หน้า 2 จากทั้งหมด 10
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 10:57 am
โดย setmaker
รออ่านต่อครับ หนุกดี
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 1:35 pm
โดย neo2neo
แวะเข้ามาอ่าน
จะรอติดตามตอนต่อไปครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 2:08 pm
โดย f.escape
อ่านตรง Pager Hutchison แล้วนึกถึงความหลังเลย
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 2:51 pm
โดย areliang
คุณ f.escape
ความหลังเรื่องอะไรเหรอครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 3:34 pm
โดย areliang
ยกที่ 1 ที่เล่นหุ้น ใช้เวลา 1 สัปดาห์
ยกที่ 2 ที่เล่นหุ้น ใช้เวลา 6-8 เดือน
ในช่วง ยกที่ 2 นี้ พอมีเหตุการณ์ ที่ต้อง หยุด สะดุดเล่น ก็ไปปิด เพจเจอร์ หุ้น realtime ด้วยนะครับ
คือผมก็คนทั่วไป ที่มีเงินเก็บค่าขนม และก็รวม แตะเอีย และก็รวม เงินที่พ่อให้อีกบ้าง รวมก็ แสนกว่าบาทครับ
ไม่เกี่ยวกับหุ้นเลยนะครับ
พอผมน้อยใจ และใจน้อย รวมถึงมีปัญหา ถกเถียง กับท่านพ่อ ซึ่งรวมถึงปัญหาขาดทุน ซึ่งเกี่ยวกับเงินด้วยแหละ
ราวกับว่า เงินมันสำคัญนักใช่มั้ย คืนให้หมดเลยก็ได้ ค่าขนมจริงๆ ก็เงินพ่อนี่นา พอเหลือเราก็เก็บเท่านั้นเอง
ตรรกะทั้งหมด นั่นก็เงินพ่อหมดแหละ
ทำให้ในตอนนั้น ผมตัดสินใจ เอาเงินเก็บทั้งหมด คืนให้พ่อไปด้วยเลย
นั่นแปลว่า ตอนนั้น ผมก็ไม่มีเงินเก็บเหลือเลย
แต่ใช่สิ!!! ผมก็ยังหาเงินเองไม่ได้ หนังสือก็ต้องเรียนอยู่
นั่นก็แปลว่ายังได้รับค่าขนมอยู่เหมือนเดิม
แต่ตอนนั้นรู้สึกว่า จะประหยัดเหลือเก็บไปก็เท่านั้น ดูสิ เก็บมา ตั้งเป็นสิบปี คืนไปหมด
ไม่เหลืออะไรเลย แล้วจะเก็บต่อไปทำไม
ทำให้ช่วงนั้น ผมจะใช้จ่าย ค่อนข้างมาก หรือหมดไป ในแต่ละเดือน
เผื่อลืม ผมได้ค่าขนมวันละ 200 บาท เดือนนึงราวๆ 5-6 พันบาท
ซึ่งจริงๆ ใช้หมด ก็ไม่เห็นแปลกอะไรใช่มั้ยครับ ก็ไม่ได้เยอะมากมายนี่นา
ทั้งหมดนี้ทำให้ผมได้รับความรู้สึกบางอย่างนะครับ
คือ เบาตัว
คือ ผมไม่มีภาระต้องมานั่งเก็บเงินอีกแล้ว
ลองคิดดูสิครับ คนที่อยากรวยเอาแต่เก็บตังค์ ในสัดส่วนที่มาก กลายเป็นใช้หมด ในแต่ละเดือน
แล้วการที่ไม่มีเงินออมเหลือเลย และก็ไม่พร้อมที่จะออม เพราะขนาดที่ออมมา 10 กว่าปียังคืนไปหมด
ก็แปลว่าต่อให้มีเงินเหลือ ก็ไม่ยอมออม แต่จะเก็บไปใช้ในโอกาสต่อๆไป
ก็มาคิด ออม ก็ไม่ได้ ไม่อยาก ไม่ใช่เงินเรา เป็นเงินพ่อ แต่รวยแปลว่าต้องมีเงินเยอะไม่ใช่เหรอ
แต่ยังไงก็ไม่ยอมออม ออมไม่ได้ แปลว่าเก็บเงินไม่ได้ เก็บเงินไม่ได้ ก็ทำให้มีเงินเยอะไม่ได้ นั่นแปลว่า
ยังทำให้รวยไม่ได้
อึ้งสิครับ ตั้งแต่เด็กอยากรวยมาก ตอนที่เดินไปในทางที่จะรวยไม่ได้
มันทำให้ผมนึกว่า สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมด มันเพื่ออะไรกันแน่
แต่สำหรับตอนนี้ ผมก็จำเป็นที่หยุดคิดเรื่องมีตังค์มากๆ ไปก่อน แล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไป
ซึ่งถ้าถามย้อนหลัง ไปถึงในช่วงนั้น ผมก็ตอบได้ว่า ตอนที่ผมไม่ต้องคิดเรื่อง ออม เรื่อง รวย
ผมก็มีความสุขนะ อาจจะมีความสุขมากขึ้นด้วย
ผมเข้าใจ การที่เคยเห็นเพื่อนบางคน ได้เงินค่าขนมมา เจออะไรก็กิน ไปเที่ยวไหนก็ไป พอเงินหมด
มึงมีตังให้กูยืมเปล่าว่ะ 555
ตอนที่เอาแต่คิดเก็บเงิน หาตัง เอาแต่ดูธุรกิจรอบข้าง มันทำยังไงหาตังยังไง
ตอนนี้กลายเป็น เพื่อนๆอยู่ไหน ไปไหนไปด้วย มีตังไม่รู้ใช้ไงดี 555
มันทำให้รู้สึกว่า แต่ก่อน ผมเกิดมา เพื่อเก็บเงินหาเงิน
แต่ตอนนี้กลับกัน มุมมันเปลี่ยน กลายเป็น เงินมันมา (จากพ่อแม่) มาเพื่อให้ผมเป็นผู้ใช้
แต่ทั้งหมดนี้อยู่ในกรอบ ที่ยังเป็นคนที่จะไม่ไปในทางที่ผิดนะครับ
อย่างการใช้เงิน เงินเหลือยังไง ก็ไม่ไปการพนัน อยู่ๆจะเอาเงินที่พ่อแม่หามายากลำบาก ไปใช้แจกจ่ายแก่คนอื่น หรือในทางที่ไม่สมควรก็กระไรอยู่
แต่จะใช้เพื่อตัวเองซะส่วนใหญ่ อาจจะงกกับเพื่อนน้อยลงบ้าง555
แต่โดยสรุป ช่วง นี้ ผมรู้สึก เบาตัวครับ ซึ่งเป็นความรู้สึก หรือช่วงเวลาหนึ่ง ที่สำคัญ
ให้ได้คิด แล้วเห็นอีกมุมหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่เห็นมุมนี้ ตอนนี้ ไม่รู้ผมจะไปเข้าใจมุมนี้ตอนไหน
ขอบคุณโอกาส ที่ทำให้ผมได้เห็นอีกมุมหนึ่ง
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 4:12 pm
โดย areliang
ยกที่ 3 เป๊งๆๆ หัวใจดังกึกก้อง 555
ตัวผม ยังไงก็ยังคงเป็น ตัวผม
ผมก็ยังคงดำเนินชีวิต ต่อมา แต่เอ เฮ้อ เงินเหลือ อีกแล้ว
ผมว่าผมพยายามใช้เงินแล้วนะ แต่มันก็ยังเหลือ เหลืออีกแล้ว
สงสัย นิสัยรูปแบบเดิม ของผม มันจะกลับมา ซึ่งมันคงอยู่ในตัวผมตลอด
แล้วหลังจากที่ผมได้ ใช้เงินไปทำนู้น ทำนี่ ตามภาษา คนวัยนั้น เค้าทำกัน ไปมากแล้ว
จนพอระดับนึงแล้ว ตัวผมเองก็เริ่มกลับมา
แล้วก็มาหยุดนั่งคิดสิ่งที่ผ่านมา สิ่งที่สูญเสีย สิ่งที่ได้มา และสิ่งที่เราจะเลือกเดินต่อไป
เมื่อผมเสียอะไรไป ผมย่อมได้อะไรมาเสมอไม่มากก็น้อย
เช่นกัน ไม่ว่า ผมได้อะไรมา ผมก็มักเสียอะไรไปเสมอ
เหมือน เพลงที่ว่า ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง ต้องเลือกเอา
555 แต่บังเอิญ ผมเป็นพวกไม่ชอบขาดทุน
เวลาทำอะไรผมจึง พยายามหาทาง ที่เสียอะไรน้อยที่สุด แต่ได้อะไรมากที่สุด
ไม่ได้พูดเพื่อให้เข้าใจ ผิด ไปเอาเปรียบ หรือมุ่งแต่หาผลประโยชน์สูงสุด เข้าตัวเองนะครับ
สงสัยต้องยกตัวอย่างสักหน่อย กลัวเข้าใจผิด
เช่น สมมุติ คุณซื้อมาขนม มาถุงหนึ่ง แล้วก็ เอาขนมในถุงนั้น มาแบ่งเพื่อน หนึ่งชิ้น
คุณเสีย ขนมไปหนึ่งชิ้น จริงๆ ก็เสียดายนะครับ ขนมในถุงนี้ อร่อยมาก........มาก
แต่คุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ไม่มากก็น้อย ทั้งจากตัวเพื่อนคุณ ถ้าเค้าเห็นในน้ำใจคุณ
แต่ถ้าเค้าไม่เห็นน้ำใจคุณ คุณก็ยังได้อยู่ดี สงสัยล่ะสิว่าได้อะไร
คุณได้ให้ ซึ่งการให้ จะลดความตระหนี่ของเราเอง เมื่อเราไม่ตระหนี่ แล้วรู้จักให้
ก็อิ่มเอมใจ แลกกับ ขนมเพียงชิ้นเดียว ที่แสนอร่อย 555 อยากกินล่ะสิ
ขออภัยนะครับ นอกเรื่องไปสักนิด แต่ถ้าคุณยังอ่านต่อ จะรู้ ผมนอกเรื่องเป็นประจำ 555
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 4:26 pm
โดย por_jai
อาเหลียง เขียน:ใช้เงินไปทำนู้น ทำนี่ ตามภาษา คนวัยนั้น เค้าทำกัน
ขอรายละเอียดเพิ่มหน่อยครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 4:37 pm
โดย areliang
555
พี่ พอใจ คิดไรครับเนี่ย
ก็วันๆ ไป มหาลัย เรียนหนังสือ
นั่งกินข้าว มองวิวสวยๆ
มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น
นั่งเล่นเกมกับเพื่อนๆบ้าง
เล่นกีฬาบ้าง
ไปกับเพื่อนๆ ดูหนัง เดินเที่ยว
หาที่นั่งฟังเพลงบ้างเป็นบางเวลา
ทำนองเนี้ยแหละครับ ดูเป็นคนดีมั้ยครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 4:44 pm
โดย areliang
อืม
ตอนเก็บเงิน หรือไม่เก็บเงิน
ผมก็ทำสิ่งเหล่านี้อยู่ดีเนอะ
แต่อาจที่จะแบบ เช่น
ถ้าอยากเก็บเงิน ก็จะกินพวก ข้าวแกง ร้านยุ้งข้าว
หรืออะไรแบบนี้ ก็รีบกินรีบไป
ถ้าไม่อยากเก็บเงินก็กินร้าน ติดแอร์ อาหารจัดสวยๆหน่อย วิวสวยๆหน่อย
ไปมหาลัย อยากเก็บตัง ก็ขึ้นรถเมล์ ไม่อยากเก็บตัง ก็นั่ง taxi
อยากเก็บตัง เสาร์ อาทิต ไม่ได้ไป เรียน ก็อยู่บ้าน ไม่อยากเก็บตังก็โทรนัดเพื่อนเที่ยว
อืม พี่พอใจมีความเห็นว่าไงมั้ยครับ
แต่ตอนนั้นได้ เดือนละ 5-6 พันบาท ก็ประมาณนี้แหละครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 4:56 pm
โดย areliang
อืมน่าคิคครับ
อย่างเช่น ตอนนั้น ถ้ากินข้าวแกง จานละ 25 +น้ำแข็งเปล่า 1 บาท ก็ 26 บาท
ถ้ากินดีหน่อยมีแอร์ ก็ จานละ 30 + น้ำชาเย็น สักแก้วละ 10 บาท ก็ 40 บาท
มื้อนึง แพงกว่า 40-26 = 14 บาท
สมมุติ กินวันละ 2 มื้อ วันละ 28 บาทไปเรียน 22 วันก็
28*22=616 บาท
ได้5-6 พันบาท กินดีนิดนึง แพงกว่า 616 บาท ก็ 10กว่า% แล้วเนอะ
เฉพาะเรื่องกิน 2มื้อนะเนี่ย
616 บาทสำหรับตอนนี้มันก็น้อยเนอะ
แต่ตอนนั้นถ้าเทียบกับค่าขนมที่ได้ก็ดูไม่น้อยน่ะเนี่ย
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 5:18 pm
โดย mineknight
เพลินดีครับ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ
ตอนอายุเท่าคุณ ผมได้ไปเรียน เดือนละ 3000 บาท (ปรับตอนปี2 เป็น 4500 และ ปี 3 5000 บาท) งง มากสามารถอยู่ได้ไง กินก็กิน เที่ยวก็เที่ยว
แต่เงินหมื่น เงินแสน ไม่เคยได้สัมผัส ยิ่งการลงทุน ไม่มีผ่านเข้ามาในหัวซักนิด
ปล. ดีใจด้วยนะครับ ที่สามารถมองย้อนกลับไป แล้วเห็นจุดอ่อนจุดแข็งตัวเองได้
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 5:27 pm
โดย por_jai
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปนั่งฟัง opp day ของUKEM
เห็นรุ่นน้อง(จริงๆรุ่นลูก)มหาลัย
สังเกตุจากสัญญลักษณ์ที่หัวเข็มขัด
มานั่งฟังอยู่ด้วย
ก็เลยรู้สึกแปลกๆว่า
เด็กสมัยนี้สนใจการลงทุนตั้งแต่ยังอายุน้อย
ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าในใจเขาคิดอะไร
เพราะตอนผมอายุเท่ากัน ก็ใช้ชีวิตสนุกสนานไปวันๆ
มาทุกวันนี้ผมศึกษาเรื่องหุ้นและลงทุนเห็นความเป็นไปของตลาดมาหลายปี
จะให้เป็นแบบพื้นฐานผมก็พอแกะได้
จะมองแบบให้เป็นธุรกิจและการคาดหมายก็พองูๆปลาๆ
จะให้เป็นแบบเทคนิคผมก็พอวิแคะได้
จะให้มองแบบความเป็นไปของวัฎจักรการเล่นหุ้นก็พอมองออกนิโหน่ย
ถ้าลูกผมอยากจะเริ่มมาเส้นทางสายนี้
ก็คงสอนประสบการณ์และให้คำแนะนำกับเขาได้บ้าง
เรียกว่าไม่ต้องถึงกับนับหนึ่งกันใหม่
แต่ก็ไม่เห็นเขาสนใจแต่อย่างใด
อย่างอาเหลียงอยากเล่นหุ้นอยากลงทุนแต่คุยเรื่องหุ้นกับท่านพ่อไม่รู้เรื่อง
ต้องคืนเงินคืนทองให้จนหมด
อย่างนี้เรียกว่าไม่matchกัน
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 7:34 pm
โดย naris
เล่าได้เก่งครับ ผมว่ารุ่นอาเหลียง กับรุ่นผมนี่น่าจะพอๆกันนะครับ ดูจากค่าครองชีพ และเพจเจอร์ที่กำลังฮิตกัน เลยมีการเอาเงินไปทำนุ่น ทำนี่ เหมือนๆกับอาเหลียงเขียน
ว่าแต่รุ่นพี่ป้อมนี่เที่ยวแบบไหนเหรอครับ อยากรู้จัง เห็นสมัยก่อนโน้น เขาว่ากรุงเทพน้ำเยอะ เพราะยังสูบน้ำบาดาลมาใช้กัน เลยมีคนทำธุระกิจ อาบน้ำสาธารณะ กันเยอะมาก (เห็นคนสมัครผู้ว่า กทม. เขาว่างั้นครับพี่............. :lol: )
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 9:09 pm
โดย pie450
เล่า สนุกดีครับ
เด็กสมัยนี้ที่ไปฟัง เรื่องหุ้นต้องดูด้วยว่าเค้าเรียน แล้วโดนบังคับมาฟังมั้ย 5555
โดนบังคับก็เยอะ เดี๋ยวนี้
แต่ผมเมื่อก่อนใช้เงินพ่อแม่ก็ ไม่เป็นคุณค่าของเงินน่ะครับ ได้มาเท่าไร เราก็พยายามหาวิธีใช้ ให้หมด 5555 :oops:
แต่พอทำงานได้ แล้วไม่สามารถขอเงินพ่อแม่ได้ นี้ซิของจริงมาแล้วววววววววต้องยืนด้วยขาตัวเอง สนุกจริงๆๆ ค่าของเงินมาทันใด
เมื่อก่อนทำมั้ยไม่เก็บเงิน เงินหายากจะตายยยย ( ด่าตัวเอง ไอ้โง่ ) อิอิ
เป็นแบบที่พ่อแม่พูดไว้แต่เด็กๆๆเลย อย่าใช้เงินเยอะ มันไม่ได้หาง่ายๆๆ ซึ้งๆๆ ผมว่าน่าจะเป็นแบบนี้กันเยอะน่ะ คำพูดของเค้าเป็ยจริงทุกสมัย
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 9:12 pm
โดย areliang
ต่อครับต่อ อย่าเพิ่งรำคาญผมนะครับ
ก็ เริ่มเงินเหลือ ไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร
เอ่ะ เดือน ต่อมาก็ยังเหลืออีก
บ้าเปล่าเนี่ย เงินที่เหลือ ยังไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร เงินเดือนนี้ ยังมาเหลือเพิ่ม ซะอีก
ทำไงดีล่ะทีนี้ เรื่องเดิมก็ยังฝังใจ อยู่ที่ เอาเงินออมคืนไปให้ท่านพ่อหมด
แต่ตอนนี้มีเงินเหลือจนไม่รู้เอาไปทำอะไรดี
(ผมได้ยินแต่คนอื่นบ่นว่าเงินไม่พอ แต่ผมมักจะมีเงินเหลือจริงๆ ถ้าใช้ชีวิตปรกติ)
อาจเป็นเพราะ เวลาผมขอค่าขนม ผมจะคิดก่อนว่าผมต้องใช้จ่ายวันละเท่าไหร่ แล้ว บวกด้วยเงิน ที่ผมคาดว่าอยากจะออมไว้แล้วมั้งครับ แล้วพอชีวิตประจำวัน ก็อาจอยากประหยัด ในบางเรื่องบางขณะ ได้อีก จึงมักมีเงินออม และ บังเอิญ พ่อผมพอจะสามารถให้ ค่าขนมตามที่ผมร้องขอไปได้
อ่าวๆๆ เดือนนี้เหลือ 500 บาท เก็บไว้ใช้พร้อมเดือนหน้าละกัน
อ่าวๆๆ ไหงเดือนนี้เหลือ 1500 บาทเนี่ย (เงินเหลือ เดือนที่แล้ว + เดือนนี้)
เฮ้ย แย่แล้ว เงินไม่ลด แถมเพิ่มอีก
อ่าวๆๆ 4000 บาทแล้ว อ่าวๆๆ 6000 บาทแล้ว อ่าวๆๆ 8000 บาทแล้ว
ในที่สุด ก็มากถึง หนึ่งหมื่น บาท ( พูดเหมือนเยอะ มากเลยเนอะ)
ณ ตอนนั้น ที่ผมคืนเงินท่านพ่อไปทั้งหมด ผมได้ปิดบัญชีเงินฝาก ประจำ และออมทรัพย์ หลายๆเล่มที่ผมมี จนเหลือเพียง บัญชีออมทรัพย์เพียงเล่มเดียวเท่านั้น ที่มีบัตร atm เพื่อสะดวก ต่อการถอนเงินเพื่อใช้จ่าย
นั่นหมายความว่า ผมมีบัญชี ธนาคาร คือ ออมทรัพย์ เพียงเล่มเดียว
ซึ่งที่รู้กันว่าบัญชีออมทรัพย์ นั้นให้ดอกเบี้ย ต่ำ กว่า บัญชีฝากประจำ
แล้วเงิน ที่ผมไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อะไรแล้ว มันอยู่ที่ ออมทรัพย์ ทั้ง 10000 บาท
ผมพยายามหาทางออก
1. ใช้ซื้ออะไรดีนะ
2. คืนท่านพ่อไปอีกทีก็ได้มั้ง ยังไงก็เงินเค้าหามา
3. ไปเปิดบัญชีเงินฝากประจำ แล้วโอนไปเก็บไว้ แต่มันก็ยังฝังใจ เพราะ เมื่อคราวก่อน เราก็มีเงินออมเช่นนี้ แล้วในที่สุดเราก็โอนคืนพ่อไปหมด แล้วจะไปเปิดทำไม ใช้ข้อ 2 ดีกว่า
คาใจ ข้างในลึกๆ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 9:25 pm
โดย mustang
มารออ่านด้วยคนคับ
ผมก็ชอบนั่งกินร้านยุ้งข้าวเหมือนกันนะคับ วิวสวยดี 555
ต่อๆ คับกำลังอ่านเพลินเลย
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2008 11:41 pm
โดย << New >>
areliang เขียน:
อ่าวๆๆ เดือนนี้เหลือ 500 บาท เก็บไว้ใช้พร้อมเดือนหน้าละกัน
อ่าวๆๆ ไหงเดือนนี้เหลือ 1500 บาทเนี่ย (เงินเหลือ เดือนที่แล้ว + เดือนนี้)
เฮ้ย แย่แล้ว เงินไม่ลด แถมเพิ่มอีก
แย่แบบเงินเพิ่มอย่างนี้ อยากแย่บ้างจังครับ :lol:
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 12:48 pm
โดย areliang
สวัสดีครับ คุณ new n and e and w
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 12:52 pm
โดย areliang
ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วสิครับ
เพราะ อยู่ๆเอาเงิน 10000 บาทไว้ในที่ๆดอกเบี้ย น้อยกว่า ผลตอบแทนที่น้อยกว่า
นั่นแปลว่าผมกำลังวาง เงิน 10000 บาท ของผมไว้ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
ผมตัดสินใจที่จะต้องไปเคลียร์ ปัญหา ที่ คาใจ ข้างในลึกๆ
ท่านพ่อ ท่านพ่อ !! ข้ามีเรื่องจะต้องปรึกษากับท่าน
คือ ตอนนี้มีเงินเก็บแล้ว 10000 บาท จะให้ทำยังไงดี
ตอบ : ก็เก็บไปสิ จะเอาไปทำอะไรก็ทำ
ถ้าเก็บไว้ แล้วเจอปัญหา แบบเดิม เดี๋ยว ก็คืนให้อยู่ดี
ตอบ : ไม่เคยบอกให้เอาเงินมาคืนเลยนะ
แล้วจะเอายังไง
ตอบ : .................... ( เงียบ )
แล้วจะเอายังไง ถ้าจะฝากเงิน ให้ไปเปิดบัญชีฝากประจำใหม่เหรอ
ตอบ : ตามใจ
เอาไงดี (คิดในใจ) มาแบบถามคำตอบคำ
รุก ๆ ๆ
เลยถามต่อว่า ยังอยากให้เก็บตังมั้ย ( ในใจก็รู้ ใครๆ ก็อยากให้ลูกรู้จักเก็บตัง มีตัง)
แล้วจะเอาไงดี ถ้าเจอเรื่องแบบเดิมอีก ( ในใจก็รู้ว่า ไม่มีใครอยากให้เกิด)
เงียบ ......................
จนถึงเวลาที่ผมต้องเสนอแล้ว
งั้นเอาอย่างนี้นะ
ถ้าให้เริ่มเก็บตั้งแต่ตรงนี้ ที่ 10000 บาท ก็เหมือนต้องเริ่มต้นใหม่ ใช่ป่ะ( ซึ่งมันดูไม่ถูกต้องนัก สำหรับตัวผม)
งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า เงินที่เคยโอน กลับไปให้จะเอายังไง
ตอบ : ก็เอากลับไปสิ
เข้าทางสิครับ ตอนนั้นโอนกลับไปให้พ่อนะจะ ประมาณ แสนกว่าบาท ช่วงกลางๆ (150,000 ขึ้นไป)
แล้วจะโอนกลับมาเท่าไหร่
ตอบ : โอนมาเท่าไหร่ก็เอากลับไป
บอกแล้วผมเป็นพวกไม่ชอบขาดทุน
(เอ่ะ ตอนที่เราใช้เงินแบบไม่ยอมออม ถ้าเราออม จะมีเงินเท่าไหร่นะที่ผ่านมา รวมกับที่โอนไป)
คิดได้สักพัก
งั้นเอางี้ โอนกลับมาทั้งหมด 200,000 บาท แล้วกัน รวม ที่โอนคืน เงินออมที่ไม่ออม ดอกเบี้ย
ตอบ : ตามใจ
งั้นพรุ่งนี้ จัดการเลยนะ
ตอบ : อืม
เคลียร์ เลย ครับ เคลียร์ ข้อตกลงลุล่วง
หลังจากนั้น ก็ไปหา รายการหุ้นคงเหลือ จากรอบที่ผ่านมา
แล้วก็ดู มูลค่า ของมันอยู่ระหว่าง 6-8 หมื่นบาทจำไม่ค่อยได้
แต่ก่อนหน้านั้นที่ผมซื้อทิ้งไว้ก่อนที่จะสะดุดลง น่าจะมีมูลค่า 8 หมื่นกว่าบาท
แล้วช่วงนั้นเป็นช่วง ที่ nasdaq เริ่มสูงเกินจริง และเริ่มมีปัญหาบ้างแล้ว ก็ไม่แปลกใจที่มูลค่ารวมลดลงไปบ้าง
ก็เลยกลับไปคุยกับพ่อว่า
งั้นมูลค่าหุ้นที่เหลือ ก็ขอเป็นของผม แล้วลบออก จาก 200000 บาท
ก็เท่ากับได้ พอร์ต 6-8 หมื่น บาท และเงินสด แสนกว่าบาทมา
ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองเอาเปรียบ พ่อน้อยลงไปได้บ้าง เพราะ ยังไง เค้าก็ไม่ได้สนใจ พอร์ตหุ้นแล้วอยู่แล้ว
ผมว่าตอนนี้ ผมกลับมายืน แถวที่ๆผมเคยหยุด สะดุดไป แล้วกำลังจะเดินต่อ อีกที
พอร์ต เป็นของเดิมที่เคยเล่นผ่านมา ส่วนเงินสด ก็คือ เงินออมของผมในอดีต ที่เจตนาออม แล้วเก็บไว้เฉยๆ
แต่ตอนนี้ ผมกำลังจะนำสิ่งที่ผมมีมาลงทุนในหุ้นทั้งหมด หลังจากเวลาที่ผ่านไปราว 1 ปี
สิ่งที่ได้ สิ่งที่เสีย และสิ่งที่เลือกจะเดินต่อไป
สิ่งที่ได้ และมีค่า ก็คือ
การที่มีช่วงเวลาที่ได้รู้สึก ตัวเบา ไม่มีภาระที่อยากรวย หรือ ใส่ใจที่จะต้องเก็บเงิน
สามารถ ใช้เงินได้จนหมด จนเหลือ 0 บาท ได้ในทุกๆเดือน
การใช้ชีวิตแบบนี้ ซึ่งดูเหมือนเสียเวลาไป 1 ปี แต่เวลานี้แลกกับสิ่งที่ผมได้รู้สึก นั้นคุ้มค่ามาก
ผมไม่สามารถ นำเวลาช่วงนี้มาประเมินค่าได้เลย เพราะ มันเบา
ก็อาจเปรียบได้ ประมาณ ช่วงวัยประถมมั้งครับ วันๆก็ เรียน เรียนเสร็จก็เล่น อยากกินมีเงินก็ซื้อกิน
แล้วก็นั่งรถโรงเรียน กลับมา
อยากได้อะไรโดยไม่มีเงิน ก็ร้องไห้โยเย อากุ๊ง (คุณปู่) ซื้อนี่ให้หน่อยสิ จะเอาๆ
(ในใจคิด ไม่ซื้อไม่หยุดร้องไห้จริงๆนะ เอาเด่ะ เป็นไงเป็นกัน) ให้ทำไงอ่ะ
ตรงนี้ คำตอบเรื่อง ความรวย เงินทอง ก็เริ่มสะกิดผม แต่ก็ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้
สิ่งที่เสียล่ะ
ผมเสียอะไร ก็เสียเวลาราว 1 ปี ที่ใช้ชีวิตรูปแบบนี้ แต่ที่บอก คิดยังไงก็คุ้มแสนคุ้ม เวลาที่เอาไปใช้มองอีกมุมนึง
ของชีวิตตัวเอง จะไม่คุ้มได้อย่างไร
เสียเงิน ใช่สิ ผมไม่ออมเงินเท่าไหร่เลยช่วงนั้น ถ้าผมออมจะมีเงินเท่าไหร่นะ
ถ้าออมได้สักเดือนละ 2000 บาทจาก ทั้งหมด 5-6 พันบาทก็มากแล้ว ปีนึงก็น่าจะได้2000*12= 24000 บาท
แต่ด้วยนิสัย ยังคงทำให้ผมออมได้ 10000 บาท แปลว่า หายไป 14000 บาท
แต่อย่าลืมนะครับ ตอนไป เคลียร์ กับพ่อ ผม ตกลงว่าได้กลับมา 2แสนบาท
เงินที่คืนไป คิดที่ 160000 บาท ละกัน ถ้าออมเงินเองก็ได้อีก 24000 บาทก็เท่ากับ 184000 บาท
ดอกเบี้ยช่วงนั้น คงไม่ถึง 10% หรอกมั้ง จำไม่ค่อยได้
ได้กลับมา 2 แสนบาท รวมที่เก็บเองได้ 10000 บาทก็เท่ากับ 210000 บาท
ดูยังไงผมก็ไม่ขาดทุน เนอะ แปลว่าผมไม่ได้เสียเงินเลย แถมช่วงเวลานั้นได้กินดีอยู่ดีอีก ไม่ต้องประหยัด
แล้วใครเป็นผู้เสียประโยชน์ล่ะเนี่ย
พ่อผมไงครับ ท่านโชคดีเหลือเกินที่มีลูก บรรเกิดเกล้า เช่น ผม
และผมก็น้อมรับ ความโชคดีของพ่อผม ด้วยการ เป็นผู้รับ
เมื่อพ่อผมพอจะมีเงิน ผมก็พร้อมที่จะน้อมรับเงิน ที่จะแบ่งปันมา จะมีใครน๊า ที่จะมายอมให้ผมมากมายขนาดนี้
เวลามีเรื่อง พ่อผมนั่นแหละ ต้องคิดมากว่าผมซะอีก เพราะเค้านั่นแหละ ที่อยากจะวางแผน ให้ผมมีชีวิต ดีที่สุดเท่าที่จะมีได้ จะมีใครน๊า ที่จะยอมให้ผมมากมายขนาดนี้
ฮึๆ เงินเหรอ จะมีค่าเท่าตัวผม สำหรับพ่อผม
ซึ้งพอแล้ว
แล้วทางที่จะเดินต่อล่ะ
ผมต้องเป็นผู้เลือกและตัดสินใจ ในท้ายที่สุด แม้จะมี ความห่วง การตัดสินใจแทน ความเห็น ความต้องการ
จากคนรอบข้างที่ ดีต่อเรา เข้ามาเสมอ
ผมว่าผมฟังทุกความเห็น และคิดทุกความเห็นนะครับ
และผมก็เลือก ผมยังคงต้องการ ลงทุนในหุ้นต่อไป โดยจากประสบการณ์ ก็พอจะรู้ ผมอาจจะต้องขาดทุนเงินอีก
แต่นี่ยังคงเป็นสิ่งที่ผมต้องการ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 1:11 pm
โดย naris
อาเหลี่ยงนี่เขียนได้น่าติดตามดีนะครับ ตอนนี้ทำอะไรครับ น่าไปเป็นนักเขียนนะครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 1:21 pm
โดย sai
อ่านแล้วสนุกดีครับ น่าติดตามตลอด เหมือนพี่นริศว่า มีพรสวรรค์ทาการเขียนแน่เลยพี่
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 1:24 pm
โดย areliang
ผมคิดนะครับ ว่า
จุดประสงค์ หรือ จุดหมาย ของคุณพ่อผม
คือ ให้ผม ประสบความสำเร็จ ในชีวิต มีฐานะมั่นคง ยิ่งรวยยิ่งดี
จุดประสงค์ หรือ จุดหมาย ของตัวผม
คือ ให้ตัวผม ประสบความสำเร็จในชีวิต มีฐานะมั่นคง ยิ่งรวยยิ่งดี
ผมว่าในด้านจุดประสงค์ หรือ จุดหมาย ของ พ่อผม และผม
match กันนะครับ
แต่ระยะทางที่จะเดินไปถึงจุดหมาย ตรงนี้สิครับ
ที่มีความแตกต่าง และยังไม่ match กัน อย่างยิ่ง ในช่วงนั้น
อาจจะทางทัศนคติ ความรอบคอบ การมองโลก
วัยที่ต่าง ความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมดาครับ
ณ วันนี้ ผมก็เชิญชวนนะครับ
ถ้ามีปัญหา ให้ดูที่จุดประสงค์ หรือเจตนา จากบุคคลนั้นด้วย
ถ้าบุคคลนั้นมีเจตนาดีกับเรา
แล้วเราเริ่มเข้าใจจากเจตนา บุคคลนั้นก่อน
และตามด้วยทำความเข้าใจ คำแนะนำ ที่เค้าอยากให้เราทำ
แล้วใช้เหตุผลคุยกัน ทั้งของเรา และของเค้า
แล้วดู ข้อดี ข้อเสีย ให้เห็น
จะทำให้มีประโยชน์มากนะครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 1:28 pm
โดย areliang
ขอบคุณนะครับ ที่อ่านกัน
คุณ นริศ
คือ โดยส่วนตัวผม ก็ลงทุนหุ้นครับ
และก็ มานั่งหน้าร้าน ช่วยเฝ้าร้าน บ้างครับ
ค่อนข้างมีอิสระทางด้านเวลา พอสมควร ในช่วงนี้
คุณ นริศ ล่ะครับ ทำอะไรอยู่ครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 8:23 pm
โดย areliang
555
จริงๆ ผมแค่ เป็นพวกว่างงาน หรือครับนี่
555
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 9:08 pm
โดย Eragon
คุณ นริศ ล่ะครับ ทำอะไรอยู่ครับ
แค่ตลาดสดเมืองเลย คุณนริศก็เก็บเงินไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับ :lol: :lol: :lol:
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 9:21 pm
โดย naris
Eragon เขียน:
แค่ตลาดสดเมืองเลย
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 9:26 pm
โดย naris
areliang เขียน: ณ วันนี้ ผมก็เชิญชวนนะครับ
ถ้ามีปัญหา ให้ดูที่จุดประสงค์ หรือเจตนา จากบุคคลนั้นด้วย
ถ้าบุคคลนั้นมีเจตนาดีกับเรา
แล้วเราเริ่มเข้าใจจากเจตนา บุคคลนั้นก่อน
และตามด้วยทำความเข้าใจ คำแนะนำ ที่เค้าอยากให้เราทำ
แล้วใช้เหตุผลคุยกัน ทั้งของเรา และของเค้า
แล้วดู ข้อดี ข้อเสีย ให้เห็น
จะทำให้มีประโยชน์มากนะครับ
อ่านแล้ว อาเหลียงคุณถึงธรรมแล้วนะครับ ผมมาถึงบางอ้อในข้อนี้ในตอนอายุล่วง35 แต่ไม่ได้ด้วยการรู้ตนเองอย่างอาเหลียง แต่ได้จากพระท่านค่อยๆขัดเกลาจิตใจ จนตอนนี้พยายามมองเจตนาของบุคคลอื่นๆ(ไม่เฉพาะแต่คนในครอบครัว) แต่ก็ยังหลุดบ่อยๆ สรุปแล้ว ทาเกชิ จงสู้ต่อไป 555
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 10:37 pm
โดย areliang
เมื่อเป็นสิ่งที่ผมต้องการแล้ว และคิดได้ว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับผม ผมจะทำ
ตอนช่วงปลายปี 1999 ที่เริ่ม นำพอร์ตของพ่อผม มาเล่นหุ้น
เวลานั้น ผมก็มีถามเรื่องการเปิดพอร์ตของตัวเอง
ซึ่งตอนนั้นคำตอบที่ได้รับ คือ ต้อง อายุ 20 ปี ขึ้นไป ถึงจะเปิดพอร์ตหุ้นได้
แต่ตอนนั้น ผมอายุ 19 ปีกว่าๆ อีกราวๆ 5-6 เดือนก็เปิดพอร์ตได้แล้ว ผมก็ได้แค่เสียดาย และก็ยอมรับมัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จนผมอายุครบ 20 ปี ผมก็ไม่รู้ทำไม เวลานั้น ผมไม่ได้สนใจที่จะเปิดพอร์ตของตัวเอง
อ๋อ!! สงสัยอาจเป็นเพราะว่า ตอนนั้น การชำระเงิน ของพอร์ต พ่อผม ยังต้องใช้เช็ค ในการสั่งจ่าย
ผมไม่แน่ใจว่าเวลานั้นมี ระบบ ats (ตัดเงินอัตโนมัติ) รึยัง
แต่แน่ใจว่า ถึงมีระบบ ats แล้ว แต่กับธนาคาร ที่สาขาอยู่ใกล้บ้านผม ก็ยังไม่ได้มีการรองรับระบบ ats กับโบรกเกอร์แห่งนี้
ที่แน่ใจเพราะว่า ธนาคารที่มีสาขาอยู่ใกล้บ้านผม เพิ่งจะรองรับระบบ ats กับโบรกเกอร์ แห่งนี้เมื่อ ปี 2004-2005 ครับ
และก็คงไม่ง่ายนักถ้าตัวผมจะไปเปิดบัญชีกระแสรายวัน และ สมุดเช็คเป็นของตัวเอง เพื่อสั่งจ่าย เวลาซื้อหุ้น ซึ่งก็ทำให้ยิ่งดูยุ่งยาก มากขึ้นมั้งครับ
และการที่ต้องเรียนอยู่ ตัวผมก็อาจะไม่มีเวลามากพอ ที่จะคอยไปโอนเงินเข้าออกเพื่อชำระการซื้อขายได้อย่างสะดวกนัก
(วิธีการชำระราคาหุ้นที่จำได้ ก็มี ใช้วิธีโอนเงิน , เรียกให้มารับเช็ค ,อาจจะมี ats บ้างแล้วก็ได้นะ ไม่แน่ใจ)
เลยยังไม่สนใจเปิดพอร์ตเป็นของตัวเอง
นั่นแปลว่า พ่อผมนั่ง เขียนเช็คสั่งจ่าย ให้ผมไปกี่ใบแล้วเนี่ย คงหลายเล่มนะเนี่ย
แล้วต้องมานั่งโอนตังไปโอนตังมาอีก น่าสงสารจริงๆ
การกลับมาของผม ในตลาดหุ้นครั้งนี้ น่าจะประมาณ ครึ่งปีหลัง ของปี 2001
ซึ่งผม อายุ 21 ปี แล้วครับ
ผมจะเล่นหุ้นจริงๆจังๆ ได้ไง ถ้าผมยังไม่มีพอร์ตของตัวเอง
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 11:28 pm
โดย oatty
รออ่านต่ออยู่นะครับ :P
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 11:41 pm
โดย greenday
อ่านมาตั้งนาน นึกว่าคุณอาเหลียงจะอายุซัก 40 นะครับ ไม่นึกว่าจะเป็นคนอายุไล่เลี่ยกับผมนะครับ (ผมอายุ 28)
สนุกที่ได้อ่านประสบการณ์ชีวิตคุณครับ