หน้า 2 จากทั้งหมด 2

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 1:07 pm
โดย hongvalue
picatos เขียน:
อย่างคุณ hongvalue เซียนฟันโฟลว์อาจจะดู Indicator บางอย่างในการ Stop ก็แล้วแต่คนไป...
เห็นพูดถึงผมเลยขอมาแจมซะหน่อย

ออกตัวก่อนนะความเห็นส่วนตัวนะไม่มีถูกมีผิดนะครับ ให้ความเห็นและเหตุผลลองฟังดู

พี่สุมาอี้เคยเขียนว่าไม่ซื้อถัวเฉลี่ยขาลงเพราะว่าถ้าอัดเต็ม port แล้วคิดผิด
การคิดผิดครั้งเดียวแล้ว port เสียหายหนักๆจะทำให้เราฉิบหายได้

ผมก็เห็นด้วยนะ ผมถามหน่อยว่ามีใครบ้างที่ซื้อหุ้น 10 ตัวแล้วถูกมากกว่า
8 ผมว่าหายากจนแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ

ปีที่แล้วคนคิดถูก หมายถึงหุ้นที่เขาลงทุนกำไรมาตามคาดแต่ว่าตลาด discount pe ลงไปแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ถ้าตอบแบบ fundflow ตอนที่หุ้นถูก discount อย่างรุนแรงปีที่แล้วเป็นเพราะ
สภาวะเงินตึงตัวมากกว่า

พี่ตี๋(ตาตี๋แซวเล่นนะพี่) บอกว่า
VI เป็นแนวคิดที่สุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายต่อพอร์ตได้รุนแรงที่สุดเมื่อเทียบกับ Technical หรือ Fund Flow
ผมก็เห็นด้วย
แต่ในทางกลับกัน vi ก็ได้เยอะมากกว่าอีกสองแนวเหมือนกัน

จริงๆแล้วแนวทาง technic ,fundflow ผมว่าใช้เป็นแนวทางเสริมน่าจะดีกว่า
เพราะสุดท้ายแล้วดู fundflow มันบอกเราได้ว่าเงินจะเข้าแต่เข้าตัวไหนเยอะกว่า คำตอบก็คือตัวที่พื้นฐานดีกว่านั้นแหละ แล้วพื้นฐานดีกว่าใช้อะไรดี
ก็ใช้หลักการ vi นั้นแหละ

หลายคนมองว่าถ้าเป็น เทคนิค ก็ไม่วีไอ เป็นฟันโฟลก็ไม่ใช่วีไอ
ผมว่าอันนี้แล้วแต่จะมองแบบไหนเพราะบางคนหลักการก็ไปด้วยกันได้
บางทีก็ขัดกันซึ่งเราต้องเลือกเอาเองว่าจะให้น้ำหนักกับอะไรมากกว่า

เอาอย่างใน ทีวีไอ  มีคนดูเทคนิคประกอบตั้งเยอะ แต่ถามว่าเขารู้พื้นฐานหุ้นไหมเขารู้อยู่แล้วไง

จริงๆแล้วมีบางคนโพสในกระทู้อื่นว่าสามารถคาดดัชนีหุ้นได้แม่นยำซึ่งความเห็นของผมคือ  ไม่น่าจะเป็นไปได้

ตอนผมกลับมาซื้อหุ้นที่ 415 ผมเห็น credit spread ลดลงก่อนในช่วง
เดือน กุมภาและกลางเดือนมีนาประกาศทำ qe มโหราร ผมเลยเข้าไปซื้อ
ถามว่าถ้าผมไม่เห็นข่าวผมจะทำไงก็ต้องรอต่อ ถามว่าผมคาดดัชนีได้ไหมก็ไม่ได้แต่ผมหาเงื่อนไขที่จะทำให้ downside การลงทุนของผมน้อยลงไปได้พอเจอผมก็ซื้อหุ้น

ดังนั้นผมไม่คิดว่าในตลาดหุ้นจะมี superindicator สมมุติเราบอกว่าหุ้นจีนเป็นชี้นำ อะไรชี้นำหุ้นจีน ก็ lei ของจีนงั้นเหรอ อะไรแบบนี้อะ
จริงๆแล้วถ้าศึกษาดีๆเรื่อง indi บางครั้งตัวที่เคยเป็น leading  บางที
มันก็เป็น coincidence นะ

กลับมาเรื่อง วีไอ ดีกว่านอกเรื่องไปเยอะ :wink:

ถามว่าตอนนี้ผมมีหุ้นไหม คำตอบคือมี แล้วผมดู fundflow ประกอบไหม
ก็ดูว่าถ้ามีสัญญาณไม่ดีผมก็ลด port หรือไม่ก็ short หุ้นโดยที่ยังถือหุ้นนั้นอยู่
โดยที่ผมมองว่าหุ้นทีผมถือจะแข็งกว่าตลาดเพราะ story มันแรงแต่ผม hedge market risk เพราะมองว่างั้นไหลออกด้วยการ short หุ้น


เท่าที่ผมศึกษาหลายๆอย่างผมว่าการเลือกหุ้น(วีไอ)เป็นหลักและอย่างอื่นเป็นตัวเสริมให้กับเรา เพราะการโยกย้ายสินทรัพย์ การกล้ารับความเสี่ยง การเกิดและหายไปของสภาพคล่องส่งผลต่อราคาหุ้นได้ทั้งนั้นถ้าคุณรู้และดูเป็นผมว่ามันก็ช่วยเรื่องการลงทุนได้

ผมเลยคิดว่ารู้ fundflow เอาไว้ดูว่าถ้ามันไม่มีอะไรรุนแรงน่ากลัวมากเราก็ถือหุ้นของเราไป แล้วเราก็คอยดู indi เอาไว้เรื่อยๆว่ามันเริ่มมีสัญญาณอะไรน่ากลัวไหม


เอ้า ตอบไม่ตรงประเด็นเจ้าของกระทู้อีกคนแล้ว  :lol:

ขอแถมให้อีกนิดนึงผมว่าถ้าไม่ขึ้นดอกเบี้ยกับเกิดดับเบิ้ลดิ๊บ
หุ้นก็ยังไม่กลัวจนเกินไป เพราะดอกเบี้ยแบบนี้
ให้หุ้นลงมากๆเงินมันก็ไม่มีที่ไปอีกนั้นแหละ

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 1:15 pm
โดย hongvalue
picatos เขียน:
อย่างคุณ hongvalue เซียนฟันโฟลว์อาจจะดู Indicator บางอย่างในการ Stop ก็แล้วแต่คนไป...
ผมว่าดูเงินตึงตัวกับดู risk appetiie นี้เร็วสุดแล้วนะ
ช้ากว่าหน่อยก็เป็น yield gap
ผมว่าหุ้นจะลงแรงๆแต่ละรอบก็ไม่พ้นไอ้สองสามตัวนี้หรอก


ไหนๆก็ไหนแล้วพูดต่อดีกว่า
เรื่องของการป้องกันความเสียหายของการคิดผิดก็คือ mos
หลายๆคนให้ความสำคัญมากเพราะปีนึงซื้อครั้งเดียวหรือ
หลายปีซื้อครั้งเดียว แบบนี้เวลาคิดผิดจะเสียหายน้อยกว่า

ผมว่าคนที่ยอมรับ mos ได้น้อยกว่าน่าจะมีวินัยเรื่อง stop loss สูงกว่า
คนที่นานๆครั้งซื้อทีนะ

อย่างผมเล่นหุ้นตัวนึงถามว่า mos เยอะไหมก็คิดว่าไหมแต่ผมคิดว่า
momentum มันใช่เพราะกำไรมัน record high แล้วน่าจะมี new high
ต่อไปอีกขณะที่คนส่วนใหญ่มองว่ากำไร peak ไปแล้วกรณีนี้จุด
cut loss ก็คือไตรมาสต่อมากำไรไม่ทำ new high จริงเราก็ถอย

ผมว่าเล่นหุ้นต้องรู้ว่าเล่นเพราะ momentum earning หรือ ลงทุนระยะยาว
เพราะจุด cut loss จะไม่เหมือนกันถ้าคุณซื้อด้วยเหตุผลไม่เหมือนกัน

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 2:05 pm
โดย McDull
สุดยอดครับคุณฮง ขอคารวะ   :bow:  :bow:  :bow:

คิดถึงอาฮุยในฤทธิ์มีดสั้น หยิบปล้องไผ่ก็กลายเป็นกระบี่ได้

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 3:36 pm
โดย atsu
[quote="sai"]คุณ picatos นี่มี comment ดีดีอยู่เรื่อยเลยครับ อ่านไปก็ทึ่งไป
คนอะไรไม่รู้ การศึกษาดี ฐานะดี หน้าตาดี ภรรยาสวยอีก
ต่างหาก

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 3:56 pm
โดย McDull
[quote="atsu"][quote="sai"]คุณ picatos นี่มี comment ดีดีอยู่เรื่อยเลยครับ อ่านไปก็ทึ่งไป
คนอะไรไม่รู้ การศึกษาดี ฐานะดี หน้าตาดี ภรรยาสวยอีก
ต่างหาก

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 6:52 pm
โดย นอนสเตรส
อตฺตา หเวชิตํ เสยฺโย

ชนะอื่นหมื่นแสงแม้นร้อยครั้ง      แต่ถ้ายังแพ้กิเสลและเหตุผล

ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าปัญญาชน       ที่ข่มจิตพิชิตตนเพียงหนเดียว

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 7:53 pm
โดย picatos
[quote="McDull"][quote="atsu"][quote="sai"]คุณ picatos นี่มี comment ดีดีอยู่เรื่อยเลยครับ อ่านไปก็ทึ่งไป
คนอะไรไม่รู้ การศึกษาดี ฐานะดี หน้าตาดี ภรรยาสวยอีก
ต่างหาก

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 11:54 am
โดย holidaytours
จาก settrade.com นะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ครับ

ใครหลงทาง...ลองอ่านดู
ย้อนกลับไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1720
เซอร์ ไอแซค นิวตัน ถือหุ้นของบริษัท South Sea
Company ซึ่งเป็นหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในอังกฤษ
เมื่อเขารู้สึกว่าตลาดเริ่มจะบ้าคลั่ง
นักฟิสิกส์ที่เก่งกาจผู้นี้ก็พูดกับตัวเองว่า เขา
"สามารถคำนวนการเคลื่อนไหวของดาวเคราะห์และดวงดาวได้
แต่ไม่อาจคาดการณ์ความบ้าคลั่งของผู้คนได้"

นิวตัน ได้ตัดสินใจขายหุ้น South Sea
ของเค้าออกไปโดยได้กำไรถึง 100% รวมเป็นเงินสูงถึง
7,000 ปอนด์เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม
ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
เมื่อนิวตันถูกครอบงำโดยความกระตือรือร้นแบบสุดขั้วในตลาด
เขาก็กลับเข้าไปซื้อหุ้น South Sea อีกครั้ง ณ
ระดับความสูงกว่าเดิม



ซึ่งทำให้เขาต้องขาดทุนถึง 20,000 ปอนด์
(คิดเป็นเงินในสมัยนี้มากกว่า 3 ล้านดอลลาร์
ในปัจจุบัน) ตลอดช่วงชีวิตที่เหลือ
เขาจะห้ามไม่ให้ใครพูดคำว่า "South Sea"
ให้เขาได้ยิน

โดยคำนิยามคำว่าเฉลียวฉลาดของพวกเราส่วนใหญ่จะถือว่า
เซอร์ ไอแซค นิวตัน
เป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามคำจำกัดความของ เกรแฮม
นิวตันยังห่างไกลจากการเป็นนักลงทุนผู้ชาญฉลาดอยู่มาก
การยอมให้ความบ้าคลั่งของฝูงชน
มาส่งผลต่อการตัดสินใจ
ทำให้นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกผู้นี้
ทำตัวเหมือนคนโง่

โดยสรุปก็คือ หากคุณล้มเหลวจากการลงทุนมาโดยตลอด
เหตุผลไม่ใช่เพราะคุณโง่เขลา
แต่เป็นเพราะคุณยังไม่ได้พัฒนา
"ความมีวินัยเชิงอารมณ์"
ซึ่งมีความจำเป็นต่อการประสบความสำเร็จทางการลงทุนต่างหาก

ที่มาจากหนังสือ THE INTELLIGENT INVESTOR
ของเบนจามิน เกรแฮม (อาจารย์ของ วอเรน บัฟเฟตต์)

ปล.เห็นว่าน่าสนใจ เข้ากับกระแสตอนนี้
ที่อาจมีใครบางคนอาจหลงทาง
เล่นหุ้นเวลาขาขึ้นกำไรน้อยเพราะขายไว
เวลาขาลงขาดทุนเยอะเพราะอมไว้

เขียนเมื่อ : 16 Sep 2009 19:10:32
[email protected] 58.8.109.xxx

อยากให้พี่ๆช่วยเตือนสติผมหน่อยครับ (พยายามข่มใจตัวเองอยู่)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 12, 2009 7:28 pm
โดย winkung
ขอบคุณพี่ๆทุกคนสำหรับคำแนะนำครับ
ตอนนี้สถานะพอร์ทโอเคแล้ว  ไม่มีการซื้อ และไม่มีการขาย
ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกของมัน  :D


เหนือสิ่งอื่นใด
อยากรู้ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 จังเลย
อยากรู้ว่าหุ้นที่ผมถืออยู่  กำไรมันจะเป็นยังไง  จะมากขึ้น หรือลดลงน้อ  :shock:

ตื่นเต้นๆ  :cool: