การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
-
แมงเม่าสายลม
- Verified User
- โพสต์: 164
- ผู้ติดตาม: 0
akekarat เขียน:drsp เขียน:เรียนคุณส.สลึงครับ
ผมไม่อิจฉาหรือแข่งกับใครหรอกครับ
คนเริ่มชราแบบผม เงินทองเรื่องเล็กครับ
ตายไปก็เอาไปไม่ได้
ขอแค่ไม่เจ็บป่วย มีคนที่รักและห่วงใย
ชีวิตนี้ได้ทําประโยชน์ให้ผู้อื่นบ้าง
แค่นี้ก็มีความสุขเกินพอแล้วครับ
อีกอย่างผมชอบชื่อคุณมาก
ดูสมถะมักน้อยน่านับถือ
แต่ดูจากการแสดงความคิดเห็น
ผมว่าคุณน่าจะมี8หลักหรือ9หลักนะครับ
พอขนาดพอร์ตมีมากพอ ผมก็เริ่มถามตัวเองแล้วครับว่า แล้วยังไงต่อ ???
ตอนนี้ ผมเห็นด้วยอย่างมากเลยครับ ในเรื่องว่า มีเงินมากน้อยเท่าไหร่ แล้วยังไง?
อาจารย์ปู่ ก็แบ่งเงินให้แมงเม่าน้อยๆ ได้มีทุน โต้ คลื่นลมในตลาดหลักทรัพย์อันโหดร้าย จิฮะ
ถือว่าเป็นการลงทุนการศึกษาให้แมงเม่าน้อยๆ ได้ลืมตาอ้าปากได้ฮะ
คิคิ
วันนึงผมจะเป็นแมงเม่าที่ยิ่งใหญ่ฮะ !!!
-
drsp
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
คุยเรื่องลงทุนไหงกลายเป็นเรื่องปรัชญาการใช้ชีวิต
แต่ผมเห็นด้วยนะครับว่า
ชีวิตสําคัญกว่าเงินทอง
และเงินทองเป็นของแปลก
มีพอดีมีความสุขที่สุด
มีมากเกินพอใช่ว่าจะสุขมากกว่า
สมมติครอบครัวหนึ่งต้องการใช้รถ2คัน
ถ้าคุณมีรถ5คันดีกว่า2คันจริงเหรอ
รถถึงไม่ได้ขับจอดไว้ก็ต้องดูแลต้องซ่อมต้องต่อทะเบียนประกัน
ต้องคอยสตาร์ทบ่อยๆไม่ใให้แบตหมด
เป็นภาระไหม
ถ้าบ้านขนาด100วาก็พอ
แต่คุณมีบ้าน1ไร่
กาารดูแลเหนื่อยกว่าไหม
ต้องตัดหญ้าต้องซ่อมบ้านต้อมีคนใช้คนสวน
กลัวขโมยเข้าบ้านไหม
ถ้าทุกคนรู้ว่าคุณรวยมาก
ชีวิตคุณและครอบครัวปลอดภัยไหม
สังเกตไหมครับว่า
ดอกเตอร์นิเวศน์ขับโตโยต้า
อาศัยบ้านแม่ยายอยู่
เพราะแค่นี้แกก็มีความสุขแล้ว
มากกว่านี้สําหรับแกคงเป็นทุกข์
ถามหน่อยครับว่าอีก50ถึงร้อยปี
คนในโลกจะนึกถึงวอเรน บัฟเฟต
หรือมหาตมะคานธีและแม่ชีเทเรซ่ามากกว่ากัน
-
Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
drsp เขียน:คุยเรื่องลงทุนไหงกลายเป็นเรื่องปรัชญาการใช้ชีวิต
แต่ผมเห็นด้วยนะครับว่า
ชีวิตสําคัญกว่าเงินทอง
และเงินทองเป็นของแปลก
มีพอดีมีความสุขที่สุด
มีมากเกินพอใช่ว่าจะสุขมากกว่า
ดีแล้วล่ะครับ
ผมว่าคุยเรื่องนี้ก็ดีแล้ว เพราะการลงทุนเป็น เพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
ผมว่าได้ ฟังปรัชญาชีวิตดูบ้างก็ดี บางที จะได้เข้าใจบ้างว่า ชีวิตเราก็ไม่ใช่วัดความสำเร็จ ที่ฐานะ ความร่ำรวย เพียงอย่างเดียว :D
-
ซากคน
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
Paul VI เขียน:
เพราะการลงทุนเป็น เพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
ชีวิตเราก็ไม่ใช่วัดความสำเร็จ ที่ฐานะ ความร่ำรวย เพียงอย่างเดียว
เห็นด้วยครับ แต่การลงทุนเป็น
สัดส่วนใหญ่ของชีวิตสำหรับ Young freshman ที่ไม่มีอนาคตอย่างผมในตอนนี้ อย่างเลี่ยงไม่ได้
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
VI Wannabe
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1014
- ผู้ติดตาม: 0
drsp เขียน:คุยเรื่องลงทุนไหงกลายเป็นเรื่องปรัชญาการใช้ชีวิต
แต่ผมเห็นด้วยนะครับว่า
ชีวิตสําคัญกว่าเงินทอง
และเงินทองเป็นของแปลก
มีพอดีมีความสุขที่สุด
มีมากเกินพอใช่ว่าจะสุขมากกว่า
สมมติครอบครัวหนึ่งต้องการใช้รถ2คัน
ถ้าคุณมีรถ5คันดีกว่า2คันจริงเหรอ
รถถึงไม่ได้ขับจอดไว้ก็ต้องดูแลต้องซ่อมต้องต่อทะเบียนประกัน
ต้องคอยสตาร์ทบ่อยๆไม่ใให้แบตหมด
เป็นภาระไหม
ถ้าบ้านขนาด100วาก็พอ
แต่คุณมีบ้าน1ไร่
กาารดูแลเหนื่อยกว่าไหม
ต้องตัดหญ้าต้องซ่อมบ้านต้อมีคนใช้คนสวน
กลัวขโมยเข้าบ้านไหม
ถ้าทุกคนรู้ว่าคุณรวยมาก
ชีวิตคุณและครอบครัวปลอดภัยไหม
สังเกตไหมครับว่า
ดอกเตอร์นิเวศน์ขับโตโยต้า
อาศัยบ้านแม่ยายอยู่
เพราะแค่นี้แกก็มีความสุขแล้ว
มากกว่านี้สําหรับแกคงเป็นทุกข์
ถามหน่อยครับว่าอีก50ถึงร้อยปี
คนในโลกจะนึกถึงวอเรน บัฟเฟต
หรือมหาตมะคานธีและแม่ชีเทเรซ่ามากกว่ากัน
ผมได้มุมมองดีๆเพิ่มขึ้นมากเลยขอบคุณครับ
กลับมาเรื่องกระทิง กับ หุ้น VI มองภาพใหญ่ ผมคิดว่ากระทิงช่วง 1-2 week นี้เกิดจาก liquidity driven จากการที่ US จะป๊มเงิน 6 แสนล้าน USD เป็นหลักไม่ได้เกิดจากผลประกอบการเลยที่จะดีขึ้นในอนาคตเลย เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจว่าทำไม หุ้น VI หรือ หุ้นที่ market cap ไม่ติด top 20 ส่วนใหญ่ไม่ไปไหนหรือปรับตัวลดลง (ต่างชาติและกองทุนจะเน้นหุ้นใหญ่ๆเป็นหลักก่อนเพราะเข้าง่ายออกง่าย + คน switch ไปเล่นหุ้นใหญ่เพราะมันขึ้น) ที่น่าสนใจคือต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหุ้นใหญ่ เหล่านี้โดน push เกิน fundamental ไปมากๆ (bubble ที่ยังไม่แตกบางครั้งแยกไม่ออกกับ growth เลย เช่น หุ้นไทยตอนวิ่งไป 1700 หรือ dot com bubble ใน US)
ถ้า bubble ไม่แตกซะก่อน หุ้น size เล็กๆ ลงมาก็น่าจะได้เม็ดเงินเข้ามาบ้าง เพราะ valuation จะเริ่มน่าสนใจเมื่อเทียบกับหุ้นใหญ่
แต่ถ้า bubble burst ก็ตัวใครตัวมันครับ
:lol:
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
-
superboy
- Verified User
- โพสต์: 1049
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจะมีรายงานการปล่อยมาร์จิ้นทุกโบรก ทุกสัปดาห์
ข้อมูลแบบนี้ น่าจะให้รายย่อย รับรู้บ้างก้อดี
ปล. ขอบคุณข้อมูลดีๆๆ ครับ
-
satantuey
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดกระทิงเล่นแบบ VI ก็รวยได้นะครับ เพราะ เล่นแบบ VI จริงๆ ก็ต้องเก็บหุ้นมาตั้งแต่ตอนมันราคาถูกๆมาแล้ว(ช่วงตลาดหมี) แล้วพอกระทิงมาก็ถือไว้อยู่ ให้กำไรมันวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ได้ซื้อๆขายๆ แบบเทรดเดอร์
และอีกอย่างจริงอยู่ที่ตลาดกระทิงหุ้นที่ขึ้นเยอะๆส่วนใหญ่คือพวกบลูชิป หุ้นใหญ่ๆที่ฝรั่งเข้าซื้อ แต่อย่าลืมไปว่า ตอนตลาดหมีที่ผ่านมา บลูชิปหลายตัวราคาตกมาก ลดกระหน่ำ
เช่น PTT ราคาตอนนั้นเหลือ 140 ก่าบาท
BANPU ราคาเหลือ 100ปลายๆ - 200ต้นๆ
TOP ลงไป 18 บาท
PTTEP เหลือ 80-90 ก่าๆ
ฯลฯ
ถ้าตอนนั้นท่านไม่ตื่นตระหนกกับตลาด แล้วเก็บพวกนี้เข้าพอร์ต หุ้นบลูชิปก็กลายเป็นหุ้น VI ได้ครับ
-
poohandi
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับเรา ไม่มีหุ้น VI มีแต่ผู้ลงทุนแบบ VI ค่ะ
- ซื้อหุ้นที่ราคาไม่แพงเกินพื้นฐาน (ถ้าพื้นฐานจะโตได้อีก บางราคาก็ไม่แพง),
-มีปัจจัยพื้นฐานดี (การผลิต, กลุ่มลูกค้า, สภาพการแข่งขันในตลาด, ธรรมาภิบาล)
-ถือหุ้นในระยะยาวได้ เพราะมันคือการลงทุน
การเก็งกำไรจะทำให้เราพลาดกำไรที่อาจมากขึ้น หรือซื้อของที่แพงไป
ดังั้น คนที่ถื bluechip มาตั้งนมนาน (จริงๆถามผู้ใหญ่หลายๆท่านก็เป็นงี้)
เราก็ถือว่าท่านเป็น VI ค่ะ .....well, to me..
-
drsp
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
ปัญหาสําคัญประการหนึ่งก็คือ
คําว่าViของแต่ละคนนี่เหมือนกันหรือไม่
ทุกคนยอมรับว่าBuffetเป็นvi
แล้วPeter Lynchเป็นviหรือไม่
Lynchก็ชื้อหุ้นที่ราคาตํากว่ามูลค่าจริง
แต่พอได้กําไรพอใจหรือเจอตัวที่ดีกว่า
Lynchขายทันที โดยเฉลี่ยถือหุ้นแค่1-2ปี
หุ้นที่ดีBuffetถือตลอดชีวิตไม่ขายเช่นCoke
Buffetถือหุ้นจํานวนน้อยแต่วงเงินสูงในแต่ละตัว
Lynchถือหุ้น300ถึง1พันตัว
ทั้ง2คนถือเป็นเทพเจ้าในตลาดหุ้น
ใครเก่งกว่ากันผมก็ตอบไม่ได้
เหตุผลสําคัญที่Buffetถือหุ้นยาวนานมากคือ
ที่อเมริกาถ้าถือหุ้นสั้น จะโดนเก็ภาษีกําไรหุ้นอัตราสูง
ถ้าถือนานอัตราภาษีจะตํากว่า
ส่วนหนึ่งของความรวยของBuffetคือ
ถือนานจนไม่ต้องเสียภาษีกําไรหุ้นเลย
หลายคนพยายามเลียนแบบBuffet
ถามจริงๆในพวกเราจะมีสักกี่คนที่อดทนถือหุ้นยาวนานเท่าBuffet
ผมว่าเราแค่จับหลักการบางอย่างที่มีประโยชนืของvi
แล้วปรับเข้าหาให้เหมาะกับตัวเรา
ดีกว่ายึดมั่นกับคัมภีร์หรือเล่นตามเทพเจ้า
ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับเราและฝืนธรรมชาติ
ทั้งหมดเป็นความเห็นส่สนตัว
ถูกผิดผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
-
noolex
- Verified User
- โพสต์: 37
- ผู้ติดตาม: 0
สวัสดีคะ่ สมาชิกใหม่คะ่
ชอบแนวปรัชญา คุณ DRSP ค่ะ เลยขอรีพลายด้วยสักนิดนึง
เงินทองมีมากมายสุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ สำคัญอยู่ที่ความสุขของครอบครัว
ก็จริงนะคะ แต่เล่นหุ้นแล้วเป็นทุกข์ก็ไม่เล่น
สองปีก่อนเคยจับหุ้นพลังงานที่ลงไปเหลือ 18 บาทนั่นแหละคะ
ขาดทุนจนไม่ดูเปอร์เซ็นต์ LOSS ไปเลย
แต่ด้วยความที่คิดว่า ยังไงมันต้องขึ้นมาจุดเดิมที่มันเคยอยู่
เพราะพื้นฐานของหุ้นไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมาย
จนทุกวันนี้ มันเริ่มวิ่งขึ้นแ้ล้วเกินกว่าทุนของเราเอง
เล่นหุ้นแบบไม่เก็งกำไรระยะสั้นก็ดีแบบนี้เองนะคะ
ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่เครียดมากมาย
คนที่เขากำไรเยอะ ๆ เวลาเขาเสียเยอะ ๆ เขาก็ไม่บอกเราหรอกอะ
ก็เลยไม่ค่อยอิจฉาเท่าไหร่
-
dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
ขอบคุณครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"