ipo esso
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 22, 2008 12:40 pm
เห็นข่าวงี้ ท่าทางจะลากขึ้นไปก่อนค่อย ... ี้ :lol:ply33 เขียน:หุ้นเอสโซ่ปรอทแตกยอดจองทะลัก3เท่า
ESSO ปรอทแตก นักลงทุนแห่เข้าคิวซื้อดันยอดจองเกิน 3 เท่า "แบงก์กรุงเทพ"แค่ครึ่งวันขายเกลี้ยง 242.9 ล้านหุ้น ส่วน"กรุงไทย"ปิดจองแต่หัววัน เหตุแนวโน้มราคาน้ำมันพีคต่อเนื่อง แถมเงินปันผล 1 บาทยั่วใจ ลุ้นได้ราคาดี 13 บาท
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายตลาดตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เปิดเผยกับ "ข่าวหุ้นธุรกิจ" ว่า วานนี้ (21 เม.ย.) การเปิดจองหุ้นเอสโซ่ผ่านธนาคารกรุงเทพและธนาคารกรุงไทยเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีนักลงทุนรายย่อยเข้าคิวจองซื้อหุ้นตั้งแต่เวลา 8.00 น.
ส่งผลให้ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาปิดการจองซื้อหุ้นเอสโซ่ตั้งแต่ก่อนเที่ยงของวานนี้ เนื่องจากมียอดจองเกินกว่า 3 เท่าของยอดขาย หรือคิดเป็นจำนวน 242.9 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้นักลงทุนรายย่อยจองผ่านธนาคารกรุงเทพที่จำนวน 161.9 ล้านหุ้น
ขณะที่ธนาคารกรุงไทยก็ปิดจองหุ้นเอสโซ่แล้วเช่นกัน เพราะในช่วงครึ่งวันแรกของวานนี้ยอดจองผ่านธนาคารกรุงไทยเต็มจำนวนยอดขายแล้วที่ 161.9 ล้านหุ้น จนต้องเพิ่มยอดจองเป็น 3 เท่า เช่นเดียวกับธนาคารกรุงเทพ จะเห็นได้ว่ามีนักลงทุนสนใจจองหุ้นเอสโซ่จำนวนมาก
"ตัวแทนจำหน่ายปิดจองหุ้นเอสโซ่ตั้งแต่วานนี้จากเดิมที่กำหนดเปิดจองในวันที่ 21-22 เม.ย.51 แต่วานนี้ธนาคารกรุงเทพและธนาคารกรุงไทยก็ปิดจองแล้ว เพราะนักลงทุนรายย่อยเข้าคิวรอซื้อตั้งแต่ช่วงเช้า ส่งผลให้ยอดจองเกิน 3 เท่าของยอดขายที่กำหนดไว้ตั้งแต่วานนี้"นายอนุวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเปิดจองหุ้นไอพีโอของเอสโซ่ โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจมาต่อแถวเข้าจองซื้อหุ้น ตั้งแต่เวลาประมาณ 8.00 น.ของวานนี้ โดยนักลงทุนต้องจ่ายเงินค่าหุ้นช่วงราคาสูงสุด 13 บาทต่อหุ้น หากราคาจริงจะสรุปจากการ Book building วันที่ 23 เม.ย.นี้ หากออกมาต่ำกว่านี้จะโอนเงินคืนภายหลัง
นักลงทุนรายหนึ่ง กล่าวว่า สาเหตุหลักที่สนใจจองซื้อหุ้นเอสโซ่ เนื่องจากคำนึงถึงแนวโน้มราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง และการจ่ายเงินปันผล ขณะที่ในแง่ของพื้นฐานและผลประกอบการของบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูง เพราะได้รับประโยชน์จากทิศทางราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาขึ้นและค่าการกลั่นที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ขณะที่นักลงทุนอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า สนใจเงินปันผลของเอสโซ่ที่จ่ายในระดับ 1 บาท คิดเป็นอัตราตอบผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูงกว่า 6% ทั้งนี้การที่จะตัดสินใจว่าจะถือหุ้นยาวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่เข้ามาทำการซื้อขายในวันแรก หากราคาหุ้นสามัญสามารถยืนเหนือจองได้และทรงตัวได้ดีก็จะถือลงทุนในระยะยาว แต่หากราคาหุ้นผันผวนตามภาวะตลาดก็อาจขายหลังได้รับเงินปันผล
นักวิเคราะห์บล.ฟินันซ่า ระบุว่า เอสโซ่ทำธุรกิจเหมือนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR คือมีทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ แต่จุดเด่นอยู่ตรงการมีกลุ่มเอ็กซอนโมบิล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ที่ใหญ่ของโลกเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งทั้งด้านการจัดหาวัตถุดิบและเทคโนโลยีในการผลิต
โดยปลายปี 50 เอสโซ่ปรับโครงสร้างการเงินครั้งใหญ่ โดยเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม 2.1 หมื่นล้านบาท ,ล้างขาดทุนสะสมโดยการลดทุนโดยการลดพาร์จาก 10 เหลือ 4.889 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสม ,จัดหาเงินกู้ใหม่รวม 3 หมื่นล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้เดิม และเสนอขายไอพีโอเพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้ระยะสั้น ผลคือทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดเหลือ 0.5 เท่า จากปีก่อนที่ 1.4 เท่า และภาระดอกเบี้ยจ่ายลด 60% จากปีก่อน เหลือ 1.36 พันล้านบาท ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มค่าการกลั่นเฉลี่ยของเอสโซ่ในปี 51-52อยู่ที่ 6.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 6.0 เหรียญสหรัฐต่อบาาร์เรล ตามลำดับ จากภาวะโอเวอร์ซัพพลายนของภูมิภาค หลังมีปริมาณผลผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดจากอินเดียและจีนที่มีกำลังกลั่นรวม 1.05 และ 1.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ จะเข้าสู่ตลาดในช่วงปี 51-52 ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 7-8 แสนบาร์เรลต่อวันเท่านั้น
ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ คาดว่า ยังได้รับแรงกดดันจากภาวะต้นทุนวัตถุดิบแพง ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้คาดลดลง 10%จากปีก่อนเหลือ 5,840 ล้านบาท โดยประเมินราคาเหมาะสมได้แก่ 11 บาท จากราคาไอพีโอ 9-13 บาท