หน้า 2 จากทั้งหมด 2
Re: เปรียบเทียบการลดลงของดัชนีหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 9:43 pm
โดย kumchai
พรุ่งนี้ลงอีก100จุดก็เฉยๆเพราะล้างพอร์ทแล้วกำไรนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดาวโจนส์ลงอีก200จุดแล้วที่10,4001จุด ลงมาเลยครับmr market ผมจะรอรับที่400จุด
Re: เปรียบเทียบการลดลงของดัชนีหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 11:23 pm
โดย tulveron
ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบดัชนีจาก bottom , top หรือการขึ้นลงของดัชนีประเทศอื่น
ผมไม่เห็นว่าจะช่วยทำให้เลือกซื้อหรือขายหุ้นได้เลยอะครับ
ดูP/E ยังพอเป็น guideline ได้บ้าง
Re: เปรียบเทียบการลดลงของดัชนีหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 11:52 pm
โดย mincho
tulveron เขียน:ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบดัชนีจาก bottom , top หรือการขึ้นลงของดัชนีประเทศอื่น
ผมไม่เห็นว่าจะช่วยทำให้เลือกซื้อหรือขายหุ้นได้เลยอะครับ
ดูP/E ยังพอเป็น guideline ได้บ้าง
แล้วดู P/E เป็น guideline ได้ยังไงบ้างครับ E ก็เป็นกำไรจากอดีตหนิครับไม่ได้สะท้อนอนาคต หรือว่า ผมเข้าใจผิด
แต่ปกติดัชนีหุ้น มักจะสะท้อนเศรษฐกิจในอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำซะด้วยสิครับ
Re: เปรียบเทียบการลดลงของดัชนีหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 11:56 pm
โดย beaeaebe
ผมว่าดูตัวเลขแล้วลองคิดถึงหลักตรรกะนะครับ ลงมากน้อยไม่สำคัญ แต่สำคัญอยู่ที่ ลงมาจากไหน และขึ้นมาจากไหน ราคามันเหมาะสมหรือไม่?
ถ้านึกไม่ออกว่าดูตรงไหน ขอแปะบทสัมภาษณ์ของปรมาจารย์ของชาว VI ครับ
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปรมาจาย์แวลูอินเวสเตอร์เมืองไทย แสดงความเห็นว่าการลงทุนหุ้นตอนนี้มี "ความเสี่ยงรุนแรงมาก" สถานการณ์ในขณะนี้มีโอกาสเกิดวิกฤติเศรษฐกิจรอบสอง แม้ส่วนตัวมองว่ารอบนี้ไม่น่าจะ "หนัก" เท่ากับสมัยปี 2551 แต่ใช่ว่า SET ลงมาต่ำสุดแล้วยังมีโอกาสที่จะ "ปรับลง" ได้อีก การลงทุนช่วงนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
“ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบซื้อ ราคาหุ้นก็ไม่ถูกมากจนน่าซื้อ อย่าเพิ่งเก็งกำไรเพราะเห็นหุ้นลงเยอะ หุ้นไทยถือว่ายังลงน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เท่ากับว่ายังมีโอกาสถูกขายได้อีก SET Index ระดับนี้ยังอยู่ในระดับปกติของหุ้นไทยในอดีตที่ พี/อี ประมาณ 10 เท่า ถ้ามองการลงทุนแบบแวลูอินเวสเตอร์ก็ยังไม่น่าซื้อ”
หวังว่าคงช่วยชี้แนะแนวทางให้ท่านทั้งหลายได้ จากข้อความดังกล่าวนะครับ
Re: เปรียบเทียบการลดลงของดัชนีหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 12:24 am
โดย tulveron
mincho เขียน:tulveron เขียน:ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบดัชนีจาก bottom , top หรือการขึ้นลงของดัชนีประเทศอื่น
ผมไม่เห็นว่าจะช่วยทำให้เลือกซื้อหรือขายหุ้นได้เลยอะครับ
ดูP/E ยังพอเป็น guideline ได้บ้าง
แล้วดู P/E เป็น guideline ได้ยังไงบ้างครับ E ก็เป็นกำไรจากอดีตหนิครับไม่ได้สะท้อนอนาคต หรือว่า ผมเข้าใจผิด
แต่ปกติดัชนีหุ้น มักจะสะท้อนเศรษฐกิจในอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำซะด้วยสิครับ
ก็ E มันเปลี่ยนแปลงยากกว่าดัชนี หรือ P ก็เลยถึงดูเป็นguideline
top กับ bottom ดูแล้วไม่ค่อยได้บอกอะไร นอกจากอารมณ์
ที่สำคัญผมก็จำเป็นต้องดูEที่เป็นอดีตด้วย เพื่อพยากรณ์อนาคตได้แม่นยำขึ้น
เพราะผมไม่สามารถพยากรณ์อนาคตได้ถูกต้อง
แล้วการทราบP/Eของประเทศที่มีปัญหากว่าเรา อนาคตมืดมัวกว่าเรา
ก็น่าจะช่วยให้หาจุดเข้าไปซื้อเพิ่มได้บ้าง (ใช้เสริมปัจจัยอื่น)
Re: เปรียบเทียบการลดลงของดัชนีหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 12:33 am
โดย tulveron
mincho เขียน:แต่ปกติดัชนีหุ้น มักจะสะท้อนเศรษฐกิจในอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำซะด้วยสิครับ
ถ้างั้นที่มันลงไป 380 จุด สะท้อนอะไรออกมา?
ที่มันขึ้นไป 1141 จุด สะท้อนอะไรออกมา?
Re: เปรียบเทียบการลดลงของดัชนีหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 1:03 am
โดย mincho
tulveron เขียน:mincho เขียน:tulveron เขียน:ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบดัชนีจาก bottom , top หรือการขึ้นลงของดัชนีประเทศอื่น
ผมไม่เห็นว่าจะช่วยทำให้เลือกซื้อหรือขายหุ้นได้เลยอะครับ
ดูP/E ยังพอเป็น guideline ได้บ้าง
แล้วดู P/E เป็น guideline ได้ยังไงบ้างครับ E ก็เป็นกำไรจากอดีตหนิครับไม่ได้สะท้อนอนาคต หรือว่า ผมเข้าใจผิด
แต่ปกติดัชนีหุ้น มักจะสะท้อนเศรษฐกิจในอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำซะด้วยสิครับ
ก็ E มันเปลี่ยนแปลงยากกว่าดัชนี หรือ P ก็เลยถึงดูเป็นguideline
top กับ bottom ดูแล้วไม่ค่อยได้บอกอะไร นอกจากอารมณ์
ที่สำคัญผมก็จำเป็นต้องดูEที่เป็นอดีตด้วย เพื่อพยากรณ์อนาคตได้แม่นยำขึ้น
เพราะผมไม่สามารถพยากรณ์อนาคตได้ถูกต้อง
แล้วการทราบP/Eของประเทศที่มีปัญหากว่าเรา อนาคตมืดมัวกว่าเรา
ก็น่าจะช่วยให้หาจุดเข้าไปซื้อเพิ่มได้บ้าง (ใช้เสริมปัจจัยอื่น)
หา PE เพื่อนบ้านใกล้ๆมาให้ครับ
PE ฮ่องกง ถูกกว่าเรา ประมาณ 30%
PE เรา ถูกกว่า ไต้หวัน ประมาณ 30% ครับ เลยไม่รู้ว่า เราถูกไป หรือ เราแพงไปกันแน่ครับ อยู่ตรงกลางพอดีเลย
Re: เปรียบเทียบการลดลงของดัชนีหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 2:21 am
โดย Rocker
ผมไม่เห็นด้วยกับการเปรียบเทียบกับ จุดตํ่าสุดของ SET หรือ สูงสุด เนื่องจาก เป็นการเปรียบเทียบ บนปลายมีด
ซึ่ง วันที่ SET อยู่ 380 จุด แค่ 1-2 วันเอง หลังจากนั้น ก็เด้ง ขึ้นเกิน 400 จุด เช่นเดียวกับ จุดสูงสุด
ถ้าเราดู ระดับเฉลี่ย ที่ SET ยืนได้หลายวัน หน่อย ช่วงตํ่าสุด น่าจะเป็น แถวๆ 420 จุด ส่วน SET ก็ น่าจะ เฉลี่ย 1100 จุด ที่พอ ยืนได้ 2 weeks
อีกเรื่องที่ ไม่เห็นด้วยคือ เวลา วัด จุด สูงสุด กับ ปัจจุบัน ตัวเลขมัน หลอก ที่ บอกว่า SET ลงจาก 1148 ปัจจุบัน 855 จุด ลงมา 293 จุด จะได้ SET -25.52% ผมว่า วิธีที่ดีกว่า SET ลงมาเท่าไหร่ ควรเป็น 293/855= 34% ครับ
SET ต้องขึ้น 34% จาก 855 จุด ถึงจะไป จุดสูงสุด ของปี 1148 จุด ในเดือน สิงหาคม ครับ จึงน่าจะ -34% มากกว่า