หน้า 2 จากทั้งหมด 4
SC
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 23, 2008 8:35 pm
โดย newbie_12
นักวิเคราะห์คนนี้พิมพ์ข้อมูลผิดเยอะแยะมากมาย
marketcap ก็ผิด ชื่อคุณพจมานก็ผิด แถมที่ไม่น่าจะผิดเลยก็คือพิมพ์หุ้นผิด จาก SC เป็น SPALI
ดูแล้วแสดงให้เห็นถึงคุณภาพนักวิเคราะห์และค่าย Broker
พิมพ์ผิดแบบนี้ไม่รู้ว่าผ่านออกมาได้ยังไง
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 24, 2008 9:53 am
โดย Jeng
fed ลดดอกเบี้ย .75 % ไทยลดดอกเบี้ย
อืม ลดๆๆๆๆ กระตุ้นเศรษฐกิจ บ้านขายดี
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 24, 2008 10:20 am
โดย newbie_12
Jeng เขียน:fed ลดดอกเบี้ย .75 % ไทยลดดอกเบี้ย
อืม ลดๆๆๆๆ กระตุ้นเศรษฐกิจ บ้านขายดี
ข่าวดีครับ กำลังจะซื้อบ้านเลย
อิอิ
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 24, 2008 7:16 pm
โดย Jeng
SC
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 11:10 am
โดย newbie_12
อสซี แอสเสท เผยแผนปี 51 เดินหน้าพัฒนา 13 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท ทั้งบ้านเดี่ยว-ทาวน์โฮม-คอนโดฯ ทั้งกลางเมือง-ปริมณฑล ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% พร้อมเตรียมงบ 1 พันล้านบาท ซื้อที่ดินลุยพัฒนาโครงการ ด้วยจุดขายใหม่ "คอมพลีทลิฟวิ่ง : ชุมชนคุณภาพ" หลังรีแบรนด์กวาดยอดขายปี 50 กว่า 2.6 พันล้านบาท
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยถึงทิศทางและแผนการดำเนินงานในปี 2551 ว่า บริษัทฯมีแผนงานจะเปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงการ และมีโครงการที่ขายต่อเนื่องจากปีที่แล้วอีก 5 โครงการ รวมเป็น 13 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท โดยจะเน้นการพัฒนาทั้งโครงการแนวราบและแนวสูงควบคู่กันไป ซึ่งจะกระจายออกไปในหลายๆ ทำเลที่มีศักยภาพ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง โดยระดับราคาในส่วนของบ้านเดี่ยวจะเริ่มต้นที่ 4-12 ล้านบาท สำหรับโครงการทาวน์โฮมจะเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท ส่วนโครงการประเภทคอนโดมิเนียมจะเริ่มต้นที่ราคา 1.9 ล้านบาทขึ้นไป แบ่งสัดส่วนโครงการเพื่อขายและเพี่อเช่าในสัดส่วนร้อยละ 75 / 25 ตามลำดับ ซึ่งการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตขยายตัวในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20%
อย่างไรก็ดี ถึงปัจจุบันบริษัทฯ ได้ลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใน 3 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวบางกอก บูเลอวาร์ด, โครงการคอนโดมิเนียม เซ็นทริค ซีน และโครงการทาวน์โฮมวิสต้า ปาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ในหลายทำเล และพร้อมจะปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และสร้างความแตกต่างของจุดขายที่ชัดเจน ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มของชุมชนที่ดีให้กับลูกบ้าน พร้อมเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับผู้พักอาศัยในโครงการ(CRM) ให้มากขึ้น ภายใต้สแกน “ ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เพื่อวันนี้และวันข้างหน้า” หรือ “Completed Living for Today & Tomorrow” ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการสื่อสารภาพรวมขององค์กร
การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้ จะดำเนินการภายใต้คอนเซ็ปต์ “New Series Home 2008” ที่สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของเอสซี แอสเสทฯ หลังจากการรีแบรนด์องค์กรใหม่ ทั้งในส่วนของคอนเซ็ปต์และแบบบ้าน รวมถึงพัฒนาสังคมที่ดีให้กับลูกบ้าน โดยสอดรับกับ 5 จุดขาย ซึ่งครอบคลุมในทุกโครงการ ได้แก่ 1.Practical Design ที่คำนึงถึงหลักในการปรับเปลี่ยนอย่างลงตัวในทุกช่วงของชีวิต 2.Accessible Location โดดเด่นเรื่องทำเล เข้าออกง่ายทุกเส้นทางกลางทำเลศักยภาพ 3.Lively Neighborhood มีความสุขกับสังคมคุณภาพด้วยมิตรภาพที่อบอุ่น 4.Security Care มั่นใจในความปลอดภัย และ 5.Intelligent Home ตอบโจทย์เรื่องเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อชีวิตที่เปี่ยมประสิทธิภาพ
แบบบ้านของโครงการทั้งหมดที่จะพัฒนาในปีนี้เป็น “New Series Home 2008” ซึ่งมีการพัฒนาในด้านดีไซน์ที่เน้นสไตล์โมเดิร์น รีสอร์ท ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ซึ่งในส่วนของทาวน์โฮม ได้มีการพัฒนาทาวน์โฮม 2 ชั้น โดยขยายกลุ่มลูกค้าไปยังระดับกลางมากยิ่งขึ้น แต่รูปแบบยังคงทันสมัย และ ฟังก์ชั่นเหมือนบ้านเดี่ยว นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาโครงการใหม่ในรูปแบบ “New Community”
เตรียมงบพันล.ซื้อที่ดิน
ในปี 2551 นี้บริษัทได้นำที่ดินที่มีอยู่แล้วในหลายๆทำเลมาพัฒนาโครงการใหม่ และ มีงบลงทุนเพื่อซื้อที่ดินใหม่อีกจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยในในครึ่งปีแรก บริษัทมีแผนงานที่จะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ คือ 1) โครงการเซ็นทริค ซีน รัชวิภา คอนโดมิเนียมสูง 2 อาคาร จำนวน 700 ยูนิต บนเนื้อที่ 6 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และ 2) โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา - รามอินทรา บ้านเดี่ยว จำนวน 92 ยูนิต บนเนื้อที่ 26 ไร่ มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และ
นอกจาก 2 โครงการที่จะเปิดใหม่ บริษัทมีโครงการขายต่อเนื่องจากปีที่แล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 1,800 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ได้แก่ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา, บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์ -พระราม 5, บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ, โครงการทาวน์โฮม วิสต้า ปาร์ค อเวนิว วัชรพล ทาวน์โฮม 2 ชั้น และ โครงการคอนโดมิเนียม เซ็นทริค ซีน สุขุมวิท 64
สำหรับในครึ่งปีหลังบริษัทวางแผนจะพัฒนาโครงการใหม่อีก 6 โครงการ หนึ่งในโครงการดังกล่าว จะเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ ในรูปแบบ “New Community” บนถนนเพชรเกษม 81 บนเนื้อที่ 72 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท โดยเป็นการพัฒนาโครงการที่มีการจัดโซนและผังโครงการออกเป็น 3 ส่วน มีทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยวรูปแบบใหม่,ทาวน์โฮม 2-3 ชั้น และ อาคารพาณิชย์ พร้อมสวนสาธารณะ และ คลับเฮ้าส์
นอกจากนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำการพัฒนาโครงการตามแนวคิดหลัก “Completed Living for Today & Tomorrow” ภายในโครงการยังพัฒนาพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น “Community Mall” โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความแตกต่างให้กับเอสซียิ่งขึ้นไป
โชว์ยอดขาย 2.6 พันล.ในปี50
“ภายหลังจากที่เอสซี แอสเสทฯ ได้มีการรีแบรนด์ดิ้งใหม่ ตั้งแต่ต้นปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภค โดยในปี 2550 บริษัท สามารถปิดการขายรวม 5 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการทาวน์โฮม 3 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ บริษัททำยอดขายเติบโตสูงขึ้นทุกไตรมาส มียอดขายรวมทั้งปีประมาณ 2,600 ล้านบาท เติบโตจากปี 2549 ประมาณ 60 % ถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามจากปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งภายใน และ ภายนอกประเทศ รวมถึงภาวการณ์แข่งขันที่สูงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มองแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวมปี 2551 น่าจะเติบโตไม่มากนัก แต่เอสซี แอสเสท ยังเชื่อมั่น และพร้อมรุกอย่างเต็มที่เพื่อทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20%” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว
SC
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 1:15 pm
โดย Jeng
รายได้รวม
46 1,020.05 ราคาทั้งบริษัท 11235
47 1,706.18
48 1,635.19
49 1,986.52
50 9 เดือน ยอดขาย 2570.53 ราคาทั้งบริษัท ณ เวลานี้ 3627.30 ( ณ ราคา 11.30 )
51 บอกว่าจะโตไม่น้อยกว่า 20 % - 30 % เปิดใหม่ 8 โครงการ และโครงการเดิม 5 โครงการ รวม 13 โครงการ ขายได้แล้ว 2600 มูลค่าโครงการ ทั้งหมด 6500 ล้าน และเตรียมซื้อที่ดินอีก 1000 ล้าน
อืม ลุยแหลกเลยนะ sc ไม่เห็นกัว subprime เลยหรือ
SC
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 4:01 pm
โดย nattachai
ลุ้นด้วยคนครับ
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 8:12 am
โดย Jeng
ถอดรหัส จากการให้สัมภาษณ์ ยอดขายเฉพาะบ้านในปี 2550 เท่ากับ 2600 ซึ่งงบ 9 เดือน ทำยอดขายบ้านได้ 1878.743 ล้าน ทำให้ยอดขายบ้านใน q4 เท่ากับ 721.257 และค่าเช่า ในงบ 9 เดือนเท่ากับ 582.973 หาร 9 คูณ 12 เท่ากับ 777.297 ล้านบาท
รวมยอดขายในปี 2550 เท่ากับ 2600+777.297 = 3377 ล้าน
เป็นตัวเลขคร่าวๆ ไม่นับ รายได้อื่นๆ
เท่ากับยอดขายโตกว่าปี 2549 ที่ทำได้ 1986.52
สูงถึง 70 %
การให้สัมภาษณ์ว่ามียอดขาย ในปี 2550 เท่ากับ 2600 ล้าน ยังไม่ได้รวมค่าเช่า
ถ้านำค่าเช่า 777 + ยอดขาย 2600 เท่ากับ 3377 ค่าเช่าจะคิดเป็น 23 % ซึ่งบทสัมภาษณ์บอกว่า ประมาณ 25 % ใกล้เคียง
และถ้านำค่าเช่า 777 + ยอดขายปี 2551 3200 เท่ากับ 3977 ค่าเช่าจะคิดเป็น 19.53 % ซึ่งก็ใกล้เคียงกับบทสัมภาษณ์ ที่บอกว่า
1. ยอดขายบ้านในปี 2551 จะโตขึ้น 20 % เป็นอย่างน้อย คือโตจาก 2600 เป็น 3200
2. ค่าเช่าจะคิดเป็นสัดส่วน 20 % จากการยอดขายทั้งหมด
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้พัฒนาโครงการต่อเนื่องอีก 5 โครงการมูลค่า 1.8 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าการเติบโตด้านยอดขายไว้ที่ 4 พันล้านบาท หรือเติบโต 50% และ รับรู้รายได้ 3.2 พันล้านบาท หรือเติบโต 20%
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 8:35 am
โดย Jeng
สรุปว่ายอดขายรวมที่จะประกาศ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ไม่ใช่ 2600 ล้าน
ผมคิดว่ายังไม่รวมค่าเช่า ด้วยเหตุผล
ยอดขายรวม 9 เดือน ก็ซัดเข้าไป 2570 ล้านเข้าไปแล้ว
และค่าเช่า ต่อ q ใน q2 เท่ากับ 192 ใน q3 เท่ากับ 193
และจากบทสัมภาษณ์ ที่บอกว่า ยอดขายบ้านเติบโตทุกไตรมาส ซึ่งยอดขายบ้านในไตรมาส 3 เท่ากับ 726.942 ไตรมาส 4 ก็ต้องสูงกว่า
อิอิ
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 8:42 am
โดย Jeng
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)SC เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายทั้งหมดในปี 2550 อยู่ที่ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 60% จากปี 2549 ที่มียอดขาย 1,600 ล้านบาท และบริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2551 ไว้จำนวน 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมียอดขายอยู่ในมือ(Backlog)จำนวน 3,200 ล้านบาท
การเติบโตที่เพิ่มขึ้นมาจากการรีแบรนดิ้งองค์กรใหม่ จากนั้นบริษัทมีโครงการที่หลากหลายมากขึ้นหรือฐานโตเยอะทั้งที่ปี 2550 มีปัจจัยเข้ามากระทบพอสมควรและรูปแบบที่เป็นตัวเองของเราลูกค้าให้การตอบรับและนี่เป็นตัวเลขเฉพาะยอดขายโครงการยังไม่รวมรายได้จากค่าเช่า นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 9:21 am
โดย june1500
การที่ fed ลดดอกอย่างแรง
คงเป็นผลดี กับหุ้นอสังหา
โดยเฉพาะ sc ที่น่าซื้อเก็บเป็นที่สุด
ถ้าคิดถึงปันผลในอนาคตที่จะได้รับ
ในระดับราคาหุ้นไม่เกิน 12 บาท
เปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่จะลดลง
รอลุ้นเหมือนกันครับ
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 9:51 am
โดย Jeng
ราคา 12
กำไร q4 สมมุติ ได้แค่ q3 ก็ได้เท่ากับ .38 กำไรทั้งปี ก็ 1.78 ( น่าจะเกิน .38 เพราะบทสัมภาษณ์ บอกว่าโตทุกไตรมาส )
ราคา 12 นี่ pe 6.74
แถมมี growth 20 %
ปีหน้า กำไร 1.78*1.20 เท่ากับ 2.13
ราคา 12 เหลือ pe 5.63
เมือทุกอย่างเข้าที่ ถ้าตลาด ให้ pe สัก 10 ราคาจะเท่ากับ 17.80
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 10:39 am
โดย Little Boy
สอบถามพี่ๆ ที่ถือตัวนี้มานานแล้วหน่อยครับ
กำไร Q1 Q2 Q3 Q4
0.69 0.33 0.38 .....
กำไร Q1 ปี50 ที่เยอะแตกต่างจาก Q อื่นๆ นี่เกิดจากอะไรเหรอครับ? เป็นเพราะไตรมาสนี้เป็นฤดูกาลที่ขายดีกว่าไตรมาสอื่น หรือเพราะเปิดโครงการใหม่หลายๆ โครงการพร้อมกันในไตรมาสนี้ หรือ...เพราะอะไร?? แล้วพี่ๆ คิดว่า Q1 ปี 51 จะยังรักษาระดับกำไรได้เท่าเดิมหรือเปล่า ถ้าเทียบ Q ต่อ Q
ส่วน Q4 ปีนี้ถ้าไม่ผิดพลาดเป็นไปตามที่พี่เจ๋งคำนวณน่าจะเห็นกำไร 0.40 ขึ้นไป รวมทั้งปีก็ 1.80 ปันผลสัก 40% ก็ประมาณ 0.70 บาท ณ ราคาวันนี้ 11.60 ก็คิดเป็นปันผลประมาณ 6% :ep: ถ้าตลาดให้ PE ที่ 8.5 ก็น่าจะราคา 15.30 บาท แถมปีหน้าเติบโตอีก 20%
:ep:
แต่เดี๋ยวก่อน ผมยังมีจุดที่กังวลอยู่อีกหนึ่งเรื่อง นั่นคือเรื่องของคดีที่ยังติดค้างอยู่ เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่า SC จะมีการตั้งสำรองสำหรับหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้นหรือเปล่าครับในปีนี้ ถ้าตั้งจะตั้งอย่างไร ตู้มเดียวครบถ้วนอย่าง STPI หรือค่อยๆ ทยอยกันสำรอง หรือ..?? ใครคิดเห็นอย่างไรลองแชร์ไอเดียกันดูนะครับอยากทราบความเห็นของหลายๆ คน
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 11:20 am
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
แต่เดี๋ยวก่อน ผมยังมีจุดที่กังวลอยู่อีกหนึ่งเรื่อง นั่นคือเรื่องของคดีที่ยังติดค้างอยู่ เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่า SC จะมีการตั้งสำรองสำหรับหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้นหรือเปล่าครับในปีนี้ ถ้าตั้งจะตั้งอย่างไร ตู้มเดียวครบถ้วนอย่าง STPI หรือค่อยๆ ทยอยกันสำรอง หรือ..?? ใครคิดเห็นอย่างไรลองแชร์ไอเดียกันดูนะครับอยากทราบความเห็นของหลายๆ คน
คดียังไม่ถูกสั่งฟ้องศาล ยังตั้งสำรองไม่ได้เด้อ
ส่วนเรื่อง ผลประกอบการณ์เป็น Q นั้น พี่ว่า ดูยากนะ เนื่องจากการทำบ้านขาย มีลักษณะเฉพาะตัว
ให้ดูเป็น ปี ไปเลย ว่าแต่ละปี มีแนวโน้มโตขึ้นอย่างไร Little Boy
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 11:31 am
โดย Radio
เมื่อก่อนการบันทึกรายได้บันทึกเป็น 3 วิธี คือ
1 บันทึกตามยอดจอง
2 บันทึกตามงวดงานที่ทำเสร็จ
3 บันทึกตามยอดโอน
ต่อไปตลาดหลักทรัพย์ จะให้บันทึกตามยอดโอนเหมือนกันหมด
จะได้ไม่สับสน ดังนั้นช่วงเปลี่ยนผ่านจะมีหลายบริษัทที่มีรายได้
ทางบัญชีลดลง มีใครทราบบ้างไหมว่า SC บันทึกรายได้แบบไหน
อยากทราบครับ
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 11:52 am
โดย Little Boy
Jeng เขียน:โค้ด: เลือกทั้งหมด
คดียังไม่ถูกสั่งฟ้องศาล ยังตั้งสำรองไม่ได้เด้อ
ส่วนเรื่อง ผลประกอบการณ์เป็น Q นั้น พี่ว่า ดูยากนะ เนื่องจากการทำบ้านขาย มีลักษณะเฉพาะตัว
ให้ดูเป็น ปี ไปเลย ว่าแต่ละปี มีแนวโน้มโตขึ้นอย่างไร Little Boy[/quote]
ขอบคุณมากครับพี่เจ๋งสำหรับข้อมูล งั้นปีนี้ผมก็มั่นใจได้เลยว่าไม่มีการกันสำรองแน่นอน จนกว่า DSI จะพิจารณาว่าผิดจริงแล้วส่งฟ้องศาล ทำให้ปีนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมากระทบปันผล :B
SC
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2008 11:56 am
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
Jeng wrote:
[code]
คดียังไม่ถูกสั่งฟ้องศาล ยังตั้งสำรองไม่ได้เด้อ
ส่วนเรื่อง ผลประกอบการณ์เป็น Q นั้น พี่ว่า ดูยากนะ เนื่องจากการทำบ้านขาย มีลักษณะเฉพาะตัว
ให้ดูเป็น ปี ไปเลย ว่าแต่ละปี มีแนวโน้มโตขึ้นอย่างไร Little Boy
ขอบคุณมากครับพี่เจ๋งสำหรับข้อมูล งั้นปีนี้ผมก็มั่นใจได้เลยว่าไม่มีการกันสำรองแน่นอน จนกว่า DSI จะพิจารณาว่าผิดจริงแล้วส่งฟ้องศาล ทำให้ปีนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมากระทบปันผล
เป็นความคิดส่วนตัวนะ เรื่องยังไม่ถูกฟ้องศาล ยังตั้งสำรองไม่ได้ เพราะพี่คิดว่า ไม่รู้จะตั้งเท่าไร เพราะยังไม่รู้ว่าจะถูกฟ้องเท่าไร
ต้องรอนักกฎหมาย มาตอบคร๊าบ
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 1:54 am
โดย ทองม้วน
ใจยังคงหวัง SC 9 บาทปลายๆ
LPN AP เละเป็นโจ๊กเลย
เจอ EIA เมื่อปลายปีเข้าไป
ถามผู้รู้ กระทบ SC มากน้อยแค่ไหน
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 12:08 pm
โดย Jeng
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 12:11 pm
โดย beammy
ที่ให้รับรู้รายได้เมื่อโอนกรรมสิทธิ์ ใช่มั้ยครับ 8) ...
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 12:17 pm
โดย beammy
การตั้งสำรอง ต้องขอมติคณะกรรมการในบริษัท ครับ เป็นมติพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะหุ้นส่วน-บริษัท
ยังไม่ถูกฟ้องศาล จึงตั้งสำรองเงินไม่ได้ ผมว่าไม่ใช่ประเด็น ครับ
บางทีคณะกรรมการอาจ Conservative มากๆ กลัวถูกฟ้อง เลยตั้งสำรองไว้ก่อน ก้อเป็นได้
คดีอยู่ในศาลชั้นต้น ยังไม่ตั้งสำรอง ก้อได้ เพราะบริษัทอาจสู้ถึงฎีกา ในระหว่างนี้ก้อไม่ต้องจ่ายอะไรหนิครับ ไม่ต้องตั้งสำรองก้อเป็นได้
ศาลชั้นต้น ไปศาลฎีกา ก้อหลายปีอยู่ (ดู case CK กับการทางพิเศษฯ เป็นตัวอย่างได้ครับ)
8) ...
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 12:20 pm
โดย beammy
และการตั้งสำรอง มันอยู่ที่มติของคณะกรรมการด้วยครับ
ว่าจะสำรองทั้งก้อน หรือทยอยๆ ไปจนครบ ซึ่งอาจใช้เวลาแค่ไตรมาสเดียว หรือหลายปี ซึ่งอาจกระทบกับงบกำไร-ขาดทุน ได้เลย
อย่าง stpi ก้อ แฮ่ๆๆ ทั้งก้อนเลย ไตรมาสเดียว 8) ...
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 12:32 pm
โดย Little Boy
การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment, EIA) หมายถึง
การวิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการหรือกิจการประเภทต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม หรือสภาพแวดล้อมที่อาจจะมีผลกระทบต่อโครงการหรือกิจการนั้น ทั้งในทางบวกและทางลบ เพื่อเป็นการเตรียมการควบคุม ป้องกัน และแก้ไขก่อนการตัดสินใจดำเนินโครงการหรือกิจการนั้นๆ
EIA (Environmental Impact Assessment) คือ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยการประเมิน 4 หัวข้อด้วยกัน คือ
1. การประเมินผลกระทบทางกายภาพ
2. การประเมินผลกระทบทางชีวภาพ
3. คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์
4. คุณค่าคุณภาพชีวิต
พระราช-บัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในปี พ.ศ. 2535 ได้มีการปรับปรุงเกี่ยวกับขั้นตอนและกลไกการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมใหม่ และได้มีประกาศกระทรวงฯ กำหนดให้โครงการพัฒนา 22 ประเภท ต้องจัดทำรายงานฯ ก่อนการก่อสร้างดำเนินการ ในแต่ละปีจะมีโครงการที่เสนอรายงานฯ เข้าสู่การพิจารณาประมาณ ปีละ 300 โครงการ หรือประมาณ 900 ฉบับ
และหนึ่งใน 22 ประเภทนั้นก็คือ โครงการบริการชุมชนและที่พักอาศัย ซึ่งเข้าข่ายต้องจัดทำรายงาน EIA ได้แก่
โครงการโรงแรมหรือสถานที่พักตากอากาศที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป
โครงการอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป
โครงการอาคารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ฝั่งทะเล ทะเลสาบหรือชายหาดหรือที่อยู่ใกล้หรือในอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นบริเวณที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวลด้อม โดยเป็นอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 236 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งในหลังเดียวกัน ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป
นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยหรือเพื่อประกอบการพาณิชย์ที่มีจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไปหรือเนื้อที่เกินกว่า 100 ไร่
โครงการโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตั้งแต่ 30 เตียงขึ้นไปหรือ 60 เตียงขึ้นไปแล้วแต่พื้นที่ กลุ่มโครงการประเภทนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ เช่น ผลกระทบน้ำเสีย ผลกระทบด้านการจราจร ผลกระทบต่อการใช้ที่ดินในบริเวณใกล้เคียงโดยเฉพาะกรณีโครงการจัดสรรที่ดิน ผลกระทบด้านทัศนียภาพในกรณีที่เป็นการก่อสร้างโรงแรมหรืออาคารที่มีความสูง ซึ่งอาจเกิดความขัดแย้งกับสถานที่โดยรอบได้
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 12:38 pm
โดย Little Boy
[quote="ทองม้วน"]ใจยังคงหวัง SC 9 บาทปลายๆ
LPN AP เละเป็นโจ๊กเลย
เจอ EIA เมื่อปลายปีเข้าไป
ถามผู้รู้ กระทบ SC มากน้อยแค่ไหน
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 3:28 pm
โดย newbie_12
ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณยิ่งลักษณ์แล้วรู้สึกดีมากครับ เค้าวาง positioning ขององค์กรได้ดี
แวะไปหาอ่านใด้ในร้อยคนร้อยหุ้น SC ได้นะครับ
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 14, 2008 9:10 am
โดย Jeng
14.6 แล้ว ยินดีด้วยครับ กับทุกๆคน :D
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 14, 2008 9:20 am
โดย RONNAPUM
[quote="Jeng"]14.6 แล้ว ยินดีด้วยครับ กับทุกๆคน
SC
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 14, 2008 11:10 am
โดย newbie_12
วิ่งเป็นหุ้นปั่นเลยครับ ช่วงนี้
SC
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 18, 2008 12:30 pm
โดย newbie_12
ปั่นกันจนจะถึงเป้าหมายของพี่เจ๋งแล้วครับเนี่ยะ
SC
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 18, 2008 12:33 pm
โดย Jeng
18 - 20 เป็นราคาที่เหมาะสมครับ ไม่ต้องปั่นหรอก