Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

[quote="i_sarut"]มาลบด้วยคน

ผมขอแนะนำอย่างงี้นะ
ไม่ลงทุนเพิ่ม
ไม่ซื้อถัว
และคอยหาจังหวะช็อต(ขายไปก่อนแล้วรอรับให้ต่ำกว่าเดิม)
โดยมั่งไปที่กลุ่มพลังงาน ปิโตร และธนาคารเป็นหลักครับ

ปล.ขออภัยที่คำแนะนำของผมอาจจะดูไม่ค่อย VI สักเท่าไหร่ครับ

แค่นี้ไม่เยอะๆ

WORK -66% (555 ทำไปได้)
EGCO -52%
AEONTS -38%
SNC -36%
etc.

ทั้งพอร์ทมีบวกอยู่ 2 ตัว (ลบ 13 บวก 2) พอร์ทตอนนี้ -31%

พี่สมพงษ์พูดมากไม่ได้ เดี๋ยวภรรเมียมาอ่านเจอ โดนตีตูดลาย

set ลงไป 32% ของผมลงไปตั้ง 60% งี้ผมชนะตลาดใช่ไหมครับ  :o  :o  :o

ชนะครับ  

[quote="anakinnet"]set ลงไป 32% ของผมลงไปตั้ง 60% งี้ผมชนะตลาดใช่ไหมครับ

ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย     ใจในร่างกายกลับไม่เจอ
ทุกข์ที่เกิดซ้ำ  เพราะใจนำพร่ำเพ้อ  หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

ตราบใดที่ยังมีกินมีใช้  อย่าทุกข์เลยครับ

พอร์ตผมก็ลดลงไม่ต่างกันครับ

ประมาณ 20 %

คอยหาจังหวะซื้อเพิ่มอยู่ครับ
อิอิอิ

 :D  :D  :D

มาเป็นกำลังใจครับ
ถ้าเงินเย็นและเป็น Vi. ก็....
1.แวะอ่าน....คลังกระทู้คุณค่า...
2.หาหนังสือแนว Vi. อ่านหาความรู้เพิ่มเติม
3.อ่านหนังสือจิตวิทยาการลงทุน
4.อ่านหนังสือด้านธรรมะ
:lol:  :lol:  :lol:

[quote="anakinnet"]set ลงไป 32% ของผมลงไปตั้ง 60% งี้ผมชนะตลาดใช่ไหมครับ

[quote]ผมว่าตอนนี้มูลค่า Port ตอนต้นปีเมื่อเทียบกับตอนนี้น่าจะลดลง 30%
ผมเข้าใจว่าผู้ที่ยังไม่ขาดทุนเข้าเนื้อตัวเองน่าจะเป็นผู้ที่ลงทุนก่อนปี 48
ขนาดหุ้นของผมบางตัวซื้อตั้งแต่ปี 48 ยังขาดทุนเลย  แหะ ๆ Port
ติดลบไป 7 หลักแล้ว  ทำใจ  ทำใจ  แบบที่ เฮียJeng ว่าเจ้งหุ้นไม่ต้อง
ติดคุก  ยังมีงานทำ ยังมีบ้านอยู่  ถ้าเป็นเงินเย็น  
 สำหรับผมหุ้นเป็นอะไรที่น่ากลัว แต่ก็ตื่นเต้น ท้าทาย  ดังนั้นผมจึงลงทุน
ในหุ้นแค่ 20% ของการลงทุนทั้งหมดของผม  กลัว กลัว กลัว[/quote]

30% ของหุ้น เท่ากับ  หลัก ตีง่ายๆ 1,000,000 บาท

100% ของหุ้น เท่ากับ 3,333,333 บาท

หุ้นเท่ากับ 20%

ทรัพย์สินทั้งหมดขั้นต่ำ เท่ากับ 16,666,667 บาท

โห้ แนะนำหน่อยดิทำไงถึงจะหาเงินได้ขนาดนี้  :shock:

ผมว่ายังมีอีกพวกนึงนะครับ ที่ขาดทุนน้อย

พวกที่เพิ่งเปิดปอดแบบผมไงครับ  :B

ตอนไปสมัครเปิดบัญชี เราก็ไปแบบกลัวๆ กล้าๆ

เขาให้นั่งรอมาร์สักพัก คงคิดในใจว่ามาเปิดปอดทำไมช่วงนี้

สุดท้ายก็ได้ปอดมา และซื้อไปหลายตัวเลยครับ ตัวละนิดละหน่อย

แบบว่าตาลายมันถูกไปหมด  :drink:

ตอนนี้เลยลดไปแค่ 0.5% ครับ

ไม่ได้อ่านเวบหลายวัน เพิ่งเห็นที่ขาดทุนหนัก แต่น้อยกว่าผม 555

ไม่รู้เป็นความโชคดี หรือ โชคร้าย กันแน่ ช่วงตลาดกำลังแดง ๆ กัน
งานผมก็ยุ่ง ๆ ๆ มีเวลามาดูอีกที หลังจากปิดตลาดแล้ว หมดโอกาสขาย

ผมว่า ศึกษาหาความรู้ครับ ว่าตอนนี้หุ้นตัวไหนลงมา และราคาน่าเข้าซื้อ

จำได้ว่า พี่ลูกอิสาณ บอกว่า ถ้าเจอหุ้นที่คำนวณแล้วมีอัพไซด์ 50% เราก็ยังสามารถขายตัวที่ขาดทุน 15% มาซื้อได้

take it easy  ดีกว่า

[quote="oatty"]ไม่ได้อ่านเวบหลายวัน เพิ่งเห็นที่ขาดทุนหนัก แต่น้อยกว่าผม 555

ไม่รู้เป็นความโชคดี หรือ โชคร้าย กันแน่ ช่วงตลาดกำลังแดง ๆ กัน
งานผมก็ยุ่ง ๆ ๆ มีเวลามาดูอีกที หลังจากปิดตลาดแล้ว หมดโอกาสขาย

ผมว่า ศึกษาหาความรู้ครับ ว่าตอนนี้หุ้นตัวไหนลงมา และราคาน่าเข้าซื้อ

จำได้ว่า พี่ลูกอิสาณ บอกว่า ถ้าเจอหุ้นที่คำนวณแล้วมีอัพไซด์ 50% เราก็ยังสามารถขายตัวที่ขาดทุน 15% มาซื้อได้

take it easy

ตอบ จขกท. ผมเองเมื่อ 5-6 เดือนที่แล้วที่ลงทุนใหม่ๆ ขาดทุนแค่ 1% ก็เครียดแล้วครับ ถามแต่ว่าทำไมๆ เราไม่ดูฃให้ดีซะก่อน ต่อไปจะรอบคอบกว่านี้ แล้วก็เหมือนเดิมซื้อหุ้นตามคนอื่น คนอื่นว่าดีก็ซื้อทั้งๆที่เราเองกลับไม่ได้เข้าใจหุ้นตัวนั้นซักเท่าไหร่

จนตอนนี้ขาดทุน16% มาคำนวนดูดีๆ ผมขาดทุนกับหุ้นที่ผมไม่รู้จักดีพอซึ่งตอนนี้ขายไปหมดแล้ว (ปรับพอร์ตใหม่หมด) ไปร่วม10% พูดง่ายๆถ้าผมไตร่ตรองให้ดีจริงๆมาตลอด ตอนนี้ผมคงลบน้อยกว่านี้

ที่จะบอกก็คือตอนนี้ผม -16% แต่ผมกลับสบายใจมากกว่าวันที่ผม -1 หรือ 2% ในช่วงลงทุนใหม่ๆเสียอีก เพราะผมคิดว่าได้ศึกษาและเข้าใจในธรรมชาติของหุ้นที่เราลงทุนมากพอ ซึ่งต่อให้ราคาหุ้นลงไปมากแค่ไหน อย่างเดียวที่รู้สึกคือ "ไม่มีตังค์ซื้อเพิ่มซะแล้วกรู" แต่ความรู้สึกเครียดนั้นกลับแทบจะไม่มีเลย

ลองทบทวนดูครับ ถ้ามั่นใจในตัวเอง และคิดว่าเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วก็ปรับพอร์ตตั้งแต่ตอนนี้ครับ

อ่านความเห็นทุกคนแล้วยิ้มเลยครับ ขนาดหุ้นตกกันขนาดนี้ ดูทุกคนก็ยังอารมณ์ดี  :lol:

ผมเองก็โดนไป -16% แล้ว ได้แต่ปลอบใจตัวเองครับ หุ้นตกเป็นเรื่องธรรมชาตตตตตตติ 555555

ของผมโดนไปประมาณ 30% ตอนสิ้นปีที่แล้วยังกำไรอยู่เกือบ 15% อย่างนี้เท่ากับผมโดนไปกลับ 45% หรือไม่ครับ

ตอนเริ่มตกก็เห็นพื้นฐานยังดีอยู่เลยไม่ได้สนใจ มีแต่ซื้อเพิ่มตอนที่ราคาลดลงมา ไปๆมากระสุนหมด ตอนนี้ได้แต่นั่งดูตาปริบๆ อยากได้แต่ไม่มีกระสุน

พี่ๆดูจังหวะออกแบบนี้กันอย่างไรอ่ะครับ คือดูพื้นฐานก็โอเค กำไรไตรมาสก็เพิ่ม แต่ราคามันก็ลด เลยไม่กล้าขาย คือพึ่งเข้าตลาดมาได้ประมาณปีเศษเอง

ขอบคุณครับ

อารมณ์ดีซิครับ
เพราะถ้าอารมณ์ไม่ดี คงกระโดดตึกกันเหมือนตอนปี 2540
จนต้องลงหน้าหนังสือพิมพ์หัวเขียวรายวัน

เข้ามาชนะตลาดด้วยคนครับ โดนไป 50% แล้ว
ยังดีที่ลงไปครึ่งเดียวของเงินที่คิดจะลง พึ่งเข้าตลาดตอนเมษาครับ กะลัง peak เลย

สิ่งที่ได้คือ บทเรียนครั้งสำคัญครับ ว่าไอ้ที่เราคิดว่าเรารู้แล้ว ที่จริงยังรู้น้อยมาก ตอนนี้เลยตั้งหน้าตั้งตาหาความรู้เพิ่ม

ดีนะที่งานประจำที่ทำอยู่ยังเลี้ยงตัวได้แค่ลำบากขึ้น แถมทรัพย์สินที่ต้องผ่อนก็ไม่มี เลยยังดูเหมือนไม่เป็นอะไร

แต่ลึกๆ แอบเครียดตลอดเลยครับ ตอนไม่มีพอร์ทหุ้นไม่รู้สึกเครียดลึกๆ ติดพันนานขนาดนี้

Aegis เขียน:เข้ามาชนะตลาดด้วยคนครับ โดนไป 50% แล้ว
ยังดีที่ลงไปครึ่งเดียวของเงินที่คิดจะลง พึ่งเข้าตลาดตอนเมษาครับ กะลัง peak เลย

สิ่งที่ได้คือ บทเรียนครั้งสำคัญครับ ว่าไอ้ที่เราคิดว่าเรารู้แล้ว ที่จริงยังรู้น้อยมาก ตอนนี้เลยตั้งหน้าตั้งตาหาความรู้เพิ่ม

ดีนะที่งานประจำที่ทำอยู่ยังเลี้ยงตัวได้แค่ลำบากขึ้น แถมทรัพย์สินที่ต้องผ่อนก็ไม่มี เลยยังดูเหมือนไม่เป็นอะไร

แต่ลึกๆ แอบเครียดตลอดเลยครับ ตอนไม่มีพอร์ทหุ้นไม่รู้สึกเครียดลึกๆ ติดพันนานขนาดนี้

เป็นกำลังใจครับ เคยเครียดเหมือนกัน นานแล้ว เดี่ยวนี้ไม่เครียด ก็แค่หุ้นขึ้น หุ้นลง และเราก็ได้เรียนรู้

ซือแป๋ วิบูลย์บอกไว้ว่า "ซื้อเพราะอะไร ก็ขายเพราะอย่างนั้น"

เช่น ทำไมคุณซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ เช่น ซื้อแบงก์อยุธยาเพราะเห็นว่าการตลาดดี ฐานะทางการเงินดี สินเชื่อรายย่อยเจริญเติบโตได้ดี ถ้าตอนนี้หรือในอนาคตเห็นว่าเหตุผลที่เราซื้อไม่เป็นงั้นอีกต่อไป ก็ขาย

เช่น ทำไมซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะเห็นราคาน้ำมันจะไม่มีวันลงในระยะยาว มีแต่จะขึ้น ถ้ายังเชื่ออย่างนั้นก็ไม่ขายครับ

ayethebing เขียน:ซือแป๋ วิบูลย์บอกไว้ว่า "ซื้อเพราะอะไร ก็ขายเพราะอย่างนั้น"

จริงๆเจ้าของคำพูดคือคุณ"คัดท้าย"ครับ
ผมไปลักจำมา
แต่ตอนนี้ท่านคัดท้ายไม่รู้หายไปไหน
ตั้งแต่แอ็ดมินวงแตกคราวที่แล้ว
ก็ไม่เจออีกเลย

ว่างๆเข้ามาได้นะท่านคัดท้าย
พ่อแม่ให้อภัยหมดแล้ว อิ อิ
(สังเกตไหมว่า หุ้นตกยังอารมณ์ดีได้)

ayethebing เขียน:ซือแป๋ วิบูลย์บอกไว้ว่า "ซื้อเพราะอะไร ก็ขายเพราะอย่างนั้น"

เช่น ทำไมคุณซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ เช่น ซื้อแบงก์อยุธยาเพราะเห็นว่าการตลาดดี ฐานะทางการเงินดี สินเชื่อรายย่อยเจริญเติบโตได้ดี ถ้าตอนนี้หรือในอนาคตเห็นว่าเหตุผลที่เราซื้อไม่เป็นงั้นอีกต่อไป ก็ขาย

เช่น ทำไมซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะเห็นราคาน้ำมันจะไม่มีวันลงในระยะยาว มีแต่จะขึ้น ถ้ายังเชื่ออย่างนั้นก็ไม่ขายครับ

สิ่งที่พบเห็นได้บ่อยก็คือ

เมื่อซื้อหุ้นแล้ว  ราคาหุ้นขึ้น  เราก็มักจะมั่นใจว่า  สิ่งที่เราคิดวิเคราะห์ไว้ถูกต้อง  มั่นใจ

แต่ถ้าซื้อหุ้นแล้ว  ราคาหุ้นตก  สิ่งที่เราเคยมั่นใจก็เริ่มลังเลใจ  จนกระทั่งขาดความมั่นใจ  สับสน  กระวนกระวายใจ

ถ้าตอนเราซื้อ  คิดแบบลงทุนไม่คิดที่จะขาย  ความกังวลก็คงลดลง

...   มันยังไม่ใช่วันสิ้นโลกหรอก   ...


...   ยังไม่มีเสียงระฆังหมดยก   ...


...   พรุ่งนี้คาดว่ายังมีพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า   ...


...   สำรวจร่างกายว่า อวัยวะย้งอยู่ครบเหมือนตอนตื่นนอนเมื่อเช้าหรือไม่


...   คืนนี้เข้านอนแล้วพยายามข่มจิตใจหลับให้สบาย   ...


...   ตถตา   ----- มันเป็นเช่นนั้นเอง ---  พระพุทธองค์ตรัสไว้   ...


...   แล้วมันจะผ่านไปเป็นอดีต และ เป็นประสบการณ์ของชีวิตเรา   ...


...   สู้ต่อไปสหายเอ๋ย   ชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง   ...


...  


       ...

ผมคิดว่า ถ้าตอนนี้รู้สึกไม่มีความสุข ลองปรับพอร์ตดูตัวไหนที่เราชอบที่สุดก็คงไว้มากหน่อย คิดเสียว่าเรามีสุขกับการได้มีส่วนร่วมของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่  แต่ถ้าทำแล้วยังไงก็ไม่ไหว กินข้าวไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ก็ตัดใจซะเถอะครับ รักษาสุขภาพจิตเราดีกว่า เดี๋ยวจะตายก่อนไม่ได้ใช้ตังค์  

ส่วนตัว อิอิ พอร์ตติดลบมาตั้งแต่กลางปีแระครับ  5 -9 % แต่ก็ยังกินอิ่มนอนหลับอยู่นะ ผมก็เลยยังไม่ขาย และคิดว่า  " ฟ้าหลังฝน " จะทำให้ทุกคน Happy เหมือนละครตอนจบ....

ปล. ความคิดเห็นส่วนบุคคลครับ

บางท่านที่เพิ่งเข้ามาเริ่มลงทุนในช่วงวิกฤตนี้ อาจคิดว่าตัวเองโชคร้าย ทำไมเพิ่งเริ่มก็ต้องมาเจอบทเรียนโหดๆ แบบนี้
แต่ในอีกมุมนึงก็โชคดีนะครับ ถ้าเพิ่งเริ่มลงทุน หลายท่านก็คงจะลงทุนด้วย
ิเงินบางส่วนของเงินเก็บ  เงินที่เสียหายไปก็คือค่าวิชา  ท่านยังมีเงินเก็บอีกส่วนไว้ลงทุน ยามที่ท่านเข้าใจในบริษัท และราคาหุ้นมี mos เพียงพอ ท่านยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ครับ

คนรู้จักผมหลายคน เพิ่งเริ่มลงทุนจริงจังปีสองปีที่แล้ว ได้กำไรมาเป็นเด้งหรือเกือบเด้งในปีที่แล้ว นึกว่าบรรลุขั้นเซียน พอปีนี้ก็เลยทุ่มหมดตัว เดิมลงทุน 5 หลัก ก็มาลงทุน 6 หลัก หรือ เดิมลงทุน 6 หลัก ก็มาลงทุน 7 หลัก  แถมยังเลนหุ้นที่เสี่ยงกว่าเดิมอีกต่างหาก (เพราะด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น) ตอนนี้พอร์ตแต่ละคนติดลบมากกว่า 30% หรือ 40% (ของพอร์ตที่ใหญ่ขึ้นสิบเท่าจากเงินเก็บ)

ฉะนั้นหลายๆ ท่านที่เพิ่งเริ่มลงทุนยังมีโอกาสแก้ตัวนะครับ ลองคิดดู ถ้าท่านเริ่มเมื่อปีที่แล้ว ท่านอาจหมดโอกาสแก้ตัว

มาลงทุนแบบเน้นคุณค่ากันเถอะครับ

[quote="สวนหย่อม"]บางท่านที่เพิ่งเข้ามาเริ่มลงทุนในช่วงวิกฤตนี้ อาจคิดว่าตัวเองโชคร้าย ทำไมเพิ่งเริ่มก็ต้องมาเจอบทเรียนโหดๆ แบบนี้
แต่ในอีกมุมนึงก็โชคดีนะครับ ถ้าเพิ่งเริ่มลงทุน หลายท่านก็คงจะลงทุนด้วย
ิเงินบางส่วนของเงินเก็บ

ชอบความเห็ฯคุณ Jeng กับ คุณ Miracle ตอนนี้วิกฤติจริงๆ

ดูแค่ lehman ผ่านสงครามโลก วิกฤติ black monday ยังผ่านมาได้แต่รอบนี้ไม่ได้แสดงว่าหนักกว่าเดิม ของผมก็ ลบ 25 % คิดว่าอาจต้องตัดขา แน่งานนี้แต่หลังตลาดลบมาก ๆ มักจะขึ้นแรงเหมือนกันนะครับ

ตอนนี้ผมว่า กองทุนจีน อินเดีย และ อาหรับ อาจกำลังจ้อง ตลาดทุนไทยตาเป็นมันก็ได้ ยังไงโลกการเงินอนาคตคงต้องมาอยู่ที่จีนไม่ก็อาหรับมั้งครับ

[quote="chatchai"]

สิ่งที่พบเห็นได้บ่อยก็คือ

เมื่อซื้อหุ้นแล้ว

ลองเทียบกับเหตุการณ์ราคาผันผวนในช่วงวันที่ 16/9/08 - 19/9/08 รวม 4 วัน ดูนะครับ ราคา PTT เริ่มจาก 228 ขยับไป 230 แล้วทิ้งดิ่งมาที่ 200 แล้วก็ขยับไต่ไปที่ 228 เหมือนเดิม ตื่นเต้นน่าดูนะครับ แล้วลองสมมติว่า ได้ดูราคาครั้งแรกในวันที่ 16/9/08 ราคาอยู่ที่ 228 แล้วไปเที่ยวป่า กลับมาดูอีกครั้งในวันที่ 19/9/08 ราคาก็อยู่ที่ 228 ก็คงไม่รู้สึกอะไรเพราะราคาเท่าเดิม แต่ถ้าเฝ้าติดตามราคาทั้งวันทุกวัน น่าจะเครียดมาก และอาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดไป
         ถ้ามั่นใจว่าบริษัทที่ลงทุน เป็นบริษัทที่ดีเข้มแข็ง ยังไงก็ต้องกลับมาครับ แต่ถ้าตามราคาทุกวันคงเครียดมาก ให้สมาธิไปอยู่ที่คุณภาพของกิจการน่าจะสบายใจกว่านะครับ