Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

simplelife เขียน:จะบอกว่าชนะตลาด ไม่จำเป็นหรอกครับ ลิงปาเป้าก็เคยชนะตลาดได้

แต่ถ้าเรื่องชนะตลาดในระยะยาวๆ ขอเป็น Contrarian นิดนึง ว่าต้องฉลาดครับ ไม่ใช่ต้องฉลาดขนาดอัจฉริยะ แต่ต้องฉลาดคือต้องอ่านหนังสือเป็น หาความรู้เป็น ต้องเอาความรู้ที่มีมาวิเคราะห์หาเหตุผล เพื่อการตัดสินใจการลงทุนเองได้ ถ้าจะซื้อหุ้นไปแบบบื้อๆตามเซียน ก็คงจะแพ้ตลาดเหมือนเดิมแหละครับ

ถ้าไม่เชื่อผม อย่างน้อยก็เชื่อ Buffett ครับ
If you have a 150 IQ, sell 30 points to someone else. You need to be smart, but not a genius. What’s most important is inner peace; you have to be able to think for yourself. It's not a complicated game. -- Warren Buffett

Tibular เขียน:คุณต้องมีความรู้เรื่องธุรกิจครับ การผลิต การตลาด การเงิน การบัญชี การบริหารจัดการ ฯลฯ (Business Analysis)
คุณต้องสามารถประเมินมูลค่าธุรกิจออกมาได้ (Intrinsic Value)
คุณต้องเผื่อความปลอดภัยไว้ โดยซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ประเมินได้ให้มากที่สุด (Margin of Safety)
คุณต้องเข้าใจกระบวนการต่างๆของตลาดหุ้น ที่มา ที่ไป เหตุ ผล และตัวแปรต่างๆ (Mr.Market)

จะทำอย่างนั้นได้คุณต้องมี
ข้อมูล (อยู่ที่ความขยันในการติดตามข่าวสาร บทความ บทวิจัย บทวิเคราะห์ ข้อมูลบริษัทต่างๆให้มากที่สุด)
การวิเคราะห์ (อยู่ที่ประสบการณ์ในการลงทุน ที่จะทำให้เราเฉียบคมขึ้น)
ความรู้และสไตล์ในการลงทุน (อยู่ที่การค้นคว้า ตำรับตำรา อ่าน ทดลอง ประเมินผล)
การควบคุมอารมณ์ พฤติกรรมให้เหมาะสม (อยู่ที่การเข้าใจจิตวิทยาของตัวเอง ผู้อื่น รู้ว่าควรทำอะไรตอนไหน มีสติ สัมปชัญญะ)
เป็นวินัยที่สำคัญที่จะทำให้เราสามารถลงทุนได้ดี และมีผลตอบแทนที่เหมาะสมครับ

เบื้องหลัง IQ สูง เรียนเก่ง ส่วนใหญ่กว่า 99% เป็นผลจากความขยัน อดทน มุมานะ รักในสิ่งที่ทำ
มีศรัทธา มีความพากเพียร มีสติ จดจ่อจดจำในสิ่งที่ทำ มีการวิเคราะห์ ประเมินผลของสิ่งที่เราทำว่าขาดตกบกพร่อง
อะไรอย่างไรไปบ้าง แล้วจะต้องเติมเต็ม หรือพัฒนาสิ่งเหล่านั้นอย่างไรจึงจะทำได้ดีขึ้น และยิ่งๆขึ้นต่อไป
ไม่มีใครทำให้กันได้ครับ ถ้าอยากเก่งต้องขยัน เช่น อ่านหนังสือครั้งแรกไม่เข้าใจ ก็อ่านซ้ำมันไป สอง-สามรอบ
ถ้าไม่เข้าใจก็ถามผู้รู้เพิ่มเติม กลับมาอ่านใหม่ สิบรอบก็ต้องอ่าน ยี่สิบรอบก็ต้องอ่าน ยังไงมันก็ต้องเข้าใจมากขึ้นแน่นอน
ที่สำคัญต้องอดทน ก้าวข้ามความท้อแท้ เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไปให้ได้

หนทางง่ายๆที่จะทำให้เรามีความเข้าใจการลงทุนมากขึ้น คือเลียนแบบนักลงทุนเก่งๆครับ ว่าเค้ามีแนวทางในการทำงานอย่างไร
อะไรที่เค้าทำเป็นประจำ อ่านหนังสือเล่มไหน มีความรู้พื้นฐานอย่างไร ปฏิบัติตัวอย่างไร จากนั้นก็มาดูที่ตัวเราเอง
ว่าเราถนัดอย่างไหน และจะต่อยอดด้านไหนได้ดีที่สุด สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราลงทุนได้ประสบความสำเร็จครับ

murder_doll เขียน: ได้ไอคิว 97 มิน่าล่ะ :lovl:

unnop.t เขียน:ผมคิดว่า EQ เป็นเหมือนจักรยานล้อหน้า เป็นเหมือนการประคองตัวไม่ให้ล้ม และ IQ เป็นเหมือนล้อหลังขับเคลื่อนเราไปสู่จุดหมายครับ

ลองคิดดูเราร่ำเรียน ศึกษา การลงทุน VI อย่างเชี่ยวกราก แต่พอความโลภเข้าครอบงำ ความรู้ที่ศึกษามาลืมไปหมด ไม่สนแล้ว valuation เท่าไหร่ หรือความมั่นใจเกินเหตุ คิดว่าเรานี้แน่จริงศึกษาทะลุปรุโปร่ง จนลืมมอง downside risk ของมัน

ถ้าคิดว่าคนที่มี IQ สูง ๆแล้วจะชนะตลาดได้ ลองดู Issac Newton ซิหมดตัวเพราะตลาดหุ้นมาแล้ว

cyber-shot เขียน:แล้วผมจะไปหา ข้อมูลเกี่ยวกับ Issac Newton เล่นหุ้นได้ที่ไหนครับ

ขอบคุณครับ

picklife เขียน:ความรู้ก็สำคัญ ความฉลาดก็สำคัญ ความขยันก็สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือที่สุดคือคุณใช้มันอย่างไร!!!
เหมือนกับนักมวยที่หมัดหนัก แต่ต่อยไม่โดนก็ไร้บอย นักมวยที่หมัดเบามาก แต่โดนปลายคาง ยังไงก็ร่วง
หมัดเบา ก็เสมือนความรู้ที่เบา แต่รู้จักใช้มัน ก็สำเร็จได้ง่ายๆ สำคัญคือคุณรู็จักใช้มัน!!!
ความรู้แค่ + - * / ผมว่าก็เพียงพอกับการลงทุนแล้ว แต่ต้องใช้มันให้เป็นครับ รู้ไหมครับคนที่ได้ผลตอบแทนมากที่สุดในประเทศ อาจจะเกรดน้อยกว่าคุณอีก และอาจไม่ได้จบ หมอ วิศวะ หรือการเงินด้วยซ้ำ และเซียนบางท่านไม่จบม6ด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งนี้การันตรีแล้วว่า การใช้ความรู้ที่มีสำคัญกว่าความรู้ที่มี

การเล่นหุ้นให้ได้20% นั้นยากไหม?
คุณลองหาบริษัทที่ROE>30%ทุกปีซัก5ปีติด และดูเป็นธุรกิจที่กำไรเสถียรหน่อย
แล้วดูราคาซิ ว่ามีตัวไหนบ้างที่โตน้อยกว่า20%ทบต้น

cyber-shot เขียน:แล้วถ้าอยากเล่นหุ้นให้ได้กำไรปีละ 20 เปอร์เซนต์ จำเป็นต้องฉลาดมากรึเปล่าครับ ผมจบราชภัฏมาครับ เกรดไม่ถึง 2.5 ด้วย ไม่ว่าจะต้องใจเรียนอย่างไร เกรดก็ไม่เคยถึง สามสักเทอม ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่มีใครชม ผมว่าฉลาดเลย

ตอนนี้เรียนป โท อาจารย์ที่ปรึกษายังบอกเลย อาจจะจบไม่ทันเพื่อน อาจารย์อยากให้ผมอ่านหนังสือวันละแปดชั่วโมง เพราะดูจากงาน สารนิพนธ์ผมแล้วห่วยมาก ขนาดอ่านวันแปดชั่วโมงก็อาจจะจบไม่ทันเพื่อน แต่อาจจะใช่เวลาปีหนึ่ง อย่างต่ำ หรือถ้าแย่กว่านั้น อาจจะใช่เวลานานกว่านั้น

สรุปว่า เล่นหุ้นให้ได้กำไร หรือชนะตลาดได้ มันจำเป็นต้องฉลาดกว่าคนปกติรึเปล่าครับ เพราะเห็นคนเขียนหนังสือหุ้นบ้างคน ก็จบการศึกษามาสูงครับ

merman เขียน:น่าจะอ่านเรื่อง ท่าน เซอร์ไอแซคนิวตัน นะครับ ว่าระดับอัฉริยะ ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเรื่องการลงทุน

นักลงทุนวีไอทุกคนควร อ่านหนังสือเล่มนี้ เป็นโชคดีของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าในเมืองไทยที่คุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข ผู้แปลหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนหลายเล่มได้ลิขสิทธิ์แปลหนังสือเล่มนี้ออกมา เป็นภาษาไทยให้ได้อ่านกัน ถ้าอ่านภาษาอังกฤษต้นฉบับสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย อาจต้องใช้เวลานานหรือเลิกล้มกลางคันเพราะภาษาที่ใช้ค่อนข้างเก่าและอ่าน ยาก

นักลงทุนผู้ชาญฉลาด หรือ Intelligent Investor ในความหมายของเกรแฮมไม่ได้หมายความว่า นักลงทุนคนนั้นเป็นผู้ที่มีความฉลาดทางปัญญา หรือไอคิวสูง หรือมีการศึกษาที่สูง แต่หมายถึงนักลงทุนที่มีอุปนิสัยดังนี้
• มีความอดทน และมีวินัยในการลงทุน
• ขวนขวายหาความรู้อยู่เสมอ
• ศึกษาและทำความเข้าใจกิจการอย่างละเอียดรอบคอบ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหุ้นนั้นๆ
• ควบคุมอารมณ์ไม่ให้มาก้าวก่ายเหตุผลได้เป็นอย่างดี

ในหนังสือยังยกตัวอย่างถึงนักปราชญ์ในอดีตอย่างเซอร์ไอแซค นิวตัน (Sir Issac Newton) ที่พวกเรารู้จักกันดีว่ามีความฉลาดเป็นเลิศ ผลงานของท่านอย่างกฎของนิวตันยังใช้กันอยู่จนกระทั่งบัดนี้ ท่านเซอร์ผู้นี้เป็นนักลงทุนเช่นกัน ท่านเคยลงทุนในหุ้นบริษัทเซาท์ซี (South Sea) ในช่วงหนึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงมากอย่างไม่มีเหตุผล ท่านจึงตัดสินใจล้างพอร์ตของท่านทำกำไรไปประมาณ 7,000 ปอนด์ นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี แต่ในที่สุดราคาหุ้นก็ยังปรับตัวสูงขึ้นหลังจากท่านขายออกไปแล้ว ท่านทนไม่ไหวกลับเข้าไปซื้อหุ้นนี้อีกในราคาที่สูงกว่าที่ขายออกไป สุดท้ายท่านขาดทุนไป 20,000 ปอนด์ ถ้าหากคิดมูลค่าปัจจุบันแล้วก็น่าจะราวๆ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ เอาเป็นเงินไทยน่าจะประมาณ 10 ล้านบาท ท่านเจ็บใจมาก ห้ามมิให้ใครพูดคำว่าเซาท์ซีให้ท่านได้ยินอีกตลอดชีวิต

คนที่มีความฉลาดปราดเปรื่องมากๆ ยังพลาดได้ในตลาดหุ้น ซึ่งก็ไม่แปลกหากนักลงทุนทั่วไปจะพลาดกับตลาดหุ้นจนย่ำแย่ นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ฉลาด เพียงแต่เรายังไม่ได้สร้างอุปนิสัยสำคัญของการเป็นนักลงทุนผู้ชาญฉลาดไว้ใน ตัวต่างหาก ในกรณีของท่านเซอร์ไอแซค นิวตันคาดว่าท่านพยายามทำทุกขั้นตอนมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่มาพลาดตอนจบ คือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไม่ให้มาก้าวก่ายเหตุผลได้ โดยปล่อยให้อารมณ์ความโลภเข้ามาครอบงำจิตใจได้จนหมดสิ้น จนเกิดความกล้าอย่างประหลาด ในที่สุดก็พลาดกับเรื่องง่ายๆ ทั้งๆ ที่ท่านเองก็คิดว่ามันไม่มีเหตุผลใดๆ มาสนับสนุนให้ราคามันสูงขึ้นได้ขนาดนั้น

เรื่องแบบนี้มันเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่จบไม่สิ้นในตลาดหุ้นอยู่ตลอดเวลา นักลงทุนผู้ชาญฉลาดควรพยายามฝึกจิตให้มั่นคง พยายามสร้างคุณสมบัติทุกอย่างอย่างที่ควรจะมีอย่างที่เกรแฮมกล่าวไว้ นอกเหนือจากนั้นในหนังสือยังมีตัวอย่างการลงทุนอีกมาก นักลงทุนที่สนใจในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าควรอ่านและเก็บรักษาหนังสือเล่มนี้ ไว้เป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะผ่านมาหลายสิบปีแต่หลักการในหนังสือเล่มนี้ยังใช้ได้ดีอยู่เสมอ

leaderinshadow เขียน:ไม่ได้เกี่ยวกับการลงทุน แต่มันก็บอกอะไรบางอย่างนะครับ

ไปอ่านหนังสือเล่มนึง เรื่อง out liner

เค้าไปตรวจสอบข้อสมมุติฐานที่ว่า คนที่ IQ สูงจะประสบความสำเร็จในชีวิตหรือเปล่า

ผลลัพธ์ คือ มีครับ

แต่มีในระดับหนึ่งเท่านั้น สังเกตว่า คนที่ IQ สูง มักจะประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่คนที่ IQ สูงที่สุด กับไม่ได้ประสบความความสำเร็จมากที่สุด
ปัจจัยในการประสบความสำเร็จ มีหลายปัจจัย โดย IQ คือหนึ่งในนั้น
และเป็นปัจจัยพื้นฐาน แต่ไม่ใช้ตัวชี้วัดที่ดีที่สุด

เค้าเปรียบเทียบการนักบาสเก็ตบอลครับ
คนที่ตัวสูง เหมือนกับคนที่ IQ สูง
นักบาสเก็ตบอลที่ดี ต้องตัวสูงไม่ต่ำกว่า 180 (ไม่งั้นจะเสียเปรียบชาวบ้าน)
แต่เมื่อความสูงอยู่ในมาตรฐานแล้ว ปัจจัยความสูง ก็จะไม่มีผลต่อความเก่งกาจอีกต่อไป
สังเกตได้ว่า นักบาสที่สูงที่สุด ไม่ได้เป็นนักบาสที่เก่งที่สุด
ในขณะที่นักบาสที่เก่ง รวมทั้งนักบาสที่เก่งระดับตำนาน
กับมีความสูงอยู่ที่ 185 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของนักบาส ใน NBA

สำหรับเรื่องการลงทุน ผมมองว่า IQ เป็นปัจจัยบวกในระดับหนึ่งครับเท่านั้นครับ
คืออย่างน้อยต้องมีความรู้พื้นฐาน ซึ่งถ้าขยัน ก็ไม่มีปัญหา ยิ่งถ้าเรียนจบระดับ ป.ตรี
แสดงว่าคุณเป็นคนฉลาดในระดับหนึ่งแล้วหละ
ที่เหลือ คือ EQ ที่ต้องฝึก

อีกอย่างเรื่องเกรด เป็นเรื่องของความพอใจของอาจารย์ครับ
ขึ้นอยู่ว่า คุณตอบคำถามได้ถูกใจอาจารย์แค่ไหน

ผมเคยคิดนอกกรอบ ตอบคำถามนอกตำรา อาจารย์ท่านนึงให้เกรดผมเกรด C เลยครับ
เพื่อนได้เกรด B ขึ้นไปหมด

แต่บางวิชา ที่เพื่อนผมบอก ยากๆ ผมขี้เกียจครับ ขี้เกียจทำ ขึ้เกียจคิด
ก็ตอบไปตามที่อาจารย์เคยสอนในสอนห้อง ได้ A มาเฉยเลย :lol:

ทำไมวิชาที่เราตอบแบบตั้งใจคิด เรากลับได้ C
แต่วิชาที่เราตอบแบบไม่ค่อยใช้สมองกลับได้ A

ตอนหลังเพื่อนผม ก็เลยเตือนว่า อย่าตอบข้อสอบแบบซ่าๆ ให้มากนัก เขียนเลียๆอาจารย์หน่อย
เดี๋ยวเกรดจะไม่ถึง 3 เอา :lol: