ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหรือไม
- charnengi
- Verified User
- โพสต์: 2395
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 31
คนเรา ความชอบและแรงบันดาลใจเป็นสิ่งสำคัญครับ สำหรับคนที่มีสินทรัพย์สุทธิเกิน 50 ล้านบาท คงเป็นอิสรภาพทางการเงินกันหมดแล้ว อาจทำให้ไม่มีความท้าทายในการใช้ชีวิต
หากคุณชอบด้านการลงทุนในหุ้นมาก ผมก็แนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่อไป อาจกันส่วนนึงซื้อตราสารหนี้ซัก 30% ของพอร์ตไว้ในให้พ่อแม่ใช้จ่าย สบายๆ ท่านจะได้ไม่มาวิตกกังวลกับผลตอบแทนของคุณ มิเช่นนั้นเวลาหุ้นลงจะทำให้ท่านไม่สบายใจ และอาจทำให้คุณกดดันจนตัดสินใจผิดพลาด อีกอย่างเงินที่หามานี้พ่อแม่เป็นคนหาครับ เราต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง
ที่เหลือ 70% คงประมาณร้อยล้าน สามารถแบ่งซื้อหุ้นตามความรู้ความเข้าใจ รวมถึงความกล้า ถ้าพอร์ตใหญ่ขนาดนี้คงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงถือหุ้น ตัวหรือสองตัว เพื่อให้ผลตอบแทนสูงสุด เพราะอย่างที่รู้ๆกัน หุ้นมันมีความเสี่ยงที่นอกเหนือจากการประเมินของเราเสมอ
ลงทุนดีๆ อาจมีพอร์ตเป็นพันล้านก็ได้นะครับ
หากคุณชอบด้านการลงทุนในหุ้นมาก ผมก็แนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่อไป อาจกันส่วนนึงซื้อตราสารหนี้ซัก 30% ของพอร์ตไว้ในให้พ่อแม่ใช้จ่าย สบายๆ ท่านจะได้ไม่มาวิตกกังวลกับผลตอบแทนของคุณ มิเช่นนั้นเวลาหุ้นลงจะทำให้ท่านไม่สบายใจ และอาจทำให้คุณกดดันจนตัดสินใจผิดพลาด อีกอย่างเงินที่หามานี้พ่อแม่เป็นคนหาครับ เราต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง
ที่เหลือ 70% คงประมาณร้อยล้าน สามารถแบ่งซื้อหุ้นตามความรู้ความเข้าใจ รวมถึงความกล้า ถ้าพอร์ตใหญ่ขนาดนี้คงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงถือหุ้น ตัวหรือสองตัว เพื่อให้ผลตอบแทนสูงสุด เพราะอย่างที่รู้ๆกัน หุ้นมันมีความเสี่ยงที่นอกเหนือจากการประเมินของเราเสมอ
ลงทุนดีๆ อาจมีพอร์ตเป็นพันล้านก็ได้นะครับ
low PROFILE but HIGH PROFITS
-
- Verified User
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 33
+1 ให้Sumotin เขียน:ผมว่าในช่วงแรกนะครับ อย่าพึ่งนำมาลงเยอะเพราะถึงคุณจะลงทุนอยู่ แต่ยังไม่เคยเจอวิกฤตนะครับ สำหรับคนที่เริ่มตั้งแต่ ปลายปี 2008 มาก็อาจจะไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนวิกฤตเป็นอย่างไร อาจจะ panic ได้ครับ และจริงๆปี 2008 ก็เป็นความโชคดีเหมือนกันนะครับที่ตลาดกลับมาเร็วหลายๆคนเลยพื้นในปีต่อมาทันที แต่ถ้าตลาดเป็นเหมือนช่วงวิกฤตปี 40 อาจจะไม่โชคดีกันแบบนี้ครับ
ผมว่าลองหาประสบการณ์เพิ่มไปก่อนดีกว่าแล้วค่อยๆเพิ่มขนาด port เข้ามาครับ อาจจะ set เป็นปีเลยก็ได้ว่าปีหน้าจะเพิ่มเท่าไหร่ๆ เพราะผมบอกได้เลยว่าอ่านหนังสือเยอะแค่ไหน แต่ถ้าใจไม่นิ่งพอก็แย่ครับ
เมื่อตอนเริ่มต้น
ผมเคยคิดจะลงเงินในหุ้น 100 ล้านเหมือนกัน(พอดีที่บ้านมีที่ดินในเมืองแปลงสวยๆพอสมควรมูลค่ารวมประมาณ 350 ล้าน)
ลองก่อน 4 ล้านแต่เจอ subprime --------- snc ทุน 10 บาทว่าถูกแล้วตอนนั้น(ลงมาจาก12.3 ราคาเพิ่มทุน)เหลือประมาณ 4 บาท พอร์ทเหลือ 1.5 ล้าน นอนไม่หลับครับ
ฝันร้ายซื้อเพิ่มก็ไม่กล้า พอหุ้นขึ้นมาก็รีบร้อนขายหมู
ตอนนี้เลยจำกัดวงเงินไว้ 10 ล้านก่อนครับ (แน่ใจแล้วว่าใจตัวเองไม่แข็งพอ ที่จะเห็นหุ้นติดลบมากขนาดนั้น และ cut loss ไม่เป็น ดวงห่วยมาก)
ไว้นิ่งกว่านี้ค่อยลุย
update ข่าวสาร ความคืบหน้าก่อสร้าง ในวงการคอนโด
http://www.facebook.com/#!/profile.php? ... 88&sk=wall
สมาชิก ไม่กิติ มศักดิ์
http://www.facebook.com/#!/profile.php? ... 88&sk=wall
สมาชิก ไม่กิติ มศักดิ์
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 34
สัดส่วนเงินลงทุนในหุ้นควรสัมพันธ์กับความรู้ที่เรามีครับ กว่าที่จะรู้ว่าเราเซียนพอที่่จะเอาเงินทั้งหมดมาอยู่ในหุ้นหรือเปล่าก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกหลายปีครับ อีกอย่างเงินทุน 10 ล้านถ้าลงทุนดีๆมันก็กลายเป็น 100 ล้านได้นะจ๊ะ พอร์ทจะโตพร้อมความรู้ถึงวันนั้นจะรู้เองว่าควรเอาเงินทั้งหมดมาที่หุ้นหรือเปล่า
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 35
ลืมบอก คุณโชคดีมากนะครับ ที่พ่อแม่ให้เล่นหุ้น
ผมต้องเก็บไว้เป็นความลับครับ ที่บ้านมีทัศนคติ ติดลบ กับหุ้นครับ ห้ามผมเด็ดขาด
พ่อผมติดหุ้น โรงพยาบาลพญาไท(ที่โดนหมอที่ทางบ้านเคารพมาขอให้ช่วยซื้อ)
หลายตังอยู่ ห้ามซื้อห้ามขาย
ผมต้องเก็บไว้เป็นความลับครับ ที่บ้านมีทัศนคติ ติดลบ กับหุ้นครับ ห้ามผมเด็ดขาด
พ่อผมติดหุ้น โรงพยาบาลพญาไท(ที่โดนหมอที่ทางบ้านเคารพมาขอให้ช่วยซื้อ)
หลายตังอยู่ ห้ามซื้อห้ามขาย
update ข่าวสาร ความคืบหน้าก่อสร้าง ในวงการคอนโด
http://www.facebook.com/#!/profile.php? ... 88&sk=wall
สมาชิก ไม่กิติ มศักดิ์
http://www.facebook.com/#!/profile.php? ... 88&sk=wall
สมาชิก ไม่กิติ มศักดิ์
- appendix
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 339
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 36
คำตอบที่ถูกต้องของคำถามนี้สำหรับแต่ละคนคงจะไม่เหมือนกัน และอาจแตกต่างกันสุดขั้ว ขึ้นกับนิสัยใจคอ และพื้นฐานความคิดการใช้ชีวิต กันเลยทีเดียว คงต้องลองถามตัวเองว่า เราต้องการผลตอบแทนประมาณเท่าไรและมันจะอินไลน์กับสไตล์การใช้ชีวิตที่คาดหวังหรือไม่ รับความผันผวนของผลตอบแทนและเงินต้นได้แค่ไหน มีความสนใจและเวลาที่พร้อมจะทุ่มเทให้กับการดูแลประคับประคองการลงทุนนี้มากเพียงใด อาจจะมีเหตุการณ์ที่ต้องใช้เงินสดและจำต้องลดมูลค่าพอร์ทการลงทุนลงในอนาคตหรือเปล่า สำหรับเงินขนาดนี้ผมคิดว่าคุ้มค่าที่จะใช้เวลาซัก 4-5 วัน ที่จะแจกแจงออกมาอย่างละเอียด เขียนใส่ excel ตีตารางโปรเจคออกไปในอนาคต ผมว่าถ้าทำได้ครบแบบนี้ต้องได้คำตอบแน่นอนว่าจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนี้ดี
- canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 37
ส่วน รวม พันธบัตน
ส่วนตัว ตามความสามารถและความเร้าใจ
ส่วนตัว ตามความสามารถและความเร้าใจ
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
-
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 38
หุ้นที่ถือ 4 ตัว cpf bec pato synex แต่ละตัวก็สุดยอดเยี่ยมแล้วครับ ลงทุนในหุ้น
4 ตัวนี้เพิ่ม ที่เหลือฝากประจำ กินดอกดีกว่า อิ อิ..เพื่อลดความเสี่ยง
4 ตัวนี้เพิ่ม ที่เหลือฝากประจำ กินดอกดีกว่า อิ อิ..เพื่อลดความเสี่ยง
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 39
ถ้าใจรักจิงๆ ก้อกันเงินส่วนนึงให้พ่อแม่ไว้ต่างหากเลยครับ ให้ท่านไปซื้อความสุขหลังเกษียณ และใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนที่เหลือ(คงคาดว่าไม่ต่ำกว่า 150ล้าน) ก้อทยอยลงทุนเอาครับ และถ้ามีเงินขนาดนั้นจิงควรจะกระจายความเสี่ยงไปในพันธบัตรหรือฝากแบ้งด้วย ถ้าเกิดวิกริดเศรษฐกิจจิง บะได้เอาส่วนนี้มาเปลี่ยนเปนโอกาสได้ครับ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 40
อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้ แต่อยากถามเจ้าของกระทู้ กับคนอื่นๆที่มีความคิดว่าจะค่อยๆเลิกทำธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน
อยากถามว่ามีแผนการจัดการอย่างไรกับทรัพยากรทางธุรกิจที่สั่งสมมา เช่น Connection ทางธุรกิจ, การเข้าถึงแหล่งผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่าราคาขายปลีกตามท้องตลาด หรือแม้แต่การเลิกจ้างพนักงานบริษัทที่ทำงานกับเรามานานแล้ว เป็นต้น
รู้สึกเสียดายบ้างหรือไม่ หรือรู้สึกถึงความรับผิดชอบบ้างหรือไม่ และมีวิธีอย่างไรในการจัดการความรู้สึกเหล่านั้นครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อยากถามว่ามีแผนการจัดการอย่างไรกับทรัพยากรทางธุรกิจที่สั่งสมมา เช่น Connection ทางธุรกิจ, การเข้าถึงแหล่งผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่าราคาขายปลีกตามท้องตลาด หรือแม้แต่การเลิกจ้างพนักงานบริษัทที่ทำงานกับเรามานานแล้ว เป็นต้น
รู้สึกเสียดายบ้างหรือไม่ หรือรู้สึกถึงความรับผิดชอบบ้างหรือไม่ และมีวิธีอย่างไรในการจัดการความรู้สึกเหล่านั้นครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 41
ถ้าเป็นผม เบื้องต้นจะทำ 3 อย่างครับ
1. เดินไปคุยกับฝ่าย Private banking ของแบงค์ต่างๆครับ ลองหาแนวดู
จะใช้บริการหรือไม่ เราเลือกเอง
2. เรียนรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยง การกระจายความเสี่ยง การจัดพอร์ตที่เหมาะสม อย่างจริงจัง
ขอให้มองหาความเสี่ยง ก่อนจะมองหากำไร
3. เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์
หลังจากนั้น จึงมาค่อยมาตัดสินใจอีกที และขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
1. เดินไปคุยกับฝ่าย Private banking ของแบงค์ต่างๆครับ ลองหาแนวดู
จะใช้บริการหรือไม่ เราเลือกเอง
2. เรียนรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยง การกระจายความเสี่ยง การจัดพอร์ตที่เหมาะสม อย่างจริงจัง
ขอให้มองหาความเสี่ยง ก่อนจะมองหากำไร
3. เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์
หลังจากนั้น จึงมาค่อยมาตัดสินใจอีกที และขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 42
คำถามครับ
private investment มีค่าธรรมเนียมสูงไหมครับ
private investment มีค่าธรรมเนียมสูงไหมครับ
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 43
ไม่แน่ใจครับ
แต่ถ้าตั้ง Private fund เค้าก็คิดค่าธรรมเนียมตามมูลค่ากองทุน แต่ก็ไม่ได้สูงมาก หากเทียบกับกองทุนรวม
ส่วน product ต่างๆ ก็จะรวมค่าธรรมเนียมไว้แล้ว
ส่วนค่าคำปรึกษา ไม่แน่ใจครับ ต้องลองถามดู
แต่ผมว่า แค่โชว์ว่าเรามี 8-9 หลัก ยังไงแบงค์ก็ต้องจัดคนมาดูแลเราแล้วนะครับ
เพราะเราจะเป็นตัวเงินตัวทอง เอ้ยๆ ไม่ใช่
จะเป็นลูกค้า ที่ทำเงินให้แบงค์จากซื้อ product ต่างๆของเค้า ได้เยอะครับ
แต่ถ้าตั้ง Private fund เค้าก็คิดค่าธรรมเนียมตามมูลค่ากองทุน แต่ก็ไม่ได้สูงมาก หากเทียบกับกองทุนรวม
ส่วน product ต่างๆ ก็จะรวมค่าธรรมเนียมไว้แล้ว
ส่วนค่าคำปรึกษา ไม่แน่ใจครับ ต้องลองถามดู
แต่ผมว่า แค่โชว์ว่าเรามี 8-9 หลัก ยังไงแบงค์ก็ต้องจัดคนมาดูแลเราแล้วนะครับ
เพราะเราจะเป็นตัวเงินตัวทอง เอ้ยๆ ไม่ใช่
จะเป็นลูกค้า ที่ทำเงินให้แบงค์จากซื้อ product ต่างๆของเค้า ได้เยอะครับ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 44
อาจารย์ให้คำตอบคุณด้วยนะ ถือว่าโชคดี
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 71#p790671
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 71#p790671
little wing เขียน:โค้ด: เลือกทั้งหมด
โลกในมุมมองของ Value Investor 27 กุมภาพันธ์ 54 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร การ “ปฏิวัติของมวลชน” ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นระลอกต่อเนื่องกันในตะวันออกกลางและอาฟริกาเหนือนั้น เป็นเรื่องใหม่ที่คนทั่วโลกต่างก็งวยงง นักวิเคราะห์จำนวนมากคิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝ่ายประชาชนผู้ประท้วงทำการได้สำเร็จอยู่ที่การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตสมัยใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายสังคมอย่างเฟซบุคที่ทำให้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยที่ฝ่ายรัฐผู้ครองอำนาจไม่สามารถขัดขวางได้ ผมเองยังไม่แน่ใจว่าอะไรคือปัจจัยสุดยอดจริง ๆ ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะศึกษาประวัติศาสตร์การปฏิวัติประชาชนที่ประสบความสำเร็จในอดีต อย่างในรัสเซียหรือจีน ก็จะพบว่ามีปัจจัยหรือองค์ประกอบที่สำคัญสุดยอด 3 ประการอย่างที่เลนินหรือเหมาเจ๋อต๋งเรียกว่า “แก้ว 3 ประการ” ที่ถ้ามีแล้ว ความสำเร็จก็จะอยู่แค่เอื้อมนั่นคือ แก้วประการที่หนึ่ง มวลชน แก้วที่สอง พรรคการเมืองของมวลชน และแก้วที่สาม กองกำลังติดอาวุธ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง โอกาสประสบความสำเร็จก็ยาก ในการลงทุนเองนั้น ผมคิดว่าความสำเร็จที่ใหญ่หลวง หรือการที่จะเป็น “ผู้ชนะ” ถ้าวัดจากการที่จะกลายเป็นนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนใหญ่เป็นร้อย พัน หรือแม้แต่หมื่นล้านบาทนั้น อยู่ที่การมี “แก้ว 3 ประการของการลงทุน” มากน้อยแค่ไหน แก้วที่หนึ่งก็คือ เม็ดเงินลงทุนเริ่มต้นและที่จะเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น ๆ นอกเหนือจากการลงทุน แก้วประการที่สองก็คือ ความสามารถในการสร้างผลผลตอบแทนการลงทุนแบบทบต้นของนักลงทุน และแก้วประการที่สามก็คือ ระยะเวลาในการลงทุนที่ต่อเนื่องยาวนาน ถ้าใครมีแก้วทั้ง 3 ประการดังกล่าวและใช้มันอย่างเต็มที่แล้ว โอกาสที่จะ “ชนะ” หรือประสบความสำเร็จในการลงทุนเหนือกว่าคนอื่นก็มีสูง ลองมาดู “แก้ว” ทีละลูก สมมุติว่าคน ๆ หนึ่ง [color=#0000FF]มีเงินค่อนข้างมากจากการทำธุรกิจ เขาตัดสินใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเนื่องจากมองว่าธุรกิจที่ทำอยู่กำลังตกต่ำลงและเขาอาจจะต้องเลิกธุรกิจในไม่ช้า แต่เขามีเงินสดที่เก็บสะสมไว้สามารถนำมาลงทุนได้ถึง 100 ล้านบาท นี่คือเขามีแก้วลูกแรก[/color] โชคไม่ดี เขาไม่มีความรู้ในการลงทุนเพียงพอ ดังนั้น สิ่งที่เขาหวังได้จากการลงทุนก็คือ การซื้อกองทุนรวมหุ้นซึ่งคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวได้แค่ประมาณ 8% ต่อปีแบบทบต้น นั่นคือ เขาไม่มีแก้วลูกที่สอง เช่นเดียวกัน เขาอายุ 50 ปีแล้ว ถ้าคิดว่าเขาจะลงทุนจนกระทั่งอายุแค่ 60 ปีก็จะเลิกเพื่อเกษียณและถอนเงินไปใช้ ดังนั้น ระยะเวลาการลงทุนของเขาก็มีเพียง 10 ปี ดังนั้น แก้วลูกที่สามเขาก็ไม่มี ผลก็คือ ในวันแรกที่เขาเริ่มลงทุน เขาก็อาจจะเป็นนักลงทุน “รายใหญ่” ทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปีที่เขาเลิก พอร์ตของเขาโตขึ้นเป็น 215 ล้าน แต่ในวันนั้นและที่อาจจะบันทึกในความทรงจำต่อไปในอนาคต เขาก็อาจจะเป็นแค่คนที่มีเงินพอสมควรเท่านั้นในแวดวงนักลงทุนที่มุ่งมั่นทั้งหลาย สมมุติว่าแทนที่จะลงทุนในกองทุนรวม เขาได้ศึกษาและมีความรู้ในการลงทุนเป็นเยี่ยมและมีเทคนิคที่ดีมากในการลงทุน เรียกว่าเป็น “เซียน” ประกอบกับช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่หุ้นบูมมาก ดังนั้น เขาสามารถลงทุนจนได้ผลตอบแทนแบบทบต้นถึงปีละ 40% โดยเฉลี่ยในระยะเวลา 10 ปี ผลก็คือ เงิน 100 ล้านบาทกลายเป็น 2,892 ล้านบาท พอร์ตการลงทุนระดับนี้น่าจะทำให้เขาถือเป็นระดับนักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นที่กล่าวขวัญและจดจำกันในแวดวงนักลงทุนกันพอสมควรทีเดียว อย่างไรก็ตาม เงินในระดับนี้ ถ้าพูดในวันนี้ก็คงต้องบอกว่ามากทีเดียว แต่ถ้าไปพูดกันในอีก 10 ปีข้างหน้าหรือในอนาคตที่ยาวไกลออกไปก็ยังไม่น่าจะถือเป็น “ตำนาน” ที่คนรุ่นหลังจะต้องจดจำหรือบันทึกไว้ เพราะในอนาคตก็จะมีนักลงทุนที่มีพอร์ตใหญ่โตมากขึ้นเรื่อย ๆ และมากกว่า 3,000 ล้านบาท และนั่นก็น่าจะเป็นคนที่มี “แก้วทั้ง 3 ประการของการลงทุน” สมมุติต่อไปว่าแทนที่เขาจะมีอายุ 50 ปี [color=#0000FF]เขากลับเป็นลูกของเจ้าของธุรกิจที่ได้เริ่มศึกษาการลงทุนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย เขาเคยลงทุนด้วยเงินเพียง 1-2 ล้านที่ขอมาจากพ่อและประสบความสำเร็จในการลงทุนสูงมาก[/color] หลังจากนั้น ทางบ้านก็มั่นใจและในที่สุดให้เงินเขามาลงทุนถึง 100 ล้านบาท[color=#0000FF]เมื่อเขาอายุเพียง 25 ปี [/color]ความสามารถของเขานั้น เพียงพอที่จะทำให้เขาสร้างผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ยระยะยาวได้สุดยอดขนาด “น้อง ๆ บัฟเฟตต์” ที่ 20% ต่อปี และเขามีเวลาลงทุนยาวมากถึง 35 ปี ติดต่อกัน ผลก็คือ ในวันที่เขาอายุ 60 ปี พอร์ตของเขาจะโตขึ้นเป็น 59,066 ล้านบาท เขากลายเป็น “ตำนานนักลงทุนไทย” คนหนึ่งที่มีพอร์ต “มหึมา” ที่ทุกคนรู้จักและสื่อมวลชนกล่าวขวัญถึงเช่นเดียวกับนักลงทุนอีกหลายคนที่อาจจะมี “แก้ว 3 ประการ” เช่นเดียวกัน แก้วแต่ละลูกนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถไข่วคว้าได้ด้วยตนเอง เงินเริ่มต้นนั้น ถ้าไม่ได้มีพ่อแม่ร่ำรวย โอกาสที่จะมีแก้วลูกนี้ก็ยาก จริงอยู่คนบางคนอาจจะหาเงินได้มากจากการทำงานหรือทำธุรกิจอื่น แต่เขาก็มักจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าจะได้เงินเดือนสูงมาก ๆ หรือธุรกิจจะมีเงินสดมาให้ลงทุนได้มาก ดังนั้น แก้วลูกนี้ส่วนใหญ่แล้วก็มาจาก “โชค” ที่ “เกิดมารวย” แก้วลูกที่สองคือฝีมือในการลงทุนนั้น เป็นแก้วที่สามารถสร้างขึ้นได้หรือคว้ามาได้ด้วยการศึกษาพยายามและการมีทัศนะคติในการลงทุนที่ถูกต้อง ผมเองรู้สึกว่าคนจำนวนมากมีศักยภาพที่จะเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถสูงได้ ปัญหาก็คือเรื่องของอารมณ์และจิตใจที่จะต้องมุ่งมั่นและมีศรัทธาต่อการลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งเป็นเรื่องยากเมื่อต้องอยู่กับภาวะความผันผวนของตลาดหุ้นที่มักทำให้ความคิดไข้วเขวไป สุดท้ายก็คือ ระยะเวลาในการลงทุนที่เป็น “แก้วลูกที่สาม” นี่คือแก้วที่เราอาจจะทำอะไรกับมันไม่ได้มากนัก ถ้าเราอายุ 50 ปีแล้ว โอกาสที่เราจะมีแก้วลูกนี้ก็น้อยมาก จริงอยู่ ในอนาคตคนอาจจะมีสุขภาพดีและอายุยาวขึ้นเป็น 100 ปี แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น คนอื่นที่เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 25 ปี ก็จะมีระยะเวลาลงทุนยาวกว่าคุณ 25 ปีอยู่ดี อย่างไรก็ตาม การรักษาสุขภาพให้ดีก็อาจจะช่วยให้ระยะเวลาการลงทุนยาวขึ้นและเพิ่มคุณค่าแก้วลูกนี้ได้ แต่ประเด็นสำคัญจริง ๆ ในเรื่องของแก้วลูกนี้ก็คือ คนจำนวนมากที่มีแก้วลูกนี้อยู่ นั่นคือ เขามีอายุน้อยและถ้าเริ่มลงทุนตั้งแต่เริ่มมีรายได้หรือมีเงินเลย เขาก็มีแก้วลูกที่สามโดยอัตโนมัติ น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดอย่างนั้น เขามักคิดว่า การลงทุนเป็นเรื่องของคนที่มีครอบครัวและต้องสร้างฐานะ ดังนั้น เขาจึงไม่ได้คิดลงทุนจนกระทั่งแก้วที่มีค่า “หลุดลอย” ไป ข้อสรุปทั้งหมดก็คือ แก้ว 3 ประการของการลงทุนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะไข่วคว้ามาได้หมด มีบางลูกคว้าได้ บางลูกต้องอาศัยดวง ความ “สว่าง” ของลูกแก้วเองก็ไม่เท่ากัน คนที่เริ่มต้นด้วยเงิน 100 ล้านบาทต้องถือว่ามีลูกแก้วแล้ว แต่บางคนอาจจะเริ่มด้วยเงิน 500 ล้านบาทซึ่งเป็นแก้วที่ “สว่างจ้า” กว่า 100 ล้านบาท ผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ยระยะยาวที่ทำได้ถึง 15% ต่อปีผมก็ถือว่ามีแก้วแล้ว แต่คนที่ทำได้ 20% ต่อปีก็มีแก้วที่สว่างกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หน้าที่ของเราในฐานะของนักลงทุน ถ้ามีลูกแก้ว เราต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์เต็มที่ ถ้าไม่มีเราก็ต้องพยายามเพิ่มคุณภาพของแก้วลูกนั้นถ้าทำได้ และเมื่อทำเต็มกำลังแล้ว สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ “ปล่อยวาง” อย่าไปคิดถึงผลลัพธ์สุดท้ายว่า เราจะรวยเท่าไรหรือจะทำได้จริงไหม การลงทุนเป็นเรื่องระยะยาวและเป็นเรื่องของชีวิต เป้าหมายจริง ๆ ของเราก็คือ มีความสุขในทุกเวลาที่เดินไป
ลองมาดู “แก้ว” ทีละลูก สมมุติว่าคน ๆ หนึ่ง มีเงินค่อนข้างมากจากการทำธุรกิจ เขาตัดสินใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเนื่องจากมองว่าธุรกิจที่ทำอยู่กำลังตกต่ำลงและเขาอาจจะต้องเลิกธุรกิจในไม่ช้า แต่เขามีเงินสดที่เก็บสะสมไว้สามารถนำมาลงทุนได้ถึง 100 ล้านบาท นี่คือเขามีแก้วลูกแรก โชคไม่ดี เขาไม่มีความรู้ในการลงทุนเพียงพอ ดังนั้น สิ่งที่เขาหวังได้จากการลงทุนก็คือ การซื้อกองทุนรวมหุ้นซึ่งคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวได้แค่ประมาณ 8% ต่อปีแบบทบต้น นั่นคือ เขาไม่มีแก้วลูกที่สอง เช่นเดียวกัน เขาอายุ 50 ปีแล้ว ถ้าคิดว่าเขาจะลงทุนจนกระทั่งอายุแค่ 60 ปีก็จะเลิกเพื่อเกษียณและถอนเงินไปใช้ ดังนั้น ระยะเวลาการลงทุนของเขาก็มีเพียง 10 ปี ดังนั้น แก้วลูกที่สามเขาก็ไม่มี ผลก็คือ ในวันแรกที่เขาเริ่มลงทุน เขาก็อาจจะเป็นนักลงทุน “รายใหญ่” ทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปีที่เขาเลิก พอร์ตของเขาโตขึ้นเป็น 215 ล้าน แต่ในวันนั้นและที่อาจจะบันทึกในความทรงจำต่อไปในอนาคต เขาก็อาจจะเป็นแค่คนที่มีเงินพอสมควรเท่านั้นในแวดวงนักลงทุนที่มุ่งมั่นทั้งหลาย
สมมุติว่าแทนที่จะลงทุนในกองทุนรวม เขาได้ศึกษาและมีความรู้ในการลงทุนเป็นเยี่ยมและมีเทคนิคที่ดีมากในการลงทุน เรียกว่าเป็น “เซียน” ประกอบกับช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่หุ้นบูมมาก ดังนั้น เขาสามารถลงทุนจนได้ผลตอบแทนแบบทบต้นถึงปีละ 40% โดยเฉลี่ยในระยะเวลา 10 ปี ผลก็คือ เงิน 100 ล้านบาทกลายเป็น 2,892 ล้านบาท พอร์ตการลงทุนระดับนี้น่าจะทำให้เขาถือเป็นระดับนักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นที่กล่าวขวัญและจดจำกันในแวดวงนักลงทุนกันพอสมควรทีเดียว อย่างไรก็ตาม เงินในระดับนี้ ถ้าพูดในวันนี้ก็คงต้องบอกว่ามากทีเดียว แต่ถ้าไปพูดกันในอีก 10 ปีข้างหน้าหรือในอนาคตที่ยาวไกลออกไปก็ยังไม่น่าจะถือเป็น “ตำนาน” ที่คนรุ่นหลังจะต้องจดจำหรือบันทึกไว้ เพราะในอนาคตก็จะมีนักลงทุนที่มีพอร์ตใหญ่โตมากขึ้นเรื่อย ๆ และมากกว่า 3,000 ล้านบาท และนั่นก็น่าจะเป็นคนที่มี “แก้วทั้ง 3 ประการของการลงทุน”
สมมุติต่อไปว่าแทนที่เขาจะมีอายุ 50 ปี เขากลับเป็นลูกของเจ้าของธุรกิจที่ได้เริ่มศึกษาการลงทุนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย เขาเคยลงทุนด้วยเงินเพียง 1-2 ล้านที่ขอมาจากพ่อและประสบความสำเร็จในการลงทุนสูงมาก หลังจากนั้น ทางบ้านก็มั่นใจและในที่สุดให้เงินเขามาลงทุนถึง 100 ล้านบาทเมื่อเขาอายุเพียง 25 ปี ความสามารถของเขานั้น เพียงพอที่จะทำให้เขาสร้างผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ยระยะยาวได้สุดยอดขนาด “น้อง ๆ บัฟเฟตต์” ที่ 20% ต่อปี และเขามีเวลาลงทุนยาวมากถึง 35 ปี ติดต่อกัน ผลก็คือ ในวันที่เขาอายุ 60 ปี พอร์ตของเขาจะโตขึ้นเป็น 59,066 ล้านบาท เขากลายเป็น “ตำนานนักลงทุนไทย” คนหนึ่งที่มีพอร์ต “มหึมา” ที่ทุกคนรู้จักและสื่อมวลชนกล่าวขวัญถึงเช่นเดียวกับนักลงทุนอีกหลายคนที่อาจจะมี “แก้ว 3 ประการ” เช่นเดียวกัน
- vutchara_s
- Verified User
- โพสต์: 221
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 46
เป็นผมก็จะหา หุ้นบริษัทที่ไม่ใหญ่นักและพอจะโตได้ ที่เรามีความรู้หรือความชอบธุรกิจนั้นอยู่บ้าง มีปันผลให้สม่ำเสมอ เข้าไปถือหุ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เลยครับ เป็นผู้บริหารร่วม
ด้วยเลยก็ดีคับ ปันผลทำให้เรามีรายได้อยู่ได้ และการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทำให้เรา
ต้องหาข้อมูลกับบริษัทนั้นหนัก คิดซะว่าเป็นการทำงานในบริษัทที่เราถืออยู่ไปเลย สบายใจด้วย ลืมต้นทุน กินดอกเบื้ยพอ สบายใจด้วย
ด้วยเลยก็ดีคับ ปันผลทำให้เรามีรายได้อยู่ได้ และการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทำให้เรา
ต้องหาข้อมูลกับบริษัทนั้นหนัก คิดซะว่าเป็นการทำงานในบริษัทที่เราถืออยู่ไปเลย สบายใจด้วย ลืมต้นทุน กินดอกเบื้ยพอ สบายใจด้วย
ถ้าอยากได้ตัง ซื้อแล้วกรุณาอยู่นิ่งๆ...เตือนตัวเองจ๊า
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหร
โพสต์ที่ 48
ผมว่าต้องคุยกับครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรกว่ารับความเสียงได้แค่ไหน
ถ้ารับได้ถึงขั้นลงทุนในตลาดค่อยคิดอีกทีว่าจะลงแบบ focus หรือกระจายความเสื่ยง
ถ้ารับได้ถึงขั้นลงทุนในตลาดค่อยคิดอีกทีว่าจะลงแบบ focus หรือกระจายความเสื่ยง