เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 32
ผมว่าเซียนหรือนักลงทุนท่านอื่น ๆ ก็รู้สึกเหมือนคุณในตอนเข้าตลาดแต่แรก
ในจุดเริ่มต้นของการลงทุน (หรือธุรกิจอะไรก็ตาม)
ส่วนน้อยนักที่เข้ามาในช่วงที่ตลาดเลวร้าย เพราะมีแต่คนบาดเจ็บ แรงจูงใจที่จะเข้าไปลองหรือเข้าไปศึกษาจะน้อยมาก
ส่วนใหญ่มักจะเข้ามาในช่วงตลาดดี เพราะมีเพื่อน มีตัวอย่างที่สำเร็จ จึงอยากเข้ามาบ้าง
ผมเองก็เข้าตลาดมาตอนตลาดบูม ๆ ในช่วงต้นปี 03 หลายปีดัชนีไม่ไปไหน เราก็ยังมีที่ยืนอยู่รอดมาได้
เริ่มศึกษาหุ้นตอนไหนไม่สำคัญหรอกครับ ซื้อหุ้นตอนไหน ตัวไหนนั่นแหละ... สำคัญกว่า
ในจุดเริ่มต้นของการลงทุน (หรือธุรกิจอะไรก็ตาม)
ส่วนน้อยนักที่เข้ามาในช่วงที่ตลาดเลวร้าย เพราะมีแต่คนบาดเจ็บ แรงจูงใจที่จะเข้าไปลองหรือเข้าไปศึกษาจะน้อยมาก
ส่วนใหญ่มักจะเข้ามาในช่วงตลาดดี เพราะมีเพื่อน มีตัวอย่างที่สำเร็จ จึงอยากเข้ามาบ้าง
ผมเองก็เข้าตลาดมาตอนตลาดบูม ๆ ในช่วงต้นปี 03 หลายปีดัชนีไม่ไปไหน เราก็ยังมีที่ยืนอยู่รอดมาได้
เริ่มศึกษาหุ้นตอนไหนไม่สำคัญหรอกครับ ซื้อหุ้นตอนไหน ตัวไหนนั่นแหละ... สำคัญกว่า
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 33
ผมกลับคิดว่า ถ้าวิชามันดี แล้วคุณไปเรียน คุณก็เท่ากับว่าได้เรียนวิชาที่ดี
ไปเรียนมวย ใช่ว่าต้องได้เหรียญทอง ไม่สิ ไม่จำต้องติดทีมชาติด้วยซ้ำ อย่างน้อยๆมั่นใจหน่อย ว่าคุณเจอขี้ยาจะมาทำร้าย คุณเตะขี้ยาหมอบได้ ถ้าตั้งเป้าไว้เช่นนั้นแล้วทำได้ ผมไม่เห็นใส่ใจว่าเราไม่ได้เหรียญทองแล้วเราไม่ประสบความสำเร็จ
ถ้าแนวทางที่คุณคิด พาคนไปรวยพันล้าน คุณทำได้แค่ 10% ของเขา คุณก็ยังได้ ร้อยล้าน ผมว่าไม่ขี้เหร่นะ??
ไปเรียนมวย ใช่ว่าต้องได้เหรียญทอง ไม่สิ ไม่จำต้องติดทีมชาติด้วยซ้ำ อย่างน้อยๆมั่นใจหน่อย ว่าคุณเจอขี้ยาจะมาทำร้าย คุณเตะขี้ยาหมอบได้ ถ้าตั้งเป้าไว้เช่นนั้นแล้วทำได้ ผมไม่เห็นใส่ใจว่าเราไม่ได้เหรียญทองแล้วเราไม่ประสบความสำเร็จ
ถ้าแนวทางที่คุณคิด พาคนไปรวยพันล้าน คุณทำได้แค่ 10% ของเขา คุณก็ยังได้ ร้อยล้าน ผมว่าไม่ขี้เหร่นะ??
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 34
ราคาที่เหมาะสม ที่ว่า ต้องดูต้นทุนค่าเสียโอกาสของตัวเองครับ
ถ้ามัวแต่น้อยใจ แล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่มเรียนรู้
ถ้ามัวแต่น้อยใจ แล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่มเรียนรู้
-
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 36
ชอบการตอบกระทู้แบบพี่เอ็นดูน้องเหมือนกระทู้นี้จังครับ ถ้าโลกเราไม่มีการส่งต่อโอกาสให้คนรุ่นหลัง วันนี้เราคงไม่มีชีวิตที่สะดวกสบายแบบนี้.. ชักจะลิเกแล้วจิเรา
ผมว่าการตั้งคำถามของคุณ babyฯ สะท้อนว่าเป็นคนช่างคิด และให้ความสำคัญกับการคิดจนจบกระบวนความ ผมเคยฟังอ.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ พูดเรื่อง decision making แกใช้คำว่า think forward ครับ ผมว่าการรู้จัก think forward นี่แหละจะช่วยให้เราตัดสินใจ ในครั้งสำคัญๆของชีวิตได้ดี
วิจารณ์คำถามจนเพลินซะงั้น ขอตอบด้วยคนดีกั่ว.. ผมมองว่าในระยะยาว เงินปันผล(ซึ่งล้อไปกับการเติบโตของบริษัท)ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นเป็น positive sum game ครับ หมายความว่าทุกคนมีสิทธิได้กำไร
ทีนี้สมมติว่ามีโคตรเซียนคนนึงเก่งมากจนportใหญ่มากเมื่อเทียบกะmarket cap. ความใหญ่ของportอันนี้จะผลักดันให้เขาไปลงทุนที่ตลาดอื่นที่ใหญ่ขึ้นไปโดยปริยาย เพราะยากที่จะทำกำไรในตลาดเดิมซะแล้ว แต่ก็อีกนั้นแหละคนที่เก่งระดับนั้นเค้าอาจมองว่าการลงทุนไม่ท้าทายสำหรับเขาแล้ว จึงไปทำอย่างอื่นที่ท้าทายกว่าก็ได้(ผมว่า Bill Gates คล้าย case นี้ครับ เพียงแต่อยู่ใน real sector , เขาให้คุณค่ากับการอุทิศตนเพื่อสังคมมากว่าการหาเงินเพิ่ม ด้วยการเดินสายคู่กะปู่บัฟฯตั้งใจจะให้มหาเศรษฐีทั่วโลกบริจาคทรัพย์สินก่อนตายให้ได้อย่างน้อยครึ่งนึง โดยมีประโยคที่คอยเอาไปกระแทกใจพวกมหาเศรษฐีทั้งหลายคือ ' ถ้าตายไปโดยไม่ได้ตอบแทนโลก สำหรับผม เป็นเรื่องน่าอายที่สุด ' )
ต่อให้เซียนคนนั้นยังไม่รู้จักพอ ' ความโลภนั่นแหละ จะเป็นตัวจัดการเขาเอง ' ทำให้ที่สุด ความมั่งคั่งของเค้ากะจะกระจายไปให้คนอื่นโดยปริยาย แต่ถ้าเขาเอาเงินไปแจกคนจน ก็OKใช่ป่ะคับ
ในความเป็นจริงกว่าคนซักคนนึงจะเป็นเซียนได้ก็มักจะอายุเยอะแล้ว ถ้าเกิดมีเด็กgeniusขึ้นมา ผมเชื่อว่าเค้าก็จะไปหาโอกาสใน real sectorด้วย เหมือน Zuckerberg เป็นต้น เพราะท้าทาย แล้วผลตอบแทนที่มากกว่าก็จะตามมาเอง
สุดท้าย scenario ที่ผมพูดมา อาจไม่เกิดหรือเกิดอีกด้านนึงไปเลยก็ได้นิ.. สรุป ทำตัวเราให้เก่งและดี ดีกว่าครับ ไม่ว่าโลกจะมาแบบไหน เราจะได้รับมือได้
ผมว่าการตั้งคำถามของคุณ babyฯ สะท้อนว่าเป็นคนช่างคิด และให้ความสำคัญกับการคิดจนจบกระบวนความ ผมเคยฟังอ.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ พูดเรื่อง decision making แกใช้คำว่า think forward ครับ ผมว่าการรู้จัก think forward นี่แหละจะช่วยให้เราตัดสินใจ ในครั้งสำคัญๆของชีวิตได้ดี
วิจารณ์คำถามจนเพลินซะงั้น ขอตอบด้วยคนดีกั่ว.. ผมมองว่าในระยะยาว เงินปันผล(ซึ่งล้อไปกับการเติบโตของบริษัท)ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นเป็น positive sum game ครับ หมายความว่าทุกคนมีสิทธิได้กำไร
ทีนี้สมมติว่ามีโคตรเซียนคนนึงเก่งมากจนportใหญ่มากเมื่อเทียบกะmarket cap. ความใหญ่ของportอันนี้จะผลักดันให้เขาไปลงทุนที่ตลาดอื่นที่ใหญ่ขึ้นไปโดยปริยาย เพราะยากที่จะทำกำไรในตลาดเดิมซะแล้ว แต่ก็อีกนั้นแหละคนที่เก่งระดับนั้นเค้าอาจมองว่าการลงทุนไม่ท้าทายสำหรับเขาแล้ว จึงไปทำอย่างอื่นที่ท้าทายกว่าก็ได้(ผมว่า Bill Gates คล้าย case นี้ครับ เพียงแต่อยู่ใน real sector , เขาให้คุณค่ากับการอุทิศตนเพื่อสังคมมากว่าการหาเงินเพิ่ม ด้วยการเดินสายคู่กะปู่บัฟฯตั้งใจจะให้มหาเศรษฐีทั่วโลกบริจาคทรัพย์สินก่อนตายให้ได้อย่างน้อยครึ่งนึง โดยมีประโยคที่คอยเอาไปกระแทกใจพวกมหาเศรษฐีทั้งหลายคือ ' ถ้าตายไปโดยไม่ได้ตอบแทนโลก สำหรับผม เป็นเรื่องน่าอายที่สุด ' )
ต่อให้เซียนคนนั้นยังไม่รู้จักพอ ' ความโลภนั่นแหละ จะเป็นตัวจัดการเขาเอง ' ทำให้ที่สุด ความมั่งคั่งของเค้ากะจะกระจายไปให้คนอื่นโดยปริยาย แต่ถ้าเขาเอาเงินไปแจกคนจน ก็OKใช่ป่ะคับ
ในความเป็นจริงกว่าคนซักคนนึงจะเป็นเซียนได้ก็มักจะอายุเยอะแล้ว ถ้าเกิดมีเด็กgeniusขึ้นมา ผมเชื่อว่าเค้าก็จะไปหาโอกาสใน real sectorด้วย เหมือน Zuckerberg เป็นต้น เพราะท้าทาย แล้วผลตอบแทนที่มากกว่าก็จะตามมาเอง
สุดท้าย scenario ที่ผมพูดมา อาจไม่เกิดหรือเกิดอีกด้านนึงไปเลยก็ได้นิ.. สรุป ทำตัวเราให้เก่งและดี ดีกว่าครับ ไม่ว่าโลกจะมาแบบไหน เราจะได้รับมือได้
- ก้อนหิน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 39
ผมว่า สิ่งที่แยกการเป็น นักลงทุนธรรมดา กับ vi ที่ประสบความสำเร็จ น่าจะเป็นเรื่อง การรู้จักรอนี่แหละครับ
ทำการบ้านไว้เถอะครับ รับรองไม่เสียหาย แล้วซักวันโชคจะเป็นของคุณเอง
Luck = preparation + opportunity
ทำการบ้านไว้เถอะครับ รับรองไม่เสียหาย แล้วซักวันโชคจะเป็นของคุณเอง
Luck = preparation + opportunity
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 40
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก้อนกรวด เขียน:ผมแค่สมมติขึ้นมาเล่นๆแต่ถ้าทั้งตลาดมีแต่ VI แล้วจะซื้อหุ้นจากใครอ่ะครับ? หรือว่า VI ที่โง่กว่าก็จะต้องซื้อจาก VI ที่ฉลาดกว่าและมีข้อมูลมากกว่า
ราคาหุ้นทุกตัวก็จะอยู่ที่ Fair price ครับ
อยากได้หุ้น ต้องยอมจ่ายสูงกว่า Fair price ถึงจะมีคน ยอมขาย
แต่คนที่ยอมจ่าย คือ VI หรือเปล่า ?
กับการยอมจ่ายเงินสูงกว่า Fair price โดยไม่มี MOS
มันจึงเป็นการขัดแย้งในตัวเอง กับขอสมมุติฐานนี้
เหมือนกับทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ ที่เชื่อว่าตลาดที่มีประสิทธิภาพ ราคาหุ้นจะตอบสนองข้อมูล
ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ซึ่งการที่ตลาดจะมีประสิทธิภาพในระดับสมบูรณ์นั้น
มันเป็นโลกอุดมคติครับ
(ราคาตอบสนองอนาคตได้อย่างสมบูรณ์ มันเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นอย่างมากก็เป็นได้แค่ในระดับ Semi-strong form)
เหมือนกับ การที่คิดว่าโลกทั้งๆโลก ทุกคนเป็นคนดี โลกจะเป็นเช่นไร
คำตอบ ก็ง่ายๆครับ โลกจะจะสงบสุข น่าอยู่ แต่น่าเสียดาย ที่ความคิดนี้เป็นเพียงเรื่องของอุดมคติ
ในโลกของความเป็นจริง ก็คือ โลกเรามีทั้งคนดี และไม่ดี
สิ่งที่เราทำได้คือ เราต้องเป็นดนดี และดึงคนรอบข้างให้ดีตาม
เพื่อให้มีคนดีมากที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 41
สรุปคือถ้าทั้งตลาดมีแต่ VI ที่ฉลาดเท่ากันและมีข้อมูลเหมือนกันก็ไม่ใช่เรื่องดีซะทีเดียว ถ้าอย่างนั้นผมก็คงจะไม่ชักชวนใครให้เป็น VI ยกเว้นแต่ว่าผมมั่นใจว่าผมมีข้อมูลที่แม่นยำกว่าและสามารถชักชวนพวกคนเหล่านั้นให้กลายเป็นสาวก (supporting tranche) ให้ผมได้ใช่ป่ะครับ ถ้ามีคนที่ทำอย่างนั้นจริงผมว่ามันทุเรศมากเลยนะเนี่ย........leaderinshadow เขียน:ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก้อนกรวด เขียน:ผมแค่สมมติขึ้นมาเล่นๆแต่ถ้าทั้งตลาดมีแต่ VI แล้วจะซื้อหุ้นจากใครอ่ะครับ? หรือว่า VI ที่โง่กว่าก็จะต้องซื้อจาก VI ที่ฉลาดกว่าและมีข้อมูลมากกว่า
ราคาหุ้นทุกตัวก็จะอยู่ที่ Fair price ครับ
อยากได้หุ้น ต้องยอมจ่ายสูงกว่า Fair price ถึงจะมีคน ยอมขาย
แต่คนที่ยอมจ่าย คือ VI หรือเปล่า ?
กับการยอมจ่ายเงินสูงกว่า Fair price โดยไม่มี MOS
มันจึงเป็นการขัดแย้งในตัวเอง กับขอสมมุติฐานนี้
เหมือนกับทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ ที่เชื่อว่าตลาดที่มีประสิทธิภาพ ราคาหุ้นจะตอบสนองข้อมูล
ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ซึ่งการที่ตลาดจะมีประสิทธิภาพในระดับสมบูรณ์นั้น
มันเป็นโลกอุดมคติครับ
(ราคาตอบสนองอนาคตได้อย่างสมบูรณ์ มันเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นอย่างมากก็เป็นได้แค่ในระดับ Semi-strong form)
เหมือนกับ การที่คิดว่าโลกทั้งๆโลก ทุกคนเป็นคนดี โลกจะเป็นเช่นไร
คำตอบ ก็ง่ายๆครับ โลกจะจะสงบสุข น่าอยู่ แต่น่าเสียดาย ที่ความคิดนี้เป็นเพียงเรื่องของอุดมคติ
ในโลกของความเป็นจริง ก็คือ โลกเรามีทั้งคนดี และไม่ดี
สิ่งที่เราทำได้คือ เราต้องเป็นดนดี และดึงคนรอบข้างให้ดีตาม
เพื่อให้มีคนดีมากที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 42
เมื่อวีไอเต็มตลาดมือใหม่ควรมองเป็นโอกาสครับ
ผมว่าเมื่อ10ปีที่แล้วหากเราอยากลงทุนเราต้องออกแรงศึกษาเยอะกว่าปัจจุบันมากแน่นอนครับ
เนื่องจากยังไม่ค่อยมีคนที่ลงทุนแนววีไอมากนักในตลาด
(หรืออาจจะมีแต่ไม่เป็นที่เปิดเผยมากเท่าปัจจุบัน)
ระยะหลังเรามีการรวมตัวของบรรดานักลงทุนแนวนี้ค่อนข้างเยอะ เช่นงานมีทติ้งหรือการสัมมนาเป็นต้น
ทำให้เราสามารถเข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์จากวีไอรุ่นเก่าที่เก่งกว่า
และยอมเสียสละเวลามาแนะนำน้องใหม่ให้เข้าใจหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
ผมดีใจมากที่เกิดมาในช่วงที่มีวีไอเยอะพอสมควรอย่างในช่วง2-3ปีนี้
เพราะไม่เช่นนั้นผมคงเหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ
หรือไม่ก็อาจจะท้อไปก่อนที่จะเข้าใจหลักการลงทุนที่ถูกต้องก็เป็นได้
ฉะนั้นผมว่าทุกสิ่งที่เราเจอในชีวิตจะมีมุมที่ดีๆของมันเสมอครับ
ผมว่าเมื่อ10ปีที่แล้วหากเราอยากลงทุนเราต้องออกแรงศึกษาเยอะกว่าปัจจุบันมากแน่นอนครับ
เนื่องจากยังไม่ค่อยมีคนที่ลงทุนแนววีไอมากนักในตลาด
(หรืออาจจะมีแต่ไม่เป็นที่เปิดเผยมากเท่าปัจจุบัน)
ระยะหลังเรามีการรวมตัวของบรรดานักลงทุนแนวนี้ค่อนข้างเยอะ เช่นงานมีทติ้งหรือการสัมมนาเป็นต้น
ทำให้เราสามารถเข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์จากวีไอรุ่นเก่าที่เก่งกว่า
และยอมเสียสละเวลามาแนะนำน้องใหม่ให้เข้าใจหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
ผมดีใจมากที่เกิดมาในช่วงที่มีวีไอเยอะพอสมควรอย่างในช่วง2-3ปีนี้
เพราะไม่เช่นนั้นผมคงเหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ
หรือไม่ก็อาจจะท้อไปก่อนที่จะเข้าใจหลักการลงทุนที่ถูกต้องก็เป็นได้
ฉะนั้นผมว่าทุกสิ่งที่เราเจอในชีวิตจะมีมุมที่ดีๆของมันเสมอครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 43
จริงๆ ตัวผมกำลังเรียนและลงทุนอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานานพอสมควรแล้วและเคยสงสัยเรื่องนี้อย่างมากจึงพยายามหาคำตอบมาพักใหญ่ๆโดยสังเกต behavior ของคนและค้นคว้าเพิ่มครับ โดยส่วนตัวคิดว่า: ยกตัวอย่างที่ Australia วันอังคารและวันพุด จะเป็นวันที่น้ำมันลดราคา คนจำนวนมากจะยอมขับรถไปไกลหลาย mile เพื่อไปรอคิวเติมนำ้มันที่ petrol station แต่จริงๆแล้ว discount ที่เค้าได้มันไม่กี่ dollar เองครับ แล้วยังมีคนอีกจำนวนนึงที่ยอมเสื่ยงขับรถไปไกลทั้งที่รู้ว่านำ้มันในถังกำลังจะหมดเพื่อหา station ที่รับ petrol voucher (coupon ลดราคา)
คนอีกกลุ่มยอมเปิด wine ขวดเป็นหมื่นๆบาท ยอมเสียเงินเป็นพันๆหมื่นๆ เหรียญในคืนเดียว ที่ casino หรื่อ ตลาดหุ้น แต่วันรุ่งขึ้นกลับพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะประหยัดเงิน 3-4 เหรียญที่ supermarket
ผมเชื่อว่าทุกคนใน web ThaiVI เองก็จะไม่รู้สึกโกรธถ้าผมบอกว่า VI ทุกๆ คนในที่นี้ไม่ได้มีเหตุผลตลอดเวลาเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องเงิน ตัวอย่างเช่นบางครั้งเราเลือกใช้เงินซื่อบางอย่างให้คนที่เรารักแทนที่จะ stay invest 100% ในตลาด
ทีนี้เราลองเอาคนกลุ่มนี้มารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆเลยครับ>>>>เราก็จะได้ตลาดหุ้นขึ้นมา ราคาของหุ้นในตลาดก็จะสะท้อนความกลัว, ความโลบ, ความไม่เป็นเหตุผลของคนกลุ่มใหญ่ครับ ทั้งๆที่ความคิดเห็นของคนกลุ่มนี้มิได้ส่งผลกับ intrinsic value ของบริษัทในตลาดเลย การเมืองก็เป็นอีกส่วนที่ส่งผลกับราคาหุ้นแต่ไม่ได้หมายความว่ามันมี เหตุผล เสมอ ยกตัวอย่างราคาหุ้นบริษัทอาหารและยา ใน Australia ตกตอนที่ dubai world ล้ม???
สรุปในระยะสั้นนั้นราคาหุ้นนั้นถูกกำหนดโดยความไม่เป็นเหตุผลของนักลงทุนในตลาด(รวมถึง VI) เพราะมันมีปัจจัยอื่นมากระทบเช่น financial situation หรือ liquidity need ของแต่ละคนครับ แต่ในระยะยาว VI ที่ควบคุม emotion และมีเหตุผลมากกว่าจะชนะตลาดได้เสมอครับ
คนอีกกลุ่มยอมเปิด wine ขวดเป็นหมื่นๆบาท ยอมเสียเงินเป็นพันๆหมื่นๆ เหรียญในคืนเดียว ที่ casino หรื่อ ตลาดหุ้น แต่วันรุ่งขึ้นกลับพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะประหยัดเงิน 3-4 เหรียญที่ supermarket
ผมเชื่อว่าทุกคนใน web ThaiVI เองก็จะไม่รู้สึกโกรธถ้าผมบอกว่า VI ทุกๆ คนในที่นี้ไม่ได้มีเหตุผลตลอดเวลาเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องเงิน ตัวอย่างเช่นบางครั้งเราเลือกใช้เงินซื่อบางอย่างให้คนที่เรารักแทนที่จะ stay invest 100% ในตลาด
ทีนี้เราลองเอาคนกลุ่มนี้มารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆเลยครับ>>>>เราก็จะได้ตลาดหุ้นขึ้นมา ราคาของหุ้นในตลาดก็จะสะท้อนความกลัว, ความโลบ, ความไม่เป็นเหตุผลของคนกลุ่มใหญ่ครับ ทั้งๆที่ความคิดเห็นของคนกลุ่มนี้มิได้ส่งผลกับ intrinsic value ของบริษัทในตลาดเลย การเมืองก็เป็นอีกส่วนที่ส่งผลกับราคาหุ้นแต่ไม่ได้หมายความว่ามันมี เหตุผล เสมอ ยกตัวอย่างราคาหุ้นบริษัทอาหารและยา ใน Australia ตกตอนที่ dubai world ล้ม???
สรุปในระยะสั้นนั้นราคาหุ้นนั้นถูกกำหนดโดยความไม่เป็นเหตุผลของนักลงทุนในตลาด(รวมถึง VI) เพราะมันมีปัจจัยอื่นมากระทบเช่น financial situation หรือ liquidity need ของแต่ละคนครับ แต่ในระยะยาว VI ที่ควบคุม emotion และมีเหตุผลมากกว่าจะชนะตลาดได้เสมอครับ
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 44
คุณก้อนกรวดเข้าใจผิดแล้วครับก้อนกรวด เขียน:สรุปคือถ้าทั้งตลาดมีแต่ VI ที่ฉลาดเท่ากันและมีข้อมูลเหมือนกันก็ไม่ใช่เรื่องดีซะทีเดียว ถ้าอย่างนั้นผมก็คงจะไม่ชักชวนใครให้เป็น VI ยกเว้นแต่ว่าผมมั่นใจว่าผมมีข้อมูลที่แม่นยำกว่าและสามารถชักชวนพวกคนเหล่านั้นให้กลายเป็นสาวก (supporting tranche) ให้ผมได้ใช่ป่ะครับ ถ้ามีคนที่ทำอย่างนั้นจริงผมว่ามันทุเรศมากเลยนะเนี่ย........
VI คือ นักลงทุนที่ตัดสินใจโดยมีเหตุมีผล มีสติ และคิดเองเป็น
การเป็นสาวก แสดงว่า คิดเองไม่เป็น นั่นคือ ไม่ใช่ VI เป็นแค่พวกแห่ตามกระแส
หากเป็น VI จริง คนๆนั้นต้องมองออกว่า หุ้นตัวนั้นๆ ราคาอยู่ที่ Fair price หรือเปล่า ?
ถ้าไม่ใช่ เค้าก็ไม่ซื้อ
แต่เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง
ตลาดนั้น ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีโอกาสสำหรับ VI เสมอ
VI หาประโยชน์จากความไม่ประสิทธิภาพของตลาดครับ
เพราะราคาหุ้นมักไม่ค่อยเทรดที่ Fair price
สำหรับนักเก็งกำไร เค้าใช้ยุทธวิธี
ซื้อแพง เพื่อขายแพงกว่า
เพราะนักเก็งกำไร หาประโยชน์จากอารมณ์และความผันผวนของตลาด
สำหรับข้อสรุปของผมที่ต้องการจะสื่อคือ ถ้าทั้งตลาดมีแต่ VI ราคาหุ้นจะอยู่ที่ Fair price เสมอครับ
และตลาดก็จะกลายเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพ ตามทฤษฎีไปโดยปริยาย
แต่มันเป็นโลกอุดมคติครับ
เพราะการเป็น VI ไม่ได้เป็นง่ายๆ ครับพี่
แค่สอนให้คนคิดเป็น สอนให้เอาชนะอคติของตน สอนให้มีสติ สอนให้ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์
มันก็ยากแสนยากแล้วครับ
เหมือนกับที่ผมเปรียบเทียบ VI เหมือนเป็น วายชั้นเลิศ (นัยยะคือ ฝึกฝน อดทน ขัดเกลา)
แต่คนทั่วไปจะรอไม่ไหว กลับไปดื่มสุรากลั่นธรรมดา (นัยยะคือ การเก็งกำไร หวังกำไรฉาบฉวย)
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ VI เต็มตลาดแล้วมือใหม่จะเป็นใช่ไร ???
โพสต์ที่ 45
+1ครับ ขอนอกเรื่องนะครับไม่เกี่ยวกับคำถามPaully เขียน: ผมเชื่อว่าทุกคนใน web ThaiVI เองก็จะไม่รู้สึกโกรธถ้าผมบอกว่า VI ทุกๆ คนในที่นี้ไม่ได้มีเหตุผลตลอดเวลาเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องเงิน ตัวอย่างเช่นบางครั้งเราเลือกใช้เงินซื่อบางอย่างให้คนที่เรารักแทนที่จะ stay invest 100% ในตลาด
คือที่เค้าบอกว่าVIพันธ์แท้ต้องใช้ชีวิตสมถะ ใช้ชีวิตธรรมดาๆทั่วไป ผมเห็นด้วยส่วนนึงครับถ้าเงินทุนที่ลงทุนของเรานั้นยังไม่มาก แน่นอนเราควรจะประหยัดแล้วพยายาม stay invest 100% แต่เมื่อถึงจุดนึง เช่น ถ้าพอร์ตขนาดพันล้านขึ้นไป ปันผลมาปีละเหยียบ100ล้านบาท ผมคิดว่ามันก้อคงจะไม่ผิดอะไรนักที่่เราจะหาความสุขให้ตัวเอง ใช้เงินซื้อสิ่งของแพงๆ ที่เราต้องการ เพราะจุดประสงค์ของการลงทุนสร้างความมั่งคั่งนี้ก้อคือนำความมั่งคั่งที่เรามีมาสนองneedsของเรานั่นเอง
นักเลงคีย์บอร์ด4.0