Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

If you don't have inside.
You are outside.

แผนซื้อ 'ไทยคม'... ระวัง 'กับดักลอยฟ้า'โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ผมฟังรัฐมนตรีคลังกรณ์ จาติกวณิช กับ "วอลล์เปเปอร์" ศิริโชค โสภา ให้สัมภาษณ์สื่อไทย เรื่องการไปพูดคุยกับผู้บริหารเทมาเส็ก ของสิงคโปร์
   เรื่องดาวเทียม "ไทยคม" แล้ว ก็สรุปของผมเองว่า เรื่องนี้เป็นแค่ "หยั่งเชิง" โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ศึกษาล่วงหน้า
ถามมาก็ตอบไปเท่านั้นเอง
ท้ายที่สุด ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ
เพราะฟังนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอบคำถามนักข่าวเรื่องนี้แล้ว ดูเหมือนหัวหน้ารัฐบาลก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกันว่า เรื่องนี้กลายเป็นข่าวตูมตามขึ้นมาได้อย่างไร
เพราะนายกฯ ยอมรับว่าเรื่องจะซื้อดาวเทียมไทยคม กลับมาเป็นของไทยนั้น "ไม่ง่าย" เพราะมีประเด็นสลับซับซ้อนอยู่มากมาย ทั้งด้านกฎหมาย ธุรกิจ และความรู้สึกของประชาชน
คุณกรณ์ ไม่ได้บอกว่า นี่เป็นนโยบายของรัฐบาล คุณศิริโชค โยนไปโน่น...บอกว่าเป็นนโยบายของคุณอภิสิทธิ์ ตั้งแต่สมัยเป็นฝ่ายค้าน
คำถามแรก ก็คือ ซื้อ "ไทยคม" กลับมาทำไม คำตอบจากคุณกรณ์ กับคุณศิริโชค คือ "ความมั่นคง"
ถ้าเป็นประเด็นความมั่นคง บ้านเมืองคงย่ำแย่ไปนานแล้ว เพราะดาวเทียมดวงนี้ไปอยู่ใต้การบริหารของสิงคโปร์มาหลายปีแล้ว หากเขาสามารถทำอะไรเสียหายกับไทยด้านนี้ ก็ควรจะกลายเป็นประเด็นมานานแล้ว
อีกทั้งหากรัฐบาลไทยเป็นห่วงเรื่อง "ความมั่นคง" เพราะดาวเทียมดวงนี้ ก็ควรจะทำอะไรก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับสัมปทานและการบริหารดาวเทียมดวงนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพราะบังเอิญคุณกรณ์ กับคุณศิริโชค ต้องบินไปสิงคโปร์ เพื่อขอให้เขาตัดสัญญาณของ "พีทีวี" เมื่อเดือนสองเดือนก่อนระหว่างการประท้วงที่กรุงเทพฯ และ "ลองถามเขาดู" ว่าจะขายหรือเปล่า
อีกแง่หนึ่ง หากใครจะใช้ดาวเทียมเพื่อกระทำการ ที่กระทบต่อความมั่นคงของไทย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ "ไทยคม" เพราะนั่นก็เป็นแค่ "ดาวเทียมสื่อสาร" ธรรมดาเท่านั้น เขาย่อมจะไปเช่าดาวเทียมดวงอื่น เพื่อดำเนินการอย่างเดียวกันได้
ประเด็นเรื่อง "อธิปไตย" ของประเทศ นั่นน่าจะอยู่ที่ "วงโคจร" หรือ orbit ที่ขอในนามประเทศไทย ไม่ใช่ในนามเอกชน ดังนั้น จึงถือได้ว่า "ลิขสิทธิ์" ของวงโคจรยังเป็นของรัฐบาลไทย แต่การบริหารทางธุรกิจของดาวเทียมเพื่อการค้าและผลกำไรที่กำหนดไว้ในสัมปทานนั้นให้เอกชนทำได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
แต่ พอคุณทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวเอาบริษัท Shin Corp ไปขายให้เทมาเส็กทั้งพวงซึ่งรวม Shin Sat ด้วย เรื่องของเรื่องก็สลับซับซ้อนขึ้นมาทันที
เพราะ "ไทยคม" เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Shin Sat ที่มีบริการด้านอื่นๆ ในลาวและเขมรด้วย ซึ่งแปลว่าถ้าจะขายต่อหรือขายคืน อะไรจะพ่วงมาด้วย และอะไรจะแยกขายก็กลายเป็นเรื่องต่อรองทางธุรกิจ
แต่นั่นอาจจะไม่ยุ่งยากเท่ากับประเด็นด้านกฎหมาย เพราะศาลมีคำพิพากษากรณีที่เกี่ยวกับทักษิณแล้ว ว่า iPSTAR ที่ผูกติดอยู่กับ "ไทยคม" นั้น ดูเหมือนจะ "เถื่อน" เพราะผิดจากสัญญาที่เขียนเอาไว้
อีกทั้งไทยคมก็ยังไม่ยอมยิงดาวเทียมดวงที่ 6 เป็น "ดาวเทียมสำรอง" ของดวงที่ 5 ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
แปลว่าหากซื้อไทยคมคืนมา รัฐบาลไทยก็จะหลงเข้า "กับดัก" แห่งความอลหม่านทางด้านกฎหมาย ที่ยังไม่ได้รับการตีความให้นำมาใช้เป็นหลักปฏิบัติได้
พูดง่ายๆ คือ กองทุนเทมาเส็กที่ซื้อทรัพย์สินตัวนี้ไปจากทักษิณ และครอบครัวนั้นยังไม่อาจจะแน่ใจได้ด้วยซ้ำไปว่า "ไทยคม" ที่ตัวเองถือหุ้นใหญ่อยู่นั้นมีของถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
หรือพูดอีกอย่าง ก็คือ...เทมาเส็กเองรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเองมีสิทธิจะขายหรือไม่ขายต่อให้ใคร
 นี่ยังไม่กล่าวถึงประเด็นเรื่องสถานภาพของบริษัท "กุหลาบแก้ว" ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็น "นอมินี" ต่างด้าว เมื่อครั้งเข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ป
รัฐบาลอภิสิทธิ์จะกล้าซื้อดาวเทียมไทยคม ที่เป็นส่วนหนึ่งของชินคอร์ป ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่อาจจะบอกชัดเจนว่า "กุหลาบแก้ว" เล่นบทอะไรในเกมซื้อๆ ขายๆ นี้หรือ
และถ้าหากบางคนเชื่อว่าทักษิณ และครอบครัวไม่ได้ขายชินคอร์ป ให้เทมาเส็กจริงหรอก เป็นแค่ไป "ฝาก" ไว้เพื่อเป้าหมายทางธุรกิจและการเมืองบางอย่าง ก็จะเป็น "ตลกร้าย" อย่างยิ่ง หากคุณอภิสิทธิ์จะเอาเงินภาษีของพวกผม หรือมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจใดไปซื้อไทยคมกลับมา
เท่ากับเป็นการทำกำไรให้กับทักษิณโดยตรง!
ดังนั้น ไม่ต้องประเมินราคาครับว่าเทมาเส็กจะขายไทยคมให้รัฐบาลไทยที่ 5 พันล้าน หรือ 7 พันล้าน เพราะมันอาจจะเป็น "ลาภอันมิควรได้" ตั้งแต่ต้น
รัฐบาลไทยคิดอะไรที่มันเป็นไปได้ และสร้างสรรค์กว่านี้ได้มากมายหลายด้าน
เพียงแค่บทสนทนาที่สนามบินจางงีสั้นๆ ช่วงบรรยากาศเครียดๆ ว่าด้วยสถานีทีวีสีแดง จะพาลทำให้คนไทยทั้งชาติต้องมา "ติดกับดักลอยฟ้า" เห็นจะไม่ถูกต้องเป็นแน่นอน

http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... อยฟ้า.html