Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

[quote="[v]"]อืม ในโลกการลงทุน 1 ปี มี 10 เด้งไม่ได้เกิดบ่อยๆ เคยเห็นมากสุด 800% กับหุ้น 1 ตัว

แต่ถ้าเป็น tfex ผมไม่เถียง

แล้วจู่ๆก็มีใครก็ไม่รู้สมัคร log in มา เพื่อสิ่งนี้ เอาเป็นว่าลองพิมพ์มาก่อนแล้วกัน แต่ถ้าผมอ่านแล้วไม่ เชื่อ ก็เป็นสิทธิ์ของผม

ตอนที่ 4 อุแม่เจ้า เมืองไทยนี่มันสวรรค์ชัดๆ

    หลังจากผมขาย ปตท ออกไป ผมก็งงงวยกับกำไรได้ไม่กี่วัน ผมก็รู้สึกว่า ตลาดไทย มันแปลกๆไป

   วอลุ่มตลาดเริ่มเพิ่มขึ้น จากเมื่อก่อน เทรด ถึง 9000 ล้านนี่ก็ว่าเยอะแล้ว มันก็เริ่มเพิ่มมาเป็น หมื่นกว่าล้าน หุ้นทุกตัวเริ่มขึ้น พร้อมๆ กับการปรับอัตราดอกเบี้ยลงของ เฟด

 เช่นกันครับ PTT เริ่มกลายเป็นสิงห์คะนองนา ขึ้นไปเรื่อยๆ ขึ้นทุกวัน ขึ้นไม่มีหยุด SET ก็ไปเรื่อยไปทุกวัน คนเริ่มสนใจหุ้น ช่อง 9 มีรายการหุ้น เชียร์หุ้นกัน หนังสือหุ้น พิมพ์กันให้เกลื่อน

   ผมรู้ตัวแล้วว่า ขายหมู มันเป็นยังงี้นี่เอง แต่ผมก็ไม่กล้าซื้อ PTT อีกแล้ว ตอนนั้นทุกอย่างในโลกนี้เหมือนขึ้นหมด มีอยู่อย่างเดียวที่ลด คือ  ดอกเบี้ย

    กระทิง มาแล้ว แถมเป็นกระทิงตัวโตด้วย ฝรั่งซื้อ หุ้นไทยทุกวัน ซื้อเป็นเดือนๆ หุ้นทุกตัวเหมือน มันมีเชื้อเพลิงจรวด อยู่ที่ตูด ไม่ว่าบริษัทจะทำอะไร เป็นต้องขึ้น

    1.  เพิ่มทุน = หุ้นขึ้น
    2.  แตกพาร์  =  หุ้นขึ้น
    3.   แฮร์คัทหนี้  =  หุ้นขึ้น
    4.  แจกวอร์แรนท์   =  หุ้นขึ้น
    5.  ควบกิจการ  =  หุ้นขึ้น

    จนผมคิดเอาเองว่า แม้กระทั่ง ผู้บริหารตด  หุ้นก็คงขึ้น

    ผมจำได้ว่าช่วงนั้นได้กำไรเยอะมาก  ไม่ว่าวิเคราะห์อะไรก็ถูกไปเสียหมด กำไรไปเสียหมด จนผมเริ่มงง ว่า นี่เราเก่ง หรือ มันเฮงกันแน่วะ


แต่แล้ว  

เขียนสนุก น่าติดตามมากครับ
(เวบนี้นี่มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลยครับ)

รออ่านต่ออยู่น๊ะครับ

ชอบเข้ามาอ่านแบบนี้อ่ะครับ สนุกดีได้ความรู้แทรกด้วย

นั่นไง แต่แล้ว ...  :lol:

ผมชอบอ่าน ประสบการณ์ของนักลงทุนที่อยู่ในตลาด
มาหลาย ๆ ปีแล้วอ่ะครับ ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาหลายปีแล้ว เรียกได้ว่าของจริงเลยทีเดียว

ผมเคยเจอบางคนอยู่ในตลาดมาปี สองปี
เพิ่งมาเล่นตอนตลาดหุ้นเป็นกระทิง
คิดว่าตัวเองเก่งกว่าชาวบ้าน อัดมาร์จิ้นเต็มพอร์ต
มองตลาดหุ้นในเเง่ดีเกินไป
เพราะเคยเห็นตลาดหุ้นแค่ด้านเดียว
(ไม่เคยเจอแง่ร้าย ไม่เคยเจอมิสเตอร์มาร์เก็ตตอนหวาดกลัว แม้หุ้นพีอี 4 ก็สามารถลงไปเหลือพีอี 2 ได้
แม้จะเป็นหุ้นชั้นนำตัวหนึ่ง เช่น lpn)
แต่ สถาปนาตัวเองว่าเป็นเซียนหุ้น
ผมก็ฟัง ๆ ไปงั้นล่ะ คิดในใจว่า ไปผ่านวิกฤติมาซักสองรอบแล้วยังอยู่รอดได้ ค่อยมาโม้ให้ฟังนะ

ตอนที่ 5 วันเชือด

      ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกลา คำนี้ยังใช้ได้เสมอ

      ช่วงนั้น ผมจำได้ว่า ผมกำไรเยอะมากๆ หุ้นชิลลิ่งแล้วชิลลิ่งอีก กำไรหลักแสนภายในเวลาไม่กี่นาที วอลุ่มเล่นกันจนถึงขนาด สี่หมื่นล้าน ต่อวัน

      ในเวบบอร์ดต่างเกิดเซียนขึ้นเต็มไปหมด คนเล่นหุ้นบางคนแค่คลิ้กซื้อขายได้ก็ถือว่าเล่นเป็น เพราะจะมีเซียนคอยบอกว่าตั้งซื้อขายที่ราคาเท่าไหร่

     แต่หลังจาก วันที่หุ้นทุกตัวพร้อมใจกันชิลลิ่ง และวอลุ่มตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ผมไม่แน่ใจว่า สี่หมื่นล้าน หรือ หกหมื่น)

    หลังจากนั้น การณ์ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร หุ้นเริ่มมีแดง แดงแล้วก็แดง แดงทั่วกระดาน

   ฝรั่งเริ่มขายทุกวัน ตัวใหญ่ๆยังยืนได้แล้วเขียวเรื่อยๆ แต่หุ้นของแมงเม่าอย่างเรา กลับแดงแดงแดง แดงมากๆๆ

  บางคนก็ปลอบใจว่า

    " เฮ้ย ตลาดหุ้นไทยไม่ต้องพึ่งเงินหรั่งหรอก เราอยู่ได้ด้วยตัวเอง "
    " โอ้ยซื้อๆไปเหอะ หุ้นถูก ดูสิ กลุ่มอสังหา PE แค่ 20 เอง "
    " แหมตัวนี้เด๋วเจ้าก็ปั่น "
    " เห็นไหมดัชนีมันยังเขียวอะ โธ่เด๋ว วายุภักษ์ มันซื้อนำโว้ย "

  เป็นคำพูดที่ผมได้ยินทุกวัน และ ผมดันเชื่อ ฟระ


   ผมจึงยังซื้อหุ้น คัทลอสมั่ง เปลี่ยนตัวถือ ไม่วิแคะแล้ว ธุรกิจ วันๆ นั่งเฝ้าบอร์ด รอเทพมาโปรด

   และกำไรที่ผมได้ผมก็คืนเขาไปหมด หุ้นยังลงเรื่อยๆ พร้อมๆ กับ เฟด ที่เริ่มขึ้นดอกเบี้ย

  จนผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าผิดทาง ผมจึงล้างพอร์ทหุ้นขยะทั้งหมด และเริ่มคิดว่า

   ธุรกิจมีแบรนด์ PE < 7 Pbv < 1 %dvd > 7

         อีกครั้ง


ปล ขอไปธุระแป้บนะครับ เด๋วมาต่อคืนนี้  :lol:

ปูเสื่อรอเลย เล่าสนุกมากมาย

ปูเสื่อ ดูดโอเลี้ยงรอ  :8)

Todo เขียน:ปูเสื่อรอเลย เล่าสนุกมากมาย

หน้าแตกแล้วเราคุณ Todo เข้ามาแล้วนี่นาคิกๆ  :D

happiness เขียน:ผมชอบอ่าน ประสบการณ์ของนักลงทุนที่อยู่ในตลาด
มาหลาย ๆ ปีแล้วอ่ะครับ ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาหลายปีแล้ว เรียกได้ว่าของจริงเลยทีเดียว

ผมเคยเจอบางคนอยู่ในตลาดมาปี สองปี
เพิ่งมาเล่นตอนตลาดหุ้นเป็นกระทิง
คิดว่าตัวเองเก่งกว่าชาวบ้าน อัดมาร์จิ้นเต็มพอร์ต
มองตลาดหุ้นในเเง่ดีเกินไป
เพราะเคยเห็นตลาดหุ้นแค่ด้านเดียว
(ไม่เคยเจอแง่ร้าย ไม่เคยเจอมิสเตอร์มาร์เก็ตตอนหวาดกลัว แม้หุ้นพีอี 4 ก็สามารถลงไปเหลือพีอี 2 ได้
แม้จะเป็นหุ้นชั้นนำตัวหนึ่ง เช่น lpn)
แต่ สถาปนาตัวเองว่าเป็นเซียนหุ้น
ผมก็ฟัง ๆ ไปงั้นล่ะ คิดในใจว่า ไปผ่านวิกฤติมาซักสองรอบแล้วยังอยู่รอดได้ ค่อยมาโม้ให้ฟังนะ

แฮ่ๆรู้สึกเหมือนโดนว่ายังไงไม่รู้ ก่อนอื่นอย่าพึ่งเข้าใจผิดนะคะเล่นมา 1 ปีก็จริงอยู่แต่ต้นทุนจริงๆคือเงินเดือนทุกเดือนที่เก็บหอมรอมริบเรื่อยๆคะ เดือนละ4000บ้าง 5000บ้าง ได้โบนัสมาก็สะสมเรื่อยๆคะ จากเงินไม่เยอะมันก็เลยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่กล้าใช้มาร์จิ้นเล่นคะเพราะเคยอ่านที่ดร.นิเวศน์เขียนประสบการณ์การใช้มาร์จิ้นเล่นน่ากลัวทีเดียว กำไรจริงๆหักเงินที่เอาเข้าประมาณ 70000 คะ แต่พอเงินมากขึ้นจากคนที่ไม่เคยมีเงินเก็บจึงทำให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังและฮึดสู้ แต่คงไม่ได้หมายความว่าเก่งหรอกคะเพราะตลาดปีที่แล้วเป็นขาขึ้นใครเข้าจังหวะนั้นก็น่าทำกำไรได้ไม่ยากหนทางยังอีกไกลคะ แต่ที่สำคัญการที่เราได้รู้จักคนร่วมอุดมการณ์เดียวกันได้แลกเปลี่ยนมันทำให้เราได้รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว ทำให้ความคิดเรากว้างขึ้นได้รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร จุดประสงค์เดียวที่อยากตั้งกระทู้นี้ก็คือการเล่าสู่กันฟังแบบสบายๆคุยกันปรึกษากันอย่างพี่น้องคะ

เล่าและใช้ภาษาได้สนุกดีครับ เหมือนมีพี่ๆมาเล่าให้ฟังเลย แต่ในความสนุกเหตุการณ์ที่พี่เล่าถ้าเจอกับตัวเองคงเครียดมากมาย อยากฟังความผิดพลาด ความคิดที่หลุดแนว VI และแนวทางแก้ไขของพี่ๆครับ


รอฟังครับอยากให้แชร์ทุกมุมมองการลงทุนเลยครับ.....

popjavi เขียน:

หน้าแตกแล้วเราคุณ Todo เข้ามาแล้วนี่นาคิกๆ

phee_betong เขียน:เล่าและใช้ภาษาได้สนุกดีครับ เหมือนมีพี่ๆมาเล่าให้ฟังเลย แต่ในความสนุกเหตุการณ์ที่พี่เล่าถ้าเจอกับตัวเองคงเครียดมากมาย อยากฟังความผิดพลาด ความคิดที่หลุดแนว VI และแนวทางแก้ไขของพี่ๆครับ


รอฟังครับอยากให้แชร์ทุกมุมมองการลงทุนเลยครับ.....

ไม่น่าแปลกใจหรอกคะที่สนุก ถ้าได้คุยกับตัวจริงรับประกันความฮา มากมายขนาดเรื่องเศร้ายังเล่าได้ฮาเลย :lol:

Todo เขียน:

หน้าแตกแล้วเราคุณ Todo เข้ามาแล้วนี่นาคิกๆ

อ่านประสบการณ์ของคุณ Suysak แล้วก็ขำมากมาย เนื่องเพราะอยู่ในสถานการณ์ที่คุณ Suysak เล่า เลยนึกภาพออก จำได้สำหรับหุ้นตัวแรก ๆ ที่ suysak ซื้อ จำได้ที่เพื่อนไปรอซื้อหุ้น PTT
สรุปแล้ว รอคุณสุยศักดิ์ เล่าให้ฟังต่อดีกว่าครับ รับรองสนุกแน่นอน ยิ่งใครที่ได้คุยกับตัวจริงแล้ว ผมยังไม่เห็นใครไม่หัวเราะเลยครับ

สำหรับคุณ popjavi ในฐานะที่เป็นคนสนิท ชิดเชื้อ แม้จะเคยเตือนแล้วว่า ต้องระมัดระวังในการโพสต์ พยายามอย่าชี้นำหรือนำเสนอตัวเลข แต่เนื่องเพราะน้องเขาคงยังใหม่ (ขนาดอีเมล์ ยังเพิ่งสมัครเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว)

การลงทุน แทบไม่ต้องพูดถึง ก่อนหน้านี้ น้องเขาอ่านแต่หนังสือ ดารา ซุบซิบนินทา ทั่วไป จนผมคิดว่า จะเปลี่ยนน้อง popjavi อย่างไร ถามถึงเงินเก็บก็ไม่มี ใช้ไปเรื่อย ไม่ค่อยมีเป้าหมาย จึงใช้วิธีหาหนังสือให้อ่าน เริ่มจากเล่มที่พูดถึงเงินออม และการรู้จักการใช้จ่ายก่อน เพราะผมเชื่อว่า ถ้าไม่มีเงินออม ก็อย่าเพิ่งเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ดีกว่า จึงแนะนำให้อ่านหนังสือของ อาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ  3 เล่มครับ
1. เงินทองของ(ไม่) หมู
2. เงินต่อเงิน
3. เงินไหลมา
ผมพยายามแนะนำหนังสือทั้งสามเล่มกับคนที่ผมรู้จัก ก่อนที่จะให้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ครับ เพราะอย่างน้อย เขาก็จะรู้จักการใช้เงินไม่เกินตัว รู้จักอานุภาพดอกเบี้ยทบต้น ทั้งที่เป็นหนี้และการได้มา รู้วิถีทางดำเนินชีวิตที่เรียบงาน ของมหาเศรษฐี อย่างวอเรนต์ บัฟเฟต ฯลฯ
 สรุป น้อง popjavi เริ่มรู้จักการบริหารเงิน เริ่มมองเห็นคุณค่าของเงินในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม บัตรเครดิตถูกยกเลิก และบัตรที่เหลือก็จ่ายเต็ม อย่างตรงเวลา โดยไม่เสียดอกเบี้ย จึงเป็นที่มาที่ผมชักชวนให้เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และมีที่ปรึกษา อีกคนคือคุณ Suysak ครับ ยังไงผมว่าหลายท่านอาจเป็นห่วงว่า ลงทุนมาปีกว่า ๆ จะไปรู้อะไรมากมาย เดี๋ยวก็เจอของจริง
  แต่สำหรับผมแล้ว หากน้องเขาไม่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ น้องเขาก็ใช้จ่ายไปเรื่อย ๆ ไร้จุดหมาย อ่านหนังสือดารา ซุบซิบ นินทา ต่อไป คงไม่มาวิเคราะห์ งบการเงิน ทุกวันที่ว่าง วันละหลายชั่วโมง อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมากมาย แค่นี้ ผมว่าน้องเขา มาไกลกว่าที่ผมคิดมากมายแล้วครับ ส่วนที่เหลือ แม้จะเป็นอย่างไร สำหรับผมถือว่าเป็นกำไรทั้งหมดครับ.....

popjavi เขียน:

หน้าแตกแล้วเราคุณ Todo เข้ามาแล้วนี่นาคิกๆ

ผมจะเชื่อ ใครดีระหว่าง พยาบาล popjavi
กับ หมอฝน ในแง่การซื้อหุ้นตาม

[quote="sangop403"]อ่านประสบการณ์ของคุณ Suysak แล้วก็ขำมากมาย เนื่องเพราะอยู่ในสถานการณ์ที่คุณ Suysak เล่า เลยนึกภาพออก จำได้สำหรับหุ้นตัวแรก ๆ ที่ suysak ซื้อ จำได้ที่เพื่อนไปรอซื้อหุ้น PTT
สรุปแล้ว รอคุณสุยศักดิ์ เล่าให้ฟังต่อดีกว่าครับ รับรองสนุกแน่นอน ยิ่งใครที่ได้คุยกับตัวจริงแล้ว ผมยังไม่เห็นใครไม่หัวเราะเลยครับ

สำหรับคุณ popjavi ในฐานะที่เป็นคนสนิท ชิดเชื้อ แม้จะเคยเตือนแล้วว่า ต้องระมัดระวังในการโพสต์ พยายามอย่าชี้นำหรือนำเสนอตัวเลข แต่เนื่องเพราะน้องเขาคงยังใหม่ (ขนาดอีเมล์ ยังเพิ่งสมัครเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว)

การลงทุน แทบไม่ต้องพูดถึง ก่อนหน้านี้ น้องเขาอ่านแต่หนังสือ ดารา ซุบซิบนินทา ทั่วไป จนผมคิดว่า จะเปลี่ยนน้อง popjavi อย่างไร ถามถึงเงินเก็บก็ไม่มี ใช้ไปเรื่อย ไม่ค่อยมีเป้าหมาย จึงใช้วิธีหาหนังสือให้อ่าน เริ่มจากเล่มที่พูดถึงเงินออม และการรู้จักการใช้จ่ายก่อน เพราะผมเชื่อว่า ถ้าไม่มีเงินออม ก็อย่าเพิ่งเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ดีกว่า จึงแนะนำให้อ่านหนังสือของ อาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ

ตอนที่ 6 กลับมาเป็นคนเดิม

         ใช่ครัผมเริ่มรู้แล้วว่าผมผิดทาง  หลังจาก SET ถูกฝรั่งส่งไปยอดดอย และแมงเม่าพากันเข้ากองไฟไปเรียบร้อย ทุกคนก็คงเลิกหลอกตัวเอง ว่าตลาดไม่ได้หอมหวานอีกแล้ว หุ้นทุกตัวเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลของมัน

        ครับ ผมต้องกลับมาลงทุนตามแนวทางที่ผมชอบอีกครั้ง ผมจึงเริ่มมองหาหุ้นใหม่

       " นี่ๆ สุยศักดิ์ เค้าอยากกิน โออิชิ "
       " หา อาหารญี่ปุ่นอะนะ "
       " ใช่ๆ บุฟเฟต์ ไง เราไปกินกันนะ แต่ต้องไปเร็วหน่อย คนเยอะ รอนาน "

เอ้ะ โออิชิ มันมีชาเขียวนี่หว่า เปิดฝาได้ล้านนึงด้วย นิ ข้างบนเป็นคำพูดที่ผมพูดกับ แฟนสาวแสนสวย ของผม

    ตอนนั้น โออิชิเพิ่งเข้าตลาด ผมเลยชักสนใจขึ้นมา ผมเลยซื้อชาเขียวมาหนึ่งขวด
   ดูด ปรึ้ดๆ จนหมด อืม มันก็อร่อย ดีนะ แต่แหม 20 บาท แพงชิก เมื่อดูดหมด ด้วยความที่ ครูประถมผมบอกว่า กินอะไรเสร็จ ต้องทิ้งลงถังขยะ

  ผมจึงมองหาถังขยะ แล้วบรรจงหย่อนขวดมันลงไป และแล้ว ผมก็พบว่า

        " อุแม่เจ้า ในถังขยะมีแต่ ขวดโออิชิ "

  ว่าแล้วผมก็เคาะซื้อ โดยมิลังเล

โออิชิ ผมซื้อครั้งแรกเหมือนจะประมาณ สิบบาทต้นๆ ช่วงนั้นคนไม่ค่อยกล้าซื้อกันเพราะกลัวว่า ชาเขียวจะเป็นแค่เทรนด์วูบวาบ

     แต่ในความเป็นจริงคงไม่ใช่อย่างนั้น กระแสชาเขียวเริ่มมาแรง มีเจ้านู้นเจ้านี้ มาทำตลาดกันมากมาย แต่ โออิชิ ยังคงครองความเป็นเจ้าตลาดไว้ได้ อีกทั้ง ยังมีการขยายสาขา ร้านอาหารเรื่อยๆ

    ผมคิดโดยตรรกะง่ายๆ ว่าราคาหุ้นช่วงนั้น pe ก็ไม่สุง หุ้นก็มีปันผล อีกอย่างผมไปเดินดูร้านทีไร คนก็เข้าคิวรอ ชาเขียวก็มีคนซื้อๆๆๆ เนื่องจากอยากถูกรางวัล

   แล้วมันจะเจ้งได้ไงหว่า ในเมื่อมันไม่เจ้ง มันก็ต้องอยู่ได้เรื่อยๆ ในเมื่อมันอยู่ได้แสดงว่ามีคนชอบมัน ถ้าลองถามคู่รักคนไหนๆ ที่คุณรู้จัก ต้องมีคนบอกว่า แหม เดี้ยน ก็ชอบชวนแฟนไปกิน นะโออิชิ เนี่ย

   แน่นอนครับ ตัวนี้ทำกำไรให้ผม

ช่วงนั้น ผมถือหุ้นอยู่สามตัว คือ OISHI, HMPRO, TICON

    แน่นอนครับ ผมเริ่มรู้แล้วว่า ผมควรซื้อหุ้นที่ผม
-  สัมผัสได้
-  เห็นกันทุกวัน
- ไปเดินดูได้

  เช่นเดียวกับ HMPRO ผมทำงานที่รังสิต ขับรถผ่านฟิวเจอร์ทุกวัน เห็นป้าย HMPRO แผ่หรามาแต่ไกล

 เนื่องจากผมเป็นคนชอบเดินห้าง ผมจึงคิดว่าลองแวะเข้าไปใน HMPRO ดูสักครั้ง

    " น้องเอ๋ย HMPRO นะมันเน่า คิดดูดิ ใครจะบ้าซื้อ เครื่องมือช่างจากห้าง "

เป็นคำพูดของพี่ชายผมซึ่งพูดไว้ตอนที่ผมกล่าวถึง HMPRO

แต่แน่นอนครับ คำพูดหรือจะเท่ากับการสัมผัส ผมเลยไปดูเอง เอ้ะ มันก็มีคนซื้อนี่หว่า อูย มันขายตั้งหลายอย่างแนะ เดินสบายด้วย มี พนง แนะนำพร้อมสรรพ

แต่ pe มันสูงน่า ไม่เป็นไร ซื้อไว้ก่อน มันมีแผนขยายสาขาเรื่อยๆ

พอซื้อปุ้บ หุ้นก็ไม่ไปไหน แถมเริ่มตก แกว่งไปก็แก่วงมา อยู่เกือบปี

แต่บริษัทก็ขยายสาขาเรื่อย กำไรก็เพิ่มเรื่อย แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหน ผมก็ไปเดินดูทุกวัน ไม่เห็นเป็นไร มันก็ขายของได้เรื่อยๆนี่หว่า แล้วเราจะกลัวไปทำไม

    ไม่มาวันนี้ พุ่งนี้ก็มา ไม่ก็มะรืน มะเรื่อง ปีหน้า ปีหน้านู้น

มันต้องขึ้นสักวันละวะ ผมก็ถือมาเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเยาะเย้ย ของพี่ชายว่า บอกแย้ว ไม่ฟัง

กำไรมันก็เพิ่มเรื่อย ตามสาขาที่ขยาย ในเมื่อสาขาแรก สอง สาม สี่ ขายได้กำไร สาขาต่อไปมันก็กำไรอยู่ดี

ถือ ถือ ถือ สิฟระ

จนมาวันนึง ไม่รู้เป็นไร อยู่ดีๆ มันก็ขึ้น ๆ ๆ ๆ และขึ้น

วันเวลาแห่งความเสพสุขมาถึงแล้ว แน่นอนครับ ผมกำไร  :lol:

สุโค่ยยยยยยยยยย (แอบมาคั่น อิอิ)

เหตุการณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ.ไหนครับผม

สรุปเลยดีกว่า ว่ากำไรทั้งสามตัว แล้วผมก็นำกำไรไปแต่งงาน โดยซื้อแหวนเพชรให้คุณแฟน หนึ่งวง

ตอนที่ 7 คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต

    ผมกำไรหุ้นติดๆ กัน ก็เข้าใจว่าตัวเองเริ่มรู้เยอะ เริ่มมีการวิเคราะห์ธุรกิจ และ คาดการณ์กำไรในอนาคต เริ่มมีการดูกราฟหุ้นเพื่อดูต้นทุนตัวเอง แต่มันก็เกิดความผิดพลาดในชีวิตอีกแล้ว

  ผมมักชอบหาหุ้นที่พื้นฐานบริษัทจะเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น ซึ่งแน่นอนครับว่ามันจะนำกำไรมาสู่ผมในรูปแบบของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น

  แล้วผมก็พบกับ หุ้นยางมะตอย ซึ่งแต่เดิมเป็นเหมือนบริษัทเทรดดิ้งที่นำเข้ายางมะตอยมาขายในประเทศ และมีส่วนแบ่งตลาดที่มากที่สุด แต่ทางบริษัทได้ลงทุนสร้างโรงกลั่นยางมะตอยเอง โดยร่วมทุนกับบริษัท ท้องถิ่นในประเทศมาเลเซีย

 ผมได้ยินเข้าก็ตาใสแจ๋ว เนื่องจาก ผมคิดว่าแต่ก่อนนำเข้ามาขาย ยังได้กำไรขนาดนี้ นี่ทำเองมันจะรวยขนาดไหนเนี่ย

 ผมเลยเสาะหาทุกอย่างที่เป็นยางมะตอย และรู้มาว่าจีนดำลังใช้ยางมะตอยอย่างมากในการก่อสร้างรองรับกีฬาโอลิมปิกที่จะเกิดขึ้น

  เพียงแต่ว่าโรงกลั่นนี้กำลังอยู่ในระหว่างทดสอบ และยังใช้ไม่ได้ในเชิงพานิชย์ จึงต้องเลื่อนการเปิดออกไป

  ผมก็รอคอยการเปิดใช้อย่างใจจดจ่อ ว่างๆ ก็ไปนั่งส่องบอร์ดหุ้นที่คุยเรื่องหุ้นยางมะตอยนี้ ก็มีเพื่อนๆมาโพสต์กันอย่างมากมาย มีการให้ข่าวกันอย่างเอิกเกริก ทุกคนต่างเฝ้ารอวันที่โรงกลั่นเปิด

  การรอคอยมันช่างสาหัสนัก  ระหว่างที่รอข่าวดี หุ้นก็ขึ้นมั่งลงมั่ง แต่ดูๆไปมันลงเสียส่วนใหญ่ ขึ้นได้ไม่เท่าไหร่ก็ลงแถมลงลึกกว่าเดิม แต่ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้กับ HMPRO ทำไมผมจะรอมันไม่ได้ ก็โรงกลั่นมันจะเปิดแล้วนิ


  แต่ เอ ผมจะไปดูโรงกลั่นมันได้อย่างไรละ ว่าเป็นเช่นไร ในเมื่อมันอยู่ตั้ง มาเลเซีย มันไม่เหมือน HMPRO OISHI นะที่ดูได้ทุกวัน

 รอนานเข้าชักหงุดหงิด ผมเริ่มตะขิดตะขวงใจ เหตุไฉน มันไม่เปิดซักที เลื่อนอยู่นั่น ผมจึงตัดสินใจไปร่วมประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกในชีวิต

 ซึ่งแน่นอนครับมีคนถามเรื่องโรงกลั่น ผมสังเกตุเห็น ผู้บริหารหันมามองหน้ากัน แล้วก็มีท่านนึงตอบแบบ ไม่เต็มเสียงว่า กำลังดำเนินการ

 ผมรู้ได้ด้วยเซนส์เลยว่า ไม่ชอบมาพากล กลับมาผมเลย กดขายทั้งหมด และแน่นอนครับ ขาดทุนเละเทะ

 แต่ไม่นาน บริษัท ก็ประกาศว่า โรงกลั่นมีปัญหากับผู้ร่วมทุน จนทำให้ไม่สามารถเปิดได้ และต้องรับรู้ขาดทุนไปเรื่อยๆ จนกว่าคดีความที่ฟ้องร้องจะแล้วเสร็จ หุ้น ก็เลยร่วงชนิดไม่มีแนวรับ

  นี่แหละครับ คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต

เล่ามันส์ดีครับพี่  ขอบคุณมากเลยครับ  รอฟังต่อครับ  

   

เอ่อ.. คุณ picatos ตื่นเช้าจัง

จะมีภาคต่ออีกมั๊ยครับ  :8)

คุณสุยศักดิ์ทำให้ผมนึกถึงตัวเองสมัยก่อน ช่วงก่อนฟองสบู่แตก  :oops:

อ่านๆดูก็ดีครับ พวกเว็บบอร์ดบางแห่งนี่สะท้อนคุณภาพผู้ใช้งานเลยครับ

ผมก็เคยไปโพสนะ  ไปๆมาๆผมเข้าข้างคนที่ผมอ่านแล้วยังโอเคอยู่ก็หาว่าผมเป็นหน้าม้า มันซะงั้น  ผมละเซ็งจริงๆ  แล้วเว็บบอร์ดแบบนี้ก็หากินกับการทะเลาะกันของผู้เล่น ประเด็นเผ็ดร้อน  ทั้งๆที่  ตอนสมัครสมาชิคก็ขอเลขที่บัตรประชาชน แต่เสือกให้สมัครได้ 3 ชื่อ เผื่ออะไรหว่า  เว็บมาสเตอร์ ก็รู้ๆอยู่ว่าชื่อนี้ กับชื่อนี้คือ บัตรประชาชนเดียวกัน

หลังๆมา บูมใหญ่ออกทีวี  หากินกับประเด็นสังคมได้อีกแน๊ะ แบบลอยนวล  ผมเริ่มรู้สึกว่ามันหากินกันมากเกินไป  กับความขัดแย้ง เลยไม่เข้าไปเล่นแล้วครับ และ  ผู้เล่นไม่มีคุณภาพก็จะแสดงความคิดเห็นแบบไม่มีคุณภาพ  ต่อไป และเราอ่านขยะพวกนี้มากๆก็เขวอีก

เล่าได้ดีมากครับ

คุณ Suysak น่าเริ่มลงทุน ใกล้ๆ กัน เคยเห็น ซิ่งลิ่ง และ ฟอร ทั้งกระดาษ

ขอบคุณที่มาแชร์ ประสบการณ์ ให้กับ เพื่อนๆ ฟังครับ

สำหรับ คุณ popjavi เป็นกำลังให้ครับ อย่างน้อย เงินก็เริ่มทำงานให้เราแล้ว