รมช.คลัง คาดธปท.ใช้เงินราวล้านล้านบาทรักษาเสถียรภาพบาท
- Kuruni
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
รมช.คลัง คาดธปท.ใช้เงินราวล้านล้านบาทรักษาเสถียรภาพบาท
โพสต์ที่ 31
ผู้หญิงท่อปัสสาวะสั้นครับ การกลั้นไว้นานๆทำให้เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบง่าย แต่งานนี้คงมีอาการกลั่นไม่อยู่แล้วครับ วันก่อนเห็นบอกเป็นแค่การขาดทุนทางบัญชี ตอนนี้คงออกอาการเยี่ยวแตกตามลูกพี่ที่ชิงลาออกไปก่อนแล้ว:lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
รมช.คลัง คาดธปท.ใช้เงินราวล้านล้านบาทรักษาเสถียรภาพบาท
โพสต์ที่ 32
ก่อนอื่นต้องบอกกอนครับว่าความเห็นของผมเป็นความเห็นส่วนตัว และค่อนข้างแตกต่างจากหลายคนที่เคยแสดงความคิดเห็น
ประการแรก กรณีการแข็งขึ้นของค่าเงินบาทตั้งแต่ไตรมาส4 ปี2549 ผมเชื่อว่ามีการพยายามเก็งกำไรซึ่งแตกต่างจากกรณีของปี 2540 อย่างค่อนข้างมากในปีนั้น เป็นการพยายามเก็งกำไรโดยการทุบค่าเงินบาท(มีการนำเงินบาทมาขายแลกเป็นเงินเหรียญสหรัฐ) แต่ปัจจุบันมีการเก็งกำไรโดยการปั่นค่าเงินบาท(ขายเงินเหรียญสหรัฐซื้อเงินบาท)
ประการที่ 2 เป็นความจริงหรือเปล่าที่มีการใช้เงินบาทเป็นป็นล้านล้านบาทในการรักษาเสถียรภาพ ซึ่งผมมองว่าไม่เป็นความจริง โดยดูจากทุนสำรองระหว่าประเทศที่ไม่ได้เพิ่มอย่างมากมายมหาศาล ถ้าใช้เงินล้านล้านบาทเพื่อซื้อดอลลาร์สหรัฐผมว่าเราองมีทุนสำรองเพิ่มจากปลายปีเกือบ 27,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้วครับซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเจตนาของคนมาให้สัมภาษณ์เหมือนกันว่าต้อการสื่อถึงอะไร
กลับไปประการแรก ต่อจากนี้ผมจะพูดถึงกรณีที่ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องการเก็งกำไรค่าเงินทั้งหมดซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติจาก demand และ supply ของเงินเหรียญและเงินบาท กรณีปี2540 ซึ่งเราถูกโจมตีค่าเงินบาท มันเป็นกรณีที่เราเสียเปรียบเนื่องจากนักเก็งกำไรนำเงินบาทมาขายคืนแลกเป็นเงินเหรียญสหรัฐ ตอนนั้นทุนสำรองของเรามีประมาณ37,000 ล้านเหรียญนั่นคือถ้าสามารถหาเงินบาทได้มากกว่า700,000ล้านบาทประเทศไทยจะไม่มีเงินเหรียญสหรัฐในมือเลยครับเพราะเราไม่สามารถหาเงินเหรียญสหรัฐมาเพิ่มได้นอกจากการกู้เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องวิกฤตมากๆอีกทั้งตอนนั้นสถานการณ์เศรษฐกิจของเราก็ค่อนข้างแย่มีการใช้เงินกู้ต่างประทศระยะสั้นจำนวนมาก ยิ่งมีส่วนช่วยกระพือข่าวในทางร้ายกับค่าเงินบาทให้อ่อนตัวตามที่กเก็งกำไรต้องการให้เกิดขึ้น อีกทั้งมีคนไทยหลายกลุ่มที่เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองเข้าไปช่วยขายเงินบาททำให้วิกฤตยิ่งแย่ลงกว่าที่ควรจะเป็นอีกมากมาย
กรณีปลายปี2549 ถึงปัจจุบัน เป็นการเก็งกำไรแต่เป็นเป็นการเข้ามาปั่นค่าเงินบาทโดยการขายดอลลาร์สหรัฐแลกเป็นเงินบาททำให้ค่าเงินบาทแข็งกว่าที่ควรจะเป็นทั้งๆที่สภาพความเป็นจริงเศรษฐกิจไทยโดยมุมมองของเกือบทุกสำนักก็ไม่ได้มองว่าจะมีสภาพที่ดีมากนัก ตัวเลขความเชื่อมั่นต่างมีแต่แนวโน้มลดลง การเกินดุลก็ไม่ได้มากมายจนมีนัยสำคัญนอกจากนั้นยังประสบปัญหาด้านการเมือง มีเพียงอย่างเดียวคือค่าเงินในภูมิภาคมีการแข็งค่าขึ้น การเข้ามาของนักเก็งกำไรครั้งนี้เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้เขามาเพื่อซื้อเงินบาทโดยใช้เงินเหรียญสหรัฐและครั้งนี้ประเทศเรามีเงินบาทให้เขาซื้อมากมายผมอยากจะภาวนาให้ธนาคารชาติเข้าแทรกแซงเงินบาทเป็นจำนวนล้านล้านบาทจริงๆเราจะได้มีเงินเหรียญสหรัฐเป็นทุนสำรอง 100,000 ล้านเหรียญจริงๆซึ่งมองต่อไปในอนาคตลองบอกซิครับว่ามันไม่ดีตรงไหนครับ เวลามีวิกฤตการณ์ต่างๆในโลกเราสามารถใช้เงินบาทซื้อสินค้าซื้อน้ำมัน ซื้อยุทธปัจจัยต่างๆจากใครได้บ้างครับ ทำไมเราต้องกลัวการมีเงินเหรียญสหรัฐจำนวนมากๆ แล้วรู้สึกตกใจกับการขาดทุนเมื่อแลกเป็นเงินบาทจากการที่นักเก็งกำไรพยายามปั่นผมว่าให้เขาขนเงินเหรียญสหรัฐมาแลกเยอะสิครับคนในประเทศน่าจะสนับสนุนให้เขาเข้ามาเก็งกำไรเพราะทำให้ค่าเงินของเราแข็งกว่าที่ควรจะเป็นเราจะได้ไปแลกเงินที่เป็นสกุลหลักของโลกได้ต่ำกว่าความเป็นจริง หลายๆคนในห้องนี้อาจมองไม่เห็นนัยยะเช่นนี้ ลองเทียบเงินเหรียญเป็นหุ้น pttch และเงินบาทเป็น vnt ถ้ามีคนเอาหุ้น pttch มาแลกเป็นหุ้นvnt กับเราเราซึ่งเป็นเจ้าของ vnt ทำไมถึงไม่พอใจที่จะแลกในอัตราที่ค่า vnt ของเรามีค่ามากกว่าที่เป็นจริงจากการเข้ามาปั่น เชื่อผมเถอะครับลองออกไปที่ประเทศลาว เขมร พม่า ทีอยู่ใกล้บ้านเราถามเขาดูว่าในปัจจุบัน เงินบาทกับ เงินเหรียญสหรัฐ ถ้าให้เขาเลือกที่จะถือครองเขาจะเลือกถือเงินสกุลไหนครับ หลายๆคนกลัววิกฤติการณืครั้งนี้ซึ่งจริงๆมันไม่เหมือนปี2540 ในครั้งนั้นวิกฤตที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่เหลือเงินเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการดำเนินเศรษฐกิจกับชาวโลก แต่ครั้งนี้เราจะมีเงินเหรียญสหรัฐมากมายไว้ใช้ประโยชน์ของมันผม มีสิ่งเดียวที่เป็นปัญหารคือการบริหารเงินเหรียญเหล่านั้นต่างหากในส่วนเงินบาทที่อาจจะเพิ่มขึ้นเงินเฟ้อที่จะเกิดไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลยครับและตราบเท่าที่เราบรหารเงินเหรียญเหล่านั้นให้ดีผมว่าจะทำให้สภาพคล่องของบ้านเราดีกว่าปัจจุบันเสียอีก
ประการแรก กรณีการแข็งขึ้นของค่าเงินบาทตั้งแต่ไตรมาส4 ปี2549 ผมเชื่อว่ามีการพยายามเก็งกำไรซึ่งแตกต่างจากกรณีของปี 2540 อย่างค่อนข้างมากในปีนั้น เป็นการพยายามเก็งกำไรโดยการทุบค่าเงินบาท(มีการนำเงินบาทมาขายแลกเป็นเงินเหรียญสหรัฐ) แต่ปัจจุบันมีการเก็งกำไรโดยการปั่นค่าเงินบาท(ขายเงินเหรียญสหรัฐซื้อเงินบาท)
ประการที่ 2 เป็นความจริงหรือเปล่าที่มีการใช้เงินบาทเป็นป็นล้านล้านบาทในการรักษาเสถียรภาพ ซึ่งผมมองว่าไม่เป็นความจริง โดยดูจากทุนสำรองระหว่าประเทศที่ไม่ได้เพิ่มอย่างมากมายมหาศาล ถ้าใช้เงินล้านล้านบาทเพื่อซื้อดอลลาร์สหรัฐผมว่าเราองมีทุนสำรองเพิ่มจากปลายปีเกือบ 27,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้วครับซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเจตนาของคนมาให้สัมภาษณ์เหมือนกันว่าต้อการสื่อถึงอะไร
กลับไปประการแรก ต่อจากนี้ผมจะพูดถึงกรณีที่ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องการเก็งกำไรค่าเงินทั้งหมดซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติจาก demand และ supply ของเงินเหรียญและเงินบาท กรณีปี2540 ซึ่งเราถูกโจมตีค่าเงินบาท มันเป็นกรณีที่เราเสียเปรียบเนื่องจากนักเก็งกำไรนำเงินบาทมาขายคืนแลกเป็นเงินเหรียญสหรัฐ ตอนนั้นทุนสำรองของเรามีประมาณ37,000 ล้านเหรียญนั่นคือถ้าสามารถหาเงินบาทได้มากกว่า700,000ล้านบาทประเทศไทยจะไม่มีเงินเหรียญสหรัฐในมือเลยครับเพราะเราไม่สามารถหาเงินเหรียญสหรัฐมาเพิ่มได้นอกจากการกู้เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องวิกฤตมากๆอีกทั้งตอนนั้นสถานการณ์เศรษฐกิจของเราก็ค่อนข้างแย่มีการใช้เงินกู้ต่างประทศระยะสั้นจำนวนมาก ยิ่งมีส่วนช่วยกระพือข่าวในทางร้ายกับค่าเงินบาทให้อ่อนตัวตามที่กเก็งกำไรต้องการให้เกิดขึ้น อีกทั้งมีคนไทยหลายกลุ่มที่เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองเข้าไปช่วยขายเงินบาททำให้วิกฤตยิ่งแย่ลงกว่าที่ควรจะเป็นอีกมากมาย
กรณีปลายปี2549 ถึงปัจจุบัน เป็นการเก็งกำไรแต่เป็นเป็นการเข้ามาปั่นค่าเงินบาทโดยการขายดอลลาร์สหรัฐแลกเป็นเงินบาททำให้ค่าเงินบาทแข็งกว่าที่ควรจะเป็นทั้งๆที่สภาพความเป็นจริงเศรษฐกิจไทยโดยมุมมองของเกือบทุกสำนักก็ไม่ได้มองว่าจะมีสภาพที่ดีมากนัก ตัวเลขความเชื่อมั่นต่างมีแต่แนวโน้มลดลง การเกินดุลก็ไม่ได้มากมายจนมีนัยสำคัญนอกจากนั้นยังประสบปัญหาด้านการเมือง มีเพียงอย่างเดียวคือค่าเงินในภูมิภาคมีการแข็งค่าขึ้น การเข้ามาของนักเก็งกำไรครั้งนี้เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้เขามาเพื่อซื้อเงินบาทโดยใช้เงินเหรียญสหรัฐและครั้งนี้ประเทศเรามีเงินบาทให้เขาซื้อมากมายผมอยากจะภาวนาให้ธนาคารชาติเข้าแทรกแซงเงินบาทเป็นจำนวนล้านล้านบาทจริงๆเราจะได้มีเงินเหรียญสหรัฐเป็นทุนสำรอง 100,000 ล้านเหรียญจริงๆซึ่งมองต่อไปในอนาคตลองบอกซิครับว่ามันไม่ดีตรงไหนครับ เวลามีวิกฤตการณ์ต่างๆในโลกเราสามารถใช้เงินบาทซื้อสินค้าซื้อน้ำมัน ซื้อยุทธปัจจัยต่างๆจากใครได้บ้างครับ ทำไมเราต้องกลัวการมีเงินเหรียญสหรัฐจำนวนมากๆ แล้วรู้สึกตกใจกับการขาดทุนเมื่อแลกเป็นเงินบาทจากการที่นักเก็งกำไรพยายามปั่นผมว่าให้เขาขนเงินเหรียญสหรัฐมาแลกเยอะสิครับคนในประเทศน่าจะสนับสนุนให้เขาเข้ามาเก็งกำไรเพราะทำให้ค่าเงินของเราแข็งกว่าที่ควรจะเป็นเราจะได้ไปแลกเงินที่เป็นสกุลหลักของโลกได้ต่ำกว่าความเป็นจริง หลายๆคนในห้องนี้อาจมองไม่เห็นนัยยะเช่นนี้ ลองเทียบเงินเหรียญเป็นหุ้น pttch และเงินบาทเป็น vnt ถ้ามีคนเอาหุ้น pttch มาแลกเป็นหุ้นvnt กับเราเราซึ่งเป็นเจ้าของ vnt ทำไมถึงไม่พอใจที่จะแลกในอัตราที่ค่า vnt ของเรามีค่ามากกว่าที่เป็นจริงจากการเข้ามาปั่น เชื่อผมเถอะครับลองออกไปที่ประเทศลาว เขมร พม่า ทีอยู่ใกล้บ้านเราถามเขาดูว่าในปัจจุบัน เงินบาทกับ เงินเหรียญสหรัฐ ถ้าให้เขาเลือกที่จะถือครองเขาจะเลือกถือเงินสกุลไหนครับ หลายๆคนกลัววิกฤติการณืครั้งนี้ซึ่งจริงๆมันไม่เหมือนปี2540 ในครั้งนั้นวิกฤตที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่เหลือเงินเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการดำเนินเศรษฐกิจกับชาวโลก แต่ครั้งนี้เราจะมีเงินเหรียญสหรัฐมากมายไว้ใช้ประโยชน์ของมันผม มีสิ่งเดียวที่เป็นปัญหารคือการบริหารเงินเหรียญเหล่านั้นต่างหากในส่วนเงินบาทที่อาจจะเพิ่มขึ้นเงินเฟ้อที่จะเกิดไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลยครับและตราบเท่าที่เราบรหารเงินเหรียญเหล่านั้นให้ดีผมว่าจะทำให้สภาพคล่องของบ้านเราดีกว่าปัจจุบันเสียอีก
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
คือว่า..
โพสต์ที่ 33
คือว่า จริงๆๆ มันควรเป็นเช่นนั้นครับ แต่ที่เรากลัว เรากลัวว่า อเมริกา จะล้มละลายสิครับ หากเป็นประเทศอื่น เช่น เงินเยนญี่ปุ่น คงไม่มีใครกลัวครับ
สิ่งที่เราไม่ควรลืม เลย คืออเมริกา เป็นประเทศเดียว ที่พิมพ์ ธนบัตรโดยไม่ต้องมีอะไรหนุนหลังนะครับ
สิ่งที่เราไม่ควรลืม เลย คืออเมริกา เป็นประเทศเดียว ที่พิมพ์ ธนบัตรโดยไม่ต้องมีอะไรหนุนหลังนะครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
รมช.คลัง คาดธปท.ใช้เงินราวล้านล้านบาทรักษาเสถียรภาพบาท
โพสต์ที่ 34
การมีเงินทุนสำรองเยอะไม่ใช่ไม่ดีแต่ต้องดูว่าที่เพิมขึ้นเพราะอะไรครับ จีนมีทุนสำรองเพิ่มขึ้นมากมายจนเขาต้องหาวิธีจัดการครับ แต่ที่ทุนสำรองของจีนเพิ่มขึ้นแล้วดีเพราะจีนเกินดุลการค้าครับ แต่ไทยทุนสำรองเพิ่มขึ้นเพราะเอาเงินไปปกป้องค่าเงิน วิธีที่จะดูดเงินที่ล้นระบบเพราะมีเงินไหลเข้ามามากช่วงก่อนหน้านี้คือการออกพันธบัตรน่ะครับ พอเงินไหลเข้ามามากก็ทำให้บาทแข็งไปด้วยดังนัน้ธปทจึงต้องแทรกแซงค่าเงิน แทรงแซงยังไงก็คือเอาเงินบาทออกมาในตลาดให้มากเพราะเงินดอล์มันกำลังอ่อนค่าเพื่อได้เป็นเงินดอลกลับไปเป็นทุนสำรองที่เพิ่มขึ้น และจะทำให้เงิบบาทอ่อนลง ใช่ครับเกิดจากการเกร็งกำไรส่วนหนึ่งและปัจจัยอื่นๆด้วยครับ ผมเคยมานั่งถามตัวเองว่าถ้าธปทเราทันพวกเกร็งกำไรมากกว่านี้ ทุกอย่างคงไม่แย่ขนาดนี้ครับ ตอนนี้กับปี40แทบไม่ต่างกันเลยครับ ต่างกันแค่ตอนนั้นทุบบาทให้อ่อนแต่ตอนนี้ทุบบาทให้แข็ง ลองมาเรียงลำดับเหตูการณืแล้วจะรู้ว่าทำไมเงินบาทเราถึงเป็นเป้าเพราะเขารู้ไงครับว่า ธปทไม่เก่ง มาตราการ30% ที่ออกมาจริงๆผมว่าถ้าทำดีๆก็ดีได้แต่เราทำไม่ทันช้าไปเลยมาพันคอตัวเองครับ เหมือนที่เขาว่าอ่อนหัด มากด้วยครับ พอเราออก30% ออกมา เหมือนเราไปปิดก๊อกน้ำน่ะครับ เงินไม่ไหลเข้า ไม่ไหลออก เพราะอะไร เพราะไม่มีใครอยากเอาเงินเข้ามา เพราะต้องสำรอง30% เงินไม่ไหลออกเพราะถ้าออกไปเข้ามาใหม่ก็เสีย30% เลยทำให้ปริมารเงินมันผิดเพี้ยนไป เงินบาทไม่ไหลออก ทำให้เงินบาทขาดแคลนทำให้เงินในออฟชอร์ถึงแข็งค่ามาก ขณะเดียวผู้ส่งออกเองก็น่าเห็นใจ สมมติเรามีเงินดอลล์ เราคิดว่าเงินดอลต่อไปจะแลกได้แค่32บาท ถามหน่อยใครจะไม่อยากรีบขายเงินดอลครับ ฉะนั้นเดิมธปท มองว่าพวกเกร็งกำไรทำร้ายเงินบาท กลายเป็นตอนนี้กลายเป็นคนในประเทศเองทำร้ายค่าเงิน แต่อย่าลืมเพราะอะไรครับ เพราะเราไปปิดก๊อกน้ำครับ น้ำที่จะมันเคลื่อนไหวปกติกลับไม่เป็นอย่างงั้น นี่คือเหตุผลที่ผมคิดว่าทำให้ผู้ส่งออกขายเงินและทำให้บาทแข็ง จริงๆแล้วมาตราการ30% เองอาจจะดีแต่เราต้องคิดไว้แล้วว่าทำแล้วจะเป็นอย่าง ถ้าเก่งมากหรือมืออาชีพมากๆเขาจะมองออกว่าทำให้เกิดสองตลาด เงิน onshore and offshore และถ้าเกิดจะทำอย่างไร อย่าลืมเงินบาท offshore เองก็เป็นแรงผักดันให้เงินบาทในประเทศแข็งเพราะทำให้เกิดการมองเห็นว่าค่าเงินบาทควรไปอยู่ที่เท่าใหร่ กลับมาเรื่องทุนสำรองการมีมากเกินไปผมว่าไม่ดีหรอกครับ มีให้เหมาะสมจะทำให้เราจัดการอะไรได้ดีกว่า มาดูกันทำไม ตอนนี้ธปทเองมีเงินทุนสำรองเป็นเงินดอลล์เยอะ เพิ่มขึ้นเกือบ 2หมื่นล้านเหรียญใครว่าไม่เยอะครับ เยอะมากมากเลย และที่คุณสมหมายออกมาบอกว่าอาจเป็นเงินที่เราไปแทรกแซงค่าเงินก็มีส่วนจริงเพราะ เราต้องการให้บาทอ่อนไงครับเลยต้องซื้อดดอล์เก็บไว้ พอเก็บไว้มากๆทีนี้พอถึงเวลาต้องเลิก30% ผมว่าที่ธปทไม่อยากเลิกเพราะเขากลัวเงินไหลออกอย่างฮวบฮาบ เดิมเราปิดไว้ไม่ให้เขาออกแต่ตอนนี้เราเปิดเขาเอาเข้าออกก้ได้ มองในแง่ดีอาจมีเงินไหลกลับเข้ามาพร้อมกับเงินไหลออกไป ก็เจ๊าไปแต่ถ้าเงินไหลออกมากเกินไปก้กลับไปเหมือนปี40ที่เงินบาทอ่อนมาก ถึงตอนนั้นเราจะทำอย่างไร จะบอกว่าธปทได้กำไรเหรอครับ ถ้าเงินบาทอ่อนมากๆ ธปทก็ต้องไปขายทุนสำรองออกมาเยอะเพื่อให้บาทแข็งขึ้นเหมือนปี40 ที่ว่าใช้เงินจนหมดหน้าตักน่ะครับ ทีนี้จะทำอย่างไร ผมมองไม่ออกเลยถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆเราจะทำอย่างไร เพราะเรามีทุนสำรองมากไปและ30%เองก็ใช้แล้วตามเขาไม่ทัน ก่อให้เกิดปริมาณเงินที่ผิดเพี้ยนไปจากระบบ จะทำอะไรก็ยาก เหมือนที่ธปททำไมไม่ยอมเลิก30% จะลดดอกเบี้ยก็ไม่ได้มากเพราะตัวเองไปออกพันธบัตรไว้มาก ถ้าลดมากตัวเองก็ขาดทุนดอกเบี้ยทุกอย่างเหมือมันกลับมารัดคอตัวเองหมด เพราะความอ่อนหัด ใครคิดอย่าไงผิดหรือถูกลองมาวิเคราะหืกันครับ ผมแค่คิดเอาเองครับ อาจจะผิดก้ได้ถ้าผิดตรงใหนก็ช่วยบอกมาให้เข้าใจด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
รมช.คลัง คาดธปท.ใช้เงินราวล้านล้านบาทรักษาเสถียรภาพบาท
โพสต์ที่ 35
ปล.ที่ เงิน $1 =40บาท
เงินเพิ่ม25000ล้านเหรียญ = เพิ่มเป็นเงินบาท25000*40=1,000,000ล้าบาทครับ ไม่ใช่100,000ล้านเหรียญ ถ้า$100,000 ล้าน=100,000*40=4,000,000ล้านบาท ใช่ไหมครับ ผมคำนวณไม่ผิดน่ะครับ
เงินเพิ่ม25000ล้านเหรียญ = เพิ่มเป็นเงินบาท25000*40=1,000,000ล้าบาทครับ ไม่ใช่100,000ล้านเหรียญ ถ้า$100,000 ล้าน=100,000*40=4,000,000ล้านบาท ใช่ไหมครับ ผมคำนวณไม่ผิดน่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
รมช.คลัง คาดธปท.ใช้เงินราวล้านล้านบาทรักษาเสถียรภาพบาท
โพสต์ที่ 36
ที่ผมบอกว่าจะเป็นทุนสำรอง100,000เหรียญ เนื่องจากก่อนการมาเก็งกำไรก็มีทุนสำรองประมาณ 62,000 ล้านเหรียญ ถ้ามีการแทรกแซงในระดับ 1,000,000ล้านบาทจริงเหมือนที่มีการบอกผ่านคุณสมหมาย น่าจะต้องมีเงินไม่ต่ำกว่า25,000ล้านเหรียญหักส่วนที่ขาดทุนในรูปเงินบาทขอการด้อยค่าลงดอลล์ที่ถืออยู่ รวมกับของเดิมน่าจะมีร่วมกว่า 100,000ล้านเหรียญ ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องการเก็งกำไรผมว่าน่าจะทำได้หลายวิธี และการแก้ปัญหาครั้งนี้ของธนาคารชาติอาจจะมีส่วนผิดพลาดในหลายจุดผมไม่อยากวิจารณ์ เพียงแต่ต้องการชี้ว่า
ประการแรก การทุบค่าเงินบาทเมื่อช่วงปี 2540 เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวกว่าเมื่อเทียบกับปัจุบัน นักเก็งกำไรรอบที่แล้วไม่ได้อาศัยเพียงข้อจำกัดเรื่องเงินดอลลาร์ที่ประเทศมีอยู่อย่างจำกัด แต่ยังมีเรื่องตัวเลขความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยเป็นส่วนช่วยเสริมเหตุผลและกระตุ้นให้การเก็งกำไรโดยการทุบค่าเงินบาทมีเหตุผลรองรับอย่างเพียงพอจน ประกอบกับมีคนไทยหลายกลุ่มที่แสดงท่าทีโดยการเข้าร่วมช่วยกันเก็งกำไรครั้งนั้น แต่การปั่นค่าเงินบาทตั้งแต่ช่วงปลายปี2549 ถึงปัจจุบัน เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องปริมาณเงินบาทที่ไม่เพียงพอเหมือนเงินดอลลาร์เมื่อปี2540(ผมไม่ใช้คำว่าทุบค่าเงินบาทเพราะจริงๆต้องเป็นการทุบค่าเงินดอลล์ในตลาดเงินบาท)กรอปกับเหตุผลในเรื่องปัญหาด้านเศรษฐกิจของเราไม่ค่อยหนุนเหตุผลการปั่นค่าเงินบาทในครั้งนี้สักเท่าไร ความจริงที่น่ากลัวกลับป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่อ่ออนแอลงทุกวันต่างหาก(โชคดีไม่มีการคอรัปชั่นจนเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจพังเร็วยิ่งขึ้น)
ประการที่สอง การเก็งกำไรในตลาดเงินไม่ใช่เรื่องน่ากลัวถ้าเป็นการเก็งกำไรที่ไม่มากนัก แต่ที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการใช้กำลังเงินเพื่อชี้นำให้ค่าเงินเป็นไปตามที่ต้องการแล้วอาศัยข่าวปล่อยมาสนับสนุนการทำดังกล่าวซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องและไม่สมเหตุสมผล การเก็งกำไรในตลาดหุ้นกับการปั่นหุ้นในตลาดเป็นคนละเรื่องกันครับความถูกผิดก็เป็นคนละเรื่อง
ประการที่สาม คนที่ควรถูกประณามน่าจะเป็นกลุ่มคนที่กระทำเรื่องดังกล่าวมากกว่ากลุ่มคนที่พยายามแก้ปัญหาไม่ใช่เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศใช้มาตรา 30% แล้วจึงมีคนมาปันหรือทุบค่าเงินบ้านเราจนเกิดปัญหา แต่เป็นเพราะมีการปั่นค่าเงินบาทจนธนาคารแห่งประเทศไทยต้องมาใช้มาตราการ30% ถ้าทุกครั้งของการแก้ปัญหาเก็งกำไรค่าเงินแล้วใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นตัวแก้ผมก็ไม่เห็นด้วยแต่เป็นเรื่องการวินิจฉัยของแต่ละคนครับ
ประการสุดท้ายคือผลกระทบของการแก้ปัญหาโดยธนาคารแห่งประเทศไทยควรต้องศึกษาผลกระทบให้รอบคอบมากกว่านี้และควรมีแผนรองรับมากกว่า อาจจะมีเรื่องข้อจำกัดด้านเวลาและข้อมูล หรือต้องการอะไรด้วยเหตุผลอื่นก็ไม่รู้ เพราะผมไม่มีข้อมูลตัวเลขในเชิงลึก ผมลองนึกดูนะครับเวลามีวิกฤติเราคนไทยด้วยกันกลับไม่พยายามเข้าใจกันกลับหาทางตำหนิกันโดยไม่ได้ดูถึงว่าอะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริง มักคำนึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก กรณี 9/11 ที่อเมริกาหลังเกิดเหตุการณ์ไม่มีใครกล่าวหาการป้องกันที่หละหลวม จนทำให้เกิดเหตุการณ์มีแต่ประณามคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ หลังเหตุการณ์มาตราการที่เกิดตามมารุนแรงและส่งผลต่อประโยชน์และการดำเนินชีวิตของคนที่นั่นอย่างมากมายก็ไม่มีใครมานั่งตำหนิคนที่พยามแก้ปัญหามากว่าคนที่ก่อให้เกิดปัญหาเลยครับ จริงๆในกรณีนี้มีเหตุผลเดียวให้เราสามารถตำหนิการแก้ปัญหาของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ก็คือถ้ามีการชี้ให้เห็นได้ว่าคนกำหนดแนวทางแก้ปัญหามีการใช้วิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นผลประโยชน์กับตัวเองถึงสมควรที่จะโดนประณามอย่างสาดเสียเทเสีย
อีกเรื่องครับไม่ต้องกลัวประเทศอเมริการจะล้มละลายหรอกครับ hidden asset ของประเทศนี้ผมว่ามากกว่าประเทศอื่นในโลกนี้เสียอีกครับ ถ้าประเทศเขาล้มละลายจริง คุณถือครองเงินสกุลไหนก็เรียบร้อยครับ คิดว่าจีน และ ญึ่ปุ่น ถือสินทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์ขนาดไหนหรือครับที่ไม่ส่งผลกระทบกับเขา ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ ต่อให้เป็นยุโรปเองเลยครับ เว้นแต่คุณจะลองไปถือสินทรัพย์ที่มีค่าเช่นแร่ยูเรเนี่ยมครับที่อาจจะช่วยได้(พูดเล่นครับ) การถือครองเงินสกุลไหนจะมากจะน้อยขึ้นกับธุรกรรมระหว่าประเทศนั้นส่วนใหญ่เราตกลงเป็นเงินสกุลอะไรมากที่สุดครับต่อให้คุณค้าขายกับญี่ปุ่นหรือจีนมากๆๆแค่ไหนแต่ถ้าการตกลงการค้าเป็นรูปเงินดอลลาร์เกือบทังหมดหรือกว่า80% แล้วคุณจะถือเงินหยวนและงินเยน จำนวนมากเพื่ออะไรครับยกเว้นเรื่องการเก็งกำไรในเมื่อทั้งผู้ส่งออกและผูนำเข้าต่างก็ต้องการเงินดอลล์
ประการแรก การทุบค่าเงินบาทเมื่อช่วงปี 2540 เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวกว่าเมื่อเทียบกับปัจุบัน นักเก็งกำไรรอบที่แล้วไม่ได้อาศัยเพียงข้อจำกัดเรื่องเงินดอลลาร์ที่ประเทศมีอยู่อย่างจำกัด แต่ยังมีเรื่องตัวเลขความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยเป็นส่วนช่วยเสริมเหตุผลและกระตุ้นให้การเก็งกำไรโดยการทุบค่าเงินบาทมีเหตุผลรองรับอย่างเพียงพอจน ประกอบกับมีคนไทยหลายกลุ่มที่แสดงท่าทีโดยการเข้าร่วมช่วยกันเก็งกำไรครั้งนั้น แต่การปั่นค่าเงินบาทตั้งแต่ช่วงปลายปี2549 ถึงปัจจุบัน เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องปริมาณเงินบาทที่ไม่เพียงพอเหมือนเงินดอลลาร์เมื่อปี2540(ผมไม่ใช้คำว่าทุบค่าเงินบาทเพราะจริงๆต้องเป็นการทุบค่าเงินดอลล์ในตลาดเงินบาท)กรอปกับเหตุผลในเรื่องปัญหาด้านเศรษฐกิจของเราไม่ค่อยหนุนเหตุผลการปั่นค่าเงินบาทในครั้งนี้สักเท่าไร ความจริงที่น่ากลัวกลับป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่อ่ออนแอลงทุกวันต่างหาก(โชคดีไม่มีการคอรัปชั่นจนเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจพังเร็วยิ่งขึ้น)
ประการที่สอง การเก็งกำไรในตลาดเงินไม่ใช่เรื่องน่ากลัวถ้าเป็นการเก็งกำไรที่ไม่มากนัก แต่ที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการใช้กำลังเงินเพื่อชี้นำให้ค่าเงินเป็นไปตามที่ต้องการแล้วอาศัยข่าวปล่อยมาสนับสนุนการทำดังกล่าวซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องและไม่สมเหตุสมผล การเก็งกำไรในตลาดหุ้นกับการปั่นหุ้นในตลาดเป็นคนละเรื่องกันครับความถูกผิดก็เป็นคนละเรื่อง
ประการที่สาม คนที่ควรถูกประณามน่าจะเป็นกลุ่มคนที่กระทำเรื่องดังกล่าวมากกว่ากลุ่มคนที่พยายามแก้ปัญหาไม่ใช่เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศใช้มาตรา 30% แล้วจึงมีคนมาปันหรือทุบค่าเงินบ้านเราจนเกิดปัญหา แต่เป็นเพราะมีการปั่นค่าเงินบาทจนธนาคารแห่งประเทศไทยต้องมาใช้มาตราการ30% ถ้าทุกครั้งของการแก้ปัญหาเก็งกำไรค่าเงินแล้วใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นตัวแก้ผมก็ไม่เห็นด้วยแต่เป็นเรื่องการวินิจฉัยของแต่ละคนครับ
ประการสุดท้ายคือผลกระทบของการแก้ปัญหาโดยธนาคารแห่งประเทศไทยควรต้องศึกษาผลกระทบให้รอบคอบมากกว่านี้และควรมีแผนรองรับมากกว่า อาจจะมีเรื่องข้อจำกัดด้านเวลาและข้อมูล หรือต้องการอะไรด้วยเหตุผลอื่นก็ไม่รู้ เพราะผมไม่มีข้อมูลตัวเลขในเชิงลึก ผมลองนึกดูนะครับเวลามีวิกฤติเราคนไทยด้วยกันกลับไม่พยายามเข้าใจกันกลับหาทางตำหนิกันโดยไม่ได้ดูถึงว่าอะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริง มักคำนึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก กรณี 9/11 ที่อเมริกาหลังเกิดเหตุการณ์ไม่มีใครกล่าวหาการป้องกันที่หละหลวม จนทำให้เกิดเหตุการณ์มีแต่ประณามคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ หลังเหตุการณ์มาตราการที่เกิดตามมารุนแรงและส่งผลต่อประโยชน์และการดำเนินชีวิตของคนที่นั่นอย่างมากมายก็ไม่มีใครมานั่งตำหนิคนที่พยามแก้ปัญหามากว่าคนที่ก่อให้เกิดปัญหาเลยครับ จริงๆในกรณีนี้มีเหตุผลเดียวให้เราสามารถตำหนิการแก้ปัญหาของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ก็คือถ้ามีการชี้ให้เห็นได้ว่าคนกำหนดแนวทางแก้ปัญหามีการใช้วิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นผลประโยชน์กับตัวเองถึงสมควรที่จะโดนประณามอย่างสาดเสียเทเสีย
อีกเรื่องครับไม่ต้องกลัวประเทศอเมริการจะล้มละลายหรอกครับ hidden asset ของประเทศนี้ผมว่ามากกว่าประเทศอื่นในโลกนี้เสียอีกครับ ถ้าประเทศเขาล้มละลายจริง คุณถือครองเงินสกุลไหนก็เรียบร้อยครับ คิดว่าจีน และ ญึ่ปุ่น ถือสินทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์ขนาดไหนหรือครับที่ไม่ส่งผลกระทบกับเขา ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ ต่อให้เป็นยุโรปเองเลยครับ เว้นแต่คุณจะลองไปถือสินทรัพย์ที่มีค่าเช่นแร่ยูเรเนี่ยมครับที่อาจจะช่วยได้(พูดเล่นครับ) การถือครองเงินสกุลไหนจะมากจะน้อยขึ้นกับธุรกรรมระหว่าประเทศนั้นส่วนใหญ่เราตกลงเป็นเงินสกุลอะไรมากที่สุดครับต่อให้คุณค้าขายกับญี่ปุ่นหรือจีนมากๆๆแค่ไหนแต่ถ้าการตกลงการค้าเป็นรูปเงินดอลลาร์เกือบทังหมดหรือกว่า80% แล้วคุณจะถือเงินหยวนและงินเยน จำนวนมากเพื่ออะไรครับยกเว้นเรื่องการเก็งกำไรในเมื่อทั้งผู้ส่งออกและผูนำเข้าต่างก็ต้องการเงินดอลล์