Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

-__- 5% มั้งจำไม่ค่อยได้ เรียกว่าแทบไม่ได้สนใจเลย
ผมฝึกวิชาบนเขาที่อเมริกา อ่านintelligent investor ที่นั่นจึงกลับมาเริ่มลงทุน

เน้นการลงทุนแบบเกรแฮมโบราณ เอาpbต่ำ d/eต่ำเข้าข่มและกระจายกันไปหลายตัว
การขาดทุนรุนแรงของพอร์ตจึงไม่เกิดขึ้น วิธีเอาตัวรอดก็

มันไม่ได้เป็นไรนี่หว่า จะไปเอาตัวรอดทำไม!
ราคาตลาดกับพื้นฐาน บ่อยๆมันก็ไม่ใช่ของอย่างเดียวกันอยู่แล้ว ยิ่งถูกยิ่งดี
ตอนนี้ก็ยังถือเต็มร้อย

ลงหนักๆก็มาจิ้นได้ ไม่กลัว ถ้ามันลงไปเป็น 0 ผมจะเทคบริษัทมันซะเลย 55555
ตอนนี้หวังเป็นอย่างยิ่งให้ตลาดถล่มครับ ถึงจะใส่ตังเข้าไปหมดแล้วก็เหอะ

ไม่งั้นมันยังดู ไม่ครบวงจร ประสบการณ์

ลบ ประมาณ 50% ครับ ช่วง subprime ตอนนั้นที่ถืออยู่ก็ SVI หลักๆ 60-70% port มั้งครับตอนนั้น ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าเอาตัวรอดอย่างไรเพราะ ราคาตอนแรกตอนนั้นแถวๆ 1.4 ก็ถือว่าถูกมากแล้ว พอลงไปเหลือ ต่ำสุดน่าจะที่ 0.77 ก็ไม่มีตังซื้ออีก เพราะปรกติลง 100% ตลอด (ไม่เคยใช้ margin) พอช่วงต้นปีได้ Bonus มาก็มีแต่ซื้อเพิ่มเท่านั้นครับ แต่การลดลงของราคาก็ไม่ได้นานประกอบกับช่วงนั้นคุณ โพธิ์ เข้ามา Take พอดี เลยกลับมาได้อย่างรวดเร็วหนะครับ

วิเคราะห์ดีแล้ว ฐานะการเงินแข็งแกร่งกลับมาได้ไม่ยากครับ ถ้าพวกไม่มีพื้นฐานคงไม่ลงเยอะและก็จะไม่ส่งผลกระทบกับ port เยอะด้วยเหมือนกันครับ

สติ สติ สติ
แล้ว มัน ก็ จะ ผ่าน พ้น ไป อีก ครั้ง

4-5ปีก่อน โดนแทบหมดตัว ตอนนั้นพอร์ท 6 หลัก
แดงเข้ม ขาดทุนหนัก ซื้อ-ขายบ่อยมาก ยิ่งขาดทุนๆๆ

คราวนี้ ขนาดตลาดลบหนักติดๆกัน 4-5 วันทำการ
พอร์ทก็ยังเขียวอยู่ครับ

รายตัวที่หนัก ก็เมื่อประมาณ 7 ปีก่อน

เคยซื้อ SCB-W1 เล่นเก็งกำไร
ซื้อ 5 ขาย 8
ซื้อ 7 ขาย 10 (กำไรตลอด ชักได้ใจ)

ทีนี้พอลงจาก 10 มา 8 เราก็ซื้อ.......
มันลงไป 2 บาท
โชคดีเด้งมา 4 บาท ยอดตัดใจขาย (ที่สำคัญ มันใกล้หมดอายุ)
เข็ดครับ แต่ไม่หราบจำ
ยังอาศัยลูกมั่วต่อไป

ต่อมาไป ซื้อ TTA ที่ 60 บาท เพราะอ่านบทวิเคราะห์ว่า Fair price 80 บาท หุ้นดี PE ต่ำ ปันผลสูง
ไอ้เราสมัยนั้นก็ยังใสซื้อ อ่านแล้วเคลิ้ม
แต่พอราคาไป 20
หายเคลิ้มเลย แล้วเปลี่ยนมาเป็นสติแตกแทน แว๊กๆๆๆๆ

เอาตัวรอดอย่างไร
1. บางตัวหนีตายทัน
2. ถ้าหนีไม่ทัน ยังดีที่มีการกระจายความเสี่ยง
ผ่านไป 2 ปี พอร์ตติดลบไป 70%



คิดอย่างไรกับเหตุการณ์นั้น ?

ไม่มีวันนั้น ผมก็คงไม่มีวันนี้
ไม่รู้จักคำว่าพลาด ก็จะไม่รู้จักคำว่า วิธีเอาตัวรอด
ไม่รู้จักความล้มเหลว ก็ไม่มีทางรู้ค่าของความสำเร็จ

อย่าโทษคนอื่น แต่ให้กลับมาทบทวนตัวเอง
พลาดเพราะอะไร ถามตัวเอง ตอบตัวเองให้ได้ แล้วเรียนรู้จากมัน

ถ้ามัวแต่โทษคนอื่น เราก็มีแต่จะจมปลัก จมปลักกับความล้มเหลวนั้น
เราก็จะเดินตามรอยเดิม เดิมไปตามเส้นทางแห่งความล้มเหลว
ความเหลวจะกลายมาเป็นเพื่อนเรา และอยู่คู่กับเรา
และจะอยู่คู่อยู่กับ ตราบใดที่เราไม่ยอมสลัดมันออกไป

leaderinshadow เขียน:รายตัวที่หนัก ก็เมื่อประมาณ 7 ปีก่อน

เคยซื้อ SCB-W1 เล่นเก็งกำไร
ซื้อ 5 ขาย 8
ซื้อ 7 ขาย 10 (กำไรตลอด ชักได้ใจ)

ทีนี้พอลงจาก 10 มา 8 เราก็ซื้อ.......
มันลงไป 2 บาท
โชคดีเด้งมา 4 บาท ยอดตัดใจขาย (ที่สำคัญ มันใกล้หมดอายุ)
เข็ดครับ แต่ไม่หราบจำ
ยังอาศัยลูกมั่วต่อไป

ต่อมาไป ซื้อ TTA ที่ 60 บาท เพราะอ่านบทวิเคราะห์ว่า Fair price 80 บาท หุ้นดี PE ต่ำ ปันผลสูง
ไอ้เราสมัยนั้นก็ยังใสซื้อ อ่านแล้วเคลิ้ม
แต่พอราคาไป 20
หายเคลิ้มเลย แล้วเปลี่ยนมาเป็นสติแตกแทน แว๊กๆๆๆๆ

เอาตัวรอดอย่างไร
1. บางตัวหนีตายทัน
2. ถ้าหนีไม่ทัน ยังดีที่มีการกระจายความเสี่ยง
ผ่านไป 2 ปี พอร์ตติดลบไป 70%



คิดอย่างไรกับเหตุการณ์นั้น ?

ไม่มีวันนั้น ผมก็คงไม่มีวันนี้
ไม่รู้จักคำว่าพลาด ก็จะไม่รู้จักคำว่า วิธีเอาตัวรอด
ไม่รู้จักความล้มเหลว ก็ไม่มีทางรู้ค่าของความสำเร็จ

อย่าโทษคนอื่น แต่ให้กลับมาทบทวนตัวเอง
พลาดเพราะอะไร ถามตัวเอง ตอบตัวเองให้ได้ แล้วเรียนรู้จากมัน

ถ้ามัวแต่โทษคนอื่น เราก็มีแต่จะจมปลัก จมปลักกับความล้มเหลวนั้น
เราก็จะเดินตามรอยเดิม เดิมไปตามเส้นทางแห่งความล้มเหลว
ความเหลวจะกลายมาเป็นเพื่อนเรา และอยู่คู่กับเรา
และจะอยู่คู่อยู่กับ ตราบใดที่เราไม่ยอมสลัดมันออกไป

+1

Tigerwood คงไม่ได้แชมป์ทุกถ้วยหล่ะน่า แต่อย่างน้อยเค้าก้ชนะมากกว่าแพ้

แพ้ศึกชนะสงคราม

Total port nearly -40% and stock nearly -70% when subprime by now total port +38% and the stock that lose nearly -70% is 150%.

I am stay calm and stay invest, when I have saving from each month and invest in the same stock. Year 2008 when I bought stock, tomorrow price lower than the day before but I still bought it. When I first bought I will wait until the price drop morethan 10% I bought again. That time I still had many thing to learn, there is one advise do not buy to average during downturn but I still confident in my process so I buy on the way down

By today I still have manything to learn, I am still fool morethan last 2 years

ติดลบประมาณ 50% ตอน Subprime ขายล้างพอร์ทตอน 500 กว่าจุด และตั้งใจอย่างมุ่งมั่นว่าจะเข้ามาอีกครั้งตอนตัวเองพร้อมซึ่งหมายถึงพอมีความรู้ และมาเริ่มลงทุนใหม่อีกครั้งตอน 600 กว่าจุด แต่ความรู้ตอนนี้ก็ไม่ได้แตกฉานเหมือนพี่ ๆ น้อง ๆ ในเวป พอร์ทตอนนี้ยัง OK อยู่ ขอให้กำลังใจ และขยันหมั่นหาความรู้ใส่ตัว

ติดลบหรือครับ
40% จากเงินทุน
จากนั้นก็กระบี่อิงฟ้า(คัท)
แล้วเริ่มต้นใหม่ เพราะ ถ้ามองแล้วแก้ไขปัญหานั้นยากก็จงล้มกระดานตั้งใหม่ซัก
แค่นั้นเอง ทุกคนที่ไม่กล้าทำคือ เผชิญหน้ากับความเป็นจริงแล้วรับปัญหานั้นไว้ว่าคืออะไร
ไม่ค่อยมีใครบอกพูดถึงด้านไม่ดีและวิธีในการเผชิญปัญหาและจัดการปัญหา
แต่คนเราชอบที่พูดถึงเรื่องดีๆ เห็นภาพสวยหรูไว้ก่อน แต่จริงๆ ยากลำบาก

เหมือนเพลงของ อาคานิมี แฟนตาเชีย

เคยลบไป 30 กว่าเปอร์เซนต์ แต่เป็นเงินจำนวนมาก
เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะคัทลอส แต่คราวนี้ไม่ไหวจริงๆ
มองไม่เห็นอนาคต ต้องตัดใจเฉือนเนื้อร้ายออก

เป็นประสบการณ์ที่เจ็บจนต้องจำไปอีกนานกับ...RCL

-30%+ เหมือนกันช่วง subprime เล่นเอาใจคอไม่ดีเพราะพึ่งเริ่มลงทุนมาได้แค่ปีกว่าๆ ขนาดอ่านหนังสือปรมาจารย์ทั้งหลายแล้วก็ยังไม่เชื่อ 100% เนื่องจากยังขาดประสบการณ์ แต่ก็ไม่ได้ขายหุ้นหรือ cut loss ซื้อเฉลี่ยเพิ่มตลอด จนสุดท้ายแล้วมันก็ฟื้นให้ขายหมูไปหลายเล้า นึกถึงตอน subprime แล้วยังเสียดาย น่าเขกกะโหลกตัวเองจริงๆ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นถูกความกลัวครอบงำ เลยไม่ได้ตีแตกตามหนังสืออาจารย์ดร. นิเวศน์เลย

ลบไป 50% ไม่ได้ทำอะไรซื้อเพิ่มผ่านไปสองปี ได้กำไรจนได้

เคยลบถึง 60% ตอน subprime แต่ก็ไม่ได้ cut loss ในเมื่อบริษัทที่ถือไม่ได้ล้มหายตายจากเหมือน Leman Brothers
เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติ พอร์ทก็กลับมาเองเหมือนดัชนีที่ทำ new high

RCL รออีก สองปี อาจจะเห็นอะไรดีๆ
แต่ตอนนี้ เหวไม่มีก้นครับ ฟันธง !!
---------------------------------------------------------
ผมมาแปลกหน่อย
ขาดทุนมากสุดกับ Future ไป 50% ของเงินลงทุน

ทำให้ได้บทเรียนว่า future ต่างกับหุ้นมากทั้งอารมณ์ตอนถือ ตอนซื้อ ตอนขาย
เล่นเอาเครียดไปทุกช่วงที่เราครองสถานะ

กำไรที่ทำมากับหุ้นทั้งปี เกือบหายไปกับ future เพียง 1 สัปดาห์

ผลสุดท้ายก็ตัดขาดทุนออกมา ออกมา .. ตั้งสติ ไม่ให้ความโลภบังตา
ต่อให้ได้กำไร ก็ไม่คุ้มจริงๆกับความเครียดที่ได้

Future เหมาะสำหรับนักลงทุนบางประเภทเท่านั้นครับ ที่ไม่ใช่ผม !!