news07/08/07
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 07, 2007 3:13 pm
สถาบันสิ่งทอวอนแบงก์ปล่อยสินเชื่อต่อลมหายใจโรงงานเสื้อผ้า
7 สิงหาคม พ.ศ. 2550 14:15:00
สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ วอนธนาคารมั่นใจปล่อยสินเชื่อให้ดำเนินกิจการต่อ ชี้ตัดสินเชื่อต้นตอวิกฤตปิดกิจการเพิ่ม มั่นใจสิ่งทอโตได้ 4-5%ได้อานิสงส์เจเทปป้าหนุน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายวิรัตน์ ตันเดชานุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้โรงงานสิ่งทอต้องปิดตัวลงในขณะนี้ เกิดจากสถาบันการเงินไม่เข้าใจและไม่เชื่อมั่นในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เช่น กรณี บริษัท ไทยศิลป์ อาคเนย์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต ที่ต้องปิดกิจการ เพราะธนาคารเจ้าหนี้ไม่เชื่อมั่นว่า จะสามารถชำระหนี้ได้ จึงขอเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ เข้าใจสภาพที่แท้จริงของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย เพราะความจริงสิ่งทอไทยมีการปรับตัวมาตลอด เห็นได้จากปีที่ผ่านมา มีการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิตเป็นมูลค่า 15,000 - 20,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบางโรงงานยังร่วมกับสถาบันฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้เครื่องหมายมาตรฐานต่าง ๆ ของประเทศคู่ค้า เช่น ใช้สีย้อมที่ไม่เป็นพิษ ซึ่งเป็นกติกาสากล โดยขณะนี้ผู้ผลิตสิ่งทอไทย 4 รายสามารถทำได้แล้วและได้รับฉลากสิ่งแวดล้อมจากหภาพยุโรป(อียู)
สำหรับสถานการณ์อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยปีนี้ยังไปได้ดี โดยการส่งออกสิ่งทอครึ่งปีแรกขยายตัว 2.6 %ตลอดทั้งปี คาดว่ายังเติบโตต่อเนื่องจาก 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2549 เป็น 6,900 - 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 4-5% เนื่องจากข้อตกลงเจเทปป้า ทำให้การส่งออกสิ่งทอของไทยไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันสิ่งทอไทยส่งออกไปญี่ปุ่นแค่ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
คู่แข่งที่สำคัญคือ บังกลาเทศ เวียดนาม อินเดีย และอินโดนีเซีย จึงจำเป็นที่ผู้ประกอบการของไทยต้องปรับตัวในการผลิตสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีสูงในการผลิตสินค้าเพื่อให้ได้มูลค่าเพิ่ม
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ด้านตลาดในประเทศได้รับผลกระทบจากสินค้าสิ่งทอราคาถูกจากจีนเข้ามาตีตลาด จึงต้องการให้ภาครัฐหามาตรการชะลอการนำเข้าสินค้าสิ่งทอจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีมาตรการตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัย สุขอนามัย ซึ่งขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังดำเนินการ สำหรับการส่งออกไปตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่สำคัญที่สุดของไทย ในปี 2549 สหรัฐมีมูลค่านำเข้าผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากไทยถึง 2,179 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นสิ่งทอมูลค่า 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเครื่องนุ่งห่มมีมูลค่านำเข้าถึง 1,858 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าเครื่องนุ่งห่มของไทยเดิมรับจ้างผลิต แต่ปัจจุบันมีการยกเลิกระบบโควตาและผลจากการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่เคยรับจ้างผลิต ปรับตัวเป็นผู้ออกแบบและสร้างตราสินค้า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์
กลุ่มที่ต้องปรับตัวและเร่งยกระดับคือ เอสเอ็มอีสิ่งทอไทย โดยประเทศไทยมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐ 2% และปีนี้มูลค่าส่งออกจะลดลงประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะต้องแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่ค่าแรงถูก
http://www.bangkokbiznews.com/2007/08/0 ... wsid=88140
7 สิงหาคม พ.ศ. 2550 14:15:00
สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ วอนธนาคารมั่นใจปล่อยสินเชื่อให้ดำเนินกิจการต่อ ชี้ตัดสินเชื่อต้นตอวิกฤตปิดกิจการเพิ่ม มั่นใจสิ่งทอโตได้ 4-5%ได้อานิสงส์เจเทปป้าหนุน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายวิรัตน์ ตันเดชานุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้โรงงานสิ่งทอต้องปิดตัวลงในขณะนี้ เกิดจากสถาบันการเงินไม่เข้าใจและไม่เชื่อมั่นในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เช่น กรณี บริษัท ไทยศิลป์ อาคเนย์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต ที่ต้องปิดกิจการ เพราะธนาคารเจ้าหนี้ไม่เชื่อมั่นว่า จะสามารถชำระหนี้ได้ จึงขอเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ เข้าใจสภาพที่แท้จริงของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย เพราะความจริงสิ่งทอไทยมีการปรับตัวมาตลอด เห็นได้จากปีที่ผ่านมา มีการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิตเป็นมูลค่า 15,000 - 20,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบางโรงงานยังร่วมกับสถาบันฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้เครื่องหมายมาตรฐานต่าง ๆ ของประเทศคู่ค้า เช่น ใช้สีย้อมที่ไม่เป็นพิษ ซึ่งเป็นกติกาสากล โดยขณะนี้ผู้ผลิตสิ่งทอไทย 4 รายสามารถทำได้แล้วและได้รับฉลากสิ่งแวดล้อมจากหภาพยุโรป(อียู)
สำหรับสถานการณ์อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยปีนี้ยังไปได้ดี โดยการส่งออกสิ่งทอครึ่งปีแรกขยายตัว 2.6 %ตลอดทั้งปี คาดว่ายังเติบโตต่อเนื่องจาก 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2549 เป็น 6,900 - 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 4-5% เนื่องจากข้อตกลงเจเทปป้า ทำให้การส่งออกสิ่งทอของไทยไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันสิ่งทอไทยส่งออกไปญี่ปุ่นแค่ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
คู่แข่งที่สำคัญคือ บังกลาเทศ เวียดนาม อินเดีย และอินโดนีเซีย จึงจำเป็นที่ผู้ประกอบการของไทยต้องปรับตัวในการผลิตสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีสูงในการผลิตสินค้าเพื่อให้ได้มูลค่าเพิ่ม
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ด้านตลาดในประเทศได้รับผลกระทบจากสินค้าสิ่งทอราคาถูกจากจีนเข้ามาตีตลาด จึงต้องการให้ภาครัฐหามาตรการชะลอการนำเข้าสินค้าสิ่งทอจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีมาตรการตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัย สุขอนามัย ซึ่งขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังดำเนินการ สำหรับการส่งออกไปตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่สำคัญที่สุดของไทย ในปี 2549 สหรัฐมีมูลค่านำเข้าผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากไทยถึง 2,179 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นสิ่งทอมูลค่า 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเครื่องนุ่งห่มมีมูลค่านำเข้าถึง 1,858 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าเครื่องนุ่งห่มของไทยเดิมรับจ้างผลิต แต่ปัจจุบันมีการยกเลิกระบบโควตาและผลจากการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่เคยรับจ้างผลิต ปรับตัวเป็นผู้ออกแบบและสร้างตราสินค้า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์
กลุ่มที่ต้องปรับตัวและเร่งยกระดับคือ เอสเอ็มอีสิ่งทอไทย โดยประเทศไทยมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐ 2% และปีนี้มูลค่าส่งออกจะลดลงประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะต้องแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่ค่าแรงถูก
http://www.bangkokbiznews.com/2007/08/0 ... wsid=88140