Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

poppo เขียน:ถ้าเมืองไทยยังมีสื่อแบบ กล้ามโต เส้นใหญ่ พูดอะไรไม่ต้องรับผิดชอบ กุข่าวลือตีกินคนอื่นโดยที่ไม่เคยถูกตัดสินให้มีความผิด

ผมว่า narok is coming soon ครับ

 :D  :D

สื่อไทยเดี่ยวนี้มีอำนาจมากเกินแล้วครับ สามารถชี้นำสังคมได้

ประเด็นของ กบข. ไฉนเลยกลายเป็นการโต้คารมด้านสื่อไปซะแล้วเล่าท่าน  :lol:

ถ้า กบข. สนใจในการลงทุนกลุ่มยานยนต์ผมเห็นว่ามีตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าYNPมาก สมมุติว่านำเงินที่ลงทุนใน YNP ไปลงทุนในหุ้น TOYOTA ญี่ปุ่นแทนในปี05เพราะปัจจัยพื้นฐานดี เมื่อเกิดวิกฤตการเงินอย่างรุนแรงในปีที่แล้วจนลามมายังกลุ่มยานยนต์ ราคาหุ้นพี่โตเลยลดลงมามาก ก็คงทำให้ข้าราชการเข้าใจได้ไม่ยากครับ  :)

เมื่อนำใจเขามาใส่ใจเรา โดยสมมุติว่าผมถือหน่วยลงทุนหนึ่งที่มีผู้บริหารนำงานลงทุนส่วนน้อยไปลงทุนในหุ้นเก็งกำไร ผมก็คงไม่สบายใจเพราะการลงทุนในหุ้นเก็งกำไรนั้นขนาดเล็กมากเกินไปเมื่อเทียบกับเงินลงทุนของท่านและมีความเสี่ยงสูงมาก ตอนเข้าท่านเข้าได้อย่างสบายๆพอเกิดปัญหาขึ้นมาหรือเกมส์จบแล้วท่านก็เหมือนกับคนตัวใหญ่มากที่แย่งกันคนอื่นออกมาให้ได้แต่ประตูบานเล็กเกินไปเสียแล้ว ถ้าเป็นผมก็จะขายหน่วยลงทุนเพราะขาดความเชื่อมั่นในผู้บริหารกองทุน แล้วนำเงินที่ได้มาไปลงทุนในBH ของปู่บัฟดีกว่าครับถือแล้วสบายใจมากมายครับ

[quote="ศิษย์เซียน007"]ประเด็นของ กบข. ไฉนเลยกลายเป็นการโต้คารมด้านสื่อไปซะแล้วเล่าท่าน

ผมได้อ่านประวัติ อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์
ตลอดชีวิตของท่าน ท่านทำแต่สิ่งดีๆเพื่อสังคมไทย
แต่ตอนช่วงนั้น รัฐบาล ของ ... (หลายคน)หาว่าท่านเป็น คอมมิวนิสต์

เหมือนกับ ท่านปรีดี พนมยงค์ กว่าที่สังคมจะยอมรับ ยอมขอโทษ บางทีมันก็สายไป

ไม่แปลกอะไรที่คนเข้าใจผิด
บางครั้งก็มีคนใส่ร้าย

เพราะหนึ่งใน ลักษณะคนไทย 20 ข้อ ในหนังสือ x-ray คนไทย บอกว่า คนไทยชอบโทษคนอื่น ชอบหาคนทำผิดเดี๋ยวนั้น

แปลกดีที่จริงๆแล้วหลายครั้งเราไม่พบคนทำผิดหรอกครับ
เพราะบางที มันไม่ใช่ความผิดของเค้า

ที่ทำงานเพื่อน ยังมีคนบอกเลยว่า ทำไมฝนไม่ตก
สงสัยเพราะคนที่ทำงาน ขับรถสีอัปมงคล

....มันยังมีแบบนี้หรือนี่

อีกอันที่ผมเห็นว่าเป็น "โอกาสพัฒนา"
(ขอใช้ศัพท์แบบ HA หน่อยนะครับ )

... นั่นคือ การกล่าวขอโทษ
ผมสงสารซื้อของที่ห้างวันนี้ เค้าถูกว่าว่ายังไม่ได้ให้เงิน
ทั้งๆที่พนักงานขายเก็บเงินไปแล้ว แต่พนักงานขายเบลอ

...แต่ได้ว่าเสียงดังไปแล้ว ว่าคุณยังไม่จ่ายเงินเลย

คนมองทั่วห้าง

... แต่พอรู้ว่าตัวเองเบลอจัด

มันไม่เคยขอโทษสักคำ
ทั้งๆที่ว่าออกไปแล้ว....

ใครเจอแบบนี้จะรู้สึกอย่างไรครับ
ผมนึกว่าถ้าเป็นผมเอง ก็คงให้อภัย(เพราะเคยโดนบ่อย จากกรณีอื่นๆด้วย)

...แต่น่าสงสารเค้าออกนะครับ

คำว่าขอโทษ พูดคุยกันดีๆ
ให้เกียรติกัน ... มันหายากมากแล้วหรือไงครับ

อย่างข่าวหลายข่าว
ตอนด่า ด่าหน้า 1

พอด่าจบ ความจริงออกมาอีก 6 เดือน

ลงหน้าท้ายๆ บอกว่าไม่เป็นที่สนใจของประชาชนแล้ว

.... สุดยอดจริงๆครับ คนเดี๋ยวนี้

ขอให้กรรมมีจริง และกรรมตามทันครับ  :!:  :!:  :!:  :!:  :!:  :!:

noooon010 เขียน: ผมสงสารซื้อของที่ห้างวันนี้

ข้อแก้เป็นคำว่า ผมสงสารคนซื้อของที่ห้างวันนี้ครับ

คิดว่าผลตอบแทนกบข.น่ะ  ดีกว่ากองทุนประกันสังคมนะคะ   เพราะเคยดูตัวเลขเมื่อปีก่อนๆ  โน้น  อีกอย่าง  กบข.มีมืออาชีพบริหาร   แต่ประกันสังคมให้ข้าราชการบริหาร

เพียงแต่เงินกองทุนประกันสังคม  เหมือนเป็นของกลาง  ไม่มีเจ้าของที่แน่นอนเหมือนเงินกบข. กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  เลยไม่มีคนโวยวายเท่าไหร่

ส่วนใหญ่เน้นไปโวยวายเรื่องหมอ/ รพ.รักษาไม่ดี  ที่จริง  เรื่องการลงทุนก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง  โดยเฉพาะเมื่อต้องจ่ายบำเหน็จบำนาญในปี 57  ที่จะถึงนี้  


ยังไม่นับว่า  บางทีฝ่ายการเมืองเข้ามายุ่มย่ามด้วยค่ะ

ผมดูรายการ คม ชัด ลึก ช่องข่าวเนชั่น  เค้าเอาคนกลางๆในวงการหุ้น+กองทุนมาพูด(ผู้จัดการกองทุนบัวหลวง , อีกคนรู้สึกเป็นผู้บริหารในกิมเอ็ง)ใน  ประเด็น กบข. ลงทุนขาดทุน  

เค้าชี้แจ้งว่าจากที่ดูข้อมูลที่  กบข. ซื้อ YNP  พบว่าเป็นการซื้อตั้งแต่เริ่ม IPO  ซึ่งตอนนั้นหุ้นตัวนี้ก็ดูดีมีอนาคต  เพราะพี่ไทยกำลังจะผลักดันไทยให้เป็นดีทร้อย เอเซีย  และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนี้เพิ่มแต่อย่างใด  แต่ที่จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น  เนื่องจากมีการแตกพาร์  ทำให้ กบข. มีหุ้นเพิ่ม

ปล.ผมว่าใครที่อยู่ในแวดวงตลาดหุ้นก็น่าจะพอรู้นะครับ ยิ่งชาว VI นี้ย่อมน่าจะรู้ซึ้งดีว่า  จะมีซักกี่คนหรือกี่พอร์ตกันเชียว  ถ้าถือหุ้นตั้งแต่ต้นปีที่แล้วแล้วปัจจุบันยังมีหุ้นอยู่  มันก็ต้องติดลบกันทุกคน หรือมูลค่าของพอร์ตมันก็ต้องลดลง เพราะหุ้นมันตกทั้งโลก  บัฟเฟตยังจนลงเลย  กบข.ติดลบ 5% เมื่อปีที่แล้ว  ผมว่าเก่งมากแล้ว  นี่ถ้าไม่มีข้อบังคับให้ลงทุนในหุ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด  สงสัยป่านนี้  ข้าราชการที่ไม่รู้เรื่องลงทุนให้หุ้น  คงหัวใจวายตาย  เพราะไม่เข้าใจว่าลงทุนมีความเสี่ยง  เล่นจะเอากำไรอย่างเดียว  ตั้งแต่ตั้งมาขาดทุนปีที่แล้วปีเดียว  ออกมาร้องดังลั่น  ทีกำไร  เงียบกริบ  เหอๆ :lol:

กบข. บริหารขาดทุน แต่จ่ายโบนัส 3 เดือน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ร

น่าเรียกเก็บภาษี 90% จากโบนัสผู้บริหาร กบข.

tae_2323 เขียน:กบข. บริหารขาดทุน แต่จ่ายโบนัส 3 เดือน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ร

น่าเรียกเก็บภาษี 90% จากโบนัสผู้บริหาร กบข.

In Trend มากครับ    

tae_2323 เขียน:กบข. บริหารขาดทุน แต่จ่ายโบนัส 3 เดือน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ร

น่าเรียกเก็บภาษี 90% จากโบนัสผู้บริหาร กบข.

แล้วกองทุนเอกชนทั้งหลาย  มีกองไหนที่มีกำไรในปีที่แล้วบ้างครับ  ผู้บริหารกองทุนเหล่านั้นได้โบนัสหรือเปล่า

ปัญหานี้ผมก็เจอมากับตัวเหมือนกัน

คนที่ไม่ค่อยเข้าใจการลงทุน มักจะมองเเต่
ผลตอบเเทนอย่างเดียวไม่ดูความเสี่ยง

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ผมดูอยู่ขาดทุน 1%
สมาชิกต่อว่ามาก บอกเขาไม่ต้องมีความรู้ฝากเงินยังมากกว่า
จะขับไล่คนบริหาร
เเต่ตอน return ปีที่เเล้ว+8% ก็เงียบเฉยๆ
คนมาทำงานตรงนี้ ทำดีเสมอตัว
พลาดโดนด่า ครับ

จนต้องเข็น employee choice  มาให้เลือก
เหนื่อยหน่ายมากๆครับ


   

ต้องเข้าใจสื่อครับ

คนทำสื่อบอกว่า สื่อจะขายข่าวได้จาก ข้อมูลที่คนไม่รู้
1 ข้อเท็จจริง เช่น ที่ดัง ก็ข่าวการเมือง ข่าวบันเทิง(จริงไม่จริงไม่รู้แต่ได้เงิน)
2 ส่วนวิเคราะห์ เช่น บทความ (สำหรับคนวิเคราะห์ไม่เป็น)

คนเล่นหุ้นเก่า ๆ ก็คงสบายเพราะข่าวเกี่ยวกับหุ้นก็มีข่าวหลอกเหมือนกัน
คนเล่นหุ้นคิดได้ว่าเป็นข่าวหลอกหรือไม่

ส่วนเรื่อง กบข. ต้องเข้าใจ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุน
สื่อก็ต้องสร้างข่าวให้น่าตื่นเต้นเพื่อขายข่าว(ผิดจริยธรรมหรือเปล่าไม่รู้แต่ได้เงิน  ต้องเข้าใจสื่อ)

ดูข่าว กบข. แล้ว คนลงทุนในหุ้นทั่วไปคงเข้าใจมันเป็นเรื่องธรรมดาของการลงทุน   แต่ต้องเข้าใจสื่อเค้าขายข่าวให้กับผู้ไม่รู้  กบข. บริสุทธ์จริงสุดท้าย
คงเป็นเหมือนเดิมคือ   ก็ไม่ผิดสุดท้ายเรื่องเงียบไป  
บทสรุปผู้บริหาร กบข. คงมีชื่อสียงเสียหายเล็กน้อย

ผมว่า ผู้บริหาร กบข.ควรจะเปิดเผยการถือครองหุ้นในส่วนตลาดทุนทุกๆ 6เดือน ก็คงจบแล้วครับ การทำการบริหารพอร์ตกอทุนที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศทุกอย่างควรจะโปร่งใสเปิดเผย ผมไม่สนใจหุ้นทึเขาถือหรอกครับ ผมสนใจวันที่เขาตัดสินใจซื้อเปรียบเทียบกับราคาของหุ้นตัวนั้นก่อนและหลังการเข้าซื้อของ กบข.ต่างหาก
ผมว่าเราควรให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ลงลึกมากกว่าการบอกกล่าวถึงปริมาณหุ้นที่ถือของ กบข. ในกรณี กบข.ก็ต้องดูพฤติกรรมของผู้บริหารว่าเป็นอย่างไร
เพราะผมให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลของผู้บริหารที่ดูแลกองทุนใหญ่ขนาดนี้ต้องมีมากกว่าเรื่องอื่น และต้องมีการตรวจสอบและเปิดเผยการทำงานของตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่
การมีนสพ.ที่แจ้งเตือน การกระทำที่ไม่ปกติ ผมว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายครับ ผมกลับชอบที่จะให้มี นสพ.แบบนี้มากๆครับ ผมเชื่อว่าถ้าสิ่งที่เขาเสนอไม่มีข้อมูลที่แท้จริงเขาก้ต้องพังพาบในที่สุด อยู่ที่ว่าทุกวันนี้เรามี นสพ.ประเภทนี้น้อยเกินไปต่างหาก(เจ้าของไม่กี่ตระกูล) เชื่อเถอะครับถ้าเรามี นสพ.หลากหลาย สิ่งที่บอกข่าวเท็จข่าวลวงอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ

ผมก็ว่าติดลบแค่ 5% นับว่าน้อยมากนะครับ ตลาดหุ้นตกไป 50%
ผมเลยไปเพิ่มเงินลงทุน จาก3% ของเงินเดือนเป็น 15% ไปเลย
แทงสวนซะงั้น

มีแต่คนห้ามผมตลอดทาง บอกว่าอย่าเลยตอนนี้มันติดลบอยู่นะ งงกันใหญ่ คิดว่าผมบ้าไปแล้วมั้ง
เอาเงินไปลงสหกรณ์ดีกว่าได้ตั้ง 7% นะ

แต่ผมไม่สนใจยืนยันตามเดิม

คำนวนง่ายๆครับ ผมเสียภาษีที่ 20% ส่งกบข.ผมได้ลดหย่อนภาษีทั้งหมด
ถ้าปีหน้าตลาดลงอีก 50% กบข.คงติดลบราวๆเท่าเดิม 5-7% ผลตอบแทนที่ได้ราว 20 - (5-7) = 13-15% อันนี้มองโลกในแง่ร้ายสุดๆแล้วนะ

แต่ถ้าหุ้นเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น ผลตอบแทน 20% up ครับ :lol:

ดังนั้นเสี่ยงน้อยมากๆๆๆครับ ยังไงก็มากกว่า 7% แน่นอนครับ

เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน YNP นี่อนาคตสดใสครับ เนื่องจากเป็นผู้ผลิตท่อไอเสียรายใหญ่ของประเทศ  และเป็นไปในทิศทางเดียวอุตสาหกรรมยานยนต์ในขณะนั้น PE Sector ประมาณ 14-15 ได้ แต่ตอนนนี้อะไร ๆ ก็แย่ไปหมด PE Sector หายไปเป็นครึ่ง บวกกับคนในออกลาย (มานานแล้ว) ราคาเลยดำดิ่งอย่างที่เห็น

ต่างกรรมต่างวาระครับ แต่เรื่องที่ กบข ยังถือหุ้นอยู่ในปัจจุบันไม่ขอวิจารณ์ครับ

วันนี้ +26% เลยครับ

ใครมาช่วย กบข. เอ่ย :lol:

ถ้าให้เลือกเอาเงินไปไว้ระหว่าง กบข. กับ สปส.
ผมเอาไปใส่ กบข. 100% เลยครับ

ถ้าใครได้เจอคนจากมั้ง 2 กองทุน จะรู้เลยว่า กบข. เป็นมืออาชีพกว่าเยอะ

มาดูพอร์ตของทั้ง 2 กองทุน จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ ซึ่งปีที่แล้ว Yield ลงเยอะมาก จึงคิดว่าทั้ง 2 กองน่าจะได้กำไรจากตรงนี้ไปค่อนข้างเยอะ

ถ้าระยะต่อไป Yield เกิดเด้งขึ้นมาเยอะๆ ผมว่าผลตอบแทนทั้ง 2 กองดูไม่จืดแน่ๆ

วันที่ 03 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11346 มติชนรายวัน


กบข.โล่งไตรมาสแรกไม่ขาดทุน

มูลค่าสินทรัพย์เพิ่ม3.2พันล้าน ลดลงทุนหุ้นโหมฝาก-ซื้อบอนด์



กบข.เริ่มหายใจคล่องขึ้น โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก มูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 3.2 พันล้าน ชี้เหตุสถานการณ์ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น แต่ยังไม่กล้าสรุปทั้งปี ขอดูระยะยาวอีกที หันกลับมาใช้นโยบายอนุรักษนิยมป้องกันความเสี่ยง ลดสัดส่วนลงทุนในหุ้น หันมาฝากเงิน-ซื้อพันธบัตรหนีความเสี่ยงสูง ให้คำมั่นปฏิบัติตามกรอบอย่างเคร่งครัด

รายงานข่าวจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แจ้งว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ในส่วนของสมาชิก กบข.ปรับเพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นเดือนมกราคมหรือ ณ วันที่ 5 มกราคม 2552 มูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 307,027.57 ล้านบาท หรือมูลค่าต่อหน่วยอยู่ที่ 14.0731 บาท ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม อยู่ที่ 309,799.55 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 2,751.98 ล้านบาท และมีมูลค่าต่อหน่วยอยู่ที่ 14.0140 บาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ณ สิ้นปี 2551 หรือวันที่ 30 ธันวาคม 2551 ที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 306,556.06 ล้านบาท พบว่ามีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 3,223.48 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2552 พบว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิในส่วนของสมาชิกไม่รวมเงินสำรองอยู่ที่ 309,762.81 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากเดือนมีนาคม มูลค่าต่อหน่วยอยู่ที่ 14.0063 บาท ซึ่งหากรวมเงินสำรอง มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ กบข.จะอยู่ที่ระดับ 389,700.02 ล้านบาท

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กบข. กล่าวว่า มูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม จะส่งผลให้ทั้งปีดีขึ้นมากหรือไม่นั้น จะต้องดูภาวะตลาดทุนในระยะยาวก่อน แต่โดยภาพรวมแล้วถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว สำหรับการลงทุนนั้นที่ผ่านมา กบข. ได้คงนโยบายการลงทุนตามกรอบ พระราชบัญญัติ กบข. และกฎกระทรวงที่กำหนดมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มจัดตั้ง กบข. ในปี 2540 โดยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนตั้งแต่ปีก่อตั้งจนถึงปัจจุบันยังเป็นบวกที่ 7.04%

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดจากความผันผวนทางเศรษฐกิจของโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย กบข.ได้มีการปรับลดสัดส่วนลงทุนในหุ้นลง และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินสด พันธบัตรรัฐบาล รวมทั้งชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ และการลงทุนก็อยู่ในกรอบที่กฎกระทรวงกำหนดอย่างเคร่งครัด โดย กบข.ต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคงสูงไม่น้อยกว่า 60% และการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ได้ไม่เกิน 40%

ป.ป.ท.แฉผลสอบ กบข. 'วิสิฐ' ซื้อขายหุ้น PTT-YNP-LH ตัดหน้ากองทุนโดยไม่ได้ขออนุญาต  
ป.ป.ท.แฉผลสอบ กบข. 'วิสิฐ' ซื้อขายหุ้น PTT-YNP-LH ตัดหน้ากองทุนโดยไม่
ได้ขออนุญาต

              รายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า รายงานผลการตรวจสอบการ
บริหารและการลงทุนกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) รวม 44 หน้า ซึ่ง
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ส่งถึง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุถึงการซื้อขายหลัก
ทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการซื้อตัดหน้ากองทุน (Front running)
              ทั้งนี้ การซื้อขายทิศทางตรงกันข้ามกับการลงทุนของกบข. (Against
Portfolio) ที่อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดย
ฝ่ายธรรมาภิบาล กบข. สุ่มตรวจข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์พบว่า นายวิสิฐ ตันติ
สุนทร เลขาธิการกบข. ได้ทำรายการซื้อขายหุ้นบริษัทยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)
หรือ YNP บริษัทแลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH และบริษัทปตท.จำกัด
(มหาชน) หรือ PTT เป็นการส่วนตัว โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อนและซื้อขายหลักทรัพย์
ตามระเบียบ กบข.ที่กำหนดให้ต้องขออนุญาตก่อนซื้อขายทุกครั้ง นอกจากนี้นายวิสิฐ
ยังขาดส่งรายงานการซื้อขายหุ้นที่กำหนดให้ต้องรายงานเป็นรายไตรมาส รวม 8 ไตร
มาส
              ทั้งนี้คณะทำงานป.ป.ท. ได้นำข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
ระดับสูงใน กบข.มาวิเคราะห์พบว่า นายวิสิฐมีพฤติกรรมการซื้อขายหุ้น YNP LH และ
PTT ในลักษณะก่อนและหลัง หรือพร้อมกันกับวันที่ กบข.ได้ทำการซื้อขายหลัก
ทรัพย์ดังกล่าวหลายครั้งหลายหน เช่น การขายหุ้น YNP ในวันที่ 25 เม.ย. 51 เป็นการ
ขายก่อนการขายของกบข.เพียง 3 วัน
             ส่วนการขายหุ้น LH และ PTT หลายครั้งหลายหนที่พบว่า เป็นการซื้อก่อน
หน้า กบข.เข้าซื้อไม่กี่วัน ส่วนการขายพบว่าเป็นการขายวันเดียวกับการขายของกบ
ข. หรือขายก่อนการขายของกบข.เพียงไม่กี่วัน พฤติการณ์ของนายวิสิฐเข้าข่ายเป็น
การซื้อก่อนหน้าและดักหลัง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนระเบียบกองทุนกบข.ว่าด้วยการซื้อขาย
หลักทรัพย์เพื่อบัญชีของพนักงาน พ.ศ.2546 และยังเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับ
จรรยาบรรณของเลขาธิการ ที่นายวิสิฐได้ลงนามประกาศไว้ในวันที่ 31 มี.ค. 2546
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 06200.html

ป.ป.ท.แฉผลสอบ กบข. 'วิสิฐ' ซื้อขายหุ้น PTT-YNP-LH ตัดหน้ากองทุนโดยไม่ได้ขออนุญาต  



ถือว่าผิดอย่างแรงถ้าเป็นเรื่องจริง

คุณ วิสิฐ โดนเข้าไปอีกดอกแล้ว ถ้าเป็นความจริงก็ไม่แฟร์เลยครับ

เอ ผมว่าแกไม่น่าจะพลาดง่ายๆ งง  :roll:

คนที่มีอำนาจ บางครังก็คิดอะไรง่ายๆว่า ไม่โดนหรอก
แต่ปัจจุบัน ผมว่ากรรมมันติดไฮสปีดเลยอ่ะ :lol:

นอกจากนี้นายวิสิฐยังขาดส่งรายงานการซื้อขายหุ้นที่กำหนดให้ต้องรายงานเป็นรายไตรมาส รวม 8 ไตรมาส

สงสัยว่าทำไมให้คุณวิสิฐรายงานการซื้อขายของตัวเอง ทำไมไม่ใช่โบรกเกอร์เป็นคนรายงาน แล้วคนตรวจสอบทำไมไม่มีการทวงถามเลย

f.escape เขียน:นอกจากนี้นายวิสิฐยังขาดส่งรายงานการซื้อขายหุ้นที่กำหนดให้ต้องรายงานเป็นรายไตรมาส รวม 8 ไตรมาส

สงสัยว่าทำไมให้คุณวิสิฐรายงานการซื้อขายของตัวเอง ทำไมไม่ใช่โบรกเกอร์เป็นคนรายงาน แล้วคนตรวจสอบทำไมไม่มีการทวงถามเลย

การรายงานเป็นหน้าที่ของเจ้าตัวครับ
คิดง่ายๆว่า อยู่ๆโปรคเกอร์จะเอาข้อมูลของใครต่อใครไปเปิดเผยคงไม่ถูกต้อง นอกจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่จะร้องขอ

คุณวิสิฐ เป็นเลขาฯ กบข. ถ้าไม่มีเหตุอะไร พวกหน่วยงานตรวจสอบภายใน คงไม่กล้ายุ่งเท่าไหร่หรอกครับ

ขนาดนักวิเคราะห์(รวมถึงภรรยา)ยังไม่สามารถซื้อขายหุ้นที่โบรกตัวเองออกบทวิเคราะห์มา 3 วัน  แม้จะซื้อขายหุ้นที่อื่น โบรกที่รับคำสั่งซื้อขายก็มีการส่งรายงานไปให้โบรกต้นสังกัด (ตามการร้องขอตั้งแต่แรก)  แต่นี่เป็นถึงเลขากองทุนใหญ่ ทำไมกฏมันหลวมๆล่ะคะ

[quote="f.escape"]ขนาดนักวิเคราะห์(รวมถึงภรรยา)ยังไม่สามารถซื้อขายหุ้นที่โบรกตัวเองออกบทวิเคราะห์มา 3 วัน