Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

[quote="ลูกอิสาน"]เผื่อท่านรองศาสตราจารย์ รวี จะเข้ามาอ่าน :lol:
ผมขออธิบายคร่าวๆ ที่ผมเข้าใจนะครับ
โลก vi ในมุมมองของผมหรืออีกหลายท่าน เค้าแบ่งหุ้นเป็น 3 เหล่า...

1.แบบแรกคือหุ้นที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน (value stock )
2.แบบสองคือหุ้นที่ราคาพอๆกับพื้นฐาน
3.แบบสุดท้ายคือหุ้นที่ราคาสูงกว่าพืนฐาน

มีแค่นี้ละครับ

หุ้นทั้ง 3 พวกจะเป็นหุ้นประเภทไหนก็ได้ เป็น growth stock, cylical stock, asset play stock, technology stock, turnaround stock, dividend stock

หงส์วงจรชีวิตสั้นกว่าเต่าเยอะ    
VI อายุยืนเช่นเดียวกับเต่า
ในตลาดมีหุ้นตั้งเกือบ 600 ตัวนะ หาไม่ได้ก็ไม่ใช่ VI ขนานแท้แล้ว
เท่าที่ประสบพบเห็น กองทุนที่แน่ๆ ก็มีวางแผนลงทุนผิดพลาดและล้มได้เช่นกัน

ป่านนี้ อาจารย์คงสดุ้งแล้วสดุ้งอีก... :lol:

แต่มีอยู่ตอนหนึ่งในบทความของอาจารย์ที่มีประโยชน์ช่วยกระตุ้นสามัญสำนึกขึ้นมาหน่อย ช่วงที่ท่านอธิบายว่าหุ้นที่ดีๆมักจะมีราคานำไปสูงแล้ว แต่หุ้นดีที่ราคายังไม่ไปไหนเพราะมีความเสี่ยงแฝงอยู่ ...ผมก็มาคิดเพิ่มว่า ถ้าใครตีโจทย์ตรงนี้แตกก่อนคนอื่น ว่าทำไมหุ้นดีๆตัวนั้นราคาถึงไม่ไปไหน มันเสี่ยงจริงแค่ไหน และแนวโน้มในอนาคตมันจะเป็นยังไง คนที่มีข้อมูลแน่นและชัวร์ก็จะมีโอกาสได้ซื้อของดีในราคาถูกกว่าคนอื่น...เนอะ

ตามความหมายของ Value Stock ที่ใช้ในบ้านเราจึงมีความหมายกว้างกว่า Value Stock ที่อ้างอิงในงานวิจัย Value Investor จึงแนะนำการลงทุนใน Value Stock ใครเจอหุ้นนี้ในบ้านเราเรียกได้ว่าโชคดีครับ

ผมทำนายต่อไปได้เลยว่า นักลงทุนที่เป็น Value Stock จะลดบทบาทลงไปในอนาคต

แสดงว่า VI ที่ประสบความสำเร็จนี่เพราะโชคช่วยเหรอครับอาจารย์ ผมว่าเป็นมุมมองที่ใจร้ายไปหน่อย..?

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แสดงว่าที่นี่มีแต่ VI โชคดี กะ VI โชคร้าย  :lol: ...

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะการเข้ามาของนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนต่างๆ ที่เข้ามามากขึ้น หรือการที่นักลงทุนพัฒนาขึ้นมาเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ มีทักษะในการวิเคราะห์ ประกอบกับความรวดเร็วในการเผยแพร่ข้อมูลนั้น ทำให้กิจการที่ดีถูกค้นพบอย่างรวดเร็วและถูกไล่ซื้อในเวลารวดเร็วจนของดี ราคาถูกไม่ปรากฏให้เห็นอีก

ประเด็นนี้ผมขอชู 2 จั๊กกะแร้แย้งเลยครับ และไม่เห็นด้วยกับอาจารย์อย่างแรง
เพราะถ้านักลงทุนมีทักษะดีจริง โลกนี้ต้องไม่เกิด Panic !!!
และราคาหุ้นจะไม่มีวันต่ำว่า Value ในมุมมองของอาจารย์จริงไหมครับ..?

และคงเป็นช่วงเวลาแห่งความเลวร้ายของผม เพราะผมคงไม่มีอะไรทำ :lol: ...

กิจการไหนยังสามารถเติบโตได้สูง หุ้นกิจการนั้นจะเป็นหุ้นทีโดดเด่นมาก หุ้นกลุ่มนี้เรียกว่า "หุ้นเติบโต" (Growth Stock) ครับ

การวัดว่าหุ้นใดเป็นหุ้นเติบโตก็ดูไม่ยาก คือ ดูที่ค่า P/E เหมือนกัน แต่คราวนี้กลับมองว่าหุ้นที่ P/E หรือ P/BV สูงเป็นหุ้นเติบโต และถ้าให้แน่ใจอีก็ไปมองที่อัตราการขยายตัวของยอดขายและกำไรก็ได้ครับ...หงส์เหินฟ้า สะท้อนถึงการบินขึ้นสูงได้และถือเป็นสิ่งที่มีสวยงาม และไม่จำเป็นต้องมีราคาถูก คนเป็น Growth Investor จึงยอมจ่ายแพง...

ในมุมมองของผม Growth Stock ก็สามารถเป็น Value Stock ได้ครับ และไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเสมอไป

ห่านทองคำวันนี้ถูกจับไปเกือบหมดแล้ว แต่หงส์ยังคงบินว่อนเต็มท้องฟ้า

ไม่รู้สิครับอาจารย์ แต่ทุกวันนี้ผมเห็นห่านดินไข่ทองไข่เงินเต็มไปหมด และที่สำคัญ...
จะไปออกแรงจับหงส์ที่มันกำลังบินให้เหนื่อยแล้วก็เปลืองแรงไปทำไมกันล่ะครับ..?
ทำไมเราไม่จับหงส์เสียตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่ได้บินล่ะ !!!

ซึ่งผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นหลักการสำคัญที่ VI หรือนักลงทุนทุกคนควรทำ มากกว่าจะไปไล่จับหงส์ที่มันกำลังบินอยู่ ครับ...


ปล.
ได้อ่านบทความของอาจารย์แล้วผมเกิดอยากแสดงความเห็นครับ
ถือซะว่าเป็นการแลกเปลี่ยน แต่ก็เหมือนเป็นการเอาเปรียบอาจารย์
เพราะอาจารย์ไม่มีโอกาสอธิบายเลย ยังไงก็โพสแสดงความเห็นที่นี่ได้นะครับ
แล้วผมจะกลับมาอ่าน ขอขอบพระคุณล่วงหน้าคร้าบ ...

ส.สลึง เขียน: ทำไมเราไม่จับหงส์เสียตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่ได้บินล่ะ !!!

ซึ่งผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นหลักการสำคัญที่ VI หรือนักลงทุนทุกคนควรทำ มากกว่าจะไปไล่จับหงส์ที่มันกำลังบินอยู่ ครับ...

เห็นด้วยอย่างรุนแรงเลยครับ :lol:

ผมอ่านบทความอาจารย์แล้วรู้สึกแปลกพิกล.....มันขัดแย้งและสับสนเป็น

อย่างมาก ดูคล้ายกับว่าข้อมูลที่อาจารย์เตรียมมาไม่เคลียร์ และหลายๆอย่าง

ผมว่าอาจารย์ต้องกลับไปทำการบ้านมาใหม่อีกเยอะครับ...

จริงๆแล้วถ้าบทความนี้จบตั้งแต่ครึ่งแรก ผมว่าผมเห็นด้วยนะ

atsu เขียน:

ถ้าหงส์ที่อยู่แถวเมอร์ซี่ไซด์ ผมก็เห็นโดนประจำอ่ะครับ
:lovl: