Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

หุ้นตกย่อมมีสาเหตุ ไม่มีสาเหตุหุ้นไม่ตก
อย่างถ้ามีคนขายหุ้นเยอะๆ เพื่อเอาไปรักษาเมียน้อย ก็คงเป็นสาเหตุที่เราไม่สามารถค้นพบได้

ถ้าตกแบบที่เจ้าของกระทู้ว่า แค่ 2-3% นี่ไม่รู้สึึกอะไรเลยครับ มันน้อยมากจนแทบไม่มีผลอะไรอ่ะครับ จะเิริ่มรู้สึกก็ต้องลงซัก 10%

แต่ถ้าลงมากจริงๆคงต้องดูว่าเราพลาดอะไร หรือไม่ได้มองอะไรมั้ย(คือมองหาสาเหตุก่อนว่าไม่มีสาเหตุจริงๆรึเปล่า)

ถ้าทุกอย่างเหมือนเดิมก็ซื้อเพิ่มครับ หุ้นที่เคยลงมากๆแล้วซื้อเพิ่มก็คงเป็นตอนซับไพร์มที่ผ่านมาแหละครับ อย่าง LPN ซื้อไว้ห้าบาท ลงไปสองบาทกว่าๆก็ซื้ออีก

ถ้าหุ้นตัวนั้นพื้นฐานยังดีอยู่และไม่มีสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้พื้นฐานเปลี่ยน
ก็ซื้อเพิ่มค่ะ พร้อมกับบอกตัวเองว่า 555 รวยแล้วเราคราวนี้

คุณจขกท.... ผมถามกลับ ............ รู้สึกยังไงครับถ้าหุ้นขึ้นไม่มีสาเหตุ........ ลองคิดดูมันแปลว่าอะไร?

densin เขียน:หุ้นตกย่อมมีสาเหตุ ไม่มีสาเหตุหุ้นไม่ตก
อย่างถ้ามีคนขายหุ้นเยอะๆ เพื่อเอาไปรักษาเมียน้อย ก็คงเป็นสาเหตุที่เราไม่สามารถค้นพบได้

พี่ densin ประสบการณ์ตรงใช่ไม๊ครับ ......... เจอตัวแล้ว ...

My experience likes K. Picatos kab.

I just bought the same of my stock more when i quite sure price will be up a lot.

I bought more with higher price than 1st bought about 90%.

I know that i do not have enough ability 2 guess when the price will be up or down.If i know, I still really dont know when will be the lowest price for me to buy more.

This is the reason why I've never sold this stock even 1 stock.

Be with your strong point.

ถ้ามีเงิน จะรู้สึกดี
ถ้าไม่มีเงิน จะรู้สึกเซ็ง

แต่อย่างว่า เป็น VI ซื้อหุ้นกินปันผล
มีเงินทีไร ก็อยู่ได้ไม่นานซักที มือไวเอาไปซื้อหุ้นหมด
ถ้าจังหวะดี ๆ หุ้นที่ถืออยู่ตกมาแบบไม่ทราบสาเหตุ พอดีกับมีเงินเข้ามาให้ซื้อ
ก็จะรู้สึกดีมาก ๆ ครับ

แม้อาจจะไม่ตรงกับหัวข้อกระทู้นัก
แต่ผมมองว่า...

"วันนี้ผู้ถือหุ้น BWG ซึ่งเป็นเพื่อนนักลงทุนของเราเอง เจอบททดสอบหรือยาแรง และต้องการกำลังใจอย่างมากครับ!!!"

ไม่ได้บอกว่าหุ้นดี หรือไม่ดี
เพียงแต่ มีบางแง่มุมที่ใกล้เคียงกับกระทู้นี้จริงๆครับ

ถ้าเป็น VI จริงต้องรู้ถึงสาเหตุที่หุ้นราคาลดลง ...

ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน เช่น ผลประกอบการขาดทุน,การเพิ่มทุน, ฯลฯ
ก็ถือต่อครับ หรือไม่ก็ซื้อเพิ่มเข้าไปอีก

ยึดในหลักการ ซื้อเมื่อ under value ขายเมื่อ Over value ถ้าไม่รู้ อยู่เฉย ๆ

pak เขียน:
"ราคาหุ้น...ไม่มีวันนิ่งได้
สิ่งที่เราทำได้คือ...ทำหัวใจของเราเองให้นิ่งแทน"

สุดยอดมากครับพี่

ส่วนมาก... เวลาหุ้นขึ้น คนมักจะเอามาโม้กัน
วันนี้หุ้นลง ผมก็ขอโม้(แบบลงๆ)บ้างละกันนะขอรับ คงแปลกๆดีอยู่เหมือนกัน

เรื่องของเรื่องคือ ผมมีหุ้นในพอร์ต 3 ตัว(ในสัดส่วนที่ลดหลั่นกันไป)
แต่วันนี้หุ้นทั้ง 3 ตัวของผม อยู่ในโผหุ้นที่มีราคาลดลงมากที่สุด 20 อันดับทั้ง 3 ตัว 555+


^
^
หุ้นขึ้น "มีเสียงหัวเราะ" และคำชื่นชม
เมื่อหุ้นลง เราก็ต้องสามารถ "มีรอยยิ้ม" ได้เช่นกัน ^ ^

ถ้าเราใส่ความรู้สึกที่มากกว่า "นักเก็งกำไร" หรือ "นักลงทุนทั่วไป"
นั่นคือ เราใส่สิ่งที่เรียกว่า "ความเป็นเจ้าของ" เข้าไป
ลองนึกดูซิครับว่า...
ในวันที่หุ้นตกเทกระจาด เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆเค้าเคยตกใจไหม?
กี่ปีมาแล้ว ที่เค้าถือหุ้นในสัดส่วนของเค้าอย่างสงบ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

และด้วยความเป็นเจ้าของนี่เอง...
จะทำให้คุณใส่ใจ "จำนวนหุ้น" และ "ผลประกอบการ" มากกว่าเพียง "ราคาบนกระดาน"!!!

คนเรารักกันได้ยาวเพราะความเข้าใจ
การถือหุ้น...ก็คงไม่แตกต่างกัน
มันขึ้นอยู่กับว่า เราเข้าใจบริษัทฯของเรา มากน้อยแค่ไหน?
นี่ความคิดผมนะ ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ครับ
(^_^)

อยู่ที่ซื้อราคาเท่าไหร่ ธุรกิจดี เติบโตดี งบดุลสวย มี Margin of Safety เยอะ ก็ไม่ต้องกลัว แต่ถ้าไปซื้อตอน หุ้นเทรด P/E > 20 , P/B > 3 ไปซื้อหลังหุ้นขึ้นมาแล้ว >30% แต่ฝันว่าจะไปอีก 100% ถ้่าหุ้นลง 5% ไม่เป็นไร แต่ถ้าลง >10%-15% ต้องเริ่มระวัง หาข้อมูลมากขึ้น เพราะ ...

จุดที่น่ากลัวสุดสำหรับการลงทุนในไทย คือ นักลงทุนทั่วไป ไม่มีทางรู้ข้อมูลมากกว่า คนภายใน ต่างประเทศ คนภายในห้ามเทรด จับได้เข้าคุก แต่ประเทศไทย คนภายในตัวเทรดเลย แ่ต่ใช้ตัวแทน ใครก็รู้ แต่ไม่มีหลักฐาน เหมือนการคอร์รับชั่น รู้กัน แต่ไม่มีหลักฐา่น ใบสั่ง

สรุป คือ เวลาบริษัททำธุรกิจ เค้าไม่ได้แทรคผลงานแค่รายไตรมาสหรือรายเดือน แต่เค้าแทรคกัน รายสัปดาห์เลย เพราะงั้น ยังไง คนภายในก็รู้ข้อมูลก่อน อยู่ที่จะเล่น story แบบใด และ นักลงทุนเข้าลงทุนตอนไหนด้วย

pak เขียน:ส่วนตัวผมมักจะคิดในใจว่า...

"ความทุกข์...คือความสุขที่ยังเดินทางมาไม่ถึง ฉันใด
สีแดง(หรือหุ้นตก)...ก็คือสีเขียวที่ยังเดินทางมาไม่ถึง ฉันนั้น"

อย่าให้ "สีและความรู้สึก" มาหลอกลวงเรา หรือทำให้จิตใจต้องหวั่นไหว
ผู้ประสบความสำเร็จทุกคน..ย่อมถูกทดสอบ

"ราคาหุ้น...ไม่มีวันนิ่งได้
สิ่งที่เราทำได้คือ...ทำหัวใจของเราเองให้นิ่งแทน"

ผมจะพยายามคิดประมาณนี้ครับผม
(^_^)

ชอบครับ เขียนได้ดี แหลมคมมากครับ