Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ราคาตลาดล่วงหน้าที่ชิคาโกใหญ่ที่สุด สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ เมล็ดถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง น้ำมันถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวสาลี Chicago Board of Trade และ เป็นตลาดที่ผู้ค้าทั่วโลกใช้เป็นฐานราคาคำนวณราคาสินค้า

ราคาต้นทุนเมล็ดถั่วเหลืองที่ TVO ซื้อจะต้องอิงราคาที่นี่ 100% บวกด้วยหรือลบด้วยพรีเมี่ยมซึ่งอาจจะเป็นบวก หรือ ลบก็ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ เวลานั้น ซึ่งอันนี้จะเป็นราคา FOB และ TVO จะต้องบวกค่าระวางเรือซึ่งเขาจะใช้เรือ LME Panamax เป็นหลัก  แต่ส่วนใหญ่ผู้ขายจะเป็นผู้จัดการเช่าและรับผิดชอบ

ส่วนราคากากถั่วเหลือง และ น้ำมันถั่วเหลืองที่ tvo ขาย ก็อิงราคาตลาดชิคาโกเหมือนกัน แต่ไม่เต็มร้อย เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ รวมทั้งขึ้นอยู่กับสต๊อกกากถั่วเหลืองนำเข้าที่โรงงานอาหารสัตว์ใหญ่ ๆ และ ผู้นำเข้า ณ เวลานั้น และต้องคำนึงถึงสต๊อกเมล็ดถั่วเหลืองของโรงงานคู่แข่งด้วย ซึ่งเวลานี้มีเพียง 3-4 ราย โดยรายหลักคือ บ. ธนากรน้ำมันพืช จก. (กุ๊ก) และ บริหารโดยตระกูลหวั่งหลี ซึ่งน่าจะมีกำลังผลิตเพียงครึ่งหนึ่ง  อีกสองบริษัทคือ บจ. พรอำนวยทรัพย์ฯ อยู่ที่สวรรคโลก ติดขัดต้นทุนขนส่งแพงกว่ามากทีเดียว และ อีกรายคือ บจ.กมลกิจ ซึ่งผลิตเพียง 3/4000 ตันต่อเดือน  อีกบริษัทคือ ไทยเสรี เขาผลิตประมาณ 3000 ตัน แต่ไม่ได้กลั่นเอง  ส่วนน้ำมันพืชวิวัฒน์ (ทิพ) ตอนนี้สาหัสครับ ไม่น่าจะผลิตน้ำมันถั่วเหลืองเองเท่าไร

ส่วนน้ำมันถั่วเหลือง ก็ขึ้นกับราคาน้ำมันปาล์มด้วยครับ แต่ทั้งนี้ หากราคาภายในต่ำกว่าตลาดโลก ทั้ง TVO / ธนากร ก็ส่งออกไปจีน หรือ อินเดีย หรือสิงคโปร์ครับ  แต่เป็นส่วนน้อยครับ

ส่วนการนำเข้ากากถั่วเหลืองนั้น tvo / ธนากร ไม่ได้นำเข้า แต่เป็นผู้นำเข้าที่ต้องเป็นสมาชิกสมาคมโรงงานอาหารสัตว์ และ สมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ และ สมาคมผู้เลี้ยงสัตว์ปีก สมาคมผู้ส่งออกสินค้าสัตว์ปีก จำชื่อเต็มไม่ได้ โดยไม่มีการกำหนดโควต้าครับ นำเข้าได้จำนวนเสรี

การส่งออก กากถั่วเหลือง ทำไม่ได้ครับ ยังไม่มีการประกาศอนุญาตให้ส่งออกได้ แต่ถึงแม้ทำได้ ก็ไม่คุ้ม เนื่องจากการนำเข้ากากถั่วเหลือง ต้องเสียภาษีนำเข้า 4% และค่าใช้จ่ายการนำเข้า รวมทั้งค่าขนส่งทางเรือลำเลียงจากเกาะสีชัง นั้นแพง หากจะส่งออกอีก ก็ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเป็นสองเท่า บวกค่าระวางเรืออีก ทำให้ไม่คุ้มกับการส่งออก

การนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง มีกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องเป็นผู้ที่นำเข้ามาผลิตเพื่อใช้ในโรงงานของตัวเอง หรือ ผลิตเพื่อจำหน่ายต่อให้ผู้ใช้รายอื่น เช่น TVO ธนากร โรงงานอาหารสัตว์และ โรงงานผู้ผลิตถั่วเหลืองนึ่งสุกโดยไม่ผ่านการสกัดน้ำมัน( full fat soy) ไวตามิลค์ แล็คตาซอย ผู้ที่ไม่ได้เป็นโรงงานผู้ผลิต ห้ามนำเข้าครับ

Saran เขียน:

นั่นสิ อยากถามเหมือนกันว่าทำไมไม่เลือก uvan ล่ะครับ

miracle เขียน:แล้วบริษัทลูกที่อยู่ที่เมืองจีนมันเสร็จแล้วหรือเปล่า
ถ้าเสร็จแล้วรับเงินจากบริษัทดังกล่าวเมื่อไร
และมีอะไรที่ต้องลงทุนเพิ่มเติมไหม

ตลาดตอนนี้ไม่ใช่มีแต่ในประเทศแล้ว มีอยู่เมืองจีนด้วย
ต้องระวังไว้หน่อย เพราะ มีใครจะตามไปแกะงบบริษัทลูกที่เมืองจีนหรือเปล่า

ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง
บริษัทแม่ค้ำประกันบริษัทลูกอยู่
ดูดีด้วยว่า เอาอะไรค้ำ ได้เงินสดเอาไปทำอะไร

บริษัทลูกที่จีนนั้น ผลิตมาหลายปีแล้วครับ และ มีกำไรมาสองสามปีแล้วครับ รู้สึกไตรมาสแรก ทำกำไรได้ 6 สต. ต่อหุ้น สำหรับบริษัทฯ ลูก ส่วนงบเฉพาะบริษัท กำไรต่อหุ้น 26 สต.

เห็นด้วยครับ ว่าถ้าหุ้นน้ำมันปาล์ม โดยพื้นฐาน UVAN ดีที่สุด

แต่ในความรู้สึกส่วนตัว LST น่าจะมีโอกาสขึ้นเป็นอัตราส่วนมากกว่า อันนี้ไม่มีเหตุผลสนับสนุนครับ แต่สังเกตุมานานทีเดียว ราคาได้ถูกกดไว้นานแล้ว และคนที่จะกดได้ ก็ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

hot เขียน:ถ้าราคากากถั่วเหลืองโลกสูงมากมาก
ส่งออกไม่ได้ราคาดีกว่าขายในประเทศหรือคับ
งงแฮะ

tvo ตั้งราคากากถั่วเหลืองของเขา โดยดูต้นทุนนำเข้ากากถั่วเหลืองรวมภาษี และค่าใช้จ่ายน้ำเข้า บวกด้วยพรีเมี่ยมด้านคุณภาพที่ดีกว่า สดกว่า โปรตีนสูงกว่า ซึ่งลูกค้าหลาย ๆ ส่วนยอมจ่าย

เหตุผลที่ไม่ส่งออกกากถั่วเหลืองอีกอย่างนอกจากห้ามส่งออกแล้ว จำนวนการผลิตในไทยยังไม่เพียงพอกับการบริโภค โดยต้องนำเข้ากากถั่วเหลืองปีละประมาณ 1.7 ล้านตัน

ขอบคุณ คุณ lychee ที่ให้คำแนะนำครับ ที่ผมชอบตัว UVAN มากสุดก็เพราะมีการวิจัยเพาะพันธุ์เมล็ดเป็นของตัวเองนะครับ (เคยไปประชุมมา บริษัทบอกว่าปริมาณผลผลิตที่ได้ต่อไร่ของพันธุ์เค้าดีที่สุดในประเทศ ไม่รู้ว่าโม้ป่าว) กับหนี้น้อยครับ :lol:

แต่ช่วงหลังๆ ผมไม่ค่อยได้ตามแล้ว เพราะผลประกอบการณ์เดายากอะ เดี๋ยวนี้อากาศแปรปรวนบ่อย

tvo ประกาศขึ้นราคากากถั่วเหลือง 15 สต. ต่อ กก. วันนี้ เป็น 11.75 ต่อ กก. บรรจุกระสอบ ณ หน้าโรงงาน อันนี้เป็นกากถั่วเหลืองโลโปร

สงสัยวันนี้ คนแถวนี้ขาย

lychee เขียน: บริษัทลูกที่จีนนั้น ผลิตมาหลายปีแล้วครับ และ มีกำไรมาสองสามปีแล้วครับ รู้สึกไตรมาสแรก ทำกำไรได้ 6 สต. ต่อหุ้น สำหรับบริษัทฯ ลูก ส่วนงบเฉพาะบริษัท กำไรต่อหุ้น 26 สต.

อ่านหมายเหตุประกอบงบหน่อยล่ะกันครับ
แสดงว่ายังไม่ได้อ่านแน่นอน

เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน
เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ 2548 ประกอบด้วย
(หน่วย: บาท)
งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ
2549 2548 2549 2548
เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร 300,508 1,487,895 300,508 1,487,895
เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 3,365,097,770 3,518,600,411 2,820,000,000 2,686,974,946
รวม 3,365,398,278 3,520,088,306 2,820,300,508 2,688,462,841
โดยมีอัตราดอกเบี้ย SIBOR+1% หรือมีอัตราคงที่โดยอ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำของสถาบันการเงินผู้ให้สินเชื่อ
วงเงินสินเชื่อจากธนาคารและสถาบันการเงินของบริษัทฯและบริษัทย่อยในประเทศมีข้อกำหนดเป็นการทั่วไปเกี่ยวกับการดำรงอัตราส่วนทางการเงินและจำกัดการก่อภาระผูกพันในทรัพย์สินของบริษัทฯและบริษัทย่อย และจำกัดการให้การค้ำประกันโดยกรรมการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
วงเงินสินเชื่อของเงินกู้ยืมจากธนาคารของบริษัทย่อยในต่างประเทศจำนวน 34 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาค้ำประกันโดยบริษัทฯและกรรมการของบริษัทย่อยในต่างประเทศ ส่วนวงเงินสินเชื่ออื่นอีก 32 ล้านหยวนของบริษัทย่อยในต่างประเทศค้ำประกันโดยการจดจำนองสิทธิการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของบริษัทย่อยและกรรมการของบริษัทย่อยดังกล่าว

ถ้าไปดูกระแสเงินสด เห็นต่อว่าไตรมาสแรก
กิจการได้เงินมา 800 กว่าล้านบาท
แต่ใช้ในกิจการการลงทุนไป 1.4 พันล้านบาท
ซึ่ง      เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินลดลง
ตอนนี้ใช้ไปแล้ว 1.4 พันล้านบาทแต่เหลืออีก 1.3 พันล้านบาท
อีกสามไตรมาส ก็ประมาณ ไตรมาสและ 450 ล้านบาท
สินค้าคงเหลือมีอยู่ 2.1 พันล้านบาท
คำถามคือ ขายหมดใน 3 ไตรมาสหรือเปล่า

ที่ซื้อต้องดูต่อว่าเป็นซื้อสินทรัพย์ระยะยาวหรือเปล่า
เอาหนี้ระยะสั้นไปซื้อสินทรัพย์ระยะยาว
มีจะดีหรือ

ระยะสั้นอาจจะมีการ Short ของเงินได้
ถ้าผ่านจุดนี้ได้ แสดงว่าผู้บริหารนี้ ยอดเยี่ยมมากๆๆ

ยังมีอาการอยู่น่าครับ
หนี้สินระยะสั้นในงบเดี๋ยวแสดง 1.2พันล้านบาท
งบรวม 2.3 พันล้านบาท เป็นตัวใหญ่ในการกดดันงบ
เงินสดเหลือ 61 ล้านบาทในงบเดี่ยว
ในงบรวมเหลือ 213 ล้านบาท
สินทรัพย์หมุนเวียนอยู่ที่2.6 พันล้านบาทที่งบเดี่ยว
งบรวม4.1 พันล้านบาท

ดูหนี้สินหมุนเวียน
1.6 พันล้านบาทกับ 3.0 พันล้านบาทตามลำดับ
แสดงว่า ทรัพย์สินหมุนเวียนมากกว่าหนี้สินอยู่

ดูที่กระแสเงินสด
ในกิจการลงทุนยังใช้เงินไปต่อเนื่อง 1.7 พันล้านบาทและ1.1 พันล้านบาท ในงบเดี่ยวและงบรวมตามลำดับ
จุดนี้ทำให้เงินสดหายไปอีก 524 ล้านบาทและ423 ล้านบาท

ซึ่งผลการดำเนินงานปกติยังมีเงินไหลมา731 ล้านบาทและ1.2 พันล้านบาท

แปลกจริงๆๆ
บริษัทแม่เงินสดไหลดีกว่าบริษัทลูก
แสดงว่า บริษัทลูกบริษัทไหนทำให้บริษัทแม่ต้องใช้เงินมากขนาดนั้น และยังเหนียวหนี้อีกต่างหาก ไม่ยอมใช้คืนนี้ ทำให้บริษัทแม่ใช้คืนนี้มากกว่าบริษัทลูก

ใครว่างๆช่วยเอาไปแกะต่อด้วยล่ะกัน

ที่ miracle แปลกใจ หนี้สินระยะสั้น ผมเองก็แปลกใจมาหลายปี แล้ว หลายปีจริงๆ พอแปลกใจบ่อยๆ ก็เคยชินแล้ว ไม่รู้ว่าทำไม่หนี้สินระยะสั้นมาก เป็นหนี้สินหมุนเวียน หรือว่าเป็นธรรมชาติของธุรกิจของบริษัท สุดท้ายก็จ่ายปันผล ประมาณ 70% ของกำไรได้ทุกปี

ไม่สันทัดในบัญชีชั้นสูง แต่อยากจะอธิบายนิดว่า หากสังเกตุหนี้สินหมุนเวียนของ tvo จะสูงนั้น ก็เนื่องมาจากต้องสั่งเมล็ดถั่วเหลืองล่วงหน้าประมาณอย่างน้อย 2 เดือน ก็คือประมาณ 200,000 ตัน สำหรับในไทยเท่านั้น

อันนี้จะแสดงในหนี้สินระยะสั้น แต่จะไม่แสดงในเจ้าหนี้การค้ามากนัก โดยปกติจะแสดงในเจ้าหนี้ trust receipt แต่ผมคิดว่าเขาคงแปลงจาก trust receipt เป็นหนี้โอดี และ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 3.5-4.5% ขึ้นอยู่กับธนาคาร และ ความน่าเชื่อถือของลูกค้า ในขณะที่ trust receipt ถ้าเป็นดอลลาร์จะตกประมาณเกือบ 6% สำหรับลูกค้าโคตรใหญ่และดี และ 6% กว่า ๆ สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี และ 7% กว่าสำหรับลูกค้าดีและมีขนาดกลาง

หากสังเกตุดี จะดูเหมือน ums ที่เราเห็นมีหนี้สินสูง

CPI ไม่เห็นกล่าวถึงสักเท่าไร เลย

UMS ซื้อถ่านหินเงินสด
ขายเงินเชื่อ

miracle เขียน:UMS ซื้อถ่านหินเงินสด
ขายเงินเชื่อ

ใช้วงเงินธนาคาร โดยธนาคารสำรองจ่ายเงินสดให้ผู้ขายก่อน หรืออาจจะเป็น Usance L/C (Term L/C) หรืออาจจะเป็น D/P or D/A (ไม่ต้องเปิด L/C)  ซึ่งโดยปกติจะเป็นในรูปของ Trust Receipt (T/R) ซึ่งเป็นได้ทั้งดอลลาร์ หรือ บาท หรือ อาจจะเป็นการใช้วงเงิน O/D (overdraft) or P/N (Promisory Note) นำไปชำระ Trust Receipt ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยส่วนไหนจะถูกกว่ากัน

โดยสรุปก็คือกู้เงินธนาคารไปชำระค่าสินค้าเป็นเงินสด โดยอาจจะติดค้างธนาคารระหว่าง 90-180 วัน

อันนี้ถาม UMS ได้ในวัน Opp Day

ผู้นำเข้าสินค้าทุกรายจะใช้วิธีทำนองเดียวกัน