Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

reya999 เขียน:คิดยังไงกับ CPF ตอนนี้คะ

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... iew=unread

เชิญห้องร้อยคนร้อยหุ้นเลยครับ

เพิ่งเริ่มเล่นเหมือนกัน

dino เขียน: ยินดีรู้จักนะครับ
เข้ามาคุยกันบ่อยๆสิครับ จะได้มีเพื่ิอนมากขึ้น
อ่านมากๆนะครับ อย่าใจร้อนครับ อิอิ

ข้อ 3 ของท่านนะครับ
จะรู้ได้อย่างไรว่าซื้อต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value)
หามูลค่าที่แท้จริงอย่างไรครับ ?????????
มีสูตรบอกไหมครับ
ว่าเราจะได้ Margin of safety ที่เท่าไร

หามาหลายเดือนแล้ว ยังไม่เจอเลย
ขอบคุณครับ

ดิฉันยังไม่มีบัญชีเป็นของตนเองแต่ฝากเล่นกับคนข้างเคียง เริ่มกลาง ก.ค 54 ตอนนี้ขายตัวแรกได้กำไร 23,000 บาท อีกตัว TDEX ดูแล้วก็นะจะโอ.

suranush1 เขียน:

dino เขียน: ยินดีรู้จักนะครับ
เข้ามาคุยกันบ่อยๆสิครับ จะได้มีเพื่ิอนมากขึ้น
อ่านมากๆนะครับ อย่าใจร้อนครับ อิอิ

ข้อ 3 ของท่านนะครับ
จะรู้ได้อย่างไรว่าซื้อต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value)
หามูลค่าที่แท้จริงอย่างไรครับ ?????????
มีสูตรบอกไหมครับ
ว่าเราจะได้ Margin of safety ที่เท่าไร

หามาหลายเดือนแล้ว ยังไม่เจอเลย
ขอบคุณครับ

เจอใน set.or.th นะผมหาเจอลองอ่านทำความเข้าใจให้ดีๆนะครับแล้วจะทราบว่าต้องดูค่าอะไร

สวัสดีครับมือใหม่เพิ่งเข้าจริงๆ ไม่กี่เดือน แต่รู้มาหลายปี
ช่วงหางานทำ - -
อยู่จังหวัดขอบๆ
ตัวหลัก+4.09%
ตัวลองติดตาม แดงเถือก555


ศึกษา ลองผิดลองถูก
มูลค่าแท้จริงยังต้องหาต่อไป
มีอะไรจะมาปรึกษาแถวนี้แล้วกัน

สวัสดีค่ะ วันนี้ครบรอบหนึ่งปีพอดีสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น เลยคิดบัญชีดู
ปีแรกนี้ได้ 37% พอร์ตโตขึ้นมาอีกนิด แต่ก็เงินลงทุนไม่มาก ไม่ได้ซื้อขายบ่อย และยังไม่เคยขายตอนแดงนะคะ
ก็ต้องขอบคุณการลงทุนแบบ VI ที่ให้ความรู้เยอะมากๆจากหนังสือ VI ต่างๆทั้งไทยและเทศ
และหนังสือเกี่ยวกับงบการเงิน
ส่วนบอร์ดนี้ เพิ่งเข้ามาอ่านไม่นานนี้ค่ะ จะติดตามต่อไป สำหรับมือใหม่ก็สู้ๆนะคะ

phoenix335 เขียน: อดีตมีคนกล่าวไว้ว่า ----> รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา แต่ปัจจุบันน่าจะเป็น ----> รู้อะไรไม่สู้ รู้จักกัน

แต่ผมว่า รู้อะไรไม่สู้ รู้งี้.....5555

ปล.ผมก็มือใหม่เหมือนกันครับ กรุณามา Update ความคืบหน้าของ port เรื่อย ๆ นะครับ ไว้เป็นกรณีศึกษา

ผมยังไม่ได้เริ่มเลย กำลังหาความรู้ไปเรื่อย ๆ ครับ สู้ ๆ ครับ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านนะคับ...ผมก้อมือใหม่เหมือนกันครับ อ่านหนังสือศึกษาและเข้า ThaiVI มาประมาณ 1 ปี (ช่วงปี 2553) ช่วงที่ชุมนุมที่ราชประสงค์ตอนนั้นยังไม่มีกะตังค์ลงทุนเลยครับ พึ่งจะเริ่มลงทุนครั้งแรกตอนช่วง ปลาย ธ.ค.53 โบนัสปีนั้น
เลยทดสอบตามที่อ่านมา ผมเริ่มต้นที่เงินน้อยครับ สำหรับผม..ผ่านมา ครบ 1 ปีได้เรียนรู้หลายอย่างเยอะมากครับ...ขอบคุณ ThaiVI และเพื่อน พี่ ๆน้องๆ ทุกคน ผู้ร่วมอุดมการณ์ ผมมีความมีเชื่อมั่นในแนวทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ครับ..ขอบคุณจากใจจริงๆครับ

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ ขอให้ความดีของทุกท่านจงส่งผลให้ทุกท่านอยู่เย็นเป็นสุขนะครับ
ผ่านไปหนึ่งปีสำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ผมได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ได้เห็นความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อและการแบ่งปันของสมาชิกใน thaivi และในตลาดหลักทรัพย์ ได้เห็นหลากหลายอารมณ์ในตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ ทำให้เป้าหมายของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของผมเปลี่ยนไปพอสมควร ปีก่อน(2554) ผมเดินเข้ามายังตลาดหลักทรัพย์โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อที่จะได้อิสรภาพทางการเงิน (คิดว่าการที่เรามีอิสรภาพทางการเงิน จะทำให้เรามีเวลาเหลือเพื่อที่จะได้ทำอะไร ๆ ที่เราอยากทำ โดยไม่ต้อง กังวลกับการหารายได้) ซึ่งทำให้ผมอ่อนล้ามาก ไหนจะต้องรับผิดชอบงานในหน้าที่ประจำ ไหนจะต้องหาข้อมูลสำหรับการลงทุน ไม่ค่อยจะมีความสุขมากนักกับการใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ปัจจุบัน(2555) เป้าหมายของผมเปลี่ยนไปสำหรับการลงทุน ผมต้องการเพียงดอกผล หรือกำไรมาเพื่อเป็นรางวัลของตนเองและครอบครัวเท่านั้น เช่น เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวของครอบครัว เป็นของขวัญสำหรับแม่และหลานชาย เป็นต้น แต่ก็ยังตั้งใจหาข้อมูลอย่างเต็มที่และพยายามทำให้ดีที่สุดเหมือนเดิม เพราะยังชอบและมีความสุขกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ คิดว่าจะไม่เพิ่มเงินลงทุน ซึ่งก็ไม่เคยเพิ่มหรือเติมอยู่แล้ว พอร์ตของผมห้าหลักครับ(เป็นเงินแช่แข็ง) ทุกวันนี้ชีวิตก็มีความสุข ผมมีอาชีพรับราชการ เทียบระดับก็ประมาณ 6 - 7 ครับ (จบปริญญาตรีก็รับราชการเลย รับใช้ประชาชนมา 10 ปีแล้วครับ) มีเงินฝากในสหกรณ์แต่ละเดือน 50% ของเงินเดือน(เริ่ม ธ.ค.54) ค่าใช้จ่ายรายเดือน ประกอบด้วยเงินเดือนที่ผมให้แม่ และค่าใช้จ่ายทั่วไปภายในครอบครัว ผมไม่มีภาระหนี้สิน อาศัยอยู่บ้านพักของทางราชการ มีความฝันสูงสุด คือ มีบ้านเป็นของตัวเอง และอยากให้แม่มีบ้านเป็นของตัวเอง (หลังเดียวกันนั่นและ) สมาชิกในครอบครัว มี 3 คน ประกอบด้วย แม่ที่ผมรักมากที่สุด หลานชายที่น่ารักอายุ 3 ขวบกว่า และตัวผมเอง มีความต้องการ 4 อย่าง คือ 1. ทุกคนในครอบครัวมีสุขภาพกายและจิตใจที่แข็งแรง (เราเลยออกกำลังกายกันทุกวันเมื่อมีโอกาส และสวดมนต์ไหว้พระทุกคืน+ไปวัดทุกวันพระ) 2. ได้อยู่กับครอบครัว ทุกวันนี้ก็ได้อยู่กับครอบครัว ถ้าไม่ได้เดินทางไปราชการ 3.มีหน้าที่การงานที่มั่นคงและยังมีความสุขที่ได้ทำงาน ขณะนี้ก็มั่นคงพอสมควรครับ 4.มีสังคมบ้าง ขณะนี้ก็มีเพื่อน ทั้งเพื่อนร่วมงาน เพื่อนเรียน และเพื่อนทางสังคมออนไลน์ เช่น thaivi (แต่ไม่เคยเห็นหน้า) ทั้งหมดที่กล่าวมาผมกำลังบอกทุกคนว่านี่เป็นแนวทางการใช้ชีวิตของผมครับ (ผมจะ copy สิ่งที่ผมเขียนทั้งหมดใส่ไว้ในสมุดบันทึกและมาเปิดดูว่ายังเหมือนเดิมหรือไม่) และของเพื่อน ๆ เป็นอย่างไรครับ เรามาแบ่งปันกัน

ตัวอะไรบ้างครับ

ขอถามตรงเลยๆ แฮะๆ

ส่วนผมอ่านมาเป็นปีแล้วครับ ยังไม่ได้เปิดพอร์ทเลย ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

สวัสดีผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกท่านครับ
ผมเข้ามาเขียนครั้งล่าสุดประมาณ ม.ค.๕๕ ผ่านไปประมาณ ๖ เดือน ในห้วงเวลาที่ผ่านมาผมได้ศึกษาวิธีการและแนวทางการลงทุนเพิ่มเติมจากคำแนะนำของท่านอาจารย์ใน thaivi แห่งนี้ และจาก internet อย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาหลังเลิกงาน ตั้งแต่ ๑๙.๐๐ - ๒๓.๐๐ น. โดยประมาณ พบแนวทางมากมายที่เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ แต่บางอย่างก็ไม่เหมาะกับตัวเราทั้งหมด บางอย่างก็ยากที่จะทำความเข้าใจได้ด้วยตัวเอง บางอย่างอ่านแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายควรนำแนวทางเหล่านั้นมาปรับให้เหมาะสมกับแนวทางของตัวเราเอง ผ่านไป ๑ ปี กับอีกประมาณ ๖ เดือน ผมถือหุ้นตัวเดียวในพอร์ต การลงทุนของผมโตขึ้นจากทุนห้าหลัก (ไม่มีการเพิ่มเงิน เพราะยังไม่มั่นใจว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้เกิน ๖%ต่อปีเหมือนกับที่ได้ฝากไว้ในสหกรณ์หรือไม่) ตอนนี้เป็นหกหลัก มี Percent Unrealized P/L อยู่ที่ประมาณ ๒๐๐% ที่ผมเขียนมาทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาคุยโตโอ้อวดนะครับ เพียงต้องการเป็นกำลังใจให้ผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกท่านและต้องการเรียนให้ทุกท่านได้ทราบว่า ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ เราต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ มีวินัยในการลงทุน มีความอดทน มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราทำเพื่ออะไร สำหรับผม เพื่อความสุขของครอบครัว (แม่ หลานชาย และตัวเอง) ที่วันหนึ่งนอกจากเงินที่เราฝากไว้ในสหกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ก็ยังมีรายได้จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่สามารถสร้างความฝันของเราทั้ง ๓ คน ได้ คือการมีบ้านเป็นของตัวเอง ขอบคุณครับ

ขอแชร์ด้วยคนครับ (ประสบการณ์อันน้อยนิด 7เดือน)
ผมทำงานประจำ เอกชน ฝ่ายการตลาด
เริ่มลงทุนเดือน ธันวาคม 2554 (ศึกษาใน Thai vi org ก่อนลงทุน1เดือนครับ ช่วงน้ำท่วมพอดีเลยได้ราคาเหมาะสมหลายตัว)
ศึกษาจากหนังสือการลงทุน ดูคลิปในยูทูป เกี่ยวกับการลงทุนเช่น อ.นิเวศ อ.ไพบูลย์ รายการมันนีทอล์คย้อนหลัง (สำหรับคนไม่มีเวลาอ่าน) ในเว็บต่างๆเกี่ยวกับหุ้นปันผล
แรงบันดาลใจ อ.นิเวศ จาก10ล้าน เป็น 2,500 ล้านภายใน15ปี

ผลที่ได้ดังนี้
ลงทุนหุ้น6ตัว ในพอร์ต เติมเงินเข้าทุกเดือน เริ่มต้นด้วยเงิน 5หลัก
เรียงผลตอบแทนจากมากไปหาน้อย
หุ้นตัวที่ 1 +78%
หุ้นตัวที่ 2 +29%
หุ้นตัวที่ 3 +20%
หุ้นตัวที่ 4 +7%
หุ้นตัวที่ 5 -5%
หุ้นตัวที่ 6 -8%
สรุปผลตอบแทนเฉลี่ยทั้งพอร์ต 22% ตอนนี้พอร์ต 6หลัก
(ตอนนี้ยังอยู่ครบ ถ้าราคาลงซื้อเพิ่มอีก)

วิธีการที่ผมใช้ลงทุน

1.หลักการในการเลือกหุ้นอันดับแรกของผม คือดูปันผลเป็นหลักก่อน (ลดความเสี่ยงได้บางส่วน) ทั้ง6ตัวที่ลงไปได้ปันผลมาทุกตัว ได้ตั้งแต่ 3-10% ทุกตัว (ได้มากว่าฝากแบงค์แน่นอน) ได้ปันผลมาผมลงเพิ่มเข้าไปอีก
ราคาที่ซื้อต้องมีความเหมาะสม ดู PE PB ด้วยครับ

2.เลือกธุรกิจที่มีกำไร ย้อนหลัง5ปี และปันผลทุกปี กระจายไปตามอุตสาหกรรมที่แตกต่าง เช่นยานยนต์ เทคโนโลยี อาหาร ส่งออก

3.ติดตามข่าวสาร บริษัทเป็นระยะๆ (ดูผลประกอบการทุกไตรมาส /3เดือน)

4.ถ้าหุ้นบางตัวราคาปรับตัวลง เราควรซื้อเพิ่มเติม (ถ้าเงินเหลือ)

5.หาข้อมูลเรื่องหุ้นทุกวัน ดูในเว็บต่างๆ กลต.(56-1 มีประโยชน์มาก)กรุงเทพธุรกิจ thaivi.org


ข้อผิดพลาดของตัวเองช่วง2เดือนแรก

1.ซื้อหุ้นตามที่คนอื่นบอก เขาบอกว่าราคาจะขึ้น ไป7บาท เราซื้อไป 4.50 ซื้อแล้ววันรุ่งขึ้น ราคาลงทันที (แต่เราขึ้นดอย) ไม่รู้อะไรเลย ซื้อตามเขาบอก (ถือแล้วนอนไม่หลับเลย ต้องขายขาดทุน) เลยเข็ดจนตาย (การไม่รู้คือความเสี่ยง)

2.คิดไปเองว่าหุ้น ipo ราคาจะถูก กะรวยเลยซัดไปเต็มที่ ipo3บาท ซื้อได้ราคาที่ 3.50 ซัดไปเต็มเหนี่ยว (ขึ้นดอยทันที) อ.นิเวศเคยเขียนเรื่องหุ้น ipo ไว้ ว่าต้องแต่งตัวให้สวยงามก่อนเข้าตลาด จะได้ราคาจากนักลงทุน (ไม่เจอกับตัวนี่ไม่จำจริงๆ ตอนนี้จำแม่น555)


ต้องขอขอบคุณเพื่ิอนๆ พี่ๆอาจารย์ทุกๆท่านที่เอื้อเฟื้อข้อมูลต่างๆในการลงทุนที่ถูกต้องครับ
มีข้อเสนอแนะอย่างไร เพื่อนๆพี่ช่วยแนะนำด้วครับ

ประสบการณ์แต่ละท่านเยี่ยมยอดจริงๆ

คุณ Phoenix ครับรายงานผลรอบ 6 เดือนหลังของปี2555 หน่อยแฟนๆรออ่านอยู่

ขอชื่นชมเจ้าของกระทู้ครับ ในแง่ที่เดินบนแนวทางที่ตัวเองสร้างขึ้นเอง เพราะแต่ละคนย่อมมีบริบทและรายละเอียดปลีกย่อยรวมทั้งนิสัยส่วนตัวแตกต่างกัน ข้อสำคัญคือการมั่นคงในเส้นทางของตัวเองและการตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอ ผมเองก็เคยหวั่นไหวกับการเก็งกำไรหุ้นโดยเฉพาะไปเห็นชาร์ตที่โชว์ผลกำไรหุ้นบางตัวของเพื่อนที่ถือไว้แค่3-6 เดือนแรกของปีนี้แล้วหุ้นพุ่งขึ้นมาเกือบเท่าตัว เงินใครๆก็อยากได้เร็วๆและเสี่ยงน้อยๆ ก็เกือบจะเอาเงินสะสมไปลงเล่นดู ก็ใครๆต่างก็ว่าสภาวะแบบนี้ตลาดกำลังวิ่งทะยาน ไม่เข้าเล่นตอนนี้ เดี๋ยวหมดโอกาส แต่เบรคตัวเองได้ก่อนก็ด้วยนั่งอ่านกระทู้ในThaiVIนี่แหละครับ อ่านไปเจอสมาชิกท่านหนึ่งที่เล่าให้ฟังว่า ซื้อหุ้นตัวหนึ่งตามที่คุยกันในบอร์ดโดยไม่ได้อ่านและรู้อะไรเลย หุ้นขึ้นแต่คนถือใจไม่ดี เพราะไม่ได้ศึกษาเอง ตัดใจขายออกไป เพราะถือแล้วร้อนใจ ได้ทางสว่างเลยครับ นึกถึงบทความที่ดร.นิเวศน์เขียนไว้แล้วยิ่งตอกย้ำ หลังจากนั้นอยู่เฉยๆ นั่งอ่านหนังสือ อ่านรายงานประจำปีของบริษัทที่สนใจ เพราะเจอหุ้นที่สนใจแต่ราคาเกินที่ประเมินไว้พอควร ตอนนี้ตั้งคำถามไว้ให้ตัวเองว่า ถ้าเกิดพรุ่งนี้นายตลาดใจดี เสนอส่วนลดสัก 50%ให้ จะเอาเงินก้อนไปฝากผีฝากไข้กับธุรกิจ กับบริษัท กับหุ้นตัวไหน ฝากแล้วนอนหลับ กินอิ่มไปสักสี่ห้าปี
ขอบคุณที่เล่าเรื่องดีๆแบบนี้ให้ฟัง เป็นกำลังใจให้ผมเช่นกันว่า เดินช้าๆตามทางของเรา รื่นรมย์กับวิวทัศน์รอบตัว ยังไงก็ถึงเป้าหมาย คนอื่นมีเส้นทางเช่นไรก็เป็นความเหมาะสมส่วนตัวของเขา เขาจะเดินทางด้วยพาหนะอะไรในเส้นทางของเขา มันก็ย่อมเป็นความลงตัวของเขา ขอบคุณมากครับจากใจ

มาให้กำลังใจครับ สู้ๆ ผมก็เพิ่มเริ่มต้นเหมือนกัน ตอนนี้ก็ย่าง 10 เดือนแล้วครับ ก็ได้ผลตอบแทนพอสมควร แต่ที่สำคัญได้ความรู้ประสบการณ์ และทำให้รู้ว่าเรายังขาดความรู้อะไรบ้างอีกที่ต้องศึกษาเพิ่ม ในตอนนี้ก็พอร์ต หกหลัก เช่นกันครับ แต่นำเงินลงทุนเพิ่มทุกเดือน ที่สบายใจก็คือ ดีกว่าฝากเงินกับธนาคารมากๆ ครับ และนำความรู้ไปใช้ต่างๆที่อ่านจากรายงานประจำปีของแต่ละบริษัทไปใช้ในการทำธุรกิจส่วนตัวได้ครับ

1. หาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ-การลงทุน ลักษณะอุตสาหกรรมต่างๆ การตลาด-พฤติกรรมผู้บริโภค
2. หาความรู้บัญชี การเงิน การประเมินมูลค่าสินทรัพย์
3. หาความรู้ในการเข้าใจจิตใจตัวเอง ไม่หลงไปในความคิด อารมณ์ต่างๆ ไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่มีเหตุ

ที่เหลือถ้ามีเวลา หาอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ระบบเศรษฐกิจ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ด้านต่างๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆ
ฝึกฝนการคิดให้มีเหตุผล การวิเคราะห์ สังเคราะห์ ขยันอ่าน ขยันเรียนรู้ ย่อยข่าวสารต่างๆให้ได้ข้อเท็จจริง