Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้านักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ถูกทุกคน ก็คงเป็นนักลงทุนเองแล้วล่ะครับ และส่วนมากนักวิเคราะห์เก่งๆก็จะเป็นเช่นนั้น

หรือถ้ายังทำงานอยู่ก็ทำ private fund ให้กับพวกเศรษฐี อย่าง บัฟเฟตเองก็เป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์มาก่อน สุดท้ายก็ตั้งกองทุนเองด้วย ลงทุนเองด้วย

พวกที่เหลือก็ยังก้มหน้าก้มตาเป็นนักวิแคะให้กับรายย่อยกันต่อไปเรื่อยๆ เคยได้ยินว่า คนขับเบนซ์มาปรึกษาการลงทุนกับคนนั่งรถไฟฟ้ามาทำงาน

โลกเรามันเบี้ยวครับ คนในโลกเราก็ด้วย

ผมสงสัยมานานแล้ว ท่านริวนี่รอบรู้มากๆ แถมข้อมูลเยอะมาก

ขอแอบถามได้มั้ยครับ ว่า ทำงานอะไร

เอ หรือว่าจะ อาวุโสมากๆๆๆ หว่า  :D

อยากดูบทวิเคราะห์ที่ให้ตอนปี 49 บ้าง
หรือไม่ก็เก็บของตอนนี้ ไว้เปรียบเทียบปลายปีนี้
ดูบ้าง
ผมว่าอาจจะมีแม่นๆดีๆ กันบ้างล่ะครับ
ขำๆ

[quote="Ryuga"]
GBX
PSL : คาดกำไรปี 48 โต 39%

ราคา PSL ปรับแจกหุ้นแล้วครับ ในบทวิเคราะห์ตัวจริงคือ 76.00 บาท
ราคา AI ก็ปรับแล้วครับ ในบทวิเคราะห์ตัวจริง 82.90 บาท พาร์ 5

ส่วนพวกที่เพิ่มทุนระหว่างทางอย่าง SATTEL, SCBL(ในบทวิเคราะห์คือ SPL เดิม), TPIPL พวกนี้ไม่ได้ปรับอัตราผลตอบแทนใหม่(คิดเฉพาะราคาตลาด) ตามการเพิ่มทุน คนซื้อก่อน dilute เต็มๆ

nearly_vi เขียน:ผมสงสัยมานานแล้ว ...

เอ หรือว่าจะ อาวุโสมากๆๆๆ หว่า  :D

อายุน้อยกว่าพี่พอใจแน่นอนครับ แหะ แหะ แอบพาดพิง :lol:

ผมเห็นด้วยกับพี่ Alastor นะครับ อย่างที่กล่าวคือผมไม่ได้ตั้งใจโจมตีนักวิเคราะห์ แต่เรื่องแซวนี่บางอารมณ์ก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ขอยกตัวอย่าง BECL เพราะทำผมอารมณ์บ่จอยมาก

เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยที่ตั้งใจลงทุนระยะยาวหลายท่านโดนเป่าหูว่า BECL เป็นหุ้นพื้นฐานดีมั่นคงซึ่งมันก็ดีนั่นแหละไม่เถียง แม้ช่วงนั้นดอกเบี้ยขึ้นแต่ดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทกลับลดลงเพราะบริษัทเอากระแสเงินสดมากกว่าครึ่งไปใช้หนี้ ปัจจัยสำคัญในปี 48 อยู่ที่บริษัทเริ่มเสียภาษีในอัตราเต็มกำไรเลยตกถึง 22% ซึ่งเรียนตามตรงว่าผมไม่เชื่อว่าท่านนักวิเคราะห์ทั้งหลายจะไม่ทราบ ช่วงนั้นราคาไหลลงมาตลอดจากต้นปีที่เคยไป 28-29 จนกระทั่งออกงบปี 48 ครบ ราคาไหลลงไปต่ำกว่า 21 บาท นักลงทุนรายย่อยบ่นกันสนั่นหวั่นไหวว่าทำไมราคาหุ้นร่วง ผมเสียใจแทนท่านนักลงทุนระยะยาวทุกๆ ท่านที่ติด BECL ราคาสูงครั้งนั้นจริงๆ ด้วยอาจจะหลงเชื่อมาร์หรือบทวิเคราะห์เยินๆ เหล่านั้น

ว่าแต่นักวิเคราะห์ ดูพี่ nanchan จับผิดผมได้เรื่องเงินปันผล TSTH เพราะผมบางทีขี้เกียจเช็คข้อมูลก็นั่งเทียนบ้างเหมือนกัน อิ อิ

เข้ามาฮาค่ะ นับถือจริงๆ  คุณ Ryuga

มานึกอีกที SAA เขาน่าจะเอาข้อมูลมาดูย้อนหลังนะ ว่าบทวิเคราะห์แต่ละปี ทายถูกกันซักเท่าไหร่

แล้วก็จัด rating กันเลยว่า กลุ่มหุ้นหรือแต่ละตัว ใครวิเคราะห์ได้ถูกต้องเท่าไหร่มั่ง

นี่ถ้ามีคนเอาบทวิเคราะห์ของเหล่า technical มาแฉ อาจจะตลกยิ่งกว่านี้ มั่วสุด ๆ

จริงๆ เวลาเราเรียกกัน เรียกติดปากว่า

โบร๊ก เนอะ

เห็น โบรก แล้ว ชอบอ่านในใจว่า บักโกรก ทุกที ไม่รู้เป็นไร  :roll:

Ryuga เขียน: ว่าแต่นักวิเคราะห์ ดูพี่ nanchan จับผิดผมได้เรื่องเงินปันผล TSTH เพราะผมบางทีขี้เกียจเช็คข้อมูลก็นั่งเทียนบ้างเหมือนกัน อิ อิ

โทษทีคับ ไม่ได้จับผิด แต่น่าจะเป็นการจับให้ถูกซะมากกว่า 555
จริงๆก็ไม่ได้รู้อะไรเยอะแยะ แค่บังเอิญเคยรับปันผลมาเมื่อต้นปี
ก็เลยพอจำได้เท่านั้นเองครับ

ผมว่าพวกนักวิเคราะห์นี่ ต้องเอามาแซวกันบ้างนะ ถึงจะมันส์
อย่าลืมนะครับซื้อหุ้นแต่ละครั้งต้องเสียค่าคอมนะครับ ไม่ใช่ซื้อฟรีๆ

บางทีก็เห็นจะวิเคราะห์กันตามกระแสการขึ้นลงของหุ้น
อย่างมีอยู่โบรกหนึ่ง เชียร์ขายTTAมาตลอดตั้งแต่ปี49จนถึงเดือน2ปี50
แต่พอราคาหุ้นขึ้นมา กลับลำมาเชียร์ซื้อเฉยพร้อมกับคำพูด

ดีเหลือเกิน กับ ดีจริง และก็ลงบทวิเคราะห์ซ้ำภายในเดือนเดียวกัน อีกตะหาก
จริงๆ ผมว่าตลท.ไม่ควรให้ออกบทวิเคราะห์ซ้ำภายในเดือนจะดีกว่า โดยเฉพาะพวกข้อมูลซ้ำๆ น่าเบื่อหน่าย

ถ้าอยากให้พวกโบรคๆ เค้าออกบทวิเคราะห์
คัมปะนีวิสิด ในหุ้นที่ไม่เป็น หุ้นตลาด บ้าง
จะไปร้องขอที่ไหนอ่ะคะ ตอนนี้อยากอ่านของ
TR PL หาไม่เห็นจะได้เลย

เหมือนกันอย่างหนึ่ง ข้อมูลเก่าๆ  ซ้ำเดิมมาหลายเดือน
ในโบรคเดียวกัน ก็ไม่อยากอ่านค่ะ เบื่อ และก็ไม่อัปเดทเลยนิ

ถ้าพวก โบรก แม่นจริง
เขาคงลาออกไปเล่นเองแล้ว

:lol:

สรุปแล้วควรดูแต่ FACT

แต่ไม่ต้องดูการคาดเดาของโบรก

ฟังหูไว้หู ขอบคุณครับพี่โย คุณริวกะ

พอสรุปวิธีการใช้ประโยชน์จากการอ่านบทวิเคราะห์ของโบร๊คเป็นข้อได้ดังนี้ครบ
1. ไม่ควรสนใจคำแนะนำและราคาเป้าหมาย
2. ควรเปรียบเทียบประมาณการผลการดำเนินงานจากหลายโบร๊คดูว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่หรือมีโบร๊คไหนใช้วิธีนั่งเทียน
3. หาข้อมูลอื่นเกี่ยวกับหุ้นตัวนนั้นเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อมูลที่บอกเราได้ทันทีว่าหุ้นบางตัวไม่ควรเข้าไปยุ่งไม่ว่าประมาณการผลการดำเนินงานจะดูดีเพียงไรก็ตาม เช่นประวัติบริษัท ผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้บริหาร
4. คัดหุ้นที่น่าสนใจ และกำหนดราคาที่ควรซื้อและขายเองจากประมาณการผลการดำเนินงานที่และแนวโน้มธุรกิจที่สมเหตุสมผลที่สุด

เข้ามาดู...แกะรอย...VI
และขอบคุณสำหรับแหล่งข้อมูลแนว VI.  :cheers:

แอบมากัดหน่อย
บ้างครั้งถ้าหากไม่ได้อ่านพวก 56-1 หรือ รายงานประจำปีมาก่อนก็มีพวกนั่งเทียนเขียนเหมือนกัน
ถ้ารู้พื้นฐานแล้วอ่านบทวิเคราะห์เพิ่มจะได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งก็ได้น่าครับ

เอ๋ไม่เอาที่ทายถูกมาโพส แล้วคิดเปอร์เซ็นดูอีกกว่าผิดกับถูกอะไรไหนมากกว่ากัน
เอ๋ เราก็มีคนที่เป็นกรรมการหรือประธานสมาคมนักวิเคราะห์อยู่นี่น่า ไม่ลองถามท่านว่ามีการเก็บข้อมูลพวกนี้ไว้หรือเปล่าว่า บทความนักวิเคราะห์ที่ออกมาปรากฏต่อสาธารณชนทั้งหลาย ราคาเป็นไปตามที่วิ่งเคราะห์ไว้มาน้อยแค่ไหน นับกันเล่นๆ 1 วันหลังจากออก 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปีแค่นี้พอ

อิ อิ อย่างที่บอกไว้แล้วนั่นแหละครับ ว่าจุดประสงค์ที่เอามาให้ดูก็เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์จะได้ไม่เชื่อใครง่ายๆ มิใช่เพื่อเป็นการศึกษาเปรียบเทียบว่าโบรกไหนแม่นกว่ากันหรือบทวิเคราะห์ของแต่ละโบรกมี %ความแม่นมากน้อยอย่างไรแต่ประการใด

แม้จะกล่าวว่าดูบทวิเคราะห์ควรจะดู fact กระนั้นแม้ fact อย่างเดียวกัน 10 คนมองก็เห็นต่างกันไป 10 อย่าง นักวิเคราะห์ต่างโบรกกันเห็น fact อย่างเดียวกันแต่ก็แปลความไปหลากหลาย การที่เขาฟันธงมาว่าให้ซื้อย่อมหมายความว่านักวิเคราะห์ท่านนั้นแปล fact ออกมาว่ามันดีเหลือเกิน ดีจริงๆ อาจจะด้วยอคติหรืออะไรก็แล้วแต่เถิด ขอยกตัวอย่างหุ้นเรือ ช่วงต้น 48 หุ้นเรือได้รับความนิยมมาก โบรกไหนไม่เชียร์ก็จะเชยและอาจถูกตำหนิเอาจากฝ่ายต่างๆ เท่าที่จำได้ มี TISCO อยู่เจ้าเดียว (ไม่แน่ใจ PHATRA) ที่ช่วงนั้นมาสวนกระแสว่าหุ้นเรือจะตก ชาวบ้านชาวช่องไม่เชื่อ ผลสุดท้ายเลยติดดอยกันเป็นแถว

บทวิเคราะห์เหล่านี้ถ้าใครมีก็เก็บไว้เถิดครับเพราะมันเป็นดุจดั่งบันทึกประวัติศาสตร์ กระแสตลาด อารมณ์ตลาด อะไรๆ ก็รวมๆ กันอยู่ในนั้น ช่วงต้น 48 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเราโดนสึนามิหนักมากเมื่อปลายปีก่อนหน้า นักวิเคราะห์ช่วงนั้นก็ดูเหมือนความคิดจะวนเวียนกับเรื่องแค่ 2 อย่าง
1. รัฐบวมเฮียเหลี่ยมจะต้องชนะเลือกตั้งกลับมาอย่างแน่นอน พอสึนามิเข้า เฮียท่านก็โชว์พาวเรียกคะแนนแม่ยกไปทั้งประเทศ รัฐบวมจะแข็งแกร่งมากฉะนั้นก็จะเดินหน้าเมกะโปรเจกสุดๆ
2. หลังสึนามิเข้า ผลทางจิตวิทยาจะทำให้ราคาหุ้นวัสดุก่อสร้างพุ่งแน่ๆ พอรวมกับเมกะโปรเจกยิ่งจะวิ่งระเบิดเถิดเทิง

ผลที่ตามมาก็อย่างที่เอามาให้ดูว่า asp เชียร์เหล็กทั้ง inox และ tsth ได้เว่ออย่างแรง ตามมาด้วย dbsv และ kks ที่เชียร์ scc กับ tpipl ได้แรงไม่แพ้กัน อนิจจา ความต้องการวัสดุก่อสร้างเพื่อฟื้นฟูผลกระทบจากสึนามิเทียบกับภาคอสังหาทั้งประเทศมันจะสักกี่ % ช่วงนั้นประมาณกันว่าน้ำมันจะอยู่ที่ 40-45
USD ยังไม่รู้ตัวกันเลยว่าไปๆ มาๆ มันจะวิ่งทะลุ 60 ราคาเหล็กก็หักหัวลง รับเหมาที่ก่อนหน้านั้นเชียร์นักเชียร์หนาก็โดนน้ำมันกินหมด นักวิเคราะห์ทั้งหลายปากกาหักกันระนาวกลับบทวิเคราะห์กันใหม่แทบไม่ทัน และผลสุดท้าย แมงเม่าก็ติดดอยตามเคย ....

นักลงทุน VI นั้นเก่งนะครับเพราะจับปลากินเองเป็น อย่ายอมให้ใครมาหลอกขายปลาเน่าเอาล่ะ เสียเงินไปแล้วกินก็ไม่ได้เหม็นอีกต่างหาก

ตอนที่ผมหัดลงทุนใหม่ๆ ก็สนใจเทคนิคคอลมาก เลยหาโอกาสไปอบรมการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่กรุงเทพฯ จัดโดยนักวิเคราะห์ระดับอาวุโสของโบรกแห่งหนึ่งขอไม่ออกนามนะครับ หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น ผมก็ไปหาถึงที่ทำงาน แกก็ใจดีให้เข้าไปคุยในห้องทำงานส่วนตัวและคุยเรื่องข้อสงสัยของผมในเรื่องกราฟต่างๆ และยังพาไปรู้จักกับนักวิเคราะห์คนอื่นๆในทีมอีก 4-5 คน(ก็คงระดับมือซ้าย-มือขาว)ปกติคงไม่มีคนใจกล้าลุยเข้าถ้ำเสือ ผมแบบว่าอยากได้ความรู้มันก็ต้องลุย ใจกล้าหน้าด้านหน่อย

     แล้วพอช่วงตลาดปิด แกก็บอกผมว่าเดี๋ยวต้องเขียนบทความแนะนำหุ้น น้องคิดว่าเอาตัวไหนดี ผมก็พูดส่งๆเลยว่าก็เอาพวก PTT TOP SCC ITD PSL TTA SCB BBL KBANK แกก็บอกว่าเอาบางตัวละกัน คนเล่นกันเยอะ ละก็เขียนราคาแนวรับ-แนวต้านแบบดูกราฟแปปๆ มองผ่านๆ ผมละคิดในใจว่า ถ้าคนเชื่อจริงๆก็ตายสิครับ ทำไมไม่ดูให้ละเอียดกว่านี้หน่อย

    อีกอย่างนึง อ.แกจะบริหารพอร์ตให้กับคนรูจักและลูกค้าที่ทุนหนาในวงเงินเป็นสิบๆล้านบาทขึ้นไปด้วย อันนี้แกจะนั่งดูให้เลย ใช้คอม 3 ตัว นั่งดูตาเป็นแพนด้าจริงๆ ส่วนรายย่อยก็จะให้ลูกน้องในทีมดูให้ ถ้าพอร์ตเล็กก็สนใจน้อยหน่อย ถ้าคนไหนชอบเก็งกำไรก็โทรไปคุยกับลูกค้าบ่อยหน่อย

    อ.คนนี้จะไม่ดูพื้นฐานหุ้นเลย จะดูแต่กราฟเพียวๆ เท่าที่ผมเคยดูบทวิเคราะห์ แกก็วิเคราะห์ผิดพลาดเยอะอยู่เหมือนกัน อันนี้ผมว่ายังไงพื้นฐานสำคัญสุด สำหรับผมกราฟแค่ไว้ดูประกอบว่าน่าเข้าหรือเปล่าราคานี้ เมื่อเทียบกับมูลค่าของหุ้นที่เราประเมินไว้

    โดยสรุป มันก็ทำให้ผมมองเห็นและเข้าใจการทำงานของโบรคเกอร์ได้ดีขึ้น ผมก็เชื่อถือข้อมูลโบรคน้อยลงนับแต่นั้นมา เพราะข้อมูลที่เราได้จากโบรคนั้น แทบจะเรียกว่า เกือบร้อย % ทำส่งๆ เหมือนตอนเราเรียนหนังสือชั้นมัธยมแค่นั้นเอง

แต่ต้นตำหรับ "ดีเหลือเกิน"  ของจริง เขาแม่นนะครับ  ตอนนั้น ASP ออกบทวิเคราะห์ TTA ตอน 30 กว่าๆ ว่าดีเหลือเกิน  ตอนนี้ไป ห้าสิบกว่าๆแล้ว   :lol:

อยากฟังความเห็นของนักวิเคราะห์บ้างจัง
ว่าเขาคิดยังไงกับกระทู้นี้
จะไม่มีใครออกมาอธิบายหน่อยหรือว่าทำไมนักวิเคราะห์ถึงผิดพลาดขนาดนี้้ๆ

ยังไงผมก็เสียค่าคอมนา

ดีนะที่ผมเทรดหุ้นโดยที่ไม่ได้ดูบทวิเคราะห์

ถ้านับจากต้น 48 มา นี่เป็นหลักฐานแสดงว่านักวิเคราะห์นั้นมีมุมมองในระยะยาวจริงๆ ครับ ต้องถือ TTA ให้ลงไปผ่าน 16 บาท มาก่อนถึงจะขึ้นไป 60 ได้ :lol:

Ryuga เขียน:ถ้านับจากต้น 48 มา นี่เป็นหลักฐานแสดงว่านักวิเคราะห์นั้นมีมุมมองในระยะยาวจริงๆ ครับ ต้องถือ TTA ให้ลงไปผ่าน 16 บาท มาก่อนถึงจะขึ้นไป 60 ได้ :lol:

 ด้วยคน

มีแต่คนว่านักวิเคราะห์(ผมก็ด้วย)
ทีนี้มาดูนักวิเคราะห์ดีเด่นประจำปีดีกว่า

ข้อมูลจาก นิตยสาร M&W เดือนเมษา 2550

คุณ สุเมฆ จันทราสุริยรัตน์      นักวิเคราะห์ดีเด่นกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก
คุณ จิราภรณ์ ลินมณีโชติ CFA นักวิเคราะห์ดีเด่นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง    
คุณ ฐิติเทพ นพเกตุ               นักวิเคราะห์ดีเด่นกลุ่มบันเทิง อิเล็คทรอนิ
                                           ยานยนตร์ ค้าปลีก ชิบปิ้ง
คุณ ธีระพงศ์ วชิรพงศ์             นักวิเคราะห์ดีเด่นกลุ่มธนาคาร
คุณ ธนพร วิศรุพงษ์                นักวิเคราะห์ดีเด่นกลุ่มพลังงาน

ขอชื่นชมพวกพี่ๆเหล่านี้และหวังว่าผลงานของพวกพี่คงไม่ใช่ที่ จขกท โพสมานะคร้าบ

อยากลองเป็นนักวิเคราะห์บ้างจัง ^ ^

ถ้าพวกพี่เค้าออกบทวิเคราะห์มาไว้จะลองซื้อตามดูดีกว่า

ในเมืองไทยเรามีโบรกสำหรับ Value investor หรือเปล่าครับ
ในความคิดผมนะครับ ถ้ามีจะดีมากๆเลยนะครับ

เมื่อก่อนเคยเชื่อนะแต่ตอนนี้ไม่แล้วนะครับ หลังจากที่คิดราคทเองเป็น แต่ก็อ่อนประกอบการวิเคราะห์บ้าง

ยังงี้ กำตังมาฟัง แล้วสวนลูกเดียว คงรวยได้  :lol:

Thaworn เขียน:ตอนที่ผมหัดลงทุนใหม่ๆ ก็สนใจเทคนิคคอลมาก เลยหาโอกาสไปอบรมการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่กรุงเทพฯ จัดโดยนักวิเคราะห์ระดับอาวุโสของโบรกแห่งหนึ่งขอไม่ออกนามนะครับ หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น ผมก็ไปหาถึงที่ทำงาน แกก็ใจดีให้เข้าไปคุยในห้องทำงานส่วนตัวและคุยเรื่องข้อสงสัยของผมในเรื่องกราฟต่างๆ และยังพาไปรู้จักกับนักวิเคราะห์คนอื่นๆในทีมอีก 4-5 คน(ก็คงระดับมือซ้าย-มือขาว)ปกติคงไม่มีคนใจกล้าลุยเข้าถ้ำเสือ ผมแบบว่าอยากได้ความรู้มันก็ต้องลุย ใจกล้าหน้าด้านหน่อย

     แล้วพอช่วงตลาดปิด แกก็บอกผมว่าเดี๋ยวต้องเขียนบทความแนะนำหุ้น น้องคิดว่าเอาตัวไหนดี ผมก็พูดส่งๆเลยว่าก็เอาพวก PTT TOP SCC ITD PSL TTA SCB BBL KBANK แกก็บอกว่าเอาบางตัวละกัน คนเล่นกันเยอะ ละก็เขียนราคาแนวรับ-แนวต้านแบบดูกราฟแปปๆ มองผ่านๆ ผมละคิดในใจว่า ถ้าคนเชื่อจริงๆก็ตายสิครับ ทำไมไม่ดูให้ละเอียดกว่านี้หน่อย

    อีกอย่างนึง อ.แกจะบริหารพอร์ตให้กับคนรูจักและลูกค้าที่ทุนหนาในวงเงินเป็นสิบๆล้านบาทขึ้นไปด้วย อันนี้แกจะนั่งดูให้เลย ใช้คอม 3 ตัว นั่งดูตาเป็นแพนด้าจริงๆ ส่วนรายย่อยก็จะให้ลูกน้องในทีมดูให้ ถ้าพอร์ตเล็กก็สนใจน้อยหน่อย ถ้าคนไหนชอบเก็งกำไรก็โทรไปคุยกับลูกค้าบ่อยหน่อย

    อ.คนนี้จะไม่ดูพื้นฐานหุ้นเลย จะดูแต่กราฟเพียวๆ เท่าที่ผมเคยดูบทวิเคราะห์ แกก็วิเคราะห์ผิดพลาดเยอะอยู่เหมือนกัน อันนี้ผมว่ายังไงพื้นฐานสำคัญสุด สำหรับผมกราฟแค่ไว้ดูประกอบว่าน่าเข้าหรือเปล่าราคานี้ เมื่อเทียบกับมูลค่าของหุ้นที่เราประเมินไว้

    โดยสรุป มันก็ทำให้ผมมองเห็นและเข้าใจการทำงานของโบรคเกอร์ได้ดีขึ้น ผมก็เชื่อถือข้อมูลโบรคน้อยลงนับแต่นั้นมา เพราะข้อมูลที่เราได้จากโบรคนั้น แทบจะเรียกว่า เกือบร้อย % ทำส่งๆ เหมือนตอนเราเรียนหนังสือชั้นมัธยมแค่นั้นเอง

คาดว่าจะเป็นโบรกอันดับต้นๆของประเทศด้วยใช่ไหมครับ ถ้าใช่คงเป็นคนเดียวกับผมเลย ^^ แต่ผมกลับชอบนักวิเคราะห์บางคนของที่นั่นนะครับให้ความรู้ทางปัจจุยพื้นฐานแน่นดีครับ

คุณ ryuga สุดยอดครับ

ผมว่า เป็นเรื่องดีอย่างนึงนะครับ

อย่างน้อย บทวิเคราะห์ จะได้ ระวังๆ มากขึ้น  ไม่ใช่คำพูดที่ดูเว่อร์และสวยหรูเกินไป  

แต่เน้น มาคุยกันเรื่องพื้นฐานจริงๆมากกว่า

เช่น บอกว่า กำไร โตขึ้น 30% และ รวมถึงข้อแม้ด้วยว่า หากว่า ไม่เจอะกับปัญหา ... ซะก่อน


เพราะไม่งั้น คงไม่ต่างกับหมอดู

หมอดู  ดีกว่าหมอตรงที่  ไม่เคยต้องผิดชอบ สิ่งที่พูดไป
แม้นว่า..  มันจะไม่เคยถูกจริงๆก็ตาม

พี่หมอ K เขียน:หมอดู  ดีกว่าหมอตรงที่  ไม่เคยต้องผิดชอบ สิ่งที่พูดไป
แม้นว่า..  มันจะไม่เคยถูกจริงๆก็ตาม

ใช่แล้วครับ confirm  :mrgreen: