หน้า 2 จากทั้งหมด 2

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 8:34 am
โดย densin
นึกออกละ ผมเคยอ่านหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่ง เรื่องของวงการหุ้นไทยนี่แหละ
เขียนถึงเซียนยุคก่อนให้สัมภาษณ์ว่าแกสั่งซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งในห้องค้า
แล้วสมัยนั้นจะได้ใบสั่งหุ้นมา แกก็ขยำๆทิ้งลงถังขยะโดยจงใจให้คนเห็น แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
คนก็อุตส่าเก็บใบสั่งหุ้นมาดูว่าแกซื้ออะไร แล้วข่าวลืออก็กระจายไปทั่วเรื่องหุ้นตัวนั้น
ทำให้ราคาพุ่งอย่างรวดเร็ว
โดยไม่รู็ว่าตอนแกเข้าห้องน้ำ ได้โทรหามาร์คให้ทะยอยขายหุ้นตัวนั้นจำนวนมากจนหมดพอร์ทแก
หนังสือเก่ามากเจอในห้องสมุดมารวย ไม่รู้จะโดนเผาไปหรือยัง

เชิงการสร้างราคาหุ้น มันมีหลายวิธี ไม่ใช่แค่โยนหุ้นไปมา
สมัยนั้นคงยังไม่เล่นกันเป็นขบวนการ คนเดียวกับถังขยะก็ปั่นได้ :o

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 8:55 am
โดย BABY TERMITE
akekarat เขียน:หุ้นตัวไหน ก็ถูกปั่นได้ทั้งนั้นแหละครับ
ไม่จำเป็นว่าจะเป็นหุ้น undervalue หรือ overvalue

ถ้าไม่เชื่อ บอกหุ้นมาเลย 1 ตัวที่คุณคิดว่าไม่มีทางเป็นหุ้นปั่นแน่ ๆ
พร้อมเงินซัก 300-400% ของ Market Cap. ปัจจุบันของหุ้นตัวนั้น
และบัญชีหุ้น 4-5 บัญชี (ที่ไม่ใช่ชื่อผม 555)

แล้วเดี๋ยวจะทำเป็นหุ้นปั่นให้ดู
ส่วนปั่นแล้วจะติดดอยหรือตกเหวตอนจบ ก็อีกเรื่องหนึ่ง

จะ JAS หรือ WG หรือ SCNYL ก็ปั่นได้ทั้งนั้นแหละ
ถ้ามีเงินซะอย่าง
คงต้องขออณุญาติเจ้าของด้วยมั้งครับ ถ้าเค้าไม่เล่นด้วยคงลำบากและหวาดเสียวที่จะทำราคามั้งครับ

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 9:04 am
โดย tattoo_thai
densin เขียน:นึกออกละ ผมเคยอ่านหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่ง เรื่องของวงการหุ้นไทยนี่แหละ
เขียนถึงเซียนยุคก่อนให้สัมภาษณ์ว่าแกสั่งซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งในห้องค้า
แล้วสมัยนั้นจะได้ใบสั่งหุ้นมา แกก็ขยำๆทิ้งลงถังขยะโดยจงใจให้คนเห็น แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
คนก็อุตส่าเก็บใบสั่งหุ้นมาดูว่าแกซื้ออะไร แล้วข่าวลืออก็กระจายไปทั่วเรื่องหุ้นตัวนั้น
ทำให้ราคาพุ่งอย่างรวดเร็ว
โดยไม่รู็ว่าตอนแกเข้าห้องน้ำ ได้โทรหามาร์คให้ทะยอยขายหุ้นตัวนั้นจำนวนมากจนหมดพอร์ทแก
หนังสือเก่ามากเจอในห้องสมุดมารวย ไม่รู้จะโดนเผาไปหรือยัง

เชิงการสร้างราคาหุ้น มันมีหลายวิธี ไม่ใช่แค่โยนหุ้นไปมา
สมัยนั้นคงยังไม่เล่นกันเป็นขบวนการ คนเดียวกับถังขยะก็ปั่นได้ :o
หนังสือชื่อ "ร้อยเล่ห์ กลโกง เจ้ามือหุ้น" ไม่เก่ามาก ซักสี่ห้าปีมั๊ง

วงการนี้มีผลประโยชน์เป็นเดิมพันครับ จะเซียนจะแมงเม่าก็อยากได้ตังค์ทั้งนั้นแหละครับ

เพื่อนๆแมงเม่าอย่างผมก็อย่าไปเคลิ้มกับสิ่งที่กลุ่มเซียนเอามาโพสต์มากนัก บางอย่างก็ฟังดูดี บางอย่างก็จินตนาการกันไปเอง

ลองไปดูหุ้นฮิตๆในอดีตสิ ว่ามันจบยังไง มันเป็น Growth Stock หรือ Under/Over Value จริงรึเปล่า?

บางทีแมงเม่าอย่างผมก็งงๆ หุ้นในตลาดมีหลายร้อยตัว เซียนๆดันมาเห็นคุณค่าในหุ้นตัวเดียวกัน พร้อมๆกัน บ่อยเหลือเกิน ผมละงงจริงๆ

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 9:10 am
โดย NoiSNC
ขอบคุณครับ ทำให้ผมเข้าใจหลาย ๆ ประเด็นขึ้นอีกมาก แต่ส่วนตัวผมก็ยังไม่ค่อยชอบ JAS เท่าไหร่นัก อาจจะเพราะว่าในเวลานี้ผมยังคงไม่เชื่อในศักยภาพที่แท้จริงของมัน เรื่องนี้เวลาเท่านั้นที่เป็นผู้พิสูจน์ ส่วนใครปั่นหรือไม่ปั่น ผมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมครับ :)

สมัยเรียนปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัย ผมเคยถูกเพื่อนร่วมห้องกล่าวหาว่าไปขโมยเงินเขา ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เป็นผู้กระทำ เมื่อใดที่ผมรู้สึกว่าชีวิตแกว่ง ๆ เป๋ ๆ ผมจะนึกถึงเหตุการณ์นั้นและอธิษฐานในใจว่า เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าผมไม่ใช่ผู้ขโมยเงินเพื่อนในครั้งนั้น ขอให้ชีวิตผมดีขึ้น ไม่มีวันตกต่ำ และกฎแห่งกรรมก็จะแสดงผลออกมาเองครับ :)

เราอาจจะไม่ต้องไปจ้องจับพฤติกรรมผู้อื่น แต่คอยจ้องจับความคิด ทัศนคติ วาจา และการกระทำของเรา มีสติรู้พร้อมให้มากเท่าที่ระลึกได้ แล้วกฎแห่งกรรมจะแสดงผลของมันเองในที่สุด :)

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 9:32 am
โดย scg
แล้วเพื่อนสมัยเรียนปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัย ของคุณ NoiSNC คนนั้น

ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 9:38 am
โดย scg
เพื่อนสมัยเรียนปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัย ของคุณ NoiSNC

กล่าวหาคนอื่นโดยไม่ผิดถือว่าผิดศีล แถมบาปด้วยครับนั่น

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 9:54 am
โดย drsp
คนเราเวลาประสพความสําเร็จมากๆก็มีราคาที่ต้องจ่ายชดใช้
ผมเชื่อว่าคุณหมอสามัญชนมีเจตนาดี
ที่จะชี้แจงว่าในสายตาแก หุ้นjasไม่น่าจะใช่หุ้นปั่น
แต่คุณหมอคงลืมไปว่า
ตอนนี้แกเป็น"ขาใหญ่"ไปแล้ว
หุ้นที่มีชื่อรายชื่อคุณหมอถือหุ้นอยู่
หรือหุ้นที่คุณหมอพูดถึง
จะมีคนตามดูตามซื้อจํานวนมาก
บางคนเอาไปโพสต่อพันทิพ คนยิ่งแห่ตาม
คนที่กําไรก็จะยกว่าเป็นเทพ
คนที่ขาดทุนก็จะตามด่าว่าเป็นเจ้ามือปั่นหุ้น
ซึ่งผมว่าคุณหมอก็ไม่ชอบทั้ง2อย่าง
ผมว่าคุณหมออาจต้องหลีกเลี่ยงการพูดถึงหุ้นที่ตนเองถืออยู่
เอาไว้คุยในที่ประชุมหรือพรรคพวกเดียวกันจะปลอดภัยกว่า

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 10:10 am
โดย koh
ผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 01/04/2553

จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) 8,373

% การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (% Free float) 59.05
ไม่ทราบว่าใครมีข้อมูล(% Free float)ย้อนหลังสัก2ถึง3ปีมั่งครับ ช่วยแชร์หน่อย :D

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 10:15 am
โดย stock77
ผมเข้าใจว่าหมอคงจะอึดอัดน่าดู
แต่ในอนาคตหมอจะอึดอัดกว่านี้
เพราะว่าในตลาดหุ้นข่าวลือเยอะมา
ตัวไหนขึ้นแรงก็จะมีการปล่อยข่าวว่าหมอเข้า
ซื้ือ เหมือนกับหมอฟันคนดังในอดีต

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 11:37 am
โดย unnop.t
คนเราเวลาประสพความสําเร็จมากๆก็มีราคาที่ต้องจ่ายชดใช้
ชอบประโยคนี้ครับ อีกคำหนึ่งที่น่าจะใกล้เคียงกัน "ต้นทุนทางสังคม"

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 1:02 pm
โดย jo7393
drsp เขียน:คนเราเวลาประสพความสําเร็จมากๆก็มีราคาที่ต้องจ่ายชดใช้
ผมเชื่อว่าคุณหมอสามัญชนมีเจตนาดี
ที่จะชี้แจงว่าในสายตาแก หุ้นjasไม่น่าจะใช่หุ้นปั่น
แต่คุณหมอคงลืมไปว่า
ตอนนี้แกเป็น"ขาใหญ่"ไปแล้ว
หุ้นที่มีชื่อรายชื่อคุณหมอถือหุ้นอยู่
หรือหุ้นที่คุณหมอพูดถึง
จะมีคนตามดูตามซื้อจํานวนมาก
บางคนเอาไปโพสต่อพันทิพ คนยิ่งแห่ตาม
คนที่กําไรก็จะยกว่าเป็นเทพ
คนที่ขาดทุนก็จะตามด่าว่าเป็นเจ้ามือปั่นหุ้น
ซึ่งผมว่าคุณหมอก็ไม่ชอบทั้ง2อย่าง
ผมว่าคุณหมออาจต้องหลีกเลี่ยงการพูดถึงหุ้นที่ตนเองถืออยู่
เอาไว้คุยในที่ประชุมหรือพรรคพวกเดียวกันจะปลอดภัยกว่า
อย่างนี้ผมก็อดฟังแนวคิดของคุณหมอสิครับ ให้ผมเป็นพรรคพวกด้วยคนสิคร้าบบบ :mrgreen: :mrgreen:

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 2:04 pm
โดย Green
อยากติดตาม มุมมองของคุณหมอ ไปเรื่อยๆ ครับ
เข้าใจเจตนารมย์ที่ดี ของคุณหมอ

ไม่อยากให้เลิกโพสครับ ยังมีหลายๆ คน ที่ได้ประโยชน์จาก ข้อคิดและแนวทางที่ดี ในการลงทุน

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 4:19 pm
โดย pak
ถ้ามีประเด็นใดๆเกิดขึ้น ผมชอบที่จะกลับไปหา "Role Model" ของผมเสมอ...
นั่นก็คือ ดร.นิเวศน์ นั่นเอง

ดร.เอง ท่านก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน CPALL เช่นกัน ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรหนิครับ
ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอ
เพราะ ท่านไม่เคย "เชียร์" แต่ท่าน "แชร์"!!!
ดังนั้น สิ่งที่ผมได้จากท่าน คือ ความรู้ และประสบการณ์
(เรื่องปั่นไม่ปั่น เป็นเพียงการขึ้นลงของราคา ซึ่งหาสาระอะไรไม่ได้เลย!!!)

ท่านแชร์มุมมอง ว่า...
1) บริษัทฯนี้ ดีอย่างไร? ซึ่งอาจจะหมายถึง ตัวเลขผลประกอบการ และงบการเงินต่างๆทั่วไป
2) เพราะเหตุใด ท่านจึงเลือกลงทุนในบริษัทฯนี้?
3) Competency ของ CPALL คืออะไร?
เช่น...
- ระบบ Supply Chain Management ที่ยอดเยี่ยม
- ระบบ Logistic
- ศูนย์กระจายสินค้า(Distribution Center) ซึ่งใช้ "Zero Stock Concept"
4) Brand มีความสำคัญเช่นไรในธุรกิจในปัจจบัน?
5) Competitive Advantage ในเรื่องของ "การกระจาย Network" มีค่าแค่ไหน?
6) Customer Behavier มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกลงทุนของท่านหรือไม่?
7) ความยั่งยืน และอนาคตของธุรกิจ เราต้องใส่ใจแต่ไหน?
8) กลยุทธ์ขององค์กร และ Vision ของ CEO มีผลต่อบริษัทฯแค่ไหน?

ความรู้ และประสบการณ์เนื้อๆ...ที่ผมได้จากท่าน
ผมสรุปสุดท้ายจริงๆว่า...

"พื้นฐาน และเหตุปัจจัย...คือ สิ่งที่ท่านบอก
แต่ราคาและการซื้อขาย...คือ สิ่งที่เราต้องไปตัดสินใจเอง!!!"

ผมคิดแบบนั้นนะครับ

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 4:48 pm
โดย ccc111
pak เขียน:ถ้ามีประเด็นใดๆเกิดขึ้น ผมชอบที่จะกลับไปหา "Role Model" ของผมเสมอ...
นั่นก็คือ ดร.นิเวศน์ นั่นเอง

ดร.เอง ท่านก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน CPALL เช่นกัน ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรหนิครับ
ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอ
เพราะ ท่านไม่เคย "เชียร์" แต่ท่าน "แชร์"!!!
ดังนั้น สิ่งที่ผมได้จากท่าน คือ ความรู้ และประสบการณ์
(เรื่องปั่นไม่ปั่น เป็นเพียงการขึ้นลงของราคา ซึ่งหาสาระอะไรไม่ได้เลย!!!)

ท่านแชร์มุมมอง ว่า...
1) บริษัทฯนี้ ดีอย่างไร? ซึ่งอาจจะหมายถึง ตัวเลขผลประกอบการ และงบการเงินต่างๆทั่วไป
2) เพราะเหตุใด ท่านจึงเลือกลงทุนในบริษัทฯนี้?
3) Competency ของ CPALL คืออะไร?
เช่น...
- ระบบ Supply Chain Management ที่ยอดเยี่ยม
- ระบบ Logistic
- ศูนย์กระจายสินค้า(Distribution Center) ซึ่งใช้ "Zero Stock Concept"
4) Brand มีความสำคัญเช่นไรในธุรกิจในปัจจบัน?
5) Competitive Advantage ในเรื่องของ "การกระจาย Network" มีค่าแค่ไหน?
6) Customer Behavier มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกลงทุนของท่านหรือไม่?
7) ความยั่งยืน และอนาคตของธุรกิจ เราต้องใส่ใจแต่ไหน?
8) กลยุทธ์ขององค์กร และ Vision ของ CEO มีผลต่อบริษัทฯแค่ไหน?

ความรู้ และประสบการณ์เนื้อๆ...ที่ผมได้จากท่าน
ผมสรุปสุดท้ายจริงๆว่า...

"พื้นฐาน และเหตุปัจจัย...คือ สิ่งที่ท่านบอก
แต่ราคาและการซื้อขาย...คือ สิ่งที่เราต้องไปตัดสินใจเอง!!!"

ผมคิดแบบนั้นนะครับ

ให้ 3 ตัวเลย :cool: :cool: :cool:

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 9:26 pm
โดย blueplanet
jas เมื่อวานลงเยอะ ก็เลยไม่อยากโพสต์
วันนี้ขึ้นเยอะก็ขอแจมสักนิด
JAS PE 28 PB 2.9 หนี้สิน หมื่นล้าน รายได้ 600ล้าน ยิลด์ .76%
หุ้นแพงขนาดนี้ต้องเป็นหุ้นเติบโตและโตอย่างต่อเนื่องเท่านั้นจึงน่าซื้อ
แต่อดีตรผลงาน jas ไม่น่าประทับใจ กำไรบ้างขาดทุนบ้างแล้วแต่ดวง
jas ไม่มีแบรนด์ที่แข็ง โมเดลธุรกิจก็แทบจะเป็นบริษัทรับจ้างทำของ
ดังนั้น JAS จึงเหมาะกับคนฉลาดสุดๆเท่านั้น
ไม่เหมาะกับคนธรรมดาทั่วไป

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 10:35 pm
โดย MaiFuen
blueplanet เขียน:jas เมื่อวานลงเยอะ ก็เลยไม่อยากโพสต์
วันนี้ขึ้นเยอะก็ขอแจมสักนิด
JAS PE 28 PB 2.9 หนี้สิน หมื่นล้าน รายได้ 600ล้าน ยิลด์ .76%
หุ้นแพงขนาดนี้ต้องเป็นหุ้นเติบโตและโตอย่างต่อเนื่องเท่านั้นจึงน่าซื้อ
แต่อดีตรผลงาน jas ไม่น่าประทับใจ กำไรบ้างขาดทุนบ้างแล้วแต่ดวง
jas ไม่มีแบรนด์ที่แข็ง โมเดลธุรกิจก็แทบจะเป็นบริษัทรับจ้างทำของ
ดังนั้น JAS จึงเหมาะกับคนฉลาดสุดๆเท่านั้น
ไม่เหมาะกับคนธรรมดาทั่วไป
ผมว่าคนเราต่างคนก็ต่างมีมุมมองที่หลากหลายครับ

จากประสบการณ์ที่ต่างกัน ก็ทำให้มุมมองต่างกัน

บางคนรู้สึกว่าJASดีมาก บางคนรู้สึกว่าJASแย่มาก

ก็แชร์ข้อมูลความเห็นกันไป

แต่ผมว่าไม่เกี่ยวกับว่าต้องฉลาดสุดๆถึงจะถือJASได้หรอกครับ

คนธรรมดาๆบางคน ที่เค้าศึกษาแล้วชอบและอยากเป็นเจ้าของธุรกิจอย่างนี้ก็น่าจะซื้อJAS ได้แล้วครับ

ขอแค่ศึกษาเอง ถ้าดีก็ดีไป ถ้าเกิดผิดพลาดก็อย่าเอาไปโทษใครละกัน

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 11:08 pm
โดย naris
pak เขียน:ถ้ามีประเด็นใดๆเกิดขึ้น ผมชอบที่จะกลับไปหา "Role Model" ของผมเสมอ...
นั่นก็คือ ดร.นิเวศน์ นั่นเอง

ดร.เอง ท่านก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน CPALL เช่นกัน ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรหนิครับ
ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอ
เพราะ ท่านไม่เคย "เชียร์" แต่ท่าน "แชร์"!!!
ดังนั้น สิ่งที่ผมได้จากท่าน คือ ความรู้ และประสบการณ์
(เรื่องปั่นไม่ปั่น เป็นเพียงการขึ้นลงของราคา ซึ่งหาสาระอะไรไม่ได้เลย!!!)

ท่านแชร์มุมมอง ว่า...
1) บริษัทฯนี้ ดีอย่างไร? ซึ่งอาจจะหมายถึง ตัวเลขผลประกอบการ และงบการเงินต่างๆทั่วไป
2) เพราะเหตุใด ท่านจึงเลือกลงทุนในบริษัทฯนี้?
3) Competency ของ CPALL คืออะไร?
เช่น...
- ระบบ Supply Chain Management ที่ยอดเยี่ยม
- ระบบ Logistic
- ศูนย์กระจายสินค้า(Distribution Center) ซึ่งใช้ "Zero Stock Concept"
4) Brand มีความสำคัญเช่นไรในธุรกิจในปัจจบัน?
5) Competitive Advantage ในเรื่องของ "การกระจาย Network" มีค่าแค่ไหน?
6) Customer Behavier มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกลงทุนของท่านหรือไม่?
7) ความยั่งยืน และอนาคตของธุรกิจ เราต้องใส่ใจแต่ไหน?
8) กลยุทธ์ขององค์กร และ Vision ของ CEO มีผลต่อบริษัทฯแค่ไหน?

ความรู้ และประสบการณ์เนื้อๆ...ที่ผมได้จากท่าน
ผมสรุปสุดท้ายจริงๆว่า...

"พื้นฐาน และเหตุปัจจัย...คือ สิ่งที่ท่านบอก
แต่ราคาและการซื้อขาย...คือ สิ่งที่เราต้องไปตัดสินใจเอง!!!"

ผมคิดแบบนั้นนะครับ
ยอดเยี่ยมแนวคิดเลยครับคุณpak :bow: :bow: :bow:

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 11:44 pm
โดย Nevercry.boy
การแบ่งปันความรู้เป็นสิ่งที่ดีและควรทำครับ

การตัดสินใจเป็นเรื่องของใครของมันครับ

จงเป็นนักลงทุนที่มี พรหมวิหาร 4 ครับ

..........................

พรหมวิหาร 4


ความหมายของพรหมวิหาร 4
- พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่
เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
อุเบกขา การรู้จักวางเฉย

คำอธิบายพรหมวิหาร 4
1. เมตตา : ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้
และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น

2. กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกาย
ไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

- ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และ
ความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์

- ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์

3. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เช่น เห็นเพื่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครูชมเชยก็เกิดความริษยาจึงแกล้งเอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ เราต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง

4. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 29, 2011 11:47 pm
โดย Warantact
ต้องมองเป็นเรื่องตลก ฮิฮิฮิ

http://www.maoinvestor.com/

ตอนใหม่มาพอดี ขี่jazz

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 30, 2011 7:33 am
โดย koh
Warantact เขียน:ต้องมองเป็นเรื่องตลก ฮิฮิฮิ

http://www.maoinvestor.com/

ตอนใหม่มาพอดี ขี่jazz
ขำดีครับ :B
วีไอไม้สุดท้าย คงไม่มีใครอยากเป็น :twisted:

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 30, 2011 12:49 pm
โดย drsp
เอามาฝากครับ
มีคนพูดถึงคุณหมอสามัญชนในพันทิพ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 97232.html

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 30, 2011 7:07 pm
โดย nut776
รู้อะไรก็ไม่สู้ รู้จักกัน
@คุณtattoo มันก็เปนไปไดัแหละคับ หรือมุนจะบังเอิญ ก็ได้อึกเหมือนกัน
เหนแล้วก็อิจฉาเซียนนะคับ ตัวเลขพอร์ทจะแตะพันกันละ
แต่ตามธรรมชาติผู้ชนะก็ต้องมีน้อยกว่าผู้แพั ผู้ล่าต้องมีน้อยกว่าเหยื่อ

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 02, 2011 11:33 am
โดย picklife
pak เขียน:ผมเคยเขียนตอบไว้ใน Pantip ดังนี้ครับ
v
v
===============================================

“หุ้น” เป็น “คำนาม”
แต่ “ปั่น” เป็นคำ “กิริยา”
ผมกำลังเขียนถึงการปั่นทั่วๆไป เขียนถึงธรรมชาติของมัน มิได้เจาะจงถึงหุ้นตัวใดตัวหนึ่งนะครับ


ขอเปิดตอน ด้วยการสมมุติเหตุการณ์ง่ายๆครับ ว่า...
“ถ้าคุณไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ แล้วเค้าชวนกันเล่นป๊อกเด้ง โดยให้คุณเป็นเจ้ามือ!!!”
ผมอยากถามคุณว่า “คุณอยากให้มีคนเล่นกับคุณซักกี่ขารอบวง?
2 ขา หรือ 3 ขา หรือ ขายิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี?

แน่นอนครับว่า เจ้ามือก็ต้องอยากกินตังค์จาก “คนรอบวง”
ถ้าวงเล็ก หรือมีขาน้อย เจ้ามืออย่างคุณจะไปรวยได้ไง?
ถ้าวงยิ่งใหญ่ หรือขาเยอะซิ คุณคงแอบยิ้มในใจว่า “เสร็จตรูหล่ะ...งานนี้”
โดยเฉพาะ ถ้าเล่นในเกมส์ที่คุณได้เปรียบทุกประตู


หุ้นก็เช่นกัน...
ยิ่งคนเข้ามาเล่นเยอะเท่าไหร่ ก็เหมือนมีขาไพ่มาแจมมากขึ้นเท่านั้น
การจุดพลุ สร้างความหวือหวา จึงเกิดขึ้น!!!

ลำพังแค่กำไรจาก “ราคาเป้าหมาย ลบด้วยราคาปัจจุบัน”...อาจจะน่าพึงพอใจสำหรับพวกเรา
แต่มันไม่หอมหวานพอสำหรับ “เจ้ามือ หรือรายใหญ่”



ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดกฏแต่อย่างใด เพราะการซื้อขายเป็นสิ่งที่ถูกต้องในตลาดเสรีเช่นนี้
ไม่ผิดที่รายใหญ่จะ "ลุยซื้อ"
และก็ไม่ผิดที่เค้าจะ "หยุดซื้อ"
และยิ่งไม่ผิดใหญ่ ถ้าเค้าจะ "ขายทำกำไร" ซักรอบ แล้วพอราคาตกลงไป เค้าก็กลับไปซื้อใหม่อีกรอบ
นั่คือธรรมชาติของ "ตลาดแห่งผลประโยชน์" และ "การเก็งกำไร"
เค้ากำลัง "สร้าง Cycle เล็ก ใน Cycle ใหญ่" อยู่...ก็เท่านั้นเอง


การเคลื่อนไหวของราคา คือ Gap หรือช่องว่าง
และไอ้ช่องว่างที่ว่านี่แหล่ะ คือ เงินทั้งนั้น!!!
เพราะนั่นคือ “กำไรจากคนรอบวง” เพราะเจ้ามือหรือรายใหญ่ เค้าจะเล่นกับคุณตรงที่ “ความโลภ” และ “ความกลัว”
หุ้นสภาพคล่องน้อย รายใหญ่เค้าก็สามารถ Dominate ตลาดได้อยู่แล้วอ่ะนะครับ


ถ้ามองในมุมของ PAE นั้น
คุณเชื่อเหมือนผมไหมว่า...
“รายใหญ่เค้ากำหนดได้ว่า ที่ราคาหนึ่งบาทถ้วน เค้าจะให้ราคาตรงนี้ เป็นแนวต้าน หรือแนวรับก็ย่อมได้!!!”
เพราะ "รอบใหญ่" ของการขึ้นลงราคา มันอยู่ที่ "ผลประกอบการ" เท่านั้น(ซึ่ง 1 ปีจะมีเพียง 4 วันเท่านั้น!!!)
แต่สำหรับ "รอบเล็ก" มันก็คือ "ดราม่า" ที่เค้าสร้างขึ้นมาหลอกล่อเม่าอย่างเรา...มันก็เท่านั้นเอง
...นี่คือสัจธรรม


ผมอยากรู้จริงๆครับว่า...
ถ้าถอด Bid และ Offer จากรายใหญ่ออกให้หมด
จะเหลือของรายย่อยอย่างพวกเรา จุ๋มจิ๋มเพียงไร?


ที่เขียนมาทั้งหมด มิได้เป็นการใส่ร้ายต่อบริษัทฯแต่อย่างใด
แต่อยากให้ข้อคิดดังๆตรงนี้ ว่า...
“อยากให้พวกเราทุกคน มองให้ครบทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องปัจจัยพื้นฐาน
และฝึกฝน ในการเป็น นักลงทุนระยะยาวที่ดี”
ซึ่งผมเองก็กำลังฝึกเป็น “นักลงทุนระยะยาวที่ดีอยู่...เช่นกัน!!!”


นักลงทุนระยะยาว จะมอง Trend ในภาพใหญ่
ดังนั้น ความผันผวนของราคา หรือ Mr.Market จะไม่มีผลต่อเค้าเลย
ชนิดที่เรียกว่า “มีความสุขจัง ตังค์และจำนวนหุ้นอยู่ครบ”


มิใช่เพียง PAE
JAS , STA หรือ PTL ก็น่าจะเข้าข่ายบทความตอนนี้ทั้งหมด
เพราะนี่คือ "ธรรมชาติของตลาดเก็งกำไร"


ผมอยากสรุปว่า...

"การปั่นหุ้น...ก็คือการสร้างความหวือหวา ความน่าสนใจ และสภาคล่องที่ดี เพื่อดึงดูดนักลงทุน
ภาพ Bid ที่เห็น , ภาพ Offer ที่วางขวางดุจขุนเขา และภาพ Volume ที่ซื้อขายกันโครมๆ...ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงภาพลวงตา!!!
คุณคิดว่า...มันจะจริงซักกี่เปอร์เซนต์?

ปลายทางของการสร้างราคา มันจะพาไปสู้จุดที่สูงเกินปัจจัยพื้นฐานมากๆ
แล้วเชือดทิ้ง ปล่อยให้รายย่อยติดดอย
แต่คุณจะไม่หลงกลเค้า ถ้าคุณรู้ว่า "ปัจจัยพื้นฐานของมัน ควรอยู่ที่จุดใด?"
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ง่ายๆเลย

และไม่ใช่เพียงแต่ หุ้น
แม้แต่ "ราคาน้ำมัน ,ราคาทอง และค่าเงิน" ผมเชื่อว่ามันก็ปั่นได้ด้วยกันทั้งนั้น!!!
โซรอส...คอนเฟริม์!!!
เห็นด้วยครับ เขียนชัดเจนดี อิอิ

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 05, 2011 9:33 pm
โดย schwartz_IR
nut776 เขียน:รู้อะไรก็ไม่สู้ รู้จักกัน
@คุณtattoo มันก็เปนไปไดัแหละคับ หรือมุนจะบังเอิญ ก็ได้อึกเหมือนกัน
เหนแล้วก็อิจฉาเซียนนะคับ ตัวเลขพอร์ทจะแตะพันกันละ
แต่ตามธรรมชาติผู้ชนะก็ต้องมีน้อยกว่าผู้แพั ผู้ล่าต้องมีน้อยกว่าเหยื่อ
แต่ก่อนคิดว่า รู้อะไร .......ไม่สู้ รู้วิชา
โตมา ก็ได้รู้ว่า ..........รู้อะไรไม่สู้รู้งี้
หลายปีต่อมา ก็ได้รู้ว่า ..........รู้อะไรไม่สู้รู้จักกัน :mrgreen: จริงแท้แหงแซะ
จะแปลกอะไร หากเหล่าเทพ เขาจะประชุม หา consensus ระหว่างเหล่าเทพ เหมือน consensusของ brokers ทั้งหลาย
ถ้าเคยได้อ่านที่ ท่าน เทพ ทั้งหลายโพสมาอย่างยาวนานตั้งแต่ thaivalueinvestor.com ก่อนจะเปลี่ยนเป็น thaivi.com จนเป็น--> thaivi.org ก็จะรู้ว่าท่านเทพ ได้พิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ประจักษ์ จนประสบความสำเร็จ ณ วันนี้
ทำให้เกิดสาวก และ เหาฉลามมากมาย ถ้าคิดจะตามก็ต้องตามแบบมีกระบวนท่า เพราะที่สุดไม่มีใครบังคับให้เราซื้อนะครับ หุ้นหลายตัวผมเสียดายนะ ที่ไม่ตาม แต่ไม่เสียใจ เพราะ ไม่รู้ ไม่เข้าใจบ้าง บางตัวก็เห็นดีจริงแต่ก็เลยมาไกลกว่าจะไปตาม
ผมว่า โยนิโสมนสิการ คือกระบวนท่าที่ดีที่สุด
ถ้าลองวิชา หาหุ้นเอง แล้วเป็นผล เราก็จะเก่งขึ้นนะครับ
จนอาจได้เป็นเซียนซักวัน
ผมก็อยากเป็นเซียน กะ มีเพื่อน เซียน อย่างท่านเทพบ้างนะ :D :D

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 26, 2011 12:22 pm
โดย leaderinshadow
คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ขอเอากระทู้ของคุณชิณญ์มากฝาก

อยากแชร์ วิธีเล่นหุ้นของผม
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 80685.html
1 การเลือกหุ้นผมจะคิดถึงว่าในอนาคตจะเกิดอะไรบ้าง
โดยวันๆผมจะนั่ง มองไปรอบๆตัว ว่าเกิดอะไรขึ้น
พยายามหาเหตุ ของผล ที่จะตามมาแหง ๆ
เช่น ปีนี้ ตัวเลขผู้ใช้ Smart Phone และ Tablet สูงขึ้นจากปีที่แล้วมากๆ
(เพราะ อุปกรณ์มันถูกลงไปเยอะ และตรงกับ Life Style)
หรือ คนหันมาอยู่เรียบรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
(เพราะคอนโดมันขึ้นเยอะแถวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลจาก Demand ที่เยอะ ซึ่ง เป็นผลของวิถีชีวิตการทำงานใน Office)

ฟังดูอาจเหมือนยาก ที่จะคิดว่า อะไรจะเกิดขึ้นล่วงหน้า
แต่จริงๆมันก็เหมือนกับที่ ทุกคนพอจะเดาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
เช่น เมื่อคืนเรา นอนดึก วันนี้จึงตื่นสาย ซึ่งไปทำงานสายแบบนี้ หัวหน้าคงจะต่อว่า ซึ่ง มันเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ
หรือถ้านักเทคนิคก็ เช่น หุ้นวันนี้ขึ้นแรง พรุ่งนี้จะขึ้นต่อ และต่อไปเรื่อยๆ จนมันไม่ขึ้น ก็จะนิ่ง พอนิ่งแล้วก็จะลง
แล้วก็ลงไปเรื่อยๆ พอลงไปเรื่อยๆ จนไม่ลงก็จะนิ่ง แล้วก็จะเริ่มขึ้น
คือผมว่า มันก็เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยาก

บ่อยครั้ง ที่ผมจะพบกับคนที่บอกว่าหุ้นตัวนั้นดี
ตัวนี้ถูก เพราะ P/E ต่ำ P/B ต่ำ หรือ PEG ต่ำ
สำหรับผมมันไม่ใช่ เหตุผลที่หุ้นจะขึ้น เนื่องจาก P/E ต่ำใครๆก็เห็น
อะไรที่คนอื่นเขายังไม่เห็น แต่เราเห็นได้ สิ่งนั้นก็คืออนาคต
อีกทั้งบางครั้ง ภาพลางๆ คนจะไม่ค่อยเชื่อ กว่าจะเชื่อก็ต้องเห็นชัดๆแล้ว

2 ผมดูว่าหุ้นตัวไหน ได้ประโยชน์
จากเหตุการณ์ 1 และ ดูว่า ยังคุ้มค่าลงทุนหรือไม่
โดยวัดจาก EV/EBITDA เป็นหลัก
ในความคิดผม ผมว่า ตัวเลขนี้สะท้อนความคุ้มค่าแบบ นักธุรกิจ หรือพ่อค้า
เปรียบเหมือนกับ เวลาลงทุนเป็นเงินสด
จะวัดผลตอบแทนก็ต้องวัดเป็นเงินสดที่กลับมา ไม่ใช่ กำไร
ซึ่ง ตรงนี้เป็นข้อแตกต่าง
ที่ทำให้บ่อยครั้งผมเจอหุ้นที่ถูกในสายตาผม และแพงในสายตาคนอื่น
เพราะ P/E >10 เท่าหรือ NA (คือมันขาดทุนทางบัญชี)
แต่EV/EBITDA ต่ำกว่า10เท่า
โดยนโยบายการลงทุนผม ผมคาดหวังกำไร 100% ขึ้นไป ใน 5 ปี ถึงคุ้ม
จึงพยายามหาEV/EBITDA ที่ต่ำกว่า 5 เท่า
เช่น JAS ตอนราคาต่ำๆ มีแต่คนมองว่าเป็นหุ้นเน่า P/E สูง แต่EV/EBITDA เขาอยู่แค่ 4 เท่าเอง
ปรับแต่งทางบัญชี ขั้นตอนต่างๆ หากเราเข้าใจ
จะรู้ได้ทันที ว่าหุ้นจะขึ้นเดือนไหน เพราะเหตุใด
Write off หุ้น TT&T ทำให้กำไรน้อย
ปีต่อมา พอไม่มีเหตุการณ์นี้ ยังไงนสพ.
ก็พาดหัวว่ากำไรโตอยู่แล้ว ทั้งๆที่จริงกำไรมันดีอยู่แล้ว
หากเราหยิบตัวเลข EV/EBITDA มาวัด ไม่ใช่ว่าใช้ P/E วัด

3 หากคิดผิดต้องไม่ขาดทุนในระยะยาว
เนื่องจาก ผมต้องการ Port ที่โตเรื่อยๆ ไม่ใช่ หวือหวา
เช่น เริ่ม 100 ได้ 50% ได้ 150
พอเสีย 50% เหลือ 75 แบบนี้ต้องมานั่งแก้ ให้ได้ 33%
ให้กลับเป็น 100% อีก
แบบนี้ Port ไม่ไปไหนสักที เสียเวลา และโอกาส
โดย ต้องมองว่า เหตุการณ์แย่สุดๆ ต่อกิจการ ที่มีโอกาสเกิดขึ้น เป็นอย่างไร หาก แย่ขนาดนั้น
ผลประกอบการก็ยังคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่เราซื้อ
ซึ่ง กิจการที่ไม่ผันผวนนัก EV/EBITDA ต่ำกว่า 5 เท่า
ก็ช่วยป้องกันความเสี่ยงได้มากแล้ว
แต่หากกิจการผันผวนได้มาก ก็แค่ไม่ลงทุนครับ หาตัวอื่นแทน
นอกจากนี้ ผมจะดูโครงสร้างการเงินว่า
และอื่นๆ ว่ามันเสี่ยงล้มได้ไหม ถ้าเสี่ยง ก็ไม่ยุ่งดีกว่า

หวังว่า พอจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะครับ
พอดีเห็นกระทู้เถียงกันเรื่อง VI กับ VS
หรือถือยาวกับถือสั้น
ผม ก็นั่งคิด เราเป็น VI หรือ VS กันแน่ในนิยามคนอื่น
แต่ผมว่าจริงๆผมก็แค่นักลงทุนที่คิดแบบพ่อค้าครับ
ตอนนี้ port ถึงเป้าหมายที่อยากได้แล้ว อยู่ 9 หลัก
โดยเป็นเงินเริ่มต้นจากเงินเดือนประมาณ 3 แสน
และมาบวกกับเงินลงทุนของที่บ้านภายหลังอีก 2ล้าน
โดยใช้แนวทางนี้ และมีการบริหาร Leverage และ Risk
ใช้ เวลา 8ปีครับ ทำกำไรหุ้นแค่ 3 ตัว
ได้แก่ PSL, ACL, JAS

ปล. 1,2,3 มันเกี่ยวโยงกัน ไม่ได้เป็นลำดับขั้น
บางครั้ง ดู 2 ก่อน ค่อยพิจารณา 1 กับ 3
hilight
ความคิดเห็นที่ 38

ขอเรียนถามคุณชิณญ์นะครับ

ว่าพี่ไปหาหุ้น JAS เจอได้อย่างไร
แล้วอะไรที่เป็นจุด ที่ทำให้พี่มั่นใจ และทุ่มซื้อ JAS หมดพอร์ตครับ
(ทั้งๆที่กิจการเพิ่งจะเห็นแสงสว่าง และอะไรหลายๆอย่างยังไม่เคลียร์เหมือนตอนนี้)

พี่มองเห็นอะไรในตอนนั้น อยากให้พี่ช่วย share หน่อย

ขอบคุณครับ

________________________________
ความคิดเห็นที่ 47

ตอบคุณ shine rise นะครับ

ผมตั้งแต่จบตรีมา ก็ทำงานเป็น Marketing ครับ

(ทำอยู่ 6ปีก่อนลาออกมาพักได้เกือบ 2ปี)

และในงานเราก็ มักจะมีคนมาให้ช่วยประเมินราคาหุ้น

ซึ่งผมไม่เชื่อนักวิเคราะหื เลยนั่งทำเองทุกตัว

(เพราะเราลงเงิน ถ้าเราไม่เข้าใจจริงก็ไม่กล้าลง)

จนวันนึงมีคนมาขอให้ดู jas ซึ่งตอนนั้นกิจการดูไม่มีอะไร แต่กระแสเงินสดดี

(คือ มี 2 กับ 3 แต่ขาด 1) หุ้นมันเลยถูกเรือรัง

แต่เราก็คิดว่าไม่เป็นไร บริหารให้ เรามีหุ้น JAS ให้มากที่สุด

วันที่ราคาไปที่ราคาเหมาะสม เราก็คงใกล้เกษียณ

ลงทุนกับมันไป บริษัทก็พัฒนาไป จนเราเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ

จนรู้ว่า ควรทำอย่างไรต่อ เลยเสนอ คณะกรรมการ

ให้ลด Par จ่ายปันผล ปีนั้น

คณะกรรมการก็ลด par แล้วแถม write off TT&Tด้วย


(แต่คนอื่นกลับมองว่า กำไรอยู่ดีๆ มาขาดทุนซะงั้น

แต่ผมตาจ้องอยู่ที่กระแสเงินสด ไม่สนกำไร เลยเห็นต่าง

และเข้าใจว่ากระบวนการนี้ จะทำให้กำไรจะสม่ำเสมอในอนาคต)

ทำให้ผมยิ่งมั่นใจในกระบวนการทั้งหมดว่ามาถูกทางแล้ว

ผมก็เลยตามดูการเติบโตมาเรื่อยๆ พอ write off รอบ 2 +3BB โต

ผมก็เลย มา post ในนี้ อยากให้เพื่อนๆรวยด้วยกัน (Pantip)


ก็มีท่านสมาชิกผู้นึง ก็ท้วงติงว่า ที่เราประเมินราคาหุ้นจากกระแสเงินมันหยาบไป

ผมก็เห็นว่า ก็จริงนะ เราลงเงินทั้งหมด ก็ควรทำให้ละเอียดไปเลย

คืนนั้น ผมก็นั่งทำถึงเช้า แล้ว เอามา post ใหม่ ที่นี่

แล้วรู้สึกว่าคนไม่ Get กัน เลยไป post TVI ด้วย

เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มี JAS และถือจนท้อแล้ว

เพราะเรารู้ว่าอีกนิดเดียว ภาพมันจะพลิกหมด จากตัวเลขกำไรและปันผล

ประมาณนี้อะไร ที่มาที่ไป ของ ที่ำว่าหาเจอได้ไง ก็ File ที่ไปแปะไว้อะครับ

*************************************

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 26, 2011 2:26 pm
โดย Green
จำได้ว่า เคยตามอ่าน การวิเคราะห์ JAS ของคุณชิณญ์ ตั้งแต่ มันยังราคา 0.4 - 0.5 วิ่งวนอยู่ประมาณนี้ นาน มั๊กๆ ตัวอื่นๆ ก็วิ่งไปเยอะ เข้าใจว่า แกก็ยังมั่นคง กะ JAS ไปเรื่อยๆ ไม่ได้วอกแวก ( เข้าใจว่าตอนนั้น แกน่าจะติดผถห รายใหญ่ด้วยนะนั้น Correct me if I'm wrong )

อย่างนี้ เค้าเรียกว่า เซียน ที่เหนือ เซียน ครับ ( เพราะเข้าก่อนเซียน )

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 26, 2011 10:03 pm
โดย wj
ผมคิดว่า jas คงไม่มีใครตั้งใจไปปั่นหุ้นหรอกครับ เชื่อเช่นนั้น
เพียงแต่ใครถือ jas มากๆ ก็ต้องคิดว่ามันดีแล้วก็ต้องพูดในสิ่งดีๆ
มันขึ้นอยู่กับอนาคตว่ากำไรและสมมติฐานต่าง มันถูกต้องหรือเปล่า
หรือแค่ ถูกต้อง 2 ปีข้างหน้าเท่านั้น อันนี้เรียกว่า โชค เพราะ
ราคาหุ้น jas ตอนนี้ 3.4 ไม่ถือว่าถูก ณ เวลานี้ ถ้ามันจะถูกก็ต้องเมื่ออนาคตมันดีตามที่คาดไว้หรือมากกว่าคาดคนซื้อราคานี้ถึงจะได้กำไรงาม

ผมเคยมีมันไว้นิดหน่อย แต่ผมก็ไม่เคยมองในมุมบวกในการโพส์ต เพราะเป็นเทคนิคในการถาม ถ้ามีใครตอบได้ดีผมถือว่าผ่าน ถือหุ้นต่อไป เพราะถามตรงๆคนไม่สนใจตอบ ต้องให้มุมมองแบบลบๆ
year 2007 2008 2009 2010
Revenues 4,331.1 5,350.6 8,370.9 9,625.9
EBT,ลบรายการพิเศษ 351.4 1,016.9 1,110.7 1,390.3
Depre& Amortization 446.7 428.8 665.1 1,012.3
NET INCOME -41.4 -1,244.9 203.5 663.3
Capex -436.3 -1,276.5 -1,812.6 -2,499.0
คนสนใจตรงนี้ เลยทำให้เห็นอนาคตบวก แต่วันนี้หุ้นซื้อขายกันสูงมาก market cap เกินกว่า 23พันล้านบาท

การทำนายกำไรหรือทางบวกหลังจากที่ถือหุ้นเป็นที่น่าพอใจ อาจจะดูไม่งามแค่นั้นเอง เพราะมันแสดงถึงเจตนาที่อาจจะไม่บริสุทธิ์ ถ้าจะให้งามคือนั่งดูและพูดแค่ข้อเท็จจริง แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์ในการลงคงความเห็นอันนี้ต้องพิจารณาเอง

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 03, 2013 8:52 am
โดย shooter
densin เขียน:นึกออกละ ผมเคยอ่านหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่ง เรื่องของวงการหุ้นไทยนี่แหละ
เขียนถึงเซียนยุคก่อนให้สัมภาษณ์ว่าแกสั่งซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งในห้องค้า
แล้วสมัยนั้นจะได้ใบสั่งหุ้นมา แกก็ขยำๆทิ้งลงถังขยะโดยจงใจให้คนเห็น แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
คนก็อุตส่าเก็บใบสั่งหุ้นมาดูว่าแกซื้ออะไร แล้วข่าวลืออก็กระจายไปทั่วเรื่องหุ้นตัวนั้น
ทำให้ราคาพุ่งอย่างรวดเร็ว
โดยไม่รู็ว่าตอนแกเข้าห้องน้ำ ได้โทรหามาร์คให้ทะยอยขายหุ้นตัวนั้นจำนวนมากจนหมดพอร์ทแก
หนังสือเก่ามากเจอในห้องสมุดมารวย ไม่รู้จะโดนเผาไปหรือยัง

เชิงการสร้างราคาหุ้น มันมีหลายวิธี ไม่ใช่แค่โยนหุ้นไปมา
สมัยนั้นคงยังไม่เล่นกันเป็นขบวนการ คนเดียวกับถังขยะก็ปั่นได้ :o
ห้องสมุดมารวยยังมีหนังสืออยู่ครับ
http://www.maruey.com/advanced_search.html?t1=ร้อยเล่ห์

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 13, 2013 12:55 pm
โดย untrataro25
แวะมาอ่าน ขอบคุณทุกท่านครับ :P

Re: หุ้นปั่น กับ หุ้น undervalue

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 14, 2013 1:47 pm
โดย kamol8888
leaderinshadow เขียน:คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ขอเอากระทู้ของคุณชิณญ์มากฝาก

อยากแชร์ วิธีเล่นหุ้นของผม
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 80685.html
1 การเลือกหุ้นผมจะคิดถึงว่าในอนาคตจะเกิดอะไรบ้าง
โดยวันๆผมจะนั่ง มองไปรอบๆตัว ว่าเกิดอะไรขึ้น
พยายามหาเหตุ ของผล ที่จะตามมาแหง ๆ
เช่น ปีนี้ ตัวเลขผู้ใช้ Smart Phone และ Tablet สูงขึ้นจากปีที่แล้วมากๆ
(เพราะ อุปกรณ์มันถูกลงไปเยอะ และตรงกับ Life Style)
หรือ คนหันมาอยู่เรียบรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
(เพราะคอนโดมันขึ้นเยอะแถวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลจาก Demand ที่เยอะ ซึ่ง เป็นผลของวิถีชีวิตการทำงานใน Office)

ฟังดูอาจเหมือนยาก ที่จะคิดว่า อะไรจะเกิดขึ้นล่วงหน้า
แต่จริงๆมันก็เหมือนกับที่ ทุกคนพอจะเดาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
เช่น เมื่อคืนเรา นอนดึก วันนี้จึงตื่นสาย ซึ่งไปทำงานสายแบบนี้ หัวหน้าคงจะต่อว่า ซึ่ง มันเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ
หรือถ้านักเทคนิคก็ เช่น หุ้นวันนี้ขึ้นแรง พรุ่งนี้จะขึ้นต่อ และต่อไปเรื่อยๆ จนมันไม่ขึ้น ก็จะนิ่ง พอนิ่งแล้วก็จะลง
แล้วก็ลงไปเรื่อยๆ พอลงไปเรื่อยๆ จนไม่ลงก็จะนิ่ง แล้วก็จะเริ่มขึ้น
คือผมว่า มันก็เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยาก

บ่อยครั้ง ที่ผมจะพบกับคนที่บอกว่าหุ้นตัวนั้นดี
ตัวนี้ถูก เพราะ P/E ต่ำ P/B ต่ำ หรือ PEG ต่ำ
สำหรับผมมันไม่ใช่ เหตุผลที่หุ้นจะขึ้น เนื่องจาก P/E ต่ำใครๆก็เห็น
อะไรที่คนอื่นเขายังไม่เห็น แต่เราเห็นได้ สิ่งนั้นก็คืออนาคต
อีกทั้งบางครั้ง ภาพลางๆ คนจะไม่ค่อยเชื่อ กว่าจะเชื่อก็ต้องเห็นชัดๆแล้ว

2 ผมดูว่าหุ้นตัวไหน ได้ประโยชน์
จากเหตุการณ์ 1 และ ดูว่า ยังคุ้มค่าลงทุนหรือไม่
โดยวัดจาก EV/EBITDA เป็นหลัก
ในความคิดผม ผมว่า ตัวเลขนี้สะท้อนความคุ้มค่าแบบ นักธุรกิจ หรือพ่อค้า
เปรียบเหมือนกับ เวลาลงทุนเป็นเงินสด
จะวัดผลตอบแทนก็ต้องวัดเป็นเงินสดที่กลับมา ไม่ใช่ กำไร
ซึ่ง ตรงนี้เป็นข้อแตกต่าง
ที่ทำให้บ่อยครั้งผมเจอหุ้นที่ถูกในสายตาผม และแพงในสายตาคนอื่น
เพราะ P/E >10 เท่าหรือ NA (คือมันขาดทุนทางบัญชี)
แต่EV/EBITDA ต่ำกว่า10เท่า
โดยนโยบายการลงทุนผม ผมคาดหวังกำไร 100% ขึ้นไป ใน 5 ปี ถึงคุ้ม
จึงพยายามหาEV/EBITDA ที่ต่ำกว่า 5 เท่า
เช่น JAS ตอนราคาต่ำๆ มีแต่คนมองว่าเป็นหุ้นเน่า P/E สูง แต่EV/EBITDA เขาอยู่แค่ 4 เท่าเอง
ปรับแต่งทางบัญชี ขั้นตอนต่างๆ หากเราเข้าใจ
จะรู้ได้ทันที ว่าหุ้นจะขึ้นเดือนไหน เพราะเหตุใด
Write off หุ้น TT&T ทำให้กำไรน้อย
ปีต่อมา พอไม่มีเหตุการณ์นี้ ยังไงนสพ.
ก็พาดหัวว่ากำไรโตอยู่แล้ว ทั้งๆที่จริงกำไรมันดีอยู่แล้ว
หากเราหยิบตัวเลข EV/EBITDA มาวัด ไม่ใช่ว่าใช้ P/E วัด

3 หากคิดผิดต้องไม่ขาดทุนในระยะยาว
เนื่องจาก ผมต้องการ Port ที่โตเรื่อยๆ ไม่ใช่ หวือหวา
เช่น เริ่ม 100 ได้ 50% ได้ 150
พอเสีย 50% เหลือ 75 แบบนี้ต้องมานั่งแก้ ให้ได้ 33%
ให้กลับเป็น 100% อีก
แบบนี้ Port ไม่ไปไหนสักที เสียเวลา และโอกาส
โดย ต้องมองว่า เหตุการณ์แย่สุดๆ ต่อกิจการ ที่มีโอกาสเกิดขึ้น เป็นอย่างไร หาก แย่ขนาดนั้น
ผลประกอบการก็ยังคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาที่เราซื้อ
ซึ่ง กิจการที่ไม่ผันผวนนัก EV/EBITDA ต่ำกว่า 5 เท่า
ก็ช่วยป้องกันความเสี่ยงได้มากแล้ว
แต่หากกิจการผันผวนได้มาก ก็แค่ไม่ลงทุนครับ หาตัวอื่นแทน
นอกจากนี้ ผมจะดูโครงสร้างการเงินว่า
และอื่นๆ ว่ามันเสี่ยงล้มได้ไหม ถ้าเสี่ยง ก็ไม่ยุ่งดีกว่า

หวังว่า พอจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะครับ
พอดีเห็นกระทู้เถียงกันเรื่อง VI กับ VS
หรือถือยาวกับถือสั้น
ผม ก็นั่งคิด เราเป็น VI หรือ VS กันแน่ในนิยามคนอื่น
แต่ผมว่าจริงๆผมก็แค่นักลงทุนที่คิดแบบพ่อค้าครับ
ตอนนี้ port ถึงเป้าหมายที่อยากได้แล้ว อยู่ 9 หลัก
โดยเป็นเงินเริ่มต้นจากเงินเดือนประมาณ 3 แสน
และมาบวกกับเงินลงทุนของที่บ้านภายหลังอีก 2ล้าน
โดยใช้แนวทางนี้ และมีการบริหาร Leverage และ Risk
ใช้ เวลา 8ปีครับ ทำกำไรหุ้นแค่ 3 ตัว
ได้แก่ PSL, ACL, JAS

ปล. 1,2,3 มันเกี่ยวโยงกัน ไม่ได้เป็นลำดับขั้น
บางครั้ง ดู 2 ก่อน ค่อยพิจารณา 1 กับ 3
hilight
ความคิดเห็นที่ 38

ขอเรียนถามคุณชิณญ์นะครับ

ว่าพี่ไปหาหุ้น JAS เจอได้อย่างไร
แล้วอะไรที่เป็นจุด ที่ทำให้พี่มั่นใจ และทุ่มซื้อ JAS หมดพอร์ตครับ
(ทั้งๆที่กิจการเพิ่งจะเห็นแสงสว่าง และอะไรหลายๆอย่างยังไม่เคลียร์เหมือนตอนนี้)

พี่มองเห็นอะไรในตอนนั้น อยากให้พี่ช่วย share หน่อย

ขอบคุณครับ

________________________________
ความคิดเห็นที่ 47

ตอบคุณ shine rise นะครับ

ผมตั้งแต่จบตรีมา ก็ทำงานเป็น Marketing ครับ

(ทำอยู่ 6ปีก่อนลาออกมาพักได้เกือบ 2ปี)

และในงานเราก็ มักจะมีคนมาให้ช่วยประเมินราคาหุ้น

ซึ่งผมไม่เชื่อนักวิเคราะหื เลยนั่งทำเองทุกตัว

(เพราะเราลงเงิน ถ้าเราไม่เข้าใจจริงก็ไม่กล้าลง)

จนวันนึงมีคนมาขอให้ดู jas ซึ่งตอนนั้นกิจการดูไม่มีอะไร แต่กระแสเงินสดดี

(คือ มี 2 กับ 3 แต่ขาด 1) หุ้นมันเลยถูกเรือรัง

แต่เราก็คิดว่าไม่เป็นไร บริหารให้ เรามีหุ้น JAS ให้มากที่สุด

วันที่ราคาไปที่ราคาเหมาะสม เราก็คงใกล้เกษียณ

ลงทุนกับมันไป บริษัทก็พัฒนาไป จนเราเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ

จนรู้ว่า ควรทำอย่างไรต่อ เลยเสนอ คณะกรรมการ

ให้ลด Par จ่ายปันผล ปีนั้น

คณะกรรมการก็ลด par แล้วแถม write off TT&Tด้วย


(แต่คนอื่นกลับมองว่า กำไรอยู่ดีๆ มาขาดทุนซะงั้น

แต่ผมตาจ้องอยู่ที่กระแสเงินสด ไม่สนกำไร เลยเห็นต่าง

และเข้าใจว่ากระบวนการนี้ จะทำให้กำไรจะสม่ำเสมอในอนาคต)

ทำให้ผมยิ่งมั่นใจในกระบวนการทั้งหมดว่ามาถูกทางแล้ว

ผมก็เลยตามดูการเติบโตมาเรื่อยๆ พอ write off รอบ 2 +3BB โต

ผมก็เลย มา post ในนี้ อยากให้เพื่อนๆรวยด้วยกัน (Pantip)


ก็มีท่านสมาชิกผู้นึง ก็ท้วงติงว่า ที่เราประเมินราคาหุ้นจากกระแสเงินมันหยาบไป

ผมก็เห็นว่า ก็จริงนะ เราลงเงินทั้งหมด ก็ควรทำให้ละเอียดไปเลย

คืนนั้น ผมก็นั่งทำถึงเช้า แล้ว เอามา post ใหม่ ที่นี่

แล้วรู้สึกว่าคนไม่ Get กัน เลยไป post TVI ด้วย

เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มี JAS และถือจนท้อแล้ว

เพราะเรารู้ว่าอีกนิดเดียว ภาพมันจะพลิกหมด จากตัวเลขกำไรและปันผล

ประมาณนี้อะไร ที่มาที่ไป ของ ที่ำว่าหาเจอได้ไง ก็ File ที่ไปแปะไว้อะครับ

*************************************
ขอบคุณในความรู้ที่แบ่งปันให้ครับ