ได้รับผลกระทบตรงนี้เพราะมีรายได้ประจำ ยังไม่ถึงขั้นเลออฟ ดังนั้นจึงสามารถซื้อได้แต่ จะซื้อในระดับราคา1ล้านต้นๆแต่ไม่เกิน 2-3 ล้าน โดยแพงสุดจะอยู่ที่ 4 ล้านบาท แต่ถือว่าไม่มาก อย่างไรก็ดี โครงการระดับราคา เฉลี่ย 4-5ล้านบาทขึ้นไปจะเหนื่อยในช่วงนี้





+++ยอดขายรถยนต์วูบกว่า 23 %


นาวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ประเดิมต้นปี 2550 อย่างไม่ดีนัก โดยมียอดขายรถยนต์รวม 38,643 คัน ลดลง 23.4 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มียอดขาย 50,454 คัน และแม้ว่า โตโยต้าจะยังครองอันดับหนึ่งที่ยอดขาย 16,726 คัน แต่นับว่า ลดลง 6.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 รองลงมาเป็นของอีซูซุ ที่มียอดขาย 9,408 คัน ลดลงถึง 38.5 % อันดับ 3 เป็นของฮอนด้า ซึ่งในปีที่ผ่านมา ไม่เคยมียอดขายลดลงต่ำลงเลย เนื่องจากรถเก๋งซีวิคได้รับความนิยมสูงมาก แต่ในเดือนมกราคมนี้ ทำยอดขายได้เพียง 4,325 คัน ลดลง 7.9 % อันดับ 4 มิตซูบิชิ 1,828 คัน ลดลง 41.1 % อันดับ 5 นิสสัน มียอดขาย 1,299 คัน ลดลง 12.5 %


รายงานข่าวจากบริษัท ตรีเพชร อีซูซุ เซลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์อีซูซุ ระบุว่า ตลาดรถยนต์ในเดือนมกราคม มียอดขายลดลง 23.41 % เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปีที่แล้ว แต่ลดลงถึง 54.28 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อันเป็นสภาวะปกติของตลาดรถยนต์ที่ยอดขายในเดือนมกราคมจะตกลงจากเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นฤดูขายของทุกปี


อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกตามประเภทของรถยนต์แล้ว จะพบว่า มีเพียงตลาดรถบรรทุกขนาด 2 ตัน ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 6.11 % เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมของปีก่อน โดยมียอดขาย 1,649 คัน ส่วนตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ไม่รวมSUV มียอดขายรวม 22,252 คัน ลดลง 33.25 % เมื่อเทียบกับมกราคม 2549 ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซึ่งเคยขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกๆเดือน กลับมียอดขายลดลง 9.76 % ด้วยยอดขาย 11,137 คัน





+++ปี50 จักรยานยนต์วูบ 11 %


เช่นเดียวกับตลาดรถจักรยานยนต์ นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2550 ที่กำลังการซื้อของผู้บริโภคหดหายไปมาก โดยยอดขายรถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ลดลงจากปีก่อนกว่า 20 % และคาดว่ายอดขายรวมทั้งปีจะลดลงถึง 11 % เมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งนับว่าตกลงมาก เพราะหลายๆปีที่ผ่านมา ตลาดนี้จะขยายตัวอย่างน้อยปีละ 30 % ซึ่งอาจเป็นเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเกษตรกรในต่างจังหวัดได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้กำลังการซื้อเดิมหายไปมาก





บรรยากาศตลาดรถมือสองนั้น นางสาวเสาวลักษณ์ ชัยเดชสุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดประมูลรถมือสอง กล่าวว่า ตลาดรถมือสองในปัจจุบันนี้ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากรถที่ซื้อ-ขายผ่านกระบวนการเช่าซื้อจากไฟแนนซ์หลายแห่ง ยังคงมีตัวเลขรถยึดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะสังเกตได้จากสถิติการประมูลขายในต่างจังหวัด ที่บริษัทต้องเพิ่มรอบประมูลจากเดิมเดือนละ 6-8 รอบเป็น 15 รอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 นี้ หากรวมกับการประมูลทั้งที่สาขารังสิต-คลอง8 และที่สำนักงานใหญ่อีกเดือนละ 16 รอบ ซึ่งในแต่ละรอบนั้นมีรถยนต์มือสองและจักรยานยนต์มือสองอย่างต่ำ 400 คัน ทำให้สถิติการเพิ่มนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น


****ยอดจำหน่ายสินเชื่อคงทนส่อเค้าหดตัว


ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานปริมาณการจำหน่ายยานยนต์ ทั้งรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์ ในปี 2549 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในส่วนของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง มีจำนวนทั้งสิ้น 191,405 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีจำนวน 185,761 คัน หรือเพิ่มขึ้นเพียง 3 % ส่วนปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 1,920,626 คัน ลดลงจากปี 2548 ที่มีปริมาณจำหน่ายรวม 2,053,004 คัน หรือลดลง 6.4 % โดยในส่วนของปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งนั้น เริ่มขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2549 ส่วนปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ขยายตัวลดลงตั้งแต่เดือนกันยายน 2549


ในส่วนของเครื่องชี้ในหมวดสินค้าคงทนลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ลดลงเนื่องจากฐานสูงจากปีก่อนที่มีการออกรถยนต์รุ่นใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2548 ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ลดลงจากปีก่อนที่ฐานสูงเช่นกัน เพราะมีการเร่งจำหน่ายเนื่องจากคาดว่าตลาดจะชะลอตัว นอกจากนี้ส่วนหนึ่งยังได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน


****ธปท.คาดกำลังซื้อดีขึ้นครึ่งปีหลัง


ดร.อมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ


สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า จากตัวเลขปัจจัยชี้เศรษฐกิจ ณ สิ้นปี 2549 ชี้ว่าการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนอ่อนตัวลง แต่อย่างไรก็ตาม จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % ถือเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอีกปัจจัยหนึ่ง โดยที่ผ่านมาธปท.มองว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้าไปบ้าง เป็นผลจากผลกระทบจากน้ำท่วม ความเชื่อมั่น และปัญหาทางการเมือง ซึ่งการที่กนง.พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งอย่างน้อยครึ่งหลังของปี 2550 นี้





++ค้าปลีก-เครื่องใช้ไฟฟ้าพลิกเกมสู้


นางสาธิมา ทานาเบ้ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท จี.เอส. พร็อพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร เปิดเผยว่า หลังจากที่ธุรกิจค้าปลีกได้รับผลกระทบจากเหตุลอบวางระเบิด จนยอดขายในเดือนม.ค. หายไป 15-20% ทำให้ผู้ประกอบการทุกค่ายต้องปรับกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา ซึ่งนอกจากการจัดแคมเปญตามซีซั่นนอล แล้ว จะมีแคมเปญแปลกๆใหม่ๆเกิดขึ้น โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และเข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ซึ่งจะมีทั้งแบรนด์ แคมเปญ ,โปรโมชั่น แคมเปญ และ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือซีอาร์เอ็ม โดยในเดือนมีนาคมคาดว่าเป็นช่วงที่การแข่งขันรุนแรงมากสุด เพราะเริ่มเข้าไฮซีซั่นของทุกธุรกิจ


เช่นเดียวกับนายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของสยามพารากอนหายไปในช่วงต้นเดือนม.ค. แต่ก็ค่อยๆ กลับคืนมาในช่วงปลายเดือน โดยทางศูนย์เน้นการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มสเกลงานให้ยิ่งใหญ่กว่าปีก่อน เช่นงานตรุษจีน ปีนี้ใช้งบกว่า 70 ล้านบาท


++ทอง-เพชรลดขนาดหั่นราคาสู้


ด้านนางสาวรุ่งนภา เงางามรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเพชรแบรนด์ พรีม่าไดมอนด์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมวางแผนการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ ไว้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นยอดขายอันเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง เช่น เทศกาลวันวาเลนไทน์ บริษัทออกสินค้าที่มีขนาดเล็กลงในราคาเหมาะสม โดยเครื่องประดับเพชรขนาด 30 ตังค์ขึ้นไป จะได้รับในรับรองจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์


นายคงเดช โอฬารรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับเพชรแบรนด์ "เพชรยูบิลลี่" กล่าวว่า กลยุทธ์หลักในการทำตลาดปีนี้ คือการจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้า และการร่วมกับบัตรเครดิตในการให้ส่วนลดพิเศษ การผ่อนชำระ เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น มีออกใบรับรองสินค้า และจัดทำสินค้าในราคาที่เหมาะสม ส่วนในไตรมาสแรกบริษัทก็มีสินค้าออกมารองรับเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลวาเลนไทน์ โดยมีเครื่องประดับจี้พร้อมสร้อย รูปแบบสีทูโทน จำหน่ายในราคาพิเศษ ซึ่งน่าจะทำให้ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% จากปีที่ผ่านมา  

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 16, 2007 9:29 pm
โดย qingwen
เห็นตัวเลขหลายตัวแสดงยอดลดลง

ถ้าลดลงจากปีที่แล้ว แบบนี้มันไม่ใช่เศรษฐกิจฃลอตัวแล้วนี่ครับ

มันเศรษฐกิจหดตัวแล้วไม่ใช่เหรอครับ

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 20, 2007 3:14 pm
โดย lekmak333
ตอนนี้ภาคการบริโภค ภาคการลงทุน ลดลงอย่างมาก
เนื่องจาก จิตวิทยาด้านการเมืองยังไม่นิ่ง

พอการบริโภคลดลงเนื่องจาก เฝ้าดูสถานการณ์ + นโยบายพอเพียง สนับสนุนการไม่ใช้จ่ายด้วยแล้ว จึงไม่น่าแปลกที่ทำให้บรรยากาศขณะนี้ดู ซบเซา

รัฐบาลน่าจะจัดกิจกรรม กระตุ้นการใช้จ่าย เริ่มจากภาคครัวเรือนก่อน เหมือนรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ปิดถนนวันอาทิตย์ที่สีลม จัดงานแสดงสินค้า เปิดท้ายขายของ กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ

หากให้ประชาชน เล่นแต่ออมเงิน ต่อไปเศษรฐกิจทรุดหนักแน่ๆ

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 21, 2007 11:34 am
โดย freemindd
น่าจะรณรงค์ หรือบังคับ
หรือเก็บภาษีเพิ่ม จากคนรวยเท่านั้น
ให้คนรวยใช้เงิน
มาซื้อของคนจน หรือ ช่วยคนจน
ให้มีเงินบริโภคอาหาร สินค้าจำเป็น
มีเงินรักษาโรค
มีเงินส่งลูกเรียน
ได้อย่างมั่นคงถาวร
เป็นหลักประกัน

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เห็นใครๆก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 22, 2007 4:04 pm
โดย BullToPia
ทำงานบริษัทอสังหาฯครับ ขายทาวน์เฮาส์ราคาค่อนข้างสูง(5-6ล้าน) ช่วงหลังนี่ขายดีครับ เนื่องจากเจ้านายกลัวขายไม่ได้ เลยลดแลกแจกแถมกันอุตลุต จะได้ปิดโครงการซักที เพราะนานไปยิ่งเสี่ยงเรื่องกำลังซื้อลดลงเรื่อยๆ แต่ถ้าว่ากันตามบทวิืจัยที่มีมาช่วง 2-3 ปีมานี้ ทุกอันจะบอกตรงกันเลยว่าตลาดบ้านระดับบนอิ่มตัว(ไปนาน)แล้ว และจะเห็นตลาดระดับล่าง-กลางบูมขึ้นมาแทน ก็ดูได้จากพวกคอนโดงัยคับ ขึ้นกันเป็นดอกเห็ด PS ก็ทำจนไปถึงโครงการที่เท่าไรแล้วไม่รู้
อ้อสรุปว่า ถ้าเรื่องบ้านนี่ ของถูกยังขายได้ครับ ของแพงขายยากมากกกกกก