หน้า 2 จากทั้งหมด 2

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 6:43 pm
โดย ลูกอิสาน
ส่วนตัวผมว่าตามที่พี่นันชันแนะนำ น่าจะเหมาะแล้วครับ

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 7:22 pm
โดย สวนหย่อม
มาให้กำลังใจครับ

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 7:40 pm
โดย Reminiscence of 3 Dogs
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
ผมอาจจะเขียนดูเครียดๆไป แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องทะเลาะอะไรครับ
ภาษาเขียนอาจจะดูเกรี้ยวกราดไป
ยังไงก็ยังรักแม่  ไม่ให้หุ้นมาทำลายความสัมพันธ์ได้

สรุปแล้วผมโทรไปหาตอนบ่าย3เมืองไทย
แม่ขายไปก่อนเที่ยงครึ่งทั้ง BANPU,PTTEP
และมีเงิน surprise  อีกก้อนไปเปิดกองทุน TMB50 อะไรซักอย่าง
อันนี้ดูแล้วปล่อยให้ท่านตัดสินใจเองครับ

ตอนแรกผมก็คิดว่าจะปล่อยเลยตามเลยไม่ไปจัดการอะไรทั้งสิ้นครับ
แต่ยอดเงินที่นำมาเปิดมากเกินไปมากจริงๆ ในระดับที่ปล่อยไปเฉยๆไม่ได้
และท่านยอมเปิดปากพูดแบบนี้ครั้งไหน
ก็พอเดาได้ว่าต้องการให้ช่วยถึงยอมถาม

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 7:47 pm
โดย juzzz
ผมว่าดูพื้นฐานเป็นหลัก ถ้าหุ้นที่อยู่ในพอร์ดพื้นฐานดี ก็รอรับปันผลไปเรื่อยๆ
เพราะยังไงมันก็ไม่ล้ม

แต่ถ้าหุ้นไม่ดีผมว่าถ้าอยู่ในตัวเลขที่ยอมรับได้ก็น่าจะขายครับ  ตอนนี้ผมว่าบางทีมันอาจจะเพิ่มเริ่มต้นก็เป็นได้...

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 8:42 pm
โดย leksmile
ผมเล่าจากประสบการณ์ผมเองให้ฟังแล้วนะครับ

ตอนปี 38 สมัยนั้นผมtrade port ให้ที่บ้านแต่แบบไม่ได้ตัดสินใจคนเดียวก็จะช่วยกันคิดขัดแย้งกันความคิดเห็นกันบ้างกับแม่ จังหวะซื้อๆขายๆจะไม่ค่อยตรงกันทำให้ ยิ่งจังหวะจาก 1700 ลงมานี่ทำให้ขาดทุนไปเยอะ จนเหลือน้อยที่สุดคือ 10%  (เหลือแค่ 10% จากเงินลงทุนนะครับ) แต่เงินก้อนนี้ใช้จ่ายด้วยนะครับ ผมเลยขอ lock เงินก้อนนี้ มาลงทุนอย่างเดียว ผมใช้เวลา 3 ปี ทำเงินกลับมาที่ 100% คืนให้แม่ได้

เพราะงั้นผมเชื่อว่าถ้าคุณ 3 dogs นำ port มาบริหาร จะหาทุนกลับมาคืนให้แม่ต้องทำได้แน่ๆ แต่องประกอบอย่างอื่นๆคงต้องแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ล่ะครอบครัวล่ะครับ ว่าจะเหมาะสมในรูปแบบไหน เงินแม่เงินลูกอยากกันขนาดไหนอะไรแบบนี้

เรื่องมันอยู่ที่ใจครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 9:30 pm
โดย aprasert
เรื่องแบบนี้นะครับ มันสำคัญที่ใจ ถ้าใจเราคิดเรื่องเงินสำคัญมาก ก็ต้องเครียดมาก
เวลานี้ต้องมีสติ คิดให้ดี วิเคราะห์สถานการณืให้ขาด ใช้สมาธิคิดมาก จะขายหรือไม่ขายอยู่ที่วิธีคิด วิเคราะห์ก่อนอย่าเพิ่งไปมองเรื่องตัวเลข เรื่องเงิน ลองหันมามองสถานการณ์ความเป็นไปก่อน มองสถานการณ์เศรษฐกิจ มองพื้นฐานหุ้นที่เราถือ วิเคราะห์ให้รอบนะครับ
ส่วนตัวนะครับ ขายตอนนี้ต้องคิดก่อนว่าขาดทุนเท่าไร หุ้นที่ถืออยู่นะครับน่าจะตกไปอีกเท่าไร แวที่สำคัญมากๆ ถ้าลองตัดบริบทเรื่องเศรษฐกิจทั้งหมด มองแต่มูลค่าของบริษัท ตัดอดีตอนาคตไปก่อน ดูว่ามูลค่าที่เหมาะเป็นเท่าไร ต้องศึกษาให้มากนะครับ เวลานี้เหมาะที่สุดที่จะศึกษา ผมมองว่าถ้าคุณไม่ร้อนเงินนัก ให้รอสักหน่อยให้ฝุ่นควันหายตลบไปก่อน เวลาสัก 2-3 ปี ถึงแม้ไม่ได้เท่าทุนเดิม แต่น่าจะได้ดีกว่าตอนนี้นะครับ ติดตามความเคลื่อนไหวบริษัทให้ดีนะครับ ติดตามข่าวต่อเนื่อง หาจังหวะที่หุ้นเริ่มนิ่งก็ซื้อถัวตอนช่วงนั้นจะดี ถ้าถัวตอนนี้ก็คงไม่ไหว นำเชี่ยวมาก
ช่วงนี้คนตื่นตกใจกันมากต้องเปลี่ยนวิธีคิดแบบตลาด
เรื่อง Fund flow ก็สำคัญ ช่วงนี้ยังไงฝรั่งก็ขาย ส่วนกองทุนต้องเล่นตามตลาดอยู่แล้ว ขึ้นต้องซื้อลงต้องขาย เราเป็นรายย่อยไปสู้เขาไม่ได้หรอก ถ้าตามเกมเขา ต้องใช้สติ อันที่จริงช่วงนี้น่ะเล่นหุ้นง่าย เพราะเรารู้ว่าสองฝ่ายเขาคิด/ปฎิบัติอย่างไร ให้มีสมาธิไว้ อดทน ตั้งสติให้ดี รบอย่างไรก็ชนะ
ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ศึกษาให้มาก คิดให้ดี วิเคราะห์ให้ดี คนอื่นวิตกก็ยิ่งต้องตั้งสมาธิให้มาก คลื่นลมสงบเราก็จะยังมั่นคงอยู่

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 9:39 pm
โดย King_Krimson
ดูก่อนบ่ายคลายเครียดสิครับ :lovl:

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 9:46 pm
โดย phobenius
ส่วนตัวไปเที่ยวมาแล้ว ได้ผลจริงๆ นะคร้าบ.... สบายใจถึงแม้หุ้นจะลง รู้งี้อาทิตย์นี้ยังไม่น่ากลับมาก่อนเลย...... :?

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 10:13 pm
โดย Hughes
สองตัวนี้คงไม่เจ๊งมั้งครับ ดองๆไว้แล้วค่อยกลับมาขายอีก5ปีดีป่าว

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 10:57 pm
โดย earthcu
มาให้กำลังใจครับ หวังว่าหลังวิกฤติครั้งนี้  Port ของเพื่อนๆทุกคนจะ ฟื้นกลับมาได้ทุกคนนะครับ ยังไงก็อย่าลืมคิดถึงคนที่อยู่ข้างๆเรานะครับ ถ้าเราเองไม่สบายใจ คนทีรักเราก็จะไม่สบายใจไปด้วยครับ พยายามคิดนะครับว่าเงินทองไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิตครับ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเราครับ

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 9:44 am
โดย 007-s
สรุปแล้วผมโทรไปหาตอนบ่าย3เมืองไทย
แม่ขายไปก่อนเที่ยงครึ่งทั้ง BANPU,PTTEP
ไม่เป็นไรค่ะ ทนไม่ไหวก็ขาย แล้วค่อยเอาใหม่

อย่าให้เกมเล่นเรา รอในจังหวะที่เราเล่นเกม แล้วลงมือใหม่

ไปรอที่จุดสตาร์ท ดิฉันเชื่อว่า ทั้งการตัดสินใจของพี่ Reminiscence of 3 Dogs และคุณแม่ ถ้าตัดสินใจร่วมกัน ปรึกษาหารือกันอย่างเปิดใจรับ
ดิฉันเชื่อว่า เอาคืนได้แน่นอน

ไปรอที่เส้นสตาร์ทรอบใหม่ค่ะ
เล็งใหม่ จนกว่าจะมั่นใจว่านั่นเป็นเส้นสตาร์ท แล้วไปเข้าแถวรอไว้
อย่ารีบเข้า ต้องมั่นใจก่อนว่าเรียงตัวเป็นเส้นสตาร์ทของจริง แล้วค่อยทะยอยลงมือ

คนที่ต้องตัดขาดทุนมากๆ ดิฉันคิดว่า ไม่ควรเล่นสวน เพราะมันจะหลอน เด้งปุ้ปจะรีบขาย เพราะมันหลอน ดังนั้นจึงเป็นเหตุเป็นผลว่า น่าจะรอให้เห็นเส้นสตาร์ทฟอร์มตัวให้สวยๆก่อน มันจะเป็นการลงมืออย่างมั่นใจกว่า อาการหลอนจะหายไปค่ะ

ฝึกใจให้นิ่ง เด้งไม่ตาม เด้งมากน้อยแค่ไหน จดไว้ ลงมาแค่ไหนมองดู ไม่เล่นด้วยเด็ดขาด ถ้าเกมไม่อยู่ในการควบคุมของเรา

..................

จริงๆ ตอนแรกดิฉันกะว่า อย่างพี่ Reminiscence of 3 Dogs ไม่จำเป็นต้องใช้คำแนะนำของใครเลย (โดยเฉพาะดิฉันเนี่ยนะ :lovl: )
แต่พิจารณาจากสำนวนเขียนแล้ว รู้สึกได้ถึงรังสีความเครียด ซึ่งคงทำให้มึนๆได้ ก็เลยลองเขียนมาให้พี่ลองอ่านๆดูหน่อย จะผิดจะถูกอย่างไร ขึ้นอยู่ที่พี่จะนำไปคิดและตัดสินใจอีกทีนะคะ

เอาใจช่วยพี่และคุณแม่
ทุกอย่างมันจะผ่านไป เพราะทุกอย่างล้วนดำเนินอยู่
ดิฉันเชื่อว่า ฝีมือระดับพี่ ...เอาคืนได้แน่นอนค่ะ

:wink:

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 10:13 am
โดย Reminiscence of 3 Dogs
ขอบคุณความหวังดีของทุกคนครับ  
:cry: ซึ้ง สังคม THAIVI ไม่ขาดน้ำใจ
คือที่ขอคำแนะนำส่วนหนึ่งเพราะไม่สันทัดกับหุ้นพวกนี้เท่าไหร่ครับ
และยอมรับว่ามึนมากที่ปีนี้พอร์ตของตัวเอง ถึงกำไรจะหายไปเยอะ
แต่พอจะเอาตัวรอดมาได้ไม่ได้เจ็บตัวอะไร
แม้จะมีช่วงเวลาเพียงเดือนเดียวที่ไม่มีหุ้น

แต่เจอ HUGE LOSS แบบไม่ตั้งตัว ถึงขั้นงงครับ  ทำอะไรไม่ถูก
ถึงจะไม่ใช่เงินตัวเอง แต่ก็เงินครอบครัว -70% หาทางกลับยากพอควร
ก็คงต้องพยายามไปครับ   ตอนนี้ก็พอหายเครียดบ้างแล้ว


ขอบคุณความหวังดีจากทุกคนครับ  :bow:

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 7:19 pm
โดย ปรัชญา
ตลาดหุ้นดูดีขึ้นนิดเดียว
เมื่อพี่เทพกำไรต่อหุ้นดีขึ้น  บวกมาได้หน่อยหนึ่ง

คงคลายเครียดได้บ้าง
ฝากพี่กอง  ดันต่อ  สู้  สู้

ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 9:34 pm
โดย King_Krimson
:8) ใจเย็นๆครับ ปีหน้าหุ้นก็เด้งขึ้นแล้ว

คุณ ศริวัฒน์ เจ้าของ ศิริวัฒน์แซนวิส การันตีเองเลยนะครับในรายการ TNN24 ของ UBC วันที่ 28/10/51 ยังไงก็รอดูสถาณการไปก่อนครับ ไม่ขายไม่ขาดทุน แค่เสียโอกาสเท่านั้นเอง

เซียนฟันธงขนาดนี้ยังไงก็ฟังหูไว้หูละกัน

Re: ขอคำแนะนำครับ เครียด

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 03, 2012 3:28 pm
โดย pak
เปิดโผ 10 อาชีพที่เครียดที่สุดในปี 2011

คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันโลก ของเรามีปัญหารุมเร้ามากมาย เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2011 เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม ดินถล่ม พายุฝนตก หิมะตกหนัก โลกร้อน ฯลฯ ซึ่งจากการที่หลายพื้นที่ หลายประเทศต้องประสบปัญหาทางภัยพิบัติทางธรรมชาติเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ด้านสุขภาพ มลพิษทางอากาศ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ฯลฯ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นปัญหาที่หลายประเทศกำลังประสบในขณะนี้ หลายประเทศรายได้ของคนส่วนใหญ่ยังเท่าเดิม อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงต่ออาชีพในอนาคต แต่ค่าครองชีพกลับพุ่งสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่งความเครียด ทั้งนี้ ผลการสำรวจล่าสุดของสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกมายืนยันแล้วว่า ลูกจ้างกว่า 70% กล่าวว่า งานเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขาเกิดความเครียด
สำหรับการสำรวจภาพรวมของอาชีพต่าง ๆ รวม 200 อาชีพของสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่า 10 อาชีพที่สร้างความเครียดได้มากที่สุดในปี 2011 นี้ มีดังนี้

1. นักบิน

อันดับความเครียด 199
คะแนน 59.53
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 91 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9
รายได้ต่อปี $106,153.00

นักบินของสายการบินพาณิชย์ต่าง ๆ มีระดับความเครียดสูง เนื่องจากพวกเขาจะต้องรับรองความปลอดภัยของผู้โดยสารหลายชีวิตในแต่ละเที่ยวบิน อีกทั้งยังต้องทำงานภายใต้ระยะเวลาที่เข้มงวด เนื่องจากพวกเขาต้องนำเครื่องบินลงสู่ที่หมายให้ตรงตามเวลาไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นใดก็ตาม


2. เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์

อันดับความเครียด 198
คะแนน 47.60
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 111 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9
รายได้ต่อปี $90,160.00

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างและรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทให้ดีต่อหน้าสาธารณชน และยังต้องคอยนำเสนองานต่าง ๆ ต่อหน้าผู้อื่นอยู่เสมอ


3. ผู้บริหารระดับสูง

อันดับความเครียด 197
คะแนน 47.41
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 143 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 11
รายได้ต่อปี $161,141.00

ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการต่าง ๆ ภายในบริษัท ในขณะเดียวกัน ก็ต้องสามารถประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ได้โดยตรง ผู้บริหารระดับสูงนี้มักจะถูกคาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ อย่างทะลุปรุโปร่ง และมีทัศนวิสัยกว้างไกล มองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรอบด้าน นอกจากนี้พวกเขายังต้องเผชิญความเครียดเนื่องจากเขาเป็นผู้ชี้ชะตาของบริษัท หากตัดสินใจผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้บริษัทถึงกับล้มละลายได้ภายในพริบตา


4. ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์

อันดับความเครียด 196
คะแนน 47.09
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 113 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
รายได้ต่อปี $40,209.00

ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์จะต้องรู้จักจับภาพจากเรื่องราวต่าง ๆ ให้ปะติดปะต่อสอดคล้อง และเน้นจุดสำคัญให้ได้โดยผ่านเลนส์ และในบางครั้งพวกเขาก็ต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้ข่าวมาเนื่องจากความอันตรายของพื้นที่ที่ทำข่าวแล้ว ยังมีกำหนดเวลาส่งงานที่เข้มงวด และปัญหาความผิดพลาดทางเทคนิคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง


5. ผู้สื่อข่าว

อันดับความเครียด 190
คะแนน 43.56
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 129 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 8
รายได้ต่อปี $50,456.00

ผู้สื่อข่าวจะต้องเตรียมข่าว และถ่ายทอดข่าวออกอากาศให้กับผู้ชมทางโทรทัศน์ โดยปกติพวกเขาจะต้องถ่ายทอดข่าวแต่ละวันจากสตูดิโอ แต่บางครั้งก็ต้องออกภาคสนามเช่นกัน ซึ่งใน 24 ชั่วโมง มีข่าวต่าง ๆ มากมายเข้ามาเรื่อย ๆ จึงทำให้พวกเขาค่อย ๆ สะสมความเครียดเข้าไป นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูงจากการหาข่าวแข่งกับที่อื่น ๆ และต้องอัพเดทข่าวให้เร็วที่สุด


6. เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชี

อันดับความเครียด 189
คะแนน 41.05
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 135 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9.5
รายได้ต่อปี $62,105.00

เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีจะเป็นผู้ดูแลบัญชีของบริษัท ซึ่งพวกเขาจะต้องใช้สมองอย่างหนักในการคำนวณเลขมากมายให้ถูกต้องแม่นยำ พิจารณารายละเอียด และทำงานได้สำเร็จลุล่วงตามกำหนดเวลาอย่างเข้มงวด ดังนั้นจึงส่งผลให้พวกเขาเกิดภาวะกดดันทางอารมณ์และมีอาการเครียดเรื้อรังตามมาได้


7. สถาปนิก

อันดับความเครียด 185
คะแนน 39.93
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 88 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 8+
รายได้ต่อปี $73,193.00

สถาปนิกจะต้องวางแผน ออกแบบ และควบคุมตรวจตราโครงสร้างของอาคารที่พักต่าง ๆ ซึ่งจะต้องมีการคำนวณอย่างแม่นยำก่อนจะส่งให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างต่อไป ดังนั้นสถาปนิกจึงต้องจัดการกับความเครียดและความกดดันจากการออกแบบวางแผนเพื่อไม่ให้งานเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้เลย


8. นายหน้าค้าหุ้น

อันดับความเครียด 184
คะแนน 39.70
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 98 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 8
รายได้ต่อปี $67,470.00

นายหน้าค้าหุ้นจะช่วยให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นทำได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น และพวกเขาต้องคอยเกาะติดกับความผันผวนของหุ้นแต่ละตัวซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นความเครียดของพวกเขาก็ผันผวนตามการขึ้นลงของหุ้นในตลาดเช่นเดียวกัน


9. เวชกิจฉุกเฉิน (EMT)

อันดับความเครียด 183
คะแนน 39.68
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 100 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
รายได้ต่อปี $30,168.00

เวชกิจฉุกเฉิน(EMT) คือ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและภัยพิบัติในสถานที่เกิดเหตุ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้ป่วยที่อยู่ในมือพวกเขาในทันการในการนำผู้ป่วยจากที่เกิดเหตุมายังโรงพยาบาล อีกทั้งเวลาการทำงานไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการแจ้งเหตุของผู้ป่วย


10. นายหน้าอสังหาริมทรัพย์

อันดับความเครียด 181
คะแนน 38.57
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 31 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9.5
รายได้ต่อปี $40,357.00

นายหน้าอสังหาริมทรัพย์จะเป็นคนกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พวกเขาจะต้องทำงานอย่างยาวนาน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุดสุดสัปดาห์ และทำงานที่น่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจโดยต้องคอยเปิดตัวอย่างบ้านให้กับลูกค้าดูทีละราย นอกจากนี้จากสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ บวกกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการแข่งขันของธุรกิจนี้อย่างสูง ดังนั้นอาชีพนี้จึงสร้างความเครียดให้กับพวกเขาได้ไม่น้อยเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม ในชีวิตการทำงานทุกอาชีพก็ล้วนมีความเครียดด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะรับมือและแก้ไขปัญหากับงานที่เราทำ และเราแฮปปี้แค่ไหนกับงานที่ทำ หากเรารักงาน รักในอาชีพ ต่อให้งานหนัก หรือเครียดแค่ไหนรับรองผ่านไปได้แน่นอน