บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) ("บริษัท" ประกอบธุรกิจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานฐานราก
โดยแบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ดังนี้
1. งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile)
เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และ
โครงสร้างอาคารในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งไม่สามารถใช้เสาเข็มตอกได้เนื่องจากปัญหาด้าน
การขนส่ง หรือเนื่องจากบริเวณก่อสร้างชิดอาคารข้างเคียงมากซึ่งความสั่นสะเทือนจากการตอก
เสาเข็มอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายกับอาคารข้างเคียงได้ นอกจากนี้เสาเข็มเจาะยังลดมลภาวะ
เรื่องเสียงและแรงสั่นสะเทือนเมื่อเทียบกับการใช้เสาเข็มตอก การก่อสร้างเสาเข็มเจาะนั้นสามารถ
ปรับเปลี่ยนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ และทำได้ถึงความลึกมากกว่า 60 เมตร ขึ้นอยู่กับการออกแบบ
กำลังรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยวิศวกร และสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่ โดยสามารถประยุกต์ใช้กับ
การก่อสร้างโรงงาน สะพานข้ามแยก ทางยกระดับ อาคารสูง เป็นต้น
2. งานปรับปรุงคุณภาพดินโดยวิธีอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับโครงสร้างของดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับน้ำหนัก
มากขึ้นและป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการงานประเภทนี้โดยวิธีการอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์ โดยการแบ่งลักษณะ
ของงานเป็นดังนี้
- เสาเข็มดินซีเมนต์ ซึ่งมีความสามารถในการรับน้ำหนักตามที่ออกแบบและช่วยลดปัญหา
การทรุดตัวของโครงสร้าง โดยสามารถประยุกต์ใช้กับงานฐานรากงานถนน ลานจอดเครื่องบิน เขื่อน
ประตูระบายน้ำ รวมไปถึงการเพิ่มเสถียรภาพให้กับตลิ่งของคลอง
- การเพิ่มกำลังรับน้ำหนักและเสถียรภาพของดินเฉพาะจุด เช่น งานอัดฉีดรอยแตกของ
ชั้นหินหรือดินในงานก่อสร้างเขื่อน
3. งานกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม
เป็นการก่อสร้างกำแพงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักและป้องกัน
การเคลื่อนตัวของดินทางด้านข้าง โดยจะทำการก่อสร้างกำแพงในชั้นที่ต่ำกว่าผิวดินด้วยคอนกรีต
เสริมเหล็กคล้ายคลึงกับการทำเสาเข็มเจาะแบบเปียก ซึ่งการใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างกำแพง
กันดินชนิดนี้ทำให้ไม่ต้องใช้ Sheet Pile และสามารถสร้างกำแพงกันดินใต้ดินแบบถาวรที่มีหน้าตัด
เป็นสี่เหลี่ยมเหมือนกำแพงทั่วไป แต่มีความแข็งแรงและสามารถป้องกันการรั่วซึมของน้ำได้ ซึ่ง
ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้โดยสารสำหรับระบบ
รถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น โดยสามารถกำหนดความหนาของแผ่นกำแพง
ได้ตั้งแต่ 50 เซนติเมตร จนถึง 1.5 เมตร
บริษัททำงานให้กับทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน ซึ่งลูกค้าของบริษัทมีทั้งที่เป็น
ผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และเจ้าของโครงการโดยตรง
ตอบกลับโดย : invisible_hand
Posts : 83
Replies : 1686
« Reply #3 เมื่อ 01/05/2006 , 00:03:37 » Edit
--------------------------------------------------------------------------------
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
ตอบกลับโดย : invisible_hand
Posts : 83
Replies : 1687
« Reply #4 เมื่อ 01/05/2006 , 00:04:05 » Edit
--------------------------------------------------------------------------------
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
Pylon ทำงานรับเหมาฐานราก รับงานจากทั้งเจ้าของโครงการ หรือผู้รับเหมาขนาดใหญ่ ปกติเจ้าของโครงการอสังหาฯ จะมี gross margin 30-35% ส่วนผุ้รับเหมาขนาดใหญ่จะมี gross margin 10-20% ดังนั้นโอกาสที่ pylon จะได้ gross margin ดีๆ คงจะยากเพราะถ้า pylon ไม่ยอมรับราคาที่ค่อนข้างต่ำก็จะมีคู่แข่งอีก 5-6 เจ้ารออยู่ ดังนั้นธุรกิจนี้คงไม่น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาวครับก็คงเหมือนเรือเล็กๆ ที่ลอยบนทะเลไปตามกระแสคลื่นลมครับ ถ้าลมดีก็แล่นได้ไกล ถ้าพายุมาก็อาจจะล่มได้ครับ
เจอที่ห้องกระทิงคุณค่าครับ เก็บไว้เป็นข้อมูล