Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

แอบเล่นของเพื่อนฝรั่งมานานละครับ เล็งไว้แล้วครับ
แต่ผมแอบชอบ Design ของ Sony E Book Reader ครับ
เอาภาพ+ข้อมูลมา share ครับ



ตารางเทียบ Spec กับ Kindle ครับ



ผมยังไม่รู้ว่า sony จะใช้ content ของ amazon ได้เหมือน kindle 100%ไหม
ขอถามเพื่อนๆพี่ๆในห้องนี้ที่เคยใช้หรือทราบข้อมูล E book Reader ของ Sony ด้วยครับ

นี่ขนาดยังไม่เข้ามาขายบ้านเราอย่างเป็นทางการนะครับ ดูกระแสตอบรับสิครับ แค่ในบอร์ด TVI
หากเข้ามาขายอย่างเป็นทางการ มีการแข่งขันด้านราคาด้วย น่าจะเป็นยุคทองของอีบุคได้เลยนะเนี่ย

TheViZ เขียน:ผมยังไม่รู้ว่า sony จะใช้ content ของ amazon ได้เหมือน kindle 100%ไหม
ขอถามเพื่อนๆพี่ๆในห้องนี้ที่เคยใช้หรือทราบข้อมูล E book Reader ของ Sony ด้วยครับ

ถ้าเป็น content ที่ซื้อจาก Amazon คงไม่ได้ครับ เพราะติด DRM
แต่ถ้าเป็นไฟล์ PDF หรือไฟล์อื่นๆ ที่มันรองรับก็น่าจะอ่านได้เหมือนกัน

jo7393 เขียน:นี่ขนาดยังไม่เข้ามาขายบ้านเราอย่างเป็นทางการนะครับ ดูกระแสตอบรับสิครับ แค่ในบอร์ด TVI
หากเข้ามาขายอย่างเป็นทางการ มีการแข่งขันด้านราคาด้วย น่าจะเป็นยุคทองของอีบุคได้เลยนะเนี่ย

Kindle 3 ที่เพิ่งออกเมื่อกลางปีที่แล้ว ราคาลดลงมาจากรุ่นก่อนมาก
แถมจังหวะ USD แตะ 30 บาทนี่เป็นแรงจูงใจมหาศาลเลยครับ สั่งซื้อกันเป็นแถว ผมและผองเพื่อนก็ด้วย

ตัวเครื่อง Kindle คงไม่มีเข้ามาขายโดยตรงครับ สั่งจากเน็ตอย่างเดียว ทั่วโลกก็เป็นแบบนั้น
ขนาดขายเครื่องผ่านเน็ตอย่างเดียว Amazon ก็ผลิตมาขายแทบไม่ทันแล้ว (มีกั๊กของไว้ขายเฉพาะภายใน USA ช่วงปีใหม่อีกต่างหาก)

ขอบคุณท่านพี่ PaePae ที่ไขความกระจ่างครับ สงสัยงานนี้ในส่วนของผม Kindle 3 จะชนะ Sony ครับ

สืบราคามาแล้ว ราคาขายในไทยประมาณ 17700 เอาเรื่องทีเดียว

ตอนนี้เลยใช้วิธี เปิดBlack contrast theme ของ windows7 อ่านไปก่อนดีกว่า

http://www.amazon.com/Kindle-Wireless-R ... B002Y27P3M

จัดไป หายสงสัยบ้างละ

เรื่องค่าแปลงไพล์ pdf ฟรี นะครับ

แต่จะแนะนำว่าอย่าแปลเลย ถ้ามันไม่ใช่ไพล์ของคินเดิล อะนะ

เพราะมันจะเพี้ยน ให้ใช้ pdf นะดีแล้วเพียงแต่มันจะไม่ สปีก ให้และย่อขยายลำบาก
หน่อย อันนี้แก้โดยซื้อ dx (รุ่นใหญ่ คินเดิ้ลตามรายละเอียดแนบแต่นำ้หนักก็เพิ่มตามนะ)

มีซอฟแวร์ฟรี รองรับการแปลงไพล์ ด้วยหากต้องการ

หนังสือคงหดลงเหมือน fm แต่ไม่ตายไป content ส่วนใหญ่ในยุคถัดไปมันก็มาจาก

เน็ท จากจอ นี่ละครับ พิสูจน์จากการอ่านตอนนี้ที่เวปนี้อยู่นี่งัย

คำว่าห้องสมุดใน อนาคตมันจะเป็นยังงัย หน้อ----.............

I don't want to be negative. E-books are a great thing and its a rising trend. However, many thai people are still poor and can't afford all these digital products. Even if e-books beat the market for the mid to higher end customers in Thailand, its not going to reach the lower part.

Paper magazines, Koo Sang Koo som, and things like that will still be found laying around in, Barber shops, Bus stations, libraries in less fortunate educational institutions, and etc.

Maybe if Thailand had a higher per capita income like America or Korea...e-books would problably defeat paper books.
However for the time being...it won't

Remember there are alot of poor people in Thailand, and 17000 baht up for a reader is practically 2 months of their income.

http://www.state.gov/r/pa/ei/bgn/2814.htm#econ

ดูใต้ economy...percapita income

เห็นด้วยกับคุณ Unstablemind ครับ ต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรในเมืองไทย

ปล. kindle นี่มี e-book ภาษาไทยเยอะมั๊ยครับ (เพิ่งรู้ว่ามันออกแบบมาให้อ่านแล้วไม่ปวดตา ชักสนใจ....แต่ราคา ถึงจะบอกว่ามันทนทานก็เถอะ ถ้าผมมีผมก็ยังกังวลว่าถ้ามันตกหรือเราไปนั่งทับมันจะเป็นอะไรมั๊ย )

10ปีก่อนตอนมีมือถือใหม่ๆ
มือถือเครื่องละสี่ห้าหมื่นค่าโทรเดือนละเป็นพัน
มีแต่คนฐานะดีใช้
เดี๋ยวนี้ใครบ้างไม่มือถิอ
สินค้าอิเลคโทรนิคพวกนี้
พอคนนิยมมากแข่งขันสูง ราคาก็ถูกลงเอง
อีกอย่างหนังสือเล่มเดียวกัน
e-bookขายถูกกว่ามาก พกพาสะดวกกว่า จุมากกว่า
ไม่เปลืองที่ ซื้อง่ายกว่า ฯลฯ

ประเด็นที่ผมมองคือ
e-bookเป็นแนวโน้มใหม่และเป็นmegatrend
สิ่งที่ผมสนใจคือผลกระทบของมันมีผลกับหุ้นหรือไม่
ซีเอ็ด อัมรินทร์ กระทบไหม
ถ้าแนวโน้มใช้กระดาษน้อยลง
ปูนใหญ่สะเทือนไหม

ผมมองว่ามันใกล้ตัวค่อนข้างมาก
เด็ก3ขวบข้างบ้านผมเล่นi-padทุกวัน
วันก่อนดูทีวี โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งที่สิงคโปร์
เด็กทุกคนมีi-padใช้เป็นอุปกรณ์การเรียน

มีคําอังกฤษคําหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
creative destruction
สิ่งเก่าตายเพื่อให้สิ่งใหม่เกิด
เทปคาสเซ็ทตายเพื่อให้ซีดีเกิด
โทรเลขตายเพื่อให้โทรศัพท์เกิด
แล้วอะไรต้องตายบ้างเพื่อให้e-bookเกิด

น่าติดตามทีเดียวครับเรื่องนี้ แค่ดูจากกระแสของ ชาวVI E-book คงจะเป็นเทรนที่ไม่ธรรมดาทีเดียว

แต่ส่วนตัวผมมองว่าคงจะเป็นอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป กว่าจะรู้ตัวอีกที E-book คงกลายเป็นสิ่งปกติในชีวิตประจำวันของเราแล้ว :lovl:

อืมม..มัวลงแต่รูปประกอบ จนเด๋วพาออกนอกประเด็น

ผมจะลองมั่วอนาคต ตามสไตล์ผมดูครับ

จากการนั่งเทียน เอ้ยเขาเรียกว่า...ดูกราฟอนาคต จากลูกแก้วมัวๆ ของผม พบว่า

1.แรกๆ มันก็คงจะมีแต่คนที่พอมีกำลัง ชั้นกลางขึ้นไปที่ซื้อ คงเริ่มสัก 1-5 ปีจากนี้

2.ต่อมาเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งตาม รร.ประถมทุกอำเภอของไทยตอนนี้ที่เริ่มคุ้นกับ com+net โตมาทำงานแล้วก้อาจจะเริ่มสนใจ ได้ยิน รู้จักว่ามีไอ้นี่ ก็น่าจะสัก 3-5 ปีจากนี้

3.วันหนึ่งประมาณ ไม่น่าเกิน 3-5 ปี ข้างหน้า ก็จะมี Kindle แบบจีน +มี amazon จีน อาจจะชื่อ confucious.com อะไรประมาณนี้ ใ้ห้ load e book ภาษาจีน แล้วพอกระแส ถึงจุดระเบิดจุดหนึ่ง ก็จะเหมือนตอน DVD player จีน 950 บาท ทะลักออกมาตี DVD plyaer แพงๆ รุ่นเก่าๆจนลงมาเหลือต่ำสุด 650 บาทที่ lotus แบบทุกวันนี้

4. se-ed amarin คงจะมี section e book เป็นทางเลือก เผลอๆ อาจเป็นผู้จุดนำการเปลี่ยนแปลงในสังคมเสียเอง เพราะยังจำได้ว่า se-ed ก็กำเนิดมาจากแนวนี้ ที่ผู้ก่อตั้งอยากให้มีร้านหนังสือ การศึกษาดีๆ สำหรับบ้านเราครับ

5.ข้อสุดท้ายนี้เป็นความหวัง อาจฝันซ้อนฝัน หากนายกผู้นำมีวิสัยทัศน์ เป็นคนนำการ ปป.เองไม่ให้ไทยเราเป็นลูกไล่ชาติอื่นๆ ก็เป็นคนจุดซะเอง เอา project นี้เข้าไปในกระบวนการพัฒนาระบบเอกสารราชการ+ระบบพัฒนาการศึกษาของชาติเสียเลย ให้นำชาติอื่นๆ ในเอเชียก่อน ไม่ใช่นั่งเล่นแต่ ipad อย่างเดียวไปเรื่อยครับ

ปล.ทั้งหมดเป็นจินตนาการส่วนตัว การเชื่อเข้าไปมีความเสี่ยง นักอ่านใน thai vi โปรดใช้วิจารณยานในการอ่าน เพื่อไม่ให้อวัยวะยานไปตามผู้เขียนครับ

drsp เขียน:1
มีคําอังกฤษคําหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
creative destruction
สิ่งเก่าตายเพื่อให้สิ่งใหม่เกิด
เทปคาสเซ็ทตายเพื่อให้ซีดีเกิด
โทรเลขตายเพื่อให้โทรศัพท์เกิด
แล้วอะไรต้องตายบ้างเพื่อให้e-bookเกิด

สิ่งที่จะเป็น creative destruction น่าจะต้องทำลายหรือเหนือกว่าสิ่งเก่าอย่างชัดเจน โดยที่สิ่งเก่าไม่มีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าสิ่งใหม่เลย อย่างเช่นด้านบน แต่หนังสือคงไม่ถึงกับตายไปเลย

villa เขียน:

drsp เขียน:1
มีคําอังกฤษคําหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
creative destruction
สิ่งเก่าตายเพื่อให้สิ่งใหม่เกิด
เทปคาสเซ็ทตายเพื่อให้ซีดีเกิด
โทรเลขตายเพื่อให้โทรศัพท์เกิด
แล้วอะไรต้องตายบ้างเพื่อให้e-bookเกิด

สิ่งที่จะเป็น creative destruction น่าจะต้องทำลายหรือเหนือกว่าสิ่งเก่าอย่างชัดเจน โดยที่สิ่งเก่าไม่มีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าสิ่งใหม่เลย อย่างเช่นด้านบน แต่หนังสือคงไม่ถึงกับตายไปเลย

หนังสือไม่ถึงกับตายหรอกครับ แต่ที่อาจตายได้คือโรงพิมพ์ ที่ไม่ปรับตัวครับ เมื่อวอลุ่มการซื้อโนแย่งไปมันก็จะคล้ายธุรกิจ Sun set หากไม่ปรับตัวน่าจะมีโรงพิมพ์ปิดตัวมากทีเดียว

jo7393 เขียน:

villa เขียน:

drsp เขียน:1
มีคําอังกฤษคําหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
creative destruction
สิ่งเก่าตายเพื่อให้สิ่งใหม่เกิด
เทปคาสเซ็ทตายเพื่อให้ซีดีเกิด
โทรเลขตายเพื่อให้โทรศัพท์เกิด
แล้วอะไรต้องตายบ้างเพื่อให้e-bookเกิด

สิ่งที่จะเป็น creative destruction น่าจะต้องทำลายหรือเหนือกว่าสิ่งเก่าอย่างชัดเจน โดยที่สิ่งเก่าไม่มีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าสิ่งใหม่เลย อย่างเช่นด้านบน แต่หนังสือคงไม่ถึงกับตายไปเลย

หนังสือไม่ถึงกับตายหรอกครับ แต่ที่อาจตายได้คือโรงพิมพ์ ที่ไม่ปรับตัวครับ เมื่อวอลุ่มการซื้อโนแย่งไปมันก็จะคล้ายธุรกิจ Sun set หากไม่ปรับตัวน่าจะมีโรงพิมพ์ปิดตัวมากทีเดียว

งั้นก็คงต้องรอลุ้นกัน!!!!!!!!

คืนนี้ (6 ก.พ. 54) คุณทนง จาก SE-ED จะมาพูดกับเกี่ยวกับแผนธุรกิจ E-book ในรายการ Money Talk Weekly เวลา 22.00 ครับ เราลองมาดูกันว่า SE-ED จะมีข้อได้เปรียบคู่แข่งอย่างไรในการจัดจำหน่าย E-book

รอฟังอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ

ไม่ได้ดู ทำอย่างไรดี มี link ให้ดูย้อนหลังหรือปล่าวครับ

อยากดูย้อนหลังเหมือนกันครับ

copy เขามาแต่จำไม่ได้ว่ามาจากไหน (ขออภัย)
-------------------------------
บอร์เดอร์ บุ๊คสโตร์จ่อล้มละลาย

แหล่งข่าวภายในเผยว่า บอร์เดอร์ กรุ๊ป เชนร้านหนังสือใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอาจยื่นล้มละลายภายในเดือนนี้

อินเตอร์เน็ตบิทส์รายงานว่า เชนดังกล่าวซึ่งกำลังประสบปัญหาทางการเงินอาจปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรลง 150 แห่งจากทั้งหมด 500 แห่งซึ่งจ้างพนักงานราว 19,500 คน ขณะที่กองทุนลงทุนเอกชนต้องตัดสินใจว่าจะให้เงินกู้แก่บริษัทดังกล่าวหรือไม่

ก่อนหน้านี้บอร์เดอร์ระบุว่าต้องการรักษาสินทรัพย์ที่เป็นเงินสดของบริษัทไว้ด้วยการชะลอการชำระเงินให้กับเจ้าของอาคารพาณิชน์และแผงหนังสือออกไป ในระหว่างที่บริษัทพยายามปรับโครงสร้างหนี้สิน

นักวิเคราะห์ชี้ว่าความล้มเหลวมีต้นตอจากการที่บอร์เดอร์ปรับตัวให้เข้ากับกระแสหนังสือดิจิทัลได้ไม่มากพอและมีสาขามากเกินไปในยุคที่ผู้อ่านนิยมสั่งซื้อหนังสือจากร้านออนไลน์อย่าง Amazon.com

ยอดขายจากร้านหนังสือก่ออิฐถือปูนของบอร์เดอร์ลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงสถานการณ์ในวงการค้าปลีกได้เป็นอย่างดี ส่วนยอดขายรวมของทั้งบริษัทก็หดตัวลงมากว่า 37% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
------------------
เป็นห่วงร้านหนังสือเมืองไทยครับ ขาลงแน่นอน แต่จะใช้เวลากี่ปีเท่านั้นเอง ...
ของอเมริการนี่ไม่ถึง 10 ปีครับ อเมซอน นี่แหละตัวดี ... ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง
แต่ใครจะเป็นผู้นำในไทย ... เริ่มก่อนย่อมได้เปรียบ ...

wc เขียน:สืบราคามาแล้ว ราคาขายในไทยประมาณ 17700 เอาเรื่องทีเดียว

ตอนนี้เลยใช้วิธี เปิดBlack contrast theme ของ windows7 อ่านไปก่อนดีกว่า

ไม่แน่ใจว่าอันนี้ราคาของเครื่องไหน หรือขายที่ไหนนะครับ
เพราะถ้าเป็น Kindle สั่งกับ Amazon โดยตรงได้ถูกกว่านั้นแน่ๆ

ราคาเครื่องมือหนึ่งถูกสุดที่ผมหาได้ตอนนี้
Kindle 3 Wifi = 5,500
Kindle 3 Wigi+3G = 7,200
Kindle DX = 13,900
(ราคานี้ถูกกว่าสั่งโดยตรงกับ Amazon หน่อยนึง เพราะคนรับสั่งซื้อเค้า shipping เอง ประหยัดค่าส่ง)

ราคาจริงๆ จึงไม่ใช่ 17,000 แต่เหลือเพียง 5,xxx ถูกกว่า smartphone ทั้งหลายเยอะครับ

โดยส่วนตัวมองว่า ถ้านำมาใช้ทดแทนหนังสือ ใช้รุ่น Kindle 3 ก็เพียงพอแล้ว (หนัก ~200g) ได้ลองจับ DX ตัวจริงแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสำหรับการพกพาไปอ่านแทนหนังสือเท่าไหร่ เพราะหนัก ~500g ไม่สามารถถืออ่านนานๆได้ ถืออ่านมือเดียวไม่ได้ นอกจากเป็นคนที่ใช้ iPad เป็นประจำอาจจะรู้สึกชินแล้ว (หนัก ~700g)

villa เขียน:ปล. kindle นี่มี e-book ภาษาไทยเยอะมั๊ยครับ (เพิ่งรู้ว่ามันออกแบบมาให้อ่านแล้วไม่ปวดตา ชักสนใจ....แต่ราคา ถึงจะบอกว่ามันทนทานก็เถอะ ถ้าผมมีผมก็ยังกังวลว่าถ้ามันตกหรือเราไปนั่งทับมันจะเป็นอะไรมั๊ย )

ยังไม่มีขาย e-book ภาษาไทยเป็นกิจจะลักษณะครับ ส่วนใหญ่เป็นไฟล์ PDF ภาษาไทยที่ทำแจกจ่ายกันอยู่แล้ว

murder_doll เขียน:สงสัยผมจะหัวใจกบฎชอบรูปเล่มคนเดียวซะละเนี่ย

ผมก็ชอบคับ สิ่งที่ต้องค้นคว้า เป็นหนังสือดีสุด
แต่คงไม่เท่า mp3 กับ เทป

เพราะเวลาขีดๆเขียนๆ ใช้ความคิด เปิดไปมา มันคล่องกว่า
คงอีกซักพัก ที่ ebook จะทำได้เหมือน กระดาษ
แต่ถ้าต้องค้นคว้า จดความคิด ลงไป ผมเลือกกระดาษ

ผมเองเชื่อว่าคนที่ชอบหนังสือ ไม่ได้แปลว่าไม่ชอบอีบุ๊คครับ
สุดท้ายก็คงอยากได้ไว้สักเครื่อง ถึงแม้จะซื้อหนังสืออ่านก็ตาม แต่ก็ยังมีความอยากได้อีบุ๊คสัเตรื่องอยู่ดี
เหมือนคนที่มีคอมตั้งโต๊ะก็ยังอยากได้ โน้ตบุค ถึงแม้ไม่ได้ใช้ทดแทนกัน 100% แต่ก็สะดวกขึ้นเมื่อยามต้องการใช้
ดังนั้นคนที่ใช้อีบุ๊คก็ไม่ได้แปลว่า จะไม่ซื้อหนังสือมาอ่าน แต่อาจลดการซื้อหนังสือบางส่วน มาใช้ผ่านอีบุ๊ค
สิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้ใช้แล้วติดครับ ไม่ต่างจาก แอร์คอนดิชั่น ไมโครเวฟ คนอาจนอเปิดพัดลมได้แต่พอได้นอนห้องแอรประจำ แม้แต่ช่วงที่อากาศเย็นก็ยังเปิดแอร์ คนที่ใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหาร ซึ่งอาจใช้เตาอุ่นก็ได้ แต่เชื่อว่าทุกบ้าน อยากมีไมโครเวฟไว้อุ่นอาหาร เพราะคำๆเดียว สะดวก

อีกข่าวครับ ผมตัดเก็บไว้นานแล้วเหมือนกัน

Negroponte บอกว่าหนังสือจะตายในอีก 5 ปี, บิล เกตส์ บอกการศึกษาจะอยู่บนเว็บ
By: mk on 07/08/10 19:01 Tags: Bill Gates Education Nicholas Negroponte
ในงานสัมมนา Techonomy ซึ่งเชิญนักคิดผู้มีอิทธิพลของโลกไฮเทคหลายคนมาแลกเปลี่ยนความเห็นถึงอนาคตของการศึกษา ที่โดดเด่นจนเป็นข่าวมีสองราย
รายแรกคือ Nicholas Negroponte หัวหน้าโครงการ OLPC ฟันธงชัดเจนว่า หนังสือแบบกระดาษจะเริ่มหมดความสำคัญลงไป ในอีก 5 ปีนับจากนี้ เขาดักคอว่า "หลังจากคนได้ฟังคำพูดของผมแล้วจะบอกว่า เป็นไปไม่ได้หรอก" เขายกตัวอย่างของฟิล์มถ่ายภาพ ซึ่งเคยมีคนพยากรณ์เอาไว้ และคนที่ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้คือโกดัก ซึ่งตอนนี้ต้องรับสภาพความจริงไปเรียบร้อยแล้ว เขายังยกกรณี Amazon ระบุ ยอดขาย E-Book แซงหนังสือจริงแล้ว มาอ้างด้วย - TechCrunch
รายที่สอง บิล เกตส์ ไม่ได้ฟันธงชัดเจนว่าหนังสือกระดาษจะตาย แต่เขาบอกว่าในอีก 5 ปี มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกคืออินเทอร์เน็ต โดยเราสามารถฟังเลคเชอร์ที่ดีที่สุดในโลกได้ฟรีๆ เป็นจำนวนมาก โดยไม่มีมหาวิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่งในโลกสามารเทียบเคียงได้ เกตส์ยังเสริมว่าเราควรมีวิธีสอบวัดระดับและรับรองความรู้จากอินเทอร์เน็ต เขาบอกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนยังเป็นเรื่องจำเป็น แต่การศึกษาระดับอุดมศึกษาจะยึดติดกับสถานที่น้อยลง - TechCrunch

ที่มา: http://www.blognone.com/news/17890

บ้านเรา ก็เริ่มมี eBook ขายแล้วนะครับ ลองเข้าไปที่ https://www.asiabooks.com ดูครับ ส่วน eBook & eMagazine ภาษาไทยที่เป็นฟรีก็มีเยอะแยะ ลองเข้าไปดูที่ http://www.osotho.com/th/home/index.php หรือลองเข้าไปดูที่ http://www.thaiegazine.com/egaz/ ดูนะครับ แต่อย่า Load หนังสือโป๊ มาดูมากไปนะ เดียวสมาธิ ในการดูหุ้นจะเสียหมด :lovl: :lovl:

wsumate เขียน:ไม่ได้ดู ทำอย่างไรดี มี link ให้ดูย้อนหลังหรือปล่าวครับ

zev เขียน:อยากดูย้อนหลังเหมือนกันครับ

ผมเข้าใจว่าจะมีรีรันอีกทีวันศุกร์ (11 ก.พ.) เวลา 23.00-24.00 ผ่านทาง Money Channel นะครับ หรือไม่ก็รอดูผ่านเนตจากทาง link นี้:
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

จากที่ลองใช้ Kindle เองมาสักพักล่ะ
ก็จะบอกว่า ข้อดี คือมันเก็บหนังสือได้เยอะครับ ประหยัดที่เก็บหนังสือไปได้เยอะทีเดียว
กับ อ่านแล้วไม่ปวดสายตา
อีกทั้ง อยากอ่านหนังสือเล่มไหน ถ้ายอมจ่ายซื้อผ่านทางอเมซอน ก็จะได้อ่านทันที
ไม่ต้องรอให้ส่งพัสดุมา ซึ่งกินเวลาหลายวันอยู่

ส่วนข้อเสีย คือ อ่านแล้วไม่ได้อารมณ์ของคนที่ชอบอ่านกลับไปกลับมาน่ะครับ
คือความต่อเนื่องในการกวาดสายตาระหว่างตำแหน่งของ เนื้อหาในบรรทัด ของหนัีงสือจริงๆ จะไม่มีครับ

แต่ผลกระทบในสังคมไทยเรา อาจจะยังไม่เยอะ เนื่องจากสังคมไทย อาจจะไม่ใช่สังคมที่รักการอ่านซักกะเท่าไร (เท่าที่ได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่ชอบออกมาเคลมว่า คนไทยเราอ่านหนังสือกันปีละไม่กี่บรรทัดนะครับ :lol: )

แต่ถ้าต่อไป เกิดภาคบังคับในสถาบันการศึกษา เช่น Textbook ไปเป็นรูปแบบ ebook มากขึ้น ก็อาจจะเป็นตัวเร่งอุตสาหกรรมนี้ในบ้านนี้ครับ

ผมขอแชร์ความคิดผมนะครับ

ผมเป็นคนนึงที่สน ใจเรื่องเครื่องอ่าน ebook มากครับ เพราะผมอยากจะซื้อมาอ่าน pdf file ที่มีในเครื่องซึ่งเยอะมาก รวมถึง งบการเงิน และ 56-1 ด้วย
แต่
ถ้าจะอ่าน pdf file ซึ่งส่วนใหญ่ในเมืองไทยตอนนี้จะมีแต่แบบนี้ส่วนใหญ่
amazon kindle ต้องซื้อ kindle dx (17,000 กว่าๆ) เพราะรุ่นอื่นจะเล็กไป

ประโยชน์ ...ถนอมสายตา

ไม่มี app และผมอ่านข้อมูลจากเว็บของ kindlethai (read.in.th) เค้าบอกกันว่า เครื่องเป็น 3G ก็จริงแต่ไม่สามารถเล่นเน็ตเข้าเว็บอะไรได้ คือระบบเค้ามีไว้เพื่อซื้อหนังสือแค่นั้น ผมจึงมองว่าแพงไปหน่อยสำหรับสิ่งที่ได้รับคืออ่านหนังสือ และหนังสือที่รองรับก็น้อยเหลือเกิน(ภาษาไทย)

www.read.in.th

ในขณะที่

ipad wifi 16 G ราคาประมาณ 17,000 บาท

ประโยชน์ อ่านหนังสือ(ไม่ถนอมสายตา) เล่นเน็ต เล่นเกม ดูหนัง เล่นเน็ต และ app ต่างๆ

ทำให้ผมคิดหนักเลยทีเดียวเพราะประโยชน์แฝงของ ipad เยอะกว่ามาก ความจุก็เยอะกว่า และสะดวกกว่ามากในการอ่านกราฟ อ่านตาราง เปลี่ยนหน้าไป-กลับ ย่อ-ขยาย เพราะเป็น touch screen จ่ายราคาพอๆกันแต่ได้เยอะกว่า

ปัจจุบันผมก็ยังคิดไม่ตกครับสำหรับเรื่องนี้ และยังซื้อหนังสือรูปเล่มอ่านอยู่


ปล.แฟนผมบอกว่าหนังสือที่บ้านยังอ่านไม่หมดเลย จะซื้อเครื่องอ่านมาทำไมอีก ผมก็เลยใช้ช่วงเวลานี้ในการตัดสินใจครับ :lol:

Compound Interest เขียน:

wsumate เขียน:ไม่ได้ดู ทำอย่างไรดี มี link ให้ดูย้อนหลังหรือปล่าวครับ

zev เขียน:อยากดูย้อนหลังเหมือนกันครับ

ผมเข้าใจว่าจะมีรีรันอีกทีวันศุกร์ (11 ก.พ.) เวลา 23.00-24.00 ผ่านทาง Money Channel นะครับ หรือไม่ก็รอดูผ่านเนตจากทาง link นี้:
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

ขอบคุณมากๆครับ ศุกร์จะเฝ้าดูครับ

[quote="PaePaeไม่แน่ใจว่าอันนี้ราคาของเครื่องไหน หรือขายที่ไหนนะครับ
เพราะถ้าเป็น Kindle สั่งกับ Amazon โดยตรงได้ถูกกว่านั้นแน่ๆ

ราคาเครื่องมือหนึ่งถูกสุดที่ผมหาได้ตอนนี้
Kindle 3 Wifi = 5,500
Kindle 3 Wigi+3G = 7,200
Kindle DX = 13,900
(ราคานี้ถูกกว่าสั่งโดยตรงกับ Amazon หน่อยนึง เพราะคนรับสั่งซื้อเค้า shipping เอง ประหยัดค่าส่ง)

ราคาจริงๆ จึงไม่ใช่ 17,000 แต่เหลือเพียง 5,xxx ถูกกว่า smartphone ทั้งหลายเยอะครับ

[/quote]

รุ่น DX ราคานี้หาซื้อที่ไหนครับ ขอ link ทีครับ

ส่วนตัวคิดว่ากระมบแน่ๆแต่คงค่อยๆส่งผลกระทบเพราะว่ายังมีคนgenerationที่ยังนิยมกระดาษอยู่