หน้า 2 จากทั้งหมด 2

การเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นการทำบาป?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2008 1:33 pm
โดย Stock Broker
บาปไม่บาปวัดจากอะไรครับ กรรม (การกระทำ) หรือเจตนา?

การเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นการทำบาป?

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2008 12:54 pm
โดย siebelize
chatchai เขียน:ผมว่าการซื้อประกัน  เป็นการป้องกันความเสี่ยงมากกว่านะครับ
คือพี่จะอธิบายว่า การซื้อประกัน เป็นการลดความเสี่ยง

ส่วนการพนันคือการเพิ่มความเสี่ยง

เพราะฉนั้น การซื้อประกัน จึงไม่ใช่การพนัน ใช่รึเปล่าครับ  :roll:

ทำไมต้องมีตลาดหุ้น โดย คุณสุมาอี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2008 9:07 pm
โดย srikamneard
"ตลาดหุ้น" ที่ชาวบ้านซื้อขายหุ้นกันอยู่ทุกวันนี้จัดอยู่ในประเภท ตลาดรอง (Secondary Market) ของตลาดทุน ส่วน ตลาดหลัก (Primary Market) จริงๆ ของตลาดทุนซึ่งเป็นตลาดที่กิจการทั้งหลายใช้ระดมทุนเพื่อขยายกิจการ คือ "ตลาด IPO" หรือที่เรานิยมเรียกกันติดปากว่า "หุ้นจอง"

เมื่อกิจการขายหุ้นจอง เงินที่ได้จะเข้าบริษัทเพื่อนำไปใช้ในกิจการ หลังจากนั้นบริษัทก็มักจะนำหุ้นของบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพื่อให้หุ้นของบริษัทกลายเป็นสินค้าตัวหนึ่งที่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดหุ้นได้ หลังจากนี้แล้ว การซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหุ้นจะเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนมือไปมาระหว่างนักลงทุนเท่านั้น ไม่ได้มีเม็ดเงินเข้าสู่บริษัทเพื่อนำไปใช้ในกิจการอีกต่อไป นั่นคือ สิ่งที่ใช้แยกความแตกต่างระหว่างตลาดหลักกับตลาดรองก็คือ เมื่อมีการขายหุ้นแล้ว เงินไปไหน ถ้าเป็นตลาดหลัก เงินจะเข้าสู่บริษัท แต่ถ้าเป็นตลาดรอง เงินจะเข้ากระเป๋าผู้ที่ขายหุ้น

ประเด็นนี้ทำให้มีบางคนกล่าวหาตลาดหุ้นว่า ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคม เพราะเงินไม่ได้เข้าบริษัทเพื่อก่อให้เกิดการลงทุนในระบบเศรษฐกิจจริงๆ เงินเพียงแต่ไหลจากกระเป๋าของนักลงทุนคนหนึ่งไปยังกระเป๋าของนักลงทุนอีกคนหนึ่งไปเรื่อยๆ เท่านั้นและนักลงทุนในตลาดหุ้นก็หากินด้วยการซื้อหุ้นมาในราคาหนึ่งแล้วขายออกไปในราคาที่สูงกว่าแล้วเก็บกำไรเข้ากระเป๋า บางคนถึงกับบอกว่าน่าจะยกเลิกตลาดหุ้นไปเลยเหลือไว้แต่ตลาด IPO ก็พอ

นั้นเป็นความคิดของคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลองคิดดูว่า ถ้าหากไม่มีตลาดรอง ตลาดหลักจะอยู่ได้หรือไม่ คงแทบไม่เหลือนักลงทุนคนไหนที่จะกล้าซื้อหุ้นจองจากบริษัทอีกต่อไป เพราะนักลงทุนเหล่านั้นย่อมรู้ว่าเมื่อซื้อมาแล้วจะไม่สามารถขายหุ้นนั้นต่อให้ใครได้หรือถ้าขายได้ก็ต้องขายขาดทุนมากๆ เพื่อให้มีใครสักคนยอมซื้อ ดังนั้นเหตุผลที่แท้จริงที่ต้องมีตลาดหุ้นก็เพื่อให้ตลาดหลักสามารถดำรงอยู่ได้นั่นเอง

บางคนคิดว่าการที่รถยนต์มีตลาดมือสองนั้นทำให้ตลาดมือหนึ่งแย่ลง เพราะตลาดมือสองจะแย่งลูกค้าส่วนหนึ่งของตลาดมือหนึ่งไป แต่ที่จริงแล้ว ลองคิดดูว่า ถ้าผู้บริโภคซื้อรถยนต์มาแล้ว ห้ามขายต่อโดยเด็ดขาด จะมีผู้บริโภคที่กล้าซื้อรถยนต์มือหนึ่งมากขึ้นหรือน้อยลง ทุกวันนี้มีคนส่วนหนึ่งที่กล้าซื้อรถใหม่บ่อยๆ ก็เพราะเขารู้ว่าเขาสามารถขายต่อในตลาดมือสองเมื่อไรก็ได้ ขาดทุนนิดหน่อยแสนสองแสนถือว่ากำไรใช้ เลยทำให้ตลาดรถใหม่ขายดี ฉันใดก็ฉันนั้น ตลาดรองช่วยส่งเสริมตลาดหลักด้วยการทำให้สินค้าของตลาดหลักกลายเป็นสินค้าที่มีสภาพคล่องสูง คนที่ซื้อหุ้นจองไปแล้วหากวันดีคืนดีเกิดมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วนขึ้นมาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายต่อให้ใครไม่ได้

มีบางคนอยากเห็นตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนระยะยาวอย่างเดียวไม่มีนักเก็งกำไรระยะสั้นเพราะพวกเขามีทัศนคติในแง่ลบการคำว่า "เก็งกำไร" แต่ที่จริงแล้ว ลองคิดดูให้ดี ถ้าในตลาดหุ้นมีแต่นักลงทุนทั้งหมด ไม่มีใครเป็นนักเก็งกำไรเลย สภาพคล่องในตลาดหุ้นคงหายไปมากกว่า 95% ถ้าการขายหุ้นออกในตลาดหุ้นกับการไปเร่ขายหุ้นด้วยตนเองนอกตลาดหุ้นมีความยากลำบากเท่ากันเพราะหาคนซื้อได้ยากก็ไม่รู้ว่าจะมีตลาดหุ้นเอาไว้เพื่ออะไร ดังนั้น ตลาดหุ้นที่มีคุณค่าต้องเป็นตลาดที่มีคนจำนวนหนึ่งในตลาดยินดีที่จะซื้อหรือขายหุ้นบ่อยๆ โดยแลกกับโอกาสทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ ทุกวันเพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับคนที่เป็นนักลงทุน กล่าวคือทำให้คนที่เป็นนักลงทุนระยะยาวสามารถขายหุ้นออกได้เสมอ (โดยไม่ต้องขายขาดทุนมากๆ) เมื่อใดก็ตามที่พวกเขามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินแบบเร่งด่วน พูดง่ายๆ ก็คือการซื้อๆ ขายๆ ของนักเก็งกำไรช่วยลด liquidity risk ให้กับคนที่เป็นนักลงทุนนั่นเอง

โดยส่วนตัว ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าเป้าหมายของการพัฒนานักลงทุนรายย่อยคือการทำให้นักลงทุนรายย่อยหันมาลงทุนระยะยาวกันให้หมด สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่าคือทำอย่างไรนักลงทุนรายย่อยจึงจะเป็นนักลงทุนที่มีภูมิต้านทาน กล่าวคือ ตัดสินใจจากข้อมูลที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้เป็นหลัก ไม่ถูกชักจูงไปได้ง่าย ไม่เชื่อข่าวลือข่าวปล่อยต่างๆ ไม่แห่ตามกันโดยขาดวิจารณาณของตนเอง ส่วนจะเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น นักเทคนิค หรือนักลงทุนระยะยาวนั้น ผมกลับคิดว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ นักลงทุนทุกแบบล้วนแต่มีคุณค่าต่อตลาดทุนทั้งสิ้น หากตั้งใจจะเป็นนักเทคนิคก็ควรศึกษาเทคนิคให้จริงจัง คนที่เล่นสั้นหลายคนที่ผมรู้จักเป็นคนที่ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ ผมก็ไม่เคยรู้สึกเป็นห่วงพวกเขาเลย เพราะผมมั่นใจว่าคนนิสัยแบบนี้จะสามารถเอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้อย่างแน่นอน

การเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นการทำบาป?

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 30, 2008 9:48 pm
โดย sorawut
คุณ srikamneard คมมากครับ :8)

ให้ความรู้กับคนเล่นหุ้น(ทั้งนักเก็งกำไร และนักลงทุนที่หลงทาง) น่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่า

ไม่ใช่เพื่อกำจัดนักเก็งกำไรออกไป แต่เพื่อลดโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้นกับคนเล่นหุ้นที่ไม่รู้เท่าทัน  :D

การเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นการทำบาป?

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 01, 2008 6:51 pm
โดย srikamneard
คุณ sorawut ค่ะ  ดิฉันไม่ได้เป็นคนเขียนบทความนะคะ   คุณ "สุมาอี้" เป็นคนเขียนไว้ค่ะ   พอดีเคยอ่านเจอ  และเห็นว่าอธิบายได้ชัดเจนดี  ก็เลยนำมาโพสต์ไว้น่ะค่ะ

คุณสุมาอี้  เขียนบทความที่เว็บบล็อกใน settrade.com ค่ะ ถ้าสนใจเข้าไปอ่านได้นะคะ   ชื่อจริงของคุณสุมาอี้ คือ นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ ค่ะ

การเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นการทำบาป?

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 01, 2008 8:56 pm
โดย sorawut
srikamneard เขียน:คุณ sorawut ค่ะ  ดิฉันไม่ได้เป็นคนเขียนบทความนะคะ   คุณ "สุมาอี้" เป็นคนเขียนไว้ค่ะ   พอดีเคยอ่านเจอ  และเห็นว่าอธิบายได้ชัดเจนดี  ก็เลยนำมาโพสต์ไว้น่ะค่ะ
ไม่ได้สังเกต Post subject ครับ  :oops:

ยังไงก็ขอบคุณที่ Post นะครับ  :lol:

การเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นการทำบาป?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 04, 2008 7:02 pm
โดย กล้วยทอด
คนที่เล่นหุ้นเก็งกำไรจนรวยมหาศาลถึงจะได้เงินในชาตินี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้เขาในชาติหน้าหรือไม่  :twisted:
เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลนี่คะ ไม่ผิดหรอก  
srikamneard เขียน:คุณ sorawut ค่ะ  ดิฉันไม่ได้เป็นคนเขียนบทความนะคะ   คุณ "สุมาอี้" เป็นคนเขียนไว้ค่ะ  
สะดุดที่ชื่อค่ะ
ไม่รู้จริงหรือเปล่า เห็นเพื่อนบอกว่าคุณสุมาอี้เป็น VI แท้
(แท้ เที่ยม แยกอย่างไรกันหล่ะเนี่ย)
ในหนังสือของคุณเค้า เขียนระบุว่า เทคนิคเป็นเรื่องงมงาย
เก็งกำไรจะถูกรวมเข้าไปด้วยเปล่านะ

การเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นการทำบาป?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 04, 2008 7:24 pm
โดย kk-rich
บ้านปูในตอนนี้น่าจะเป็นตัวอย่างได้ดีนะครับ