หน้า 2 จากทั้งหมด 3

Re: ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2010 6:56 pm
โดย DeepTVI
[quote="chatchai"]ถ้าเราเลือกลงทุนในบริษัทที่มั่นคง

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2010 7:01 pm
โดย DeepTVI
[quote="chatchai"]อะไรที่เป็นปัจจัยให้คนส่วนใหญ่สนใจเข้ามาในตลาดหุ้น

ผมคิดว่าเป็นเพราะคนเหล่านั้นต้องการผลตอบแทนมากๆในระยะเวลาสั้นๆ

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2010 7:12 pm
โดย naris
[quote="chatchai"]อะไรที่เป็นปัจจัยให้คนส่วนใหญ่สนใจเข้ามาในตลาดหุ้น

ผมคิดว่าเป็นเพราะคนเหล่านั้นต้องการผลตอบแทนมากๆในระยะเวลาสั้นๆ

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2010 10:54 pm
โดย Paul VI
เห็นด้วย กับ นริศ ครับ

ลงทุนหุ้น กับความคาดหวัง ที่พอประมาณ สามารถไปถึงเป้าหมายตามที่วางแผนไว้ แบบ ไม่กดดันตัวเองเกินไป ก็ สบายใจ ไม่ต้องรีบย้ายตัวไปมา ก็ทำให้ ลดแรงกดดันได้ดี ไม่เครียด รอคอย ได้

ถ้าตั้งเป้าหมายไว้สูง เวลา ได้ไม่ถึงที่หวังก็เกิดภาวะกดดันเครียด เอาอารมณ์ มาอยู่เหนือเหตุผล

เมื่อนั้น ก็มักจะตก เป็น ทาสของนายตลาด ได้โดยง่าย

(ที่พูดมานั่น น่ะผมเคยเป็นมาก่อน แต่ผ่านการฝึกปรือ ในเวปนี้ ก็ทำให้อากรที่ว่า หายไปแล้ว)  :D

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2010 1:41 am
โดย simplelife
แหมพี่ฉัตร ก็หุ้นมันราคาตกหนิ เขาก็บอกว่าเล่นหุ้นให้มีวินัย ให้คัทลอส พอตก 10% ก็คัทครึ่งนึง พอตก 20% ก็คัทหมด แต่พอมันขึ้น กว่ากราฟมันจะตัดราคามันก็เลยตรงคัทลอสไปแล้ว โดนเข้าหลายรอบก็ต้องขาดทุนมั่งสิครับ

เล่นหุ้นแบบไม่รู้มูลค่า รู้แต่ราคา เห็นราคามันลง ก็ต้องขายดิครับ ถ้าราคามันขึ้นก็ซื้อ เล่นง่ายๆ กราฟมันชันสวย ไม่ซื้อตาม ก็เสียโอกาสหมดสิครับ

:roll:  :roll:  :roll:  :roll:

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2010 10:31 am
โดย thaloengsak
[quote="pol256"]หุ้นอะไรปันผล 10% และเติบโต 10% ทุกปีครับ

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2010 10:55 am
โดย GeneraX
อ่านดูคห.จากพี่ๆแล้ว สรุปก็คือ

มันผิดกันที่ทัศนคติในการลงทุนตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

ถ้าทัศนคติถูก > เลือกกิจการถูก > ซื้อในราคาที่เหมาะสม ในระยะยาวมันก็ยากที่จะขาดทุนนะครับ

ผมว่าข้อแรกยากสุดนะ  :D

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2010 4:33 pm
โดย leechong
ความเห็นของผม
    ก่อนลงทุน ควรมีการวางแผน ให้ดีก็เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเลย และหมั่นปรับปรุงผลด้วยว่าที่ผิดแก้ไขให้ถูก ที่ถูกแล้วรักษาไว้
    การลงุทนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน  เกือบทุกคนรู้หมดตามตัวหนังสือ แต่จะมีกี่คนที่รู้จริง รู้ชัด รู้ตรง ตามเจตนาที่แฝงในตัวหนังสือ อย่างน้อยๆมันก็เงินของเราที่เก็บอย่างลำบากมาลงทุน แต่จะให้เสียไปง่ายๆก็อย่างลงทุนเลย เก็บเงินอย่างเดียวยังจะรวยเร็วกว่า
    เพราะส่วนมาก จะรู้อดีตที่ผ่านไปแล้วเป็นอย่างดี เลยทึกทักเอาว่ามันดี/ไม่ดี รวมทั้งผมด้วย
    เพราะส่วนมาก จะรู้อนาคตที่ยังมาไม่ถึงเป็นมั่นเป็นเหมาะ เลยทึกทักเอาว่ามันดี/ไม่ดี รวมทั้งผมด้วย  
    เพราะส่วนมาก จะรู้กราฟที่คาดคะแนไว้ชัดเจน เลยทึกทักเอาว่ามันดี/ไม่ดี รวมทั้งผมด้วยมั้ง
    เพราะส่วนมาก จะรู้ว่าเซียนซื้อ ถือ ขาย เป็นอย่างดี เลยทึกทักเอาว่ามันดี/ไม่ดี รวมทั้งผมด้วยมั้ง
    เพราะส่วนมาก จะรู้ว่าตลาดเล่นข่าวเป็นอย่างดี เลยทึกทักเอาว่ามันดี/ไม่ดี รวมทั้งผมด้วยมั้ง
    เพราะส่วนมาก จะรู้ว่าข่าววงในหลุดออกมา เลยทึกทักเอาว่ามันดี/ไม่ดี รวมทั้งผมด้วยมั้ง
    เพราะส่วนมาก จะรู้ว่ามีประเด็นร้อนออกข่าว ขึ้นโรงขึ้นศาล เลยทึกทักเอาว่ามันดี/ไม่ดี รวมทั้งผมด้วย
    แล้วส่วนมาก จะรู้ว่าปัจจุบันของกิจการเป็นเช่นไร
    กำไรอยู่ในมุ้งไหม มีอนาตคไหม วันเวลาที่สวยงามยังมีอยู่ไหม
    คู่แข่งละ เพิ่มขึ้น/ลดลง แข่งขันดุไหม ตัดราคาไหม ต่างเอาตัวรอดไหม จองทำลายกันไหม  
    แหล่งเงินทุนชัดเจนไหม หาเงินมาเหมาะสมไหม ใช้เงินคิดบ้างไหม
    มีคุณธรรมไหม กดขี่แรงงานลูกจ้างไหม เอาเปรียบผู้บริโภคไหม
    ถ้าผมร่วมลงทุนแล้ว มีกำไร มีปันผล แล้วมีบาปผิดศีลแถมมาด้วยไหม
    ของให้ทุกคนโชคดีมีสุขตามสมควรแก่ตนเอย

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2010 4:56 pm
โดย support
อาจเป็นเพราะไม่มีใครสามารถรู้ได้มากว่ามั้งครับว่า
บริษัทไหนเป็นบริษัทที่มั่นคง  ฐานะทางการเงินดี  มีกำไรและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ  (ถ้าไม่ใช่ผุ้บริหารที่อย่ใกล้ชิดกิจการ)
เพราะบริษัทอย่างว่านั้น ก็เคยมีให้เป็นมาเยอะแล้วที่สุดท้าย พลิกกลับเป็นขาดทุน หรือล้มละลาย แบบไม่คาดฝัน (สมกับคอนเซปอมาตะ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุน...... )ในต่างประเทศก็มีให้เห็นอยู่เยอะ
คนที่คิดว่ารู้หรือเชื่อมั่น บางทีพอเอาเข้าจริง ๆ อาจจะมั้นในไม่ครบ 100 % ก็ได้นะครับ อาจยังต้องเผื่อ MOS ไว้เลย นั้นก็หมายความว่าต้องรอตลอด pannic เพื่อซื้อหุ้นดังกล่าว ก็แสดงว่าต้องรออารมณ์ตลาดก่อนเหมือนกันถึงค่อยซื้อ จะบอกว่าอาศัยดูปัจจัยพื้นฐานอย่างเดียวคงไม่ถูก

เพราะมันเป็นประการละฉะนี้แหละครับ คนถึงได้ขายก่อนเวลาแล้วบางทีไขว้เขวไม่ได้ถือยาว เพราะไม่รู้อานาคตว่าจะเป็นอย่างไร จึงเกิดอาการตัดขาดทุนน้อยดีกว่าขาดทุนมาก เพราะเข้าใจว่าพื้นฐานกิจการเปลี่ยน ซึ่งจริง ๆ อาจจะไม่ได้เปลี่ยนก็ได้ แต่ผู้บริหารหรือเจ้ามือทำมายากลให้ดูเหมือนเปลี่ยนอย่างแนบเนียน

เป็นความคิดเห็นที่แชร์ในมุมมองที่แตกต่างออกไปบ้างนะครับ จะได้เป็นกระทู้ที่ดีสมบูรณ์แบบ มีหลายมุมมอง :wink:  :wink:

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2010 6:32 pm
โดย Outliers
reiter เขียน:นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่มักไม่อดทนพอที่จะกำไรอย่างช้าๆ เลยเลือกที่จะขาดทุนอย่างรวดเร็ว
คมมากๆเลยครับ ชอบๆ

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 31, 2010 6:41 pm
โดย Anti-Aircraft
แนวคิดเรื่องการซื้อเงิน 1 ดอลลาร์ ในราคา 50 เซ็นต์ จะโดนใจคนๆ นั้นในทันที หรือไม่งั้นก็ไม่มีผลอะไรเลย

ข้อสังเกตจาก วอเรนต์ บัฟเฟต จากภาคผนวกของ The Intelligence Investor ฉบับภาษาไทย
ลองสังเกตคนรอบตัวคุณดูสิครับ :wink:

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 11:39 am
โดย cashcycle
อาจจะไม่อยู่ในคำว่า "โลภ" นะครับเพราะผมคิดว่าทุกๆคนก็มีความโลภอยู่ในตัวไม่มากก็น้อย

ประเด็นน่าจะอยู่ที่คำว่า "มาก" ซึ่งมารวมกันเป็น "โลภมาก"

*สามารถขาดทุนเพิ่มได้ด้วยการเติม "มาก" ตามหลัง "โลภ" หลายๆรอบ

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 1:16 pm
โดย k_ladphrao
เป็นเพราะว่าคนเล่นหุ้นส่วนมาก มองผลตอบแทนเป็นจำนวนเงินมากกว่า % ที่ได้ และดูที่ระยะเวลาลงทุนที่ถือเป็นวันมั้งครับ

มีรุ่นพี่ที่สนิทมากๆคนหนึ่ง พอรู้ว่าผมก็เล่นหุ้นยังมาบอกผมเลยว่า ดี จะได้ฝากผมดูพอร์ตเผื่อวันไหนต้องไปประชุม ผมยังงงๆเลยว่าจะให้ผมช่วยดูพอร์ตยังไง

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 3:28 pm
โดย CK
บนสมมุติฐานว่า บริษัทจะยังปันผลต่อไปได้ทุกปีตามที่คาด

Re: ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 3:59 pm
โดย laohanant
[quote="chatchai"]ถ้าเราเลือกลงทุนในบริษัทที่มั่นคง

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 4:12 pm
โดย Nokkao IV
reiter เขียน:เห็นด้วยกับพี่ฉัตรครับ

นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่มักไม่อดทนพอที่จะกำไรอย่างช้าๆ

เลยเลือกที่จะขาดทุนอย่างรวดเร็ว
ชอบจัง +40

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 5:08 pm
โดย laohanant
พิมพ์ไป เบลอไป งงตัวเองเหมือนกัน ขออภัย  :oops:

ประเด็นของผมก็คือ ถ้า yield มันไม่มากว่าเงินเฟ้อที่แท้จริง มันก็ไร้ค่าครับ  :D

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 9:59 pm
โดย chatchai
สิ่งที่ผมอยากจะสื่อออกมาก็คือ

เรามักจะได้รับรู้มาว่า  คนส่วนใหญ่กว่าครึ่งจะขาดทุนจากการเข้ามาตลาดหุ้น

ถ้าถามผมว่า  การเข้ามาในตลาดหุ้นแล้วไม่ขาดทุนยากขนาดนั้นเลยหรือ

ถ้าเราลงทุนบริษัทที่มั่นคงซักหน่อย  มีผลการดำเนินงานที่ดีพอควร  จ่ายเงินปันผลได้พอประมาณ  ไม่ล้มละลายภายใน 10 ปี 20 ปี  

ผมว่ายังไงก็ไม่ขาดทุน  ถึงแม้จะมีบางปีที่บริษัทจะขาดทุนบ้าง  ไม่จ่ายเงินปันผลบ้างก็ตามที

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 10:01 pm
โดย chatchai
[quote="laohanant"]พิมพ์ไป เบลอไป งงตัวเองเหมือนกัน ขออภัย

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 10:06 pm
โดย tum_H
อืม มีลบ ก็มีบวกครับ
เช่นเดียวกัน มีกำไร ก็ควบคู่กับ ขาดทุน

:idea:

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 10:23 pm
โดย tum_H
ดังที่พระพุทธองค์ เปรียบดอกบัวออกเป็นสี่เหล่า ในฐานะของบุคคลที่สามารถฝึกสอนให้รู้ธรรมได้
และไม่ได้ในทางพระพุทธศาสนา

บางคนเสด็จไปโปรดด้วยพระองค์เองหรือแม้แต่บวชให้ ก็ยังไม่สามารถบรรลุ
ธรรมได้

บุคคล ๔ จำพวก คือ อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยย ปทปรมะ ก็เปรียบเหมือนดอกบัว ๔ เหล่านั้นแล

ความยึดติดยึดมั่น หลงในสิ่งที่จิตปรุงแต่งขึ้น

ย่อมนำมาซึ่งการขาดสตินึกคิด  :idea:

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 01, 2010 10:39 pm
โดย simplelife
[quote="laohanant"]พิมพ์ไป เบลอไป งงตัวเองเหมือนกัน ขออภัย

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 02, 2010 12:59 am
โดย laohanant
[quote="simplelife"][quote="laohanant"]พิมพ์ไป เบลอไป งงตัวเองเหมือนกัน ขออภัย

Re: ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 02, 2010 8:30 am
โดย sathaporne
[quote="laohanant"][quote="chatchai"]ถ้าเราเลือกลงทุนในบริษัทที่มั่นคง

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 02, 2010 9:33 am
โดย laohanant
[quote="laohanant"]พิมพ์ไป เบลอไป งงตัวเองเหมือนกัน ขออภัย

Re: ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 02, 2010 10:22 am
โดย laohanant
ขอแย้งหน่อยนึงครับ คำว่า5%นี่มันเป็นเพียงแค่ ปันผลที่โตนะครับ
อันนี้เบลอครับ  :oops:  ตามที่ว่าไว้ข้างต้น
ถ้าสมมติว่าราคาหุ้นขึ้นมาในอัตราเดียวกันกับเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น นั่นแปลว่า
capital gain จะเป็นแค่เพียง 5%ต่อปี
แต่เงินที่เราได้มาทั้งหมดไม่ได้มีแค่นี้นะ (ที่pe=10; 18บาท-10บาท = 8บาท)
เราไม่ได้ได้รับเงินมาเพียงแค่ 8บาทตลอดระยะเวลา 12ปีนะ
แต่เรายังได้รับเงินมาอีกถึง 15.7 บาทตลอดระยะเวลา 12ปีนะ
เงินปันผลก็ถือว่าเป็นผลตอบแทนเหมือนกันนะครับย่างมองแค่ capital gain อย่างเดียว
ถ้ารวมเงินจำนวนนี้ไม่ใช่แค่ 5%ทบต้นอย่างที่ว่ามาแน่ (ประมาณ 11-12%)
นี่ยังไม่รวมว่าเราเอาเงินปันผลมาลงทุนต่อนะ
ผลตอบแทนขนาดนี้ ไม่ไร้ค่าหรอกครับ
ผมเข้าใจว่าโจทย์ของพี่ Chatchai คือ ราคาหุ้นคงที่นะ ถึงประกาศจ่ายปันผล หุ้นก็ dilute ลงมาที่เดิม ประเด็นของผมที่ผมแซกไว้ครั้งแรกอีกอย่างก็คือเกี่ยวกับเงินเฟ้อแฝงจากการควบคุมราคาต่างๆ ของรัฐเต็มไปหมด มันเหมือนกับเป็นภาพลวงตาที่คนส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็น (อาจมากกว่านั้น ถ้าแอบมีการอัดฉีดพิมพ์เงินเข้าระบบเพิ่มเข้าไปโดยเราไม่ทราบ-อันนี้คิดเล่นๆ เอาเอง) :D

เมื่อเงินเฟ้อทบต้นที่แท้จริง มากกว่าตัวเลขที่เราเห็นๆ มูลค่าหุ้นที่ปีที่ 12 ที่คงที่เหมือนเดิม ถ้าคิดแบบ VI ก็ต้องมีการคิดเผื่อสำหรับอัตตราเงินเฟ้อแฝงที่มองไม่เห็นนี้เพิ่มเข้าไปด้วย ในการคำนวณ Discount ราคาหุ้นที่ปีที่ 12 ลงมา

เมื่่อได้ราคาหุ้นของปีที่ 12 ที่ Discount ลงมา นำไปรวมกับเงินปันผลที่ได้รับต่อปี(ต้อง Discount ด้วยนะ) ก็ได้ผลตอบแทนรวม จากนั้นเราก็สามารถหาผลตอบแทนทบต้นตลอด 12 ปี ได้ เราก็จะได้ภาพที่ชัดเจนสำหรับการเลือกลงทุนในหุ้นตัวนี้ ว่าคุ้มค่าไหมกับ ทางเลือกอื่นๆ ที่เรามีครับ  :D

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 02, 2010 7:34 pm
โดย simplelife
[quote="laohanant"]
1. ถ้าห่วงแค่เงินเฟ้อประเด็นเดียว ก็แนะให้ถือเป็นทองคำแทนจะดีกว่า เป็นทางเลือกทีดีปลอดภัย ต้านทานเงินเฟ้อได้ดี

และเสี่ยงน้อยกว่ามากมายนักเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นแล้วหวังแค่เสมอตัวกับเงินเฟ้อครับ

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 02, 2010 11:09 pm
โดย Notelio
จากที่ผมเห็นคนเล่นมาหลายรูปแบบ ผมว่าคนในตลาดส่วนใหญ่ ไม่ชอบอะไรที่ได้ชัวร์ๆ อย่างหุ้น tender หรือ การทำ arbitrage ขายหุ้นแม่ แล้วไปซื้อหุ้นลูกที่ราคาถูกกว่า หรือแม้แต่ หุ้นพื้นฐานที่โตเรื่อยๆ ทุกปี แต่ไม่ค่อยมีข่าว อย่างตอนนี้หุ้นพื้นฐานบางตัวที่ผมถือ อัตราเติบโต ขั้นต่ำ ปีละ 10-15 %ปันผลประมาณ 7 % ตลาดเลือกที่จะให้ pe เหมาะสมแค่ 8-10 เท่า แต่กลุ่มรับเหมาตัวใหญ่ที่มีข่าวได้งานนั้นงานนี้ แต่ ถึงเวลาจริงๆ กำไรที่ได้กับปันผลแทบจะไม่มีเลย แถมบางปียังขาดทุนหนัก ตลาดกลับให้ pe เหมาะสม 25 เท่า แล้วก็เล่นต่อยอดกันไปเรื่อยๆ  หรือกลุ่มสื่อสารที่เล่นข่าว 3G หุ้นที่จะประมูลจริงๆ ราคากลับไม่ค่อยขึ้น แต่หุ้นที่แทบจะไม่มีโอกาสราคากลับขึ้นเป็นเท่าตัว

ผมเลยมองว่าการที่คนส่วนใหญ่ในตลาดขาดทุนน่าจะเกิดจากการแยกแยะความเสี่ยงกับผลตอบแทนไม่เป็น จริงอยู่ทุกคนลงทุนย่อมอยากได้ high return ทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่ทุกคนคิดว่ามันต้องมาคู่กับ high risk บางกรณีก็เป็น super high risk  แต่จริงๆ ถ้าเรามองดีๆ ไม่ต้องไปเน้น high return ในระยะสั้น แล้วจำกัดความเสี่ยงไว้ เราก็สามารถหาหุ้น low risk  medium return ได้ ไม่ยากครับ

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 03, 2010 12:16 am
โดย laohanant
simplelife เขียน:
คุณคิดว่าตลาดทองมัน efficient ตลอดเวลากว่าตลาดหุ้น? หรืออย่างน้อยแปรผันตรงกับค่าเงินเฟ้อ ? ราคาทองตอนประมาณปี 2522-23 เกินห้าพันบาทเป็นครั้งแรก (ประมาณ 5500-6000 ถ้าจำไม่ผิด) หลังจากนั้นก็ตก/sideway มาเป็นสิบปี กว่าราคาทองจะสูงขึ้นมาเกิน ห้าพันบาทอีกครั้ง กว่าจะตั้งหลักโงหัวขึ้นมาเกิน 6000 จริงๆจังๆอีกครั้งก็ปาเข้าไปปี 2545 แล้วครับ

ถ้าเงินเฟ้อมันประมาณ 4% ต่อปี ตั้งแต่ปี 23 จนถึงปัจจุบัน ปี 23 ราคาทอง 5600 บาท เทียบเป็นเงินปัจจุบันเท่ากับ 18,100 บาท แปลว่ามันใช้เวลา 30 ปีกว่าราคาทองจะไล่เงินเฟ้อทัน ระหว่างนั้นมันแพ้เงินเฟ้อมาตลอด ที่สำคัญผมเชื่อว่าถ้าซื้อทองวันนี้ที่ราคา 18,xxx แล้วเก็บไว้อีกยี่สิบปี ก็ยังมีโอกาศแพ้เงินเฟ้ออยู่ดีครับ โอกาสสูงด้วย

ผมพยายามจะบอกว่าอย่ามองอะไรง่ายๆเกินไปครับ ว่าลงทุนแบบนี้ได้น้อย แพ้เงินเฟ้อไม่เอาดีกว่า จะเอา capital gain เยอะๆเร็วๆอย่างเดียว

อ้อ จากตัวอย่างคุณ chatchai ข้างบน ถ้าซื้อหุ้นที่ 10 บาท ได้ปันผลมา 12 ปีตามตาราง ต่อให้บริษัทเจ๊ง(ล่มสลายไปเลย คือขายไม่ได้ terminal value = 0)ก็ยังได้ yield ที่ 7% ต่อปีของเงินต้นนะครับ ถ้าขายได้ซัก 14 บาท ก็น่าจะประมาณ 13%
งั้นต้องมารอดูอีก 20 ปี ใครจะชนะ ฮิฮิ :D


พอดีสมัยทองอยู่  5,000 เพิ่งเกิด  เลยลองหาข้อมูลย้อนกลับไปดูสมัยที่ยังเป็นไม่เป็นวุ้น  ราคาเฉลี่ยปี 2514 อยู่ที่ประมาณ  450 บาท  ก็ไม่รู้ตลาดหลักทรัพย์สมัยนั้นมีรึยัง สมมติ (ย้ำๆ สมมุตินะ) ว่ามีถ้าซื้อหุ้นให้ผมตอบแทนอย่างที่ว่าในปี 2514 ก็ไม่รู้ว่าบริษัทจะอยู่มาถึงปัจจุบันรึปล่าว เอาแค่ 12 ปี จากปี 2514 ก็ได้ ชนะทองรึปล่าว (ปี 2525 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่  4,230 บาท)

หรือถ้าเทียบโดยเริ่มจากปี  2541( ราคาทองเฉลี่ยอยู่ที่ 5,750 บาท) ครบถึงปัจจุบัน 12 ปีพอดีที่ปี 2553 (ก็ประมาณ 18,000 บาท) ถามว่าใครชนะระหว่างเงินเฟ้อกับทองคำ   ถ้าจะเทียบกันมันต้องเทียบกันยาวกว่านั้นจริงๆ


มันก็อย่างที่ท่านว่าไว้ตลาดทองมันมีประสิทธภาพรึปล่าว ซึ่งท่านก็ว่าๆ มันไม่ใช่ แล้วถ้ามันไม่ใช่ ปัจจุบันราคาทองมัน undervalue หรือ overvalue ล่ะ การที่ท่านมองแค่บางช่วงแล้วตัดสินให้มัน แพ้ มันเป็นไปได้รึปล่าวว่า ทองมันยังไม่ได้สะท้อนมูลค่าแท้ๆ ที่ควรจะเป็นออกมา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังจะบอกว่า เงินที่เป็นกระดาษจะมีค่ามากกว่าทอง ฮิฮิ  (  อาจจะไม่ใช่คนแรกของโลก แต่ก็เป็นคนแรกที่ผมเจอ ผมอาจจะเป็นคนที่คิดผิดไปเองก็ได้  :lovl: - ตอนนี้หัวเราะวันหน้าผมอาจจะ  :'O ก็ได้ แซวเล่น)


อยากรู้คำตอบบางทีไม่ต้องรอถึง 20 หรอกครับ ทองเป็นสินแร่ ไม่ได้งอกออกมาใหม่ได้ขุดไปยังไงก็หมด ถ้าไม่มีการพิมพ์กระดาษ สิ่งที่จะใช้แทนเงินตราที่ใช้อย่างแท้จริงก็คือทองคำ ตามเท่าที่โลกนี้ยังไม่สูญสลาย มนุษย์ก็ยังตัองมีการแลกสินค้าและผลผลิต ที่ผ่านมาบางช่วงเวลาที่มันไม่ perform ก็เพราะพวกธนาคารกลางหลายประเทศขายทองเข้ามาในตลาด แต่ต่อไปผมว่ามันจะไม่ใช่แล้ว  ฮิฮิ ไม่นานเกินรอ  :mrgreen: :D  :lovl:

ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขาดทุนในการลงทุนได้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 03, 2010 12:59 am
โดย laohanant
อยากจะบอกเพิ่มให้ทุกท่านที่ได้อ่านตระหนัก เพราะคนเรามันมักลืมอดีตที่ผ่านไปกันง่าย ทั้งๆ ที่ผ่านไปไม่นาน

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวเร่งเงินเฟ้อ ก็คือเงินเฟ้อจากต้นทุนพลังงาน


คิดง่ายๆ อีกเหมือนกัน  น้ำมันมีแต่จะหมดโลก ในช่วงระยะเวลาไม่นานจากนี้  ราคาน้ำมันมีแต่จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อจากต้นทุนพลังงาน สังเกตุง่ายๆ ครับถ้าราคาน้ำมันขึ้นแรง ทองคำก็ขึ้นแรงตาม เมื่อก่อนที่ทองคำนั้นไม่ perform ก็มีส่วนจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ขาดปัจจัยเร่ง แต่หลังจากนี้ไปมิใช่แน่ๆ ขอบอก ฮิฮิ   :mrgreen: :D  :lovl: