หน้า 2 จากทั้งหมด 2

วิชัย วชิรพงศ์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 24, 2007 1:02 pm
โดย ลุงทีม
ยังไงเค้าก็ยังคงเป็นนักเก็งกำไรอยู่ดีแหละครับ...
คงไม่เข้าใจจิงๆหรอกว่าหุ้นไหนถูก หรือ หุ้นไหนแพง หรือ หุ้นไหนคือ super growth stock...แค่เข้าใจหลักที่ว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก... : :shock:  :shock:  :shock:

วิชัย วชิรพงศ์

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 30, 2007 10:58 pm
โดย Ent'
กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 12 รวย

วิชัย วชิรพงศ์
ถ้าเราไม่รู้ว่าหุ้นจะขึ้นต่อไปอีกหรือไม่ เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมา "พร้อมวอลุ่ม" เราก็ล้างพอร์ตออกไปให้หมด

การที่ "เสี่ยยักษ์" วิชัย วชิรพงศ์ เลือกลงทุน "หุ้นปั่น" ในช่วงแรก แทนที่จะเป็นหุ้น ปตท. "หุ้นในดวงใจ" เนื่องจากมองว่า "เชื่องช้า" ให้ผลตอบแทนไม่ทันใจ

แต่หุ้น ปตท.ระหว่างรอยต่อของ Business Cycle จาก "ยุคขยายตัว" (Expansion) ไปสู่ "ยุครุ่งเรือง" (Boom) ของราคาน้ำมัน หุ้นปตท.กลับเป็น "ช้างที่ปราดเปรียว" กำไรโตพรวดพราดอย่างน่าทึ่ง

"...ใครหาหุ้นอย่างนี้เจอ "แจ๊คพอตแตก" แน่นอน!!!" เสี่ยยักษ์สรุปสั้นๆ

เสี่ยยักษ์ย้อนเล่าว่า ช่วงนั้น ตนเองมีเงินอยู่ 70 ล้านบาท ตัดสินใจซื้อหุ้น ปตท.ตัวเดียวเลย 1 ล้านหุ้น ซึ่งราคามันวิ่งขึ้นมาจาก 35 บาท มาที่ 70 บาท (ขึ้นมา 100% แล้ว) แต่ความมั่นใจของเรา ทำให้ "กู้เครดิตบาลานซ์" ซื้อเพิ่มอีก 1 ล้านหุ้น รวมเป็น 2 ล้านหุ้น มูลค่า 140 ล้านบาท

ช่วงเดือนกันยายน 2546 หุ้นปตท.ขยับขึ้นไป 83 บาท นั่นคือจุดผกผันของชีวิตครั้งใหญ่

"ผมจะชอบอ้างคำพูดของ "แซม สนีด" อดีตนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก ที่เคยบอกว่า การตีกอล์ฟระยะไกลๆ ลงหลุมแบบ "โฮลอินวัน" มันเป็นเรื่องของโชคชะตา แต่ตีกอล์ฟให้ห่างธงระยะ 1-2 ฟุต ได้ทุกครั้ง นี่คือฝีมือล้วนๆ"

วิชัยเปรียบเทียบการเล่นหุ้นกับการตีกอล์ฟว่า คุณซื้อหุ้นให้ถูกตัว..ถูกเวลา เหมือนกับการตีกอล์ฟให้ใกล้หลุม "มันเป็นฝีมือ" แต่ผลสำเร็จสุดท้ายโชคชะตา "ฟ้า" จะเป็นผู้ลิขิต "ใครจะไปรู้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก มันจะวิ่งจาก 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขึ้นไป 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตอนซื้อหุ้นปตท.ใหม่ๆ ผมก็ไม่รู้ มันทำให้หุ้น ปตท.พุ่งขึ้นจาก 70 บาท ไป 190 กว่าบาท ภายในเวลาแค่ 5-6 เดือนเท่านั้น"

ถ้าย้อนหลังกลับไปในเดือนมิถุนายน 2546 ราคาหุ้น ปตท.ปิดตลาดที่ 66.50 บาท อีก 6 เดือนต่อมา ในเดือนธันวาคม 2546 ราคาหุ้น ปตท.ทะยานขึ้นไปสูงสุดที่ 193 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 190% ในรอบ 6 เดือน

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) ค่อยๆ ขยับขึ้นจาก 25-27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงเดือนมิถุนายน 2546 ทะยานพุ่งขึ้นไปสูงสุด 72-73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2549 เป็นทิศทางขาขึ้นนานถึง 3 ปีเต็ม

ระหว่างที่ราคาหุ้น ปตท.กำลังปรับขึ้นเพื่อสร้างสถิติใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยสัญชาตญาณของ "นายพราน" เสี่ยยักษ์ ขณะนั้นมีหุ้นปตท.อยู่แล้ว 2 ล้านหุ้น (กู้เครดิตบาลานซ์ 1 ล้านหุ้น เงินตัวเอง 1 ล้านหุ้น)

พอหุ้น ปตท.ปรับขึ้น "อำนาจซื้อ" ก็เพิ่มขึ้น หมายความว่า วงเงินกู้เครดิตบาลานซ์ ก็เพิ่มขึ้นตาม เขาก็ใช้วิธีกู้เงินซื้อหุ้น ปตท.เพิ่มเข้าพอร์ตไปเรื่อยๆ ราคาหุ้นยิ่งปรับขึ้น อำนาจในการ (กู้) ซื้อ ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

"...จาก 2 ล้านหุ้น ผมก็มีหุ้นเพิ่มเป็น 4 ล้านหุ้น" ทั้งๆ ที่เสี่ยยักษ์มีทุนซื้อหุ้นครั้งแรกเพียง 70 ล้านบาท หรือ 1 ล้านหุ้น เท่านั้น

"ข้อดีของการเล่นหุ้นด้วย "เครดิตบาลานซ์" เมื่อมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มขึ้น (ราคาหุ้นสูงขึ้น) ผมก็กู้เงินซื้อหุ้น ปตท.เพิ่มเข้าพอร์ตตลอดเวลา ที่มั่นใจก็เพราะว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกมันขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งขึ้น ผมก็ยิ่งซื้อหุ้น ปตท.เก็บ"

เขาบอกว่า ขณะนั้นมีต้นทุนถัวเฉลี่ยในพอร์ต (จำนวน 4 ล้านหุ้น) อยู่ที่หุ้นละ 90 บาท จนถึงต้นปี 2547 หุ้น ปตท.ขึ้นไป 193 บาท ก็ยังไม่ขาย มาขายที่ราคา 170 กว่าบาท

"สาเหตุที่ยังไม่ขาย ก็เพราะว่าเราไม่รู้ว่าหุ้นจะขึ้นต่อไปอีกหรือไม่ เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมาพร้อมวอลุ่ม เราก็ล้างพอร์ตออกไปให้หมด"

วิชัยสรุปว่า หุ้นปตท.ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะหุ้นปตท.ตัวเดียว ทำกำไรให้รวมกันมากที่สุด ประมาณ 700 ล้านบาท จากเงินลงทุนเพียงแค่ 70 ล้านบาท

"พอผมไปซื้อหุ้น ปตท.ใช้เครดิตบาลานซ์ ซื้อเพิ่ม เผอิญราคาน้ำมัน มันขึ้น ขึ้นอย่างมากๆ นั่นคือ ลิขิตโชคชะตา แต่ตอนแรกที่เราตีกอล์ฟไปใกล้ธง ระดับ 2 ฟุต นั่นคือฝีมือ"

...แล้วเราจะค้นหาหุ้น "แจ๊คพอตแตก" อย่างนี้ได้อย่างไร?

เสี่ยยักษ์สรุปไว้สั้นๆ ว่า คุณต้องฝึกซ้อม..คุณต้องฝึกซ้อม..คุณต้องฝึกซ้อม..คุณต้องสู้ตาย..คุณต้องทุ่มเท

พร้อมทั้งบอกว่า คนเราถ้ามันจะรวย มันมีส่วนของ "ฟ้าลิขิต" มาช่วยด้วย 5 เดือนเองนะครับ หุ้นปตท.ขึ้นจาก 70 บาท ไปเป็น 190 บาท นี่คือส่วนของฟ้า ส่วนของเรา คือ ต้องเลือกหุ้นให้ถูกตัว แล้วต้องซื้อให้ถูกเวลา "..นี่ไม่ง่ายนะครับ!!!"

ทั้งหมดนี้ คือบทพิสูจน์ว่าหุ้น ปตท.ช่วงที่กำลังเติบโต (รวมทั้งหุ้น Super Growth Company ตัวอื่นๆ) ไม่ใช่ "ช้างที่เชื่องช้า" แต่เป็น "ช้างที่ปราดเปรียว" ในบางขณะ อยู่ที่ว่า คุณ!จะหาช่วงจังหวะนั้นเจอหรือไม่

สัปดาห์หน้าโปรดติดตาม..ความลับสุดยอดของ "ราคา" กับ "วอลุ่ม"

www.bangkokbizweek.com

วิชัย วชิรพงศ์

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 30, 2007 11:00 pm
โดย Ent'
งง ว่า 4 ล้านหุ้น PTT ต้นทุน 90 บาท ทำไม กำไร 700 ล้าน  ถ้าขายตอน 190?

วิชัย วชิรพงศ์

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 30, 2007 11:08 pm
โดย chatchai
ผมอ่านก็งงเหมือนกัน

แต่ผมว่า  กำไรเท่าไรก็คงไม่ใช่ประเด็นหลักครับ

ประเด็นหลักอยู่ที่วิธีการมากกว่าครับ

การใช้ Leverage  เวลากำไรก็มาก  แต่เวลาขาดทุนก็มากเช่นกัน

Scale ของแต่ละคนไม่เท่ากัน  สำหรับผมมีเงิน 70 ล้านบาท  ผมคงไม่กล้ากู้เงินเพิ่มมาลงทุนหรอกครับ

เงิน 70 ล้านบาท  ครอบครัวของผมก็สุขสบายไปตลอดชีวิตแล้วครับ

ผมเคยสงสัยนะครับ  เวลามีข่าวเศรษฐีบางท่านเคยมีเงินหลายร้อยล้าน  แต่พลาดจนถึงหมดตัว  และบางท่านรับไม่ได้ถึงกับฆ่าตัวตาย

ผมไม่เสี่ยงแล้วครับ  ไม่รู้จะเสี่ยงทำไม  เงินมากขึ้น  สุขก็คงเพิ่มขึ้นไม่เท่าไร  แต่พลาดคือทั้งหมดของชีวิต  ไม่เอาแน่ๆ

วิชัย วชิรพงศ์

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 30, 2007 11:23 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="chatchai"]
การใช้ Leverage

วิชัย วชิรพงศ์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 01, 2007 9:09 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

วิชัยสรุปว่า หุ้นปตท.ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะหุ้นปตท.ตัวเดียว ทำกำไรให้รวมกันมากที่สุด ประมาณ 700 ล้านบาท จากเงินลงทุนเพียงแค่ 70 ล้านบาท 
แกซื้อขายๆ ด้วยครับ ได้ไปหลายรอบ ขึ้นขาย ลงซื้อ ขึ้นขาย ลงซื้อ

เล่นอยู่ตัวเดียว

เดา

อย่างไรก็ตาม ไม่รู้จะเรียนแบบอย่างไร เพราะซื้อ ptt ตอน ขึ้นมา 100 % ขึ้นมา 70

หากราคาน้ำมันดิ่งลง แกก็ต้อง cut loss เพราะราคาหุ้น ptt ตก

โดยรวมก็ต้องถือว่าแกเก่งครับ แต่ copy ยากเหลือเกิน

วิชัย วชิรพงศ์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 01, 2007 11:57 am
โดย opec
สงสัยคิดต้นทุนที่ 70 ล้านครับ