หน้า 2 จากทั้งหมด 4

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 25, 2008 2:18 pm
โดย investment biker
เพิ่งเห็นครับ กระทู้นี้ดีมากเลย
แล้วหุ้นพวก Cyclical

ช่วงที่ดีกับช่วงที่แย่

PE ควรจะอยู่ที่เท่าไหร่หละครับบบ
หุ้นพวก Cyclical ดู PE ลำบากครับ ต้องดูรอบครับ ว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง แต่เท่าที่เคยอ่านจาก Peter Lynch เวลาลงทุนหุ้นพวก Cyclical ควรซื้อช่วงที่แย่และขายในช่วงที่ดี หรือซื้อตอนที่ PE สูงและขายที่ PE ต่ำ  :wink:

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 25, 2008 2:49 pm
โดย beammy
[quote="investment biker"]เวลาลงทุนหุ้นพวก Cyclical ควรซื้อช่วงที่แย่และขายในช่วงที่ดี หรือซื้อตอนที่ PE สูงและขายที่ PE ต่ำ

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 8:50 am
โดย peter_pete
มีคำถามครับ แล้ว P/E ของหุ้นที่เราเห็นกันใน"อันดับอุตสาหกรรม"ใน settrade นี่เขาคำนวณกันอย่างไรครับ อย่างเช่น CPF วันที่ 27 สค 2552 Settrade บอกว่า P/E 7.29 นี่คำนวณจาก P วันที่เท่าไหร่ แล้ว EPS ของปีไหนบ้าง (เห็นว่าจ่ายปันผลสองครั้ง)

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 8:58 am
โดย sai
peter_pete เขียน:มีคำถามครับ แล้ว P/E ของหุ้นที่เราเห็นกันใน"อันดับอุตสาหกรรม"ใน settrade นี่เขาคำนวณกันอย่างไรครับ อย่างเช่น CPF วันที่ 27 สค 2552 Settrade บอกว่า P/E 7.29 นี่คำนวณจาก P วันที่เท่าไหร่ แล้ว EPS ของปีไหนบ้าง (เห็นว่าจ่ายปันผลสองครั้ง)
p น่าจะใช้ของวันล่าสุดที่ปิดทำการแล้ว ส่วน eps ก็ใช้ย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุดครับ  :lol:

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 5:47 pm
โดย Boyadvance
โอ้  กำลัง อยากรู้ว่า  ว่าจะสังเกต PE ยังไงพอดีเลย
ขอบคุณ พี่ี peter_pete ที่ขุดมาให้อ่าน

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 28, 2009 11:46 am
โดย vi_tal signs
ขอบคุณมากครับ    :lol:

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 24, 2009 1:12 am
โดย aodetmat
ได้ความรู้ขึ้นมากเลยครับ

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 02, 2010 9:10 pm
โดย neo_potato_Th
practical มากๆครับ :8)

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 04, 2010 8:46 pm
โดย OutOfMyMind
P/E ที่เราเห็น ๆ กันอยู่ส่วนใหญ่จะเป็น Current P/E กล่าวคือ คำนวณจาก ราคาปัจจุบัน หารด้วย EPS สี่ไตรมาส ล่าสุด

แต่การใช้ current P/E อย่างเดียว โดยเลือกซื้อบริษัทที่ P/E ต่ำนั้น ประโยชน์ก็คือ ผลตอบแทนจากการลงทุน ที่คำนวณจากการกลับหัว E/P ออกมาว่า เช่น P/E 10 เกิดจาก P=20 บาท E=2 ได้ E/P = 10% นั่นคือเราลงทุน หุ้นละ 20 บาท ซึ่งนำไปบริหารกิจการแล้วได้กำไรกลับมาปีละ 10%

แต่หากเราคาดหวังจะได้ capital gain จากราคาหุ้นที่ขึ้นไป เราต้องรู้ว่ามันจะขึ้นได้อย่างไร ซึ่งคงไม่พ้น การเพิ่มขึ้นของ E และการทัศนคติของตลาดที่ยินยอมให้ P ขึ้นตามเพื่อคง P/E ไว้ที่จำนวนเดิม หรือ สุงขึ้น

current P/E ยังมีข้อจำกัดเรื่อง บริษัทที่ดีจริง ๆ P/E กลับสูงจนไม่กล้าเข้า หรือ ธุรกิจที่เป็น cycle P/E อาจต่ำ จนหลอกให้เราเข้าไปติดกับ

หากประยุกต์นำ P/E มาใช้สำหรับการมองด้านการเติบโตละก็...

P/E อีกตัวที่มองไปข้างหน้า เขาเรียกันว่า forward P/E
คือการหารราคาปัจจุบัน ด้วย คาดการณ์ EPS ไปข้างหน้า

หากใช้ forward P/E เราก็จะสามารถประยุกต์ใช้ได้กับแม้กระทั้ง ธุรกิจที่เป็น cycle แต่สิ่งนี้ต้องการความสามารถในการอ่านตลาด หากเรามองไปข้างหน้าว่า cycle กำลังเป็นขาลง คำนวณ FWD P/E ออกมา ยังไงก็สูงจนรับไม่ได้
ก็จะไม่หลงไปติดกับ current P/E ที่ดูต่ำยั่วน้ำลาย หรือในขณะเดียวกัน current P/E บางบริษัทที่ดูว่าสูง หากลองคำนวน forward P/E แล้ว อาจจะพบว่าตอนนี้ราคามันยังต่ำ น่าเข้าไปสะสมก็เป็นได้

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 04, 2010 9:26 pm
โดย neo_potato_Th
-ปกติการใช้PEเทียบกับ growth นี่เราใช้ forward หรือ currrent PEครับ??
:?:

-เราควรนำ dividend เข้ามาคิดใน forward PE ด้วยมั้ยครับ??

รบกวนถามผู้รู้ครับ :?:

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 12:35 pm
โดย Meesuk_D
ขอบคุณมากครับสำหรับกระทู้ ปกติผมซื้อหุ้นจาก PE เป็นตัวกำหนดครับ ได้ความรู้ไปปรับปรุงอีกเยอะเลย

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 9:32 pm
โดย catty
ขอบคุณค่ะสำหรับกระท้ดีๆมีคุณค่าแบบนี้

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 31, 2010 5:42 pm
โดย Guez07
ขอบคุณมากครับ มีประโยชน์สำหรับมือใหม่มากครับ :D

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 4:23 pm
โดย verapongzz
ขอบคุณมากครับ :lol:

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2010 2:32 pm
โดย unnop.t
อันนี้เป็นการประเมินค่า P/E แบบท่านดร.นิเวศน์ คัดมาให้อ่านครับ

วิเคราะห์หุ้นแบบ VI / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โลกในมุมมองของ value investor                    8 มีนาคม 2552





นักลงทุนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่บริหารกองทุนรวมที่ต้องลงทุนซื้อหุ้นจำนวน มากต่างก็อาศัยบทวิเคราะห์หุ้นของ นักวิเคราะห์หุ้นมือ อาชีพ     แต่ผมเองแทบไม่ดูบทวิเคราะห์เหล่านั้นเลย   เหตุผลก็เพราะวิธีการลงทุนของผมนั้น   เป็นการลงทุน  “ซื้อธุรกิจ”  ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว  อย่างน้อยก็  3- 5 ปี  ขึ้นไป   ซึ่งไม่มีบทวิเคราะห์ไหนทำ   บทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์นั้นส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด  มองไปที่ผลประกอบการอย่างมากก็  1-2  ปีข้างหน้า  ดังนั้น   พวกเขาก็มักจะดูว่าบริษัทจะมีกำไรเท่าไรอิงจากผลประกอบการในปีปัจจุบัน  โดยนำเอาภาวะของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมมาเป็นตัวประกอบ    ส่วนผมเองนั้น   ผมจะสนใจในด้านของ   “โครงสร้าง”  ซึ่งเป็นเรื่องที่ถาวรกว่าและไม่ค่อยจะขึ้นกับภาวะแวดล้อมที่จะปรับเปลี่ยน ไปเรื่อย ๆ    ซึ่งโดยนัยนี้  ผมจึงไม่ค่อยสนใจภาวะเศรษฐกิจที่มีขึ้นมีลง   แต่ผมจะสนใจโครงสร้างของอุตสาหกรรมว่า   ในธุรกิจนั้นมีการแข่งขันกันอย่างไร   สนใจว่าบริษัทมีจุดเด่นหรือจุดอ่อนอย่างไร   ใครคือ  “ผู้ชนะ”  หรือจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน



การวิเคราะห์หุ้นแต่ ละตัวนั้น   แน่นอน  จะต้องดูรายละเอียดของแต่ละบริษัท   อย่างไรก็ตาม   มี  “โครงสร้าง”  และข้อมูลของธุรกิจบางอย่างที่เป็นตัวบอกว่าเรากำลังเจอธุรกิจที่ดีหรือไม่ดีได้    ข้อมูลเหล่านี้เราสามารถนำมาให้คะแนนเพื่อที่จะสรุปว่าบริษัทที่เราดูอยู่ เป็นอย่างไร  ลองมาดูรายการที่สำคัญ ๆ  



ข้อมูลตัวแรกก็คือ   กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นหรือ  roe  นี่คือข้อมูลที่ดูง่ายและมีประสิทธิภาพสูง   บริษัทที่มี  roe  สูงคือบริษัทที่ดี   ยิ่งสูงก็ยิ่งดี   แต่ต้องดูว่าเป็นการสูงอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นปกติ  ไม่ใช่สูงแค่ปีสองปีหรือในยามที่อุตสาหกรรมกำลังเป็นขาขึ้น   หลักเกณฑ์ง่าย ๆ  ในการให้คะแนนก็คือ   ถ้าบริษัทมี  roe ตั้งแต่  15%  ขึ้นไป   เราก็ให้คะแนน  บวกหนึ่ง   ถ้า  roe  ตั้งแต่  10-15  ให้คะแนนเท่ากับศูนย์    ถ้า  roe  ต่ำกว่า  10%  ลงมาให้คะแนนติดลบหนึ่ง   คะแนนที่ได้นี้จะเก็บไว้รวมกับคะแนนของข้อมูลตัวต่อไปเพื่อหาคะแนนรวมของ บริษัท



ข้อมูลตัวที่สองก็คือ  กระแสเงินสดของกิจการ   ถ้ากิจการขายสินค้าแล้วได้เป็นเงินสดในขณะที่เวลาซื้อสินค้าจ่ายเป็นเงิน เชื่อ   กระแสเงินสดของกิจการก็จะดี   ความจำเป็นต้องระดมเงินมาใช้จากภายนอกเช่นการกู้เงินหรือออกหุ้นก็ จะน้อยและจะเป็นผลดีต่อบริษัท   เกณฑ์แบบง่าย ๆ  ก็คือ   ถ้าบริษัทมีเจ้าหนี้การค้ามากกว่าลูกหนี้การค้ามากเช่นในกรณีของผู้ค้าปลีก หรือบริษัทที่ขายให้กับผู้บริโภคโดยตรงซึ่งทำให้กระแสเงินสดของบริษัทดี  ให้คะแนน  บวกหนึ่ง    ถ้าเจ้าหนี้และลูกหนี้พอ ๆ  กันเช่นในกรณีของโรงงานผู้ผลิตจำนวนมาก  แบบนี้ให้คะแนนศูนย์   ในกรณีของบริษัทที่มีลูกหนี้การค้ามากแต่มีเจ้าหนี้การค้าน้อย   นั่นคือคนที่ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อแต่ต้องจ่ายค่าสินค้าหรือวัตถุดิบในการ ผลิตเป็นเงินสด  เช่น  ผู้ค้าส่งที่นำสินค้ามาจากต่างประเทศ  แบบนี้ก็ให้คะแนน   ลบหนึ่ง  



ข้อมูลตัวที่สามซึ่งผมคิดว่าค่อนข้างสำคัญก็คือ   ความสามารถในการปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น    ถ้าบริษัทสามารถปรับราคาได้ค่อนข้างจะเร็วหรือทันที   ความเสี่ยงที่บริษัทอาจจะขาดทุนจากสต็อกสินค้าก็ไม่มีและจะทำให้สามารถรักษา ระดับของกำไรได้ค่อนข้างแน่นอน   บริษัทที่มีลักษณะของธุรกิจแบบนี้มักจะมีอำนาจทางการตลาดสูง   เราให้คะแนน   บวกหนึ่ง    บริษัทที่สามารถปรับราคาได้แต่ต้องใช้เวลาพอสมควรเช่นภายใน  3  เดือน  แบบนี้ให้คะแนนศูนย์  นี่คือบริษัททั่ว ๆ  ไปที่มักไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้ซื้อได้ทันทีเพราะมี การแข่งขันทางธุรกิจสูง   บริษัทที่ไม่มีอำนาจทางการตลาดเลยและเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่บริษัทไม่สามารถ กำหนดราคาได้เลย  เช่น  ราคาน้ำมัน  ถ่านหิน  เหล็ก  และผลิตผลทางการเกษตรต่าง  ๆ   แบบนี้เราให้คะแนน   ติดลบหนึ่ง



บริษัทที่เป็น  dominant firm  คือมีขนาดใหญ่กว่าอันดับสองมาก  มักจะมีความได้เปรียบในหลาย  ๆ  ด้าน  เฉพาะอย่างยิ่งทางด้านของต้นทุน   ดังนั้น   เราให้คะแนน  บวกหนึ่ง   บริษัทตั้งแต่อันดับหนึ่งแต่ไม่ใช่  dominant firm จนถึงอันดับประมาณ   3   ของอุตสาหกรรม ให้คะแนนศูนย์   บริษัทที่มีอันดับหลังจากนั้นให้คะแนน  ติดลบหนึ่ง   อย่างไรก็ตาม   ถ้าเราพิสูจน์หรือเชื่อได้ว่าขนาดของกิจการไม่ได้มีผลต่อต้นทุนหรือความได้ เปรียบอย่างอื่นในการแข่งขัน    เราก็ให้คะแนนศูนย์กับทุกบริษัท



ข้อมูลตัวที่ห้า  คือข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของบริษัท    กิจการบางแห่งเป็นกิจการที่ขยายงานได้โดย   “ไม่ต้องลงทุน”   นี่คือกิจการที่ใช้หรือต้องลงทุนใน  อาคาร  อุปกรณ์   เครื่องจักร  และเงินทุนหมุนเวียนของตนเองน้อย   และภายในเวลาเพียง  2-3  ปี  ก็ได้เงินคืนมาหมด  เช่น  กิจการค้าปลีกที่อาศัยการเช่าสถานที่เปิดร้านค้าเป็นหลัก   กิจการแบบนี้เป็นกิจการที่ดีเพราะจะสามารถขยายงานไปได้เรื่อย ๆ  โดยไม่ต้องกู้หรือเพิ่มทุน  ทำให้สามารถจ่ายปันผลได้สูง   แบบนี้ให้คะแนน   บวกหนึ่ง   กิจการที่เวลาขยายงานต้องลงทุนสูงพอสมควรอย่างเช่นโรงงานที่ผลิตสินค้า ธรรมดา ๆ  ที่ไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีมากนักเช่นผลิตอาหารหรือเครื่องดื่ม  หรือผลิตไฟฟ้าหรือน้ำประปา   แบบนี้ให้คะแนน  ศูนย์    กิจการที่เป็นโรงงานที่ซับซ้อนและเทคโนโลยีมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเร็วทำ ให้ต้องอัพเกรดโดยการลงทุนอุปกรณ์ใหม่ ๆ  อยู่เรื่อย ๆ   แบบนี้ให้คะแนน  ลบหนึ่ง



ข้อมูลตัวสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงที่เป็นข้อมูลสำคัญก็คือ   การเจริญเติบโต   กิจการที่โตเร็ว   นั่นคือ   ในระยะยาวโตเร็วกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจหรือ  gdp ตั้งแต่ 3 เท่าขึ้นไป   นั่นคือยอดขายโตประมาณปีละ  15%  ให้คะแนน   บวกหนึ่ง   ยอดขายโตตั้งแต่  5-15%  ต่อปีโดยเฉลี่ยให้คะแนน   ศูนย์   ยอดขายโตต่ำกว่า  5%   ต่อปีในระยะยาวให้คะแนน  ลบหนึ่ง   การเติบโตของยอดขายที่ว่านี้ต้องเป็นการเติบโตแบบทบต้นและระยะยาวตั้งแต่  5  ปีขึ้นไป  ซึ่งทำได้ไม่ง่ายนัก



รวมคะแนนทั้งหมดของบริษัทที่เราวิเคราะห์ก็จะได้คะแนนที่อาจจะเป็นบวก  ลบ   หรือเป็น  ศูนย์   บริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้  บวก  6  คะแนน  ต่ำสุดก็จะได้  ลบ  6  คะแนน  ซึ่งคงหาได้ยากพอควร    เอาตัวเลขที่ได้บวกด้วย  10   ก็จะได้ค่า   pe  สูงสุดที่เราจะซื้อหุ้นตัว นั้น   นั่นแปลว่า   บริษัทที่ดีที่สุดได้คะแนนสูงสุดเราจะซื้อต่อเมื่อ  pe  ไม่เกิน  16  เท่า  บริษัทธรรมดา ๆ   ที่คะแนนไม่บวกหรือลบเราก็จะซื้อต่อเมื่อ  pe  ไม่เกิน  10  เท่า   และบริษัทที่แย่มากที่สุดนั้น   เราไม่ควรซื้อที่  pe  เกิน  4  เท่า   และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีวิเคราะห์และซื้อหุ้นแบบ  vi  เวอร์ชั่นหนึ่ง  ที่หยาบ ๆ  และคิดในใจได้
_________________

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2010 2:36 pm
โดย unnop.t
สังเกตุไหมครับว่าแต่ละปัจจัยที่ท่านพูด มันจะสะท้อนออกมาที่ Free cash flow ของบริษัท มันก็คือการประเมินมูลค่าแบบ DCF โดยอ้อม ๆผ่านการตกผลึกความคิดเรื่อง P/E  สุดยอดครับ ...  :D

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 17, 2010 3:47 pm
โดย นพพร
ขอบคุณ คนที่ขุดขึ้นมาให้อ่านนะครับ กำลังหาเลย

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 9:59 am
โดย pitiecon
อ่านทั้งกระทู้แล้วได้ความรู้เต็มแน่นเลย

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 08, 2010 6:35 pm
โดย moonorway
ขอบคุณความรู้ดีๆที่เอามา share กันครับ

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 08, 2010 10:08 pm
โดย CHOOKY
:bow:  ขอบคุณมากครับ  ที่กรุณา ขุดขึ้นมาให้อ่าน

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 10, 2010 1:23 pm
โดย oojackoo
ขอบคุณครับ ความรู้ทั้งนั้นเลย

ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 25, 2010 1:05 pm
โดย nACrophiles_117
กระทู้ดีมากเลย ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ

Re: ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 25, 2010 2:35 pm
โดย JUMP
โชคดีจังที่เจอกระทู้นี้ ขอบคุณพี่ๆมากๆครับผม

Re: ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 29, 2010 12:13 pm
โดย GymOnyx
ขอบคุณครับ แต่ดูเหมือนตอนนี้ที่ Thai Vi ห้ามพูดเรื่อง PE แล้วนะ

Re: ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 16, 2011 9:33 am
โดย cway
ขอบคุณครับ

Re: ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 31, 2011 10:16 pm
โดย itnas
เข้ามาเก็บความรู้ ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ

Re: ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:45 pm
โดย KimVi
ขอบคุณครับ....ได้เก็บไปเป็นความรู้มากมาย

Re: ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 14, 2011 11:22 am
โดย monsoon
ขอบคุณครับสำหรับความรู้ ขอ save เก็บไว้ก่อนนะครับ

Re: ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 16, 2011 6:26 am
โดย untrataro25
ขอบคุณมากครับ

Re: ครบเครื่อง เรื่อง PE

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 16, 2011 6:19 pm
โดย Financeseed
ขอบคุณครับ