การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
CherngX
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 10:45 am
CherngX เขียน: ขอเพิ่มวิสาสะ ตั้งคำถามเพิ่มครับ
แล้วสรุปว่านาย ก นาย ข ได้กำไร/ขาดทุนกี่ %
ไม่มีคนตอบ เลยตอบเอง :lol:
นาย ก
trade รอบแรกกำไร 100/500 = 20.00%
trade รอบสองกำไร 100/700 = 14.29%
คิดกำไรรวมเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
(500*20.00% + 700*14.29%)/(500+700) = 16.67%
นาย ข
สำหรับนาย ข ก็ยังใ้ช้วิธีคิดแบบข้างบน แต่ยุบสูตรแล้วจะได้
(100+100)/(600+800) = 14.29%
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 12:52 pm
กำไร
ก 22.22%
ข 25% ครับ
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 3:10 pm
ของผมคิดง่าย ๆ เลยครับ
นาย ข. กำไร 40% นาย ก. ขาดทุน 40%
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 1
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 6:26 pm
เป็นคำถามที่(งง)ดีครับ P'Jeng
ขอลองเดาดูนะ
สมมติว่า ก กับ ข มีเงิน 1000 บาท และใน ( ) แทนนาฬิกา
นาย ก ซื้อนาฬิกา มา 500
ก = 500+(500) ข =1000
นาย กขายให้นาย ข 600
ก= 500+600 =1100 ข =400+ (600)
ต่อมา นาย ข ขายให้นาย ก 700
ก= 400+(700) ข =400+700 =1100
ต่อมา นาย ก ขายให้นาย ข 800
ก= 400+800 =1200 ข =300+ (800)
ต่อมา นาย ข ขายให้นาย ก 900 นาฬิกา อยู่กับ นาย ก
ก= 300+(900) ข =300+900 =1200
สรุป นาย ก = 300+นาฬิกา จากเริ่ม 1000บาท
นาย ข = 1200 บาทจากเริ่ม 1000บาท
ผมก็คิดแบบนี้ครับ
แต่ข้อสรุปของผมคือ ถ้านายก ไม่เล่นอะไรบ้าๆ แบบขายไปขายมา
นายก จะมี 500 + นาฬิกา ดังนั้น นายก ขาดทุน
นายขอ นั่งเฉยๆ ก็ได้เงินมา 200 นายขอ ไม่ขาดทุน
หากภรรยานายก มาขอตรวจสอบ นายก จะโกหกภรรยาว่าซื้อนาฬิกามา 900 แล้วมีเงินเหลือ 300 กำไรตั้ง 200 อิอิ
big15096
Verified User
โพสต์: 120
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 6:44 pm
[quote]เป็นคำถามที่(งง)ดีครับ P'Jeng
ขอลองเดาดูนะ
สมมติว่า ก กับ ข มีเงิน 1000 บาท และใน (
------
สุดท้าย มนุษย์ก็จะเหลือเเต่ความว่างเปล่า จะไขว่คว้าหาของนอกกายไปเพื่ออะไร
------
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 1
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 7:07 pm
มองในแง่การลงทุนนะครับ
มองด้าน นายก.
สินทรัพย์(นาฬิกา) 900
ทุน 700
กำไร 200
ถ้าตามนี้นายก. มีกำไรอยู่ 200 โดยที่มีนาฬิกาที่ซื้อมาราคาทุน 900 เป็นสินทรัพย์
มองด้าน นายข.
สินทรัพย์(เงินสด) 900
ทุน 700
กำไร 200
นายข. ก็มีกำไร 200 โดยที่ใช้เงินลงทุน 700
ถามว่าทำไมได้กำไรทั้งคู่
คำตอบน่าจะอยู่ที่นาฬิกา คือราคามันขึ้นจาก 500 เป็น 900
ดังนั้นถ้าใครมารับซื้อนาฬิกาต่อจากนายก. ในราคาเกินกว่า 900 ก็จะเป็นผู้รับ....... ไปทั้งหมด
สติมา ปัญญาเกิด
izac44
Verified User
โพสต์: 43
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 7:46 pm
ก ข
-500
600 -600
-700 700
800 -800
-900 900
-700 200
สรุป ก ขาดทุน 200 (และ ข กำไร 200)
Vassili Zaitsev
Verified User
โพสต์: 286
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 9:12 pm
ผมมองว่า นาฬิกาเป็นเพียงสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อะไร นอกจากจะมีคนมาให้ราคามันมากกว่าที่เราซื้อมา และเราได้ขายไปเท่านั้น เราจึงจะได้กำไร ดังนั้น ถ้าเรื่องราวจบลงเพียงเท่านี้ ผมขอตอบว่า นาย ก ขาดทุนอย่างต่ำ 200 บาท ส่วน นาย ข ได้กำไร 200 บาท ครับ
ซึ่งราคาซื้อขายของนาฬิกานั้นมันแล้วแต่คนที่ซื้อขายกันจะประเมินมูลค่าของมัน อย่างกรณี นาย ก กับ นาย ข นี้ จะเห็นว่าราคาขึ้นมาเกือบเท่าตัว ทั้ง ๆ ที่ นาย ก ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า ตนเองซื้อมาเพียง 500 บาท แต่สุดท้ายกลับยอมซื้อคืนด้วยราคาถึง 900 บาท แสดงว่า นาย ก ประเมินมูลค่านาฬิกาไว้มากกว่านั้น แต่เกิดลังเลใจจึงยอมขายไปด้วยราคาต่ำกว่าที่ตนเองประเมินไว้เพราะเห็นแก่กำไรเพียงน้อยนิด และสุดท้ายก็ยอมซื้อกลับคืนที่ราคาแพงกว่าเดิม
และที่ผมตอบว่า ตอนนี้ นาย ก ขาดทุนอย่างต่ำ 200 บาท นั้น เนื่องจากผมมองว่า นาย ก อาจจะประเมินมูลค่าของนาฬิกาสูงเกินไปก็ได้ครับ
ในที่สุด ราคาจะวิ่งเข้าหา มูลค่าที่แท้จริง
[email protected]
Verified User
โพสต์: 66
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 10:05 pm
โดยสรุปตอนท้าย ความคิดของผม คือ
นาย ก มีนาฬิกาอยู่ในครอบครอง และขาดทุน (นับเฉพาะเงินสด 200บาท)
ส่วน นาย ข ไม่มีนาฬิกาในครอบครอง แต่ได้เงินมาเพิ่ม 200 บาท
คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องสมดุล การกระทำทุกๆสิ่ง จะมีแรงสะท้อนในทางตรงข้ามเสมอ
ที่ไหนมีรายได้เกิดขึ้น อีกที่นึงก็มีค่าใช้จ่าย
ที่ไหนมีกำไร อีกที่หนึ่งก็ต้องมีขาดทุน ครับ
Glaxo
Verified User
โพสต์: 311
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 10:24 pm
คิดไปคิดมา ยังสรุปไม่ได้ ตัวนาฬิกาเองก็ไม่เสีย
เพราะฉะนั้น นาย ข อาจจะกลับมาซื้อและขายอีกหลายรอบก็ได้
และอาจมีบุคคลที่ สาม (เช่นผม) เห็นราคาพุ่งเอาๆ มารับที่ราคาเป็นพันอีก
atsu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1220
ผู้ติดตาม: 1
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 11:17 pm
สำหรับคนที่คิดว่านาย ก ขาดทุน 200 บาทลองนึกใหม่ตามนี้ดูนะครับ
ลองเปลี่ยนครั้งแรกที่ นาย ก ซื้อนาฬิกา 500 บาท
เป็นนาย ก ซื้อหุ้น ptt ที่ 50 บาท
เปลี่ยนนาย ก ขาย นาฬิกาไป 600 บาท
เป็นนาย ก ขาย ptt ที่ 100 บาท
เปลี่ยนนาย ก ซื้อนาฬิกา 700 บาท
เป็นนาย ก ซื้อหุ้น ptt ที่ 150 บาท
เปลี่ยนนาย ก ขาย นาฬิกาไป 800 บาท
เป็นนาย ก ขาย ptt ที่ 300 บาท
และสุดท้ายเปลี่ยนนาย ก ซื้อนาฬิกาที่ 900 บาท
เป็นนาย ก ซื้อหุ้น ptt ที่ 350 บาทแล้วตอนนี้ยังถืออยู่
มีใครคิดว่านาย ก เล่นหุ้นขาดทุนบ้างครับ :?:
และถ้าคุณเป็นนาย ก คุณลงบัญชีว่าคุณขาดทุนหุ้นอยู่รึเปล่า :?:
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 11:19 pm
เจ๋งมากเลยพี่ คำถามนี้
เพราะอยู่ที่ว่า มูลค่าแท้จริงของนาฬิกา
ในแต่ละเวลา นาย ก. กับ นาย ข. ก็ตีราคาไม่เท่ากัน
BOONPARUEY
Verified User
โพสต์: 184
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 11:45 pm
... ถ้าจะตอบให้ตรงตามโจทย์ ก็ต้องตอบว่า....นาย ก. ขาดทุน ๒๐๐ บาท ...
... เหตุผล คือ นาย ก. ซื้อ ๒ ครั้งเป็นเงิน = ๗๐๐ + ๙๐๐ = ๑,๖๐๐ ...
... ขาย ๒ ครั้งเป็นเงิน = ๖๐๐ + ๘๐๐ = ๑,๔๐๐ ...
... ฉนั้นเท่ากับนาย ก.ซื้อแพง และ ขายถูก ๒ ครั้ง ทำให้ขาดทุน คือ ...
... ๑,๖๐๐ - ๑,๔๐๐ = ๒๐๐ ... :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
... ด้วยความเคารพ...แต่สงสัยว่าทำไมหลาย ๆ คนถึงติดกับดักคณิตศาสน์ คืดกันซับซ้อน จังเลย ... :lol: :lol: :lol: .....
...............................................................................................................
... แต่ถ้าจะให้ตอบตามหลักความจริง ( ไม่ตรงโจทย์ ) ก็ต้องตอบว่า ...
... นาย ก . นั้นยังไม่ได้ขาดทุนหรอก เพียงแต่ได้เสียเงินเพิ่มทุนอีก ๒๐๐ บาท เพราะนาฬิกา ( เปรียบเหมือนสินค้ายังอยู่ ) ถ้าเป็นการค้านั้นยังไม่นับว่าขาดทุน การจะขาดทุนนั้นสินค้าต้องไม่อยู่กับเราแล้ว ...
............................................................................................................
... ถ้า นาย ก. เป็นผู้ที่อยู่ในตลาดหุ้น ก็จะประมาณได้ว่าเป็นนักเล่นหุ้น ( ไม่ใช่นักลงทุนแบบ VI ) แบบเทคนิคอล คือ ชอบซื้อแพงขายถูก ( เมื่อหุ้นขึ้นก็จะซื้อ..แล้วก็ขายถูกกว่าตอนที่ซื้อ ตอนหุ้นลง ) :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
...........................................................................................................
... ขอ VOTE ให้กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สร้างสรรค์มาก ๆ ....
... ถ้าใครได้อ่านอย่างพิจารณาแล้วจะได้แง่มุมมากมาย และ ปรับใช้กับการซื้อขายหุ้นได้โดยตรงทีเดียว ...
... หลาย ๆ คนมักจะติดกับดักทางความคิด โดยเฉพาะตัวเลขทางคณิตศาสน์ต่าง ๆ นั้นเป็นหลุมพลางให้นักธุรกิจพลาดมานักต่อนักแล้ว ...
... ใครเห็นโจทย์แล้วใช้หลักคิดแบบคนค้า - ขายธรรมดา ๆ ก็จะตอบโจทย์ในใจได้ทันทีที่เห็นโจทย์ ...
... ขอขอบคุณ คุณ Jeng อีกครั้งที่เจตนาสร้างกระทู้คุณค่านี้ ...
... :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท " พุทธตรัส ...
onemanshow
Verified User
โพสต์: 56
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 12:10 am
นาย ก นาย ข
เงินสด สินทรัพย์ เงินสด สินทรัพย์
-500 500 - -
600 - -600 600
-700 700 700 -
800 - -800 800
-900 900 900 -
ผมขอ สรุปนาย ข ก่อนนะครับ นาย ข ได้กำไรที่เป็นเงินสดไปแล้ว 200 บาท โดยที่ไม่มีสินทรัพย์อะไรเหลือ
ส่วน นาย ก เงินสดหายไป 700 บาท แต่ได้สินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาด ณ ขณะนั้นที่ 900 บาท ผมขอสรุปว่า นาย ก ได้กำไรทางบัญชี 200 บาท
ที่นี้ใครจะชอบอยากไหนล่ะครับ กำไรที่เป็นเงินสด (แต่หมดโอกาสกำไรเพิ่มอีกแล้ว เพราะไม่มีอะไรจะขายแล้ว)
หรือ กำไรทางบัญชี ซึ่งพอขายสินทรัพย์จริงๆ แล้ว อาจได้กำไรที่เป็นเงินสด 200 บาท (กรณีขายเท่ากับต้นทุนล่าสุด 900 บาท)
หรือกำไรมากกว่านั้นหากขายได้ราคาสูงกว่า 900 บาท
หรือขาดทุนกำไร กรณีขาย น้อยกว่า 900 บาท แต่ มากกว่า 700 บาท
หรือขาดทุนสูงสุด 700 บาท (หากไม่ขายเลย แล้วมูลค่าสินทรัพย์เป็นศูนย์)
ส่วนผมไม่ชอบเป็นไม้ท้ายๆ มันเสียวเกินไปครับ เพราะผมไม่รู้จักนาฬิกาดีพอ
แต่หากผมเป็นนาย ข แล้วนาย ก ขายให้ต่ำกว่า 200 บาท ก็จะลองพิจารณาซื้ออีกทีนะ
augustz
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 200
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 12:49 am
พ่อค้า ซึ่งเป็นคนขายนาฬิกาให้นาย ก.
ยังมีนาฬิกาอยู่ในโกดังอีกเป็นร้อยเรือน
ค่อยๆ ทยอยเอามาขาย ลดราคาให้ 600 บาท นาย ค. ก็ยังบอกว่าถูก ยอมซื้อ
ขึ้นราคา เป็น 700 บาท นาย ง . ก็ยังคิดว่าถูกมากอยู่ดี ซื้อโดยไม่คิด
พ่อค้า เห็นขายเท่าไรก็มีคนซื้อ ขาย 800 บาท นาย จ. ก็ยังซื้อ เพราะราคายังถูกกว่าราคาที่เคยเห็นอยู่ดี
เอ๊ะ ... ตกลง นาฬิกา ควรราคาเท่าไรกันแน่
จริงๆแล้ว ใครเป็นคนกำไรมากที่สุด
และสุดท้าย ... พ่อค้า กับ นาย ก. เป็นอะไรกันรึเปล่า ?
Speculators deal with greed.
Investors deal with fear.
CherngX
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 12:50 am
Pn3um0n1a เขียน: กำไร
ก 22.22%
ข 25% ครับ
คิดยังไงครับ ช่วยแจกแจงหน่อย
เพื่อน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1832
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 1:02 am
เอ...แล้วควรจะเอาค่าเสียโอกาสจากเงินที่เหลือมาคิดด้วยดีรึปล่าวครับ
ไม่ว่าเงินที่เหลือจะมีจริงหรือเป็นเงินจากการกู้มา การเสียโอกาสจากการนำไปทำกำไรต่อมันลดลงทุกครั้งที่ราคานาฬิกามันเพิ่มขึ้นด้วยนิครับ....ผมว่ากำไรหรือขาดทุน อาจต้องเอามาเปรียบเทียบค่าเสียโอกาสที่จะทำกำไรโดยเฉลี่ยในยามปรกติจากต้นทุนที่เท่ากันด้วยมั้งครับ
คลายเครียด
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 9:29 am
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1
อังคาร ม.ค. 08, 2008 9:52 am
โจทย์คือ คือซื้อนาฬิกามาจากร้าน 500 ก็คือบริษัทในตลาด เอาหุ้นมา ipo
แล้วก็ขึ้นรถไฟ แล้วก็มาซื้อขายกัน ในตลาดมีสองคน คือนาย ก กับ นาย ข
ซื้อกันไป ซื้อกันมา ครับ เฮีย
รถไฟ วิ่งจากไหนไม่ทราบ มากรุงเทพ เต็มที่ไม่เกิน 1 วัน ราคาพื้นฐาน ไม่น่าจะเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม หากยังอยู่บนรถ โอกาสที่ นาย ก ขาย กลับให้ นาย ข ก็เป็นไปได้
แต่โจทย์ที่ตั้ง นั้น นาฬิกา มาจบที่นาย ก ครับ
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า นาย ก กำไรทางบัญชี 200 และ นาย ก ได้นาฬิกา กลับไป ที่มูลค่า 900 อะไรทำให้นาย ก ยอมซื้อที่ 900 ผมไม่แน่ใจครับ คงซื้อ ไว้ขายให้นาย ข ที่ 1000 แล้วไม่กลับไปซื้ออีก หรือซื้อมาที่ 900 ด้วยอารมณ์ ผมไม่ทราบ
ส่วนนาย ข กำไร 200 แน่ๆ ครับ เงินในกระเป่า
ผมคิดว่า เมื่อลงจากรถไฟ คันนี้แล้ว นาย ก กับ นาย ข คงจะต้องคิดอะไรมากต่อไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นาฬิกา อยู่กับใคร อีกฝ่าย ได้กำไร เป็นตัวเงินครบ เฮีย คลายเครียด
คำตอบของผมไม่ใช่คำตอบสุดท้ายนะ คำตอบของผม เป็นแค่ ความคิดเห็นของคนๆหนึ่ง สมาชิกคนหนึ่งในเว็บนี้ครับ เฮียคลายเครียด
คลายเครียด
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 11:28 am
ขอบคุณสำหรับคำตอบของคุณเจ๋ง
ผมค่อนข้างจะอ่อนคณิตศาสตร์
เห็นตัวเลขเยอะแล้วตาลายครับ
:oops: :oops: :oops: :oops: :oops: :oops:
BOONPARUEY
Verified User
โพสต์: 184
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 11:50 am
...................สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า นาย ก กำไรทางบัญชี 200 ..........
..........
:?: :?: :?: :?: :?: :?: :?: :?: :?: :?: :?: :?: :?: :roll: :roll: :roll: :roll:
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท " พุทธตรัส ...
กระทิงแดง
Verified User
โพสต์: 952
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 12:30 pm
เป็นคำถามที่ดีมากครับ...
ตอนแรกผมก็ตอบ ขาดทุน 200 บาท
แต่หลังจากได้คำตอบจากพี่ๆเพื่อนๆ ทำให้ได้หลายมุมมองครับ
สุดยอดคำถามแห่งปี...
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
Qคุง
Verified User
โพสต์: 1328
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 1:33 pm
หากเทียบกับหุ้นแล้ว
นาย ก. เป็นแมงเม่า ขายหมู และสรุป ขาดทุน 400 บาท ไม่รวม Com และ Vat
นาย ข. เป็นพวกแมงเม่าเช่นกันแต่ซื้อขายแบบ Day trade กำไร 400 บาท ไม่รวม Com และ Vat
หากไม่ใช่ Warrant หรือ ผีคืนจากหลุม อาจจะทำราคาได้ไม่เกิน Celling นะครับ :lol:
Vassili Zaitsev
Verified User
โพสต์: 286
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 6:20 pm
atsu เขียน: สำหรับคนที่คิดว่านาย ก ขาดทุน 200 บาทลองนึกใหม่ตามนี้ดูนะครับ
ลองเปลี่ยนครั้งแรกที่ นาย ก ซื้อนาฬิกา 500 บาท
เป็นนาย ก ซื้อหุ้น ptt ที่ 50 บาท
เปลี่ยนนาย ก ขาย นาฬิกาไป 600 บาท
เป็นนาย ก ขาย ptt ที่ 100 บาท
เปลี่ยนนาย ก ซื้อนาฬิกา 700 บาท
เป็นนาย ก ซื้อหุ้น ptt ที่ 150 บาท
เปลี่ยนนาย ก ขาย นาฬิกาไป 800 บาท
เป็นนาย ก ขาย ptt ที่ 300 บาท
และสุดท้ายเปลี่ยนนาย ก ซื้อนาฬิกาที่ 900 บาท
เป็นนาย ก ซื้อหุ้น ptt ที่ 350 บาทแล้วตอนนี้ยังถืออยู่
มีใครคิดว่านาย ก เล่นหุ้นขาดทุนบ้างครับ :?:
และถ้าคุณเป็นนาย ก คุณลงบัญชีว่าคุณขาดทุนหุ้นอยู่รึเปล่า :?:
ผมขออนุญาติอธิบายดังนี้นะครับ
ถ้า นาย ก ซื้อนาฬิกามา 500 บาท และไม่ขายเลย จนกระทั่ง นาย ข เสนอราคาให้ 900 บาท จึงยอมขาย นาย ก จะได้กำไร 400 บาท แต่จากเหตุการณ์ในโจทย์ ถ้าต่อมา นาย ข ยังให้ราคานาฬิกาเรือนนี้ที่ 900 บาท อยู่ และนาย ก ขายนาฬิกาไปที่ราคานี้ นาย ก จะได้กำไรเพียง 200 บาท ซึ่งจะขาดทุนกำไรไป 200 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อ 500 บาท แล้วขายที่ 900 บาท ครับ ซึ่งการขาดทุนกำไรผมก็ถือว่าขาดทุนนะครับ
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจมากกว่าคือ หลังจากนั้นแล้ว ตลาดจะประเมินมูลค่านาฬิกาเรือนนี้ที่ราคาเท่าไร สูง หรือต่ำกว่าที่ นาย ก ได้ประเมินไว้ ตอนนั้นแหละครับ ถึงจะตอบได้ว่า นาย ก กำไร หรือขาดทุน
และ่ที่สำคัญที่สุด คือ นาย ก ประเมินมูลค่าของนาฬิกาเรือนนั้น ได้ใกล้เคียงกับมูลค่าที่แท้จริงมากแค่ไหน??
อ้อ ที่พี่ atsu สมมุติให้ลองเปลี่ยนจาก นาย ก ซื้อนาฬิกา เป็น นาย ก ซื้อหุ้น ptt นั้น ผมก็เข้าใจในสิ่งที่พี่จะสื่อครับ แต่ผมอยากให้ลองคิดในทางตรงกันข้ามดูนะครับว่า ถ้าเปลี่ยนเป็น นาย ก ซื้อหุ้น live ล่ะครับ จะเป็นยังไง
[/b]
ในที่สุด ราคาจะวิ่งเข้าหา มูลค่าที่แท้จริง
ccc111
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 465
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 7:14 pm
ยังไง นาย ก ก็ขาดทุน 200 บาท
ไม่ว่ามูลค่าของนาฬิกาจะเป็นเท่าใดก็ตาม
เพราะว่า นาย ก ต้องจ่ายเงินมากกว่าเดิมอีก 200 บาท
ในขณะที่ได้ของชิ้นเดิมกลับมา
ไม่ว่านาฬิกาจะมีมูลค่า 500 บาท ? 900 บาท ? 1,000 บาท ? หรือเท่าใดก็ตาม
ถ้า นาย ก อยู่เฉยๆก็ยังเป็นเจ้าของนาฬิกาเรือนนั้นอยู่ดี
ส่วน นาย ข ก็กำไรแน่นอน 200 บาท จากเงินของนาย ก
ccc111
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 465
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร ม.ค. 08, 2008 7:25 pm
ถ้า นาย ก อยูู่่เฉยๆ ก็ยังเป็นเจ้าของนาฬิกาเรือนนั้นอยู่ดี
ถ้า นาย ก อยู่เฉยๆ ก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม 200 บาท
pavilion
Verified User
โพสต์: 1726
ผู้ติดตาม: 0
พุธ ม.ค. 09, 2008 12:26 pm
สรุป นาย ข กำไร 200 จากการซื้อมาขายไป 2 ครั้งๆ ละ 100
นาย ก ซื้อต่อมาจากนาย ข ก็เพื่อหวังจากจะมาขายต่อให้นาย ข อีกที แต่นาย ข กลับไม่ยอมซื้อต่อซะนี่ นาย ก เลยขาดทุนทางบัญชี แต่นาย ก อาจจะไม่ขาดทุนก็ได้ครับ ถ้านาฬิกาเรือนนี้เป็นของหายาก มีเรือนเดียวในโลกอะไรอย่างนี้ แวยูอาจจะแยะ ถ้าหาคนมาซื้อต่อได้ก็น่าจะกำไร แต่ถ้าเป็นนาฬิกาที่หาซื้อได้ตามสะพานเหล็ก ก็ต้องหาคนที่โง่กว่ามาซื้อครับ นาย ก ถึงจะมีกำไร
InnoVI
Verified User
โพสต์: 44
ผู้ติดตาม: 0
พุธ ม.ค. 09, 2008 1:52 pm
นาย ข. ได้กำไร 200 บาทแน่ๆ
ส่วนนาย ก. ได้กำไรทางบัญชีจากการขายทั้ง 2 ครั้งครั้งละ 100 บาท รวมเป็นได้กำไรทางบัญชี 200 บาท แต่อยู่บนดอยสูงเชียว(ถ้าขายก็อาจจะขาดทุน สรุปเลยลงทุนระยะยาว ไม่ขายไม่ขาดทุน อิอิ)
"ถ้าไม่เริ่มต้น ก็ไม่มีวันจะพบความสำเร็จ"
sunrise
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2273
ผู้ติดตาม: 0
พุธ ม.ค. 09, 2008 4:42 pm
นาย ก. ขาดทุน 200 บาท
นาย ข กำไร 200 บาท
มูลค่าของนาฬิกาคงไม่เปลี่ยนในช่วงที่รถไฟวิ่ง ยกเว้นว่ามีข้อมูล หรือ ตลาดนาฬิกาเปลี่ยนแปลงในช่วงนั้นๆ
ดังนั้นช่วงซื้อๆ ขายๆ เงินนาย ก หายไปขณะที่เงินนาย ข เพิ่มขึ้น
คำตอบจะเปลียนไปถ้ามูลค่านาฬิกาเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ซื้อๆขายๆกัน
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
Sompob
Verified User
โพสต์: 1
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ม.ค. 10, 2008 3:33 am
นาย ก เท่าทุนเพราะการที่นาย ก ซื้อนาฬิกาคืนเเสดงว่า (ตามหลักเศรษฐศาสตร์) นาย ก คิดว่านาฬิกาต้องมีมูลค่าสูงกว่าหรือเท่ากับ 900 บาท
ดังนั้นจึงยอมจ่ายเงิน 900 บาท เพื่อซื้อนาฬิกาที่มูลค่าตามที่นาย ก คิดว่าคุ้ม
ดังนั้น ณ. เวลานั้น นาย ก จะยังไม่ขาดทุนจนกว่าจะมีการซื้อขายครั้งต่อไป ซึ่ง นาฬิกานี้อาจจะขายกันที่ 500 บาท เเต่อาจมีคนโง่ หรือ นาย ก เก่งเรื่องการขาย อาจขายได้ 1000 บาท ก้อได้ (ใครจะรู้)
ส่วนนาย ข กำไรเเน่ๆ ไปเเล้ว 200 บาท คับ ^^