หน้า 2 จากทั้งหมด 5

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 4:21 pm
โดย imerlot

กลยุทธ์ที่ 36
หลบหนี

กลยุทธ์หลบหนี หรือ โจ่วเหวยซ่าง (อังกฤษ: If everything else fails, retreat; จีนตัวเต็ม: 走為上; จีนตัวย่อ: 走为上; พินอิน: Zǒu wéi shàng) เป็นกลยุทธ์ที่หมายความถึงเมื่อทำการศึกสงครามกับศัตรู หากศัตรูมีกองกำลังทหารที่เข้มแข็ง มีกองทัพที่แข็งแกร่ง ชำนาญภูมิศาสตร์ อาจจะถอยร่นหลบหนีอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงการปะทะและการเผชิญหน้า คัมภีร์อี้จิงกล่าวว่า "ถอยหนีมิผิด เป็นวิสัยแห่งสงคราม" ซึ่งเป็นการชี้ชัดว่าการถอยหนีในการทำสงครามนั้น มิใช่ความผิดผลาด หากแต่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญในการทำศึก ที่มักจะพบเห็นเสมอ การถอยหนีเป็นการถอยเพื่อหาหนทางหลีกเลี่ยงความเสียหาย แลหาโอกาสชิงตอบโต้ในภายหลัง มิใช่เป็นการถอยหนีอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างการนำเอากลยุทธ์หลบหนีไปใช้ได้แก่จูกัดเหลียงที่ลอบหลบหนีจิวยี่ภายหลังจากทำพิธีเรียกลมสลาตันที่เขาลำปินสานเพื่อใช้ไฟเผากองทัพเรือโจโฉในคราวศึกเซ็กเพ็ก[38]
[size=50]http://th.wikipedia.org/wiki/% ... .B5[/size]

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 4:29 pm
โดย ilovemom
ziannoom เขียน: ......
ปล หากมีใครแนะนำแหล่งพักเงินที่ให้ดอกเบี้ยดีๆแนะนำหน่อยนะครับ ธนาคารไหนให้ดอกดีภายใน 4-5 เดือนนี้จะเป็นพระคุณอย่างสูง
ถ้าเป็นเงินฝากประจำ 4-5 เดือน
ตอนนี้น่าจะเป็น เงินฝากประจำ 5 เดือนของธนาคารออมสิน ที่ให้ดอกเบี้ยสูงที่สุดนะคะ ดอกเบี้ย 3.90%/ปี

แต่ถ้าเป็นตั๋วแลกเงิน ก็จะเป็นของธนาคารทิสโก้ (เมื่อเช้าเพิ่งอ่านเจอ) ดอกเบี้ย 4.5%/ปี แต่ต้องฝาก 7 เดือนค่ะ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 4:56 pm
โดย harikung
ผมยังอยู่ครับ ตอนนี้ลบแล้ว13% ยังเหลือเงินสดประมาณ65%(อาจจะมากกว่านั้นถ้าได้รับความกรุณาจากทางบ้านเพิ่ม) รอไปจัดเตมตอนพายุสงบครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 4:57 pm
โดย Pu
Jeng เขียน:ค่อยๆไปทีละคน :(

หรือว่าเป็นสัญญาน "ซื้อ" :?: :?: :?:

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 7:04 pm
โดย pornjalern
ถ้าล้างพอร์ทแล้วอยากฝากเงิน และวางแผนว่าจะยังไม่กลับมาลงทุนในระยะสั้นๆผมว่าฝากยาวหน่อยก็ได้ครับจะได้ ล้อคดอกเบี้ยไว้สูงหน่อย ผมไม่คิดว่า BOT กล้าขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปีนี้แน่นอนครับ (แต่ถ้าขึ้นจริงก็ต้องบอกว่า BOT กล้ามากๆ ซึ่งผิดวิสัยที่เคยเป็นมา)

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 7:24 pm
โดย ziannoom
ขอบคุณทุกความเห็นครับ ส่วนตัวคงไม่ออกไปถาวรครับเพียงแต่มันว้าวุ่นใจไม่เป็นอันทำงาน เดี๋ยวจะพาลเจ๊งทั้งหุ้นทั้งงาน แต่คราวนี้ไม่รู้จะดีหรือร้ายขออยู่แบบกบจำศีลแล้วกัน ขอใช้เวลาอ่านหนังสืออีกรอบ สะสมความรู้เพิ่มเติม ก่อนกลับมาใหม่เร็วๆนี้ครับ
โชคดีในการลงทุนครับทุกคน

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 7:31 pm
โดย monsoon
มาให้กำลังใจคุณ ziannoom ครับ ในฐานะคนบ้านเดียวกัน (ฮา :juju: )

ของผมครึ่งportเป็นอิสระแล้ว อีกครึ่งนึงยังอยู่ในตะราง :wall:

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 8:09 pm
โดย ปรัชญา
ziannoom เขียน: ปล หากมีใครแนะนำแหล่งพักเงินที่ให้ดอกเบี้ยดีๆแนะนำหน่อยนะครับ ธนาคารไหนให้ดอกดีภายใน 4-5 เดือนนี้จะเป็นพระคุณอย่างสูง
การเงิน - การลงทุน
วันที่ 4 ตุลาคม 2554


เกียรตินาคินออกบีอี5เดือนดอกเบี้ยสูง4.4%

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ธนาคารเกียรตินาคิน เสนอบีอี 5 เดือน ลงทุนสั้น ดอกเบี้ยสูง 4.4% เริ่มต้นที่ 1 แสนบาท สิ้นสุด 21 ต.ค. นี้

นายสิริ เสนาจักร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารเกียรตินาคินจัดแคมเปญตั๋วแลกเงินธนาคารเกียรตินาคินดอกเบี้ยสูง โดยนำเสนอตั๋วแลกเงิน (บีอี) อายุ 5 เดือน ให้อัตราดอกเบี้ยที่ 4.40% ต่อปี ซึ่งนับเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงที่สุดในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มทางเลือกสุดพิเศษให้กับนักลงทุน และผู้ออมที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และได้รับผลตอบแทนสูง และเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยกำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 แสนบาท และสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 3-21 ตุลาคม 2554 หรือจำนวนเงินในโครงการครบ 7,000 ล้านบาทเท่านั้น

การระดมเงินในครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการขยายสินเชื่อ ซึ่งเมื่อกลางปีที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับเป้าหมายการขยายสินเชื่อรวมเป็น 24% จากเดิมเมื่อต้นปีตั้งเป้าไว้ที่ 16-19% เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อรวมใน 6 เดือนแรกของธนาคารขยายตัวได้ถึง 13.6%

ปัจจุบัน ธนาคารมีสัดส่วนตั๋วแลกเงินราว 35% ของหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) ส่วนแนวโน้มการออกตั๋วแลกเงินพิเศษนี้ ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคารที่จะเน้นการระดมเงินผ่านตั๋วแลกเงิน และบัญชีออมทรัพย์ให้มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์พิเศษ KK Smart Savings ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 3% ต่อปี ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าเช่นกัน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ธนาคารเกียรตินาคินทุกสาขาหรือ โทร 0 2680 3333
http://bit.ly/nm1MOY

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 8:20 pm
โดย simplelife
ต่างคนก็ต่างใจจริงๆครับ คุณจขกท มาล้างพอร์ทตอนนี้ ตอนที่หลายๆท่านกำลังคิดว่าจะซื้อเพิ่ม
roronoa เขียน:ช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นไม่แนะนำให้ฝากระยะยาวครับ
ส่วนตัวผมเดาว่า ในสองสามปีดอกเบี้ยไม่ขึ้นไปกว่านี้แล้วครับ อย่างมากก็อีก 25 point ปีหน้า เพราะว่าเงินเฟ้อเราไม่ได้มาจากสภาพคล่องในระบบเยอะเกินไปเลย นโยบายค่าแรงอะไรก็ยังไม่ออกมา เงินค่อนข้างจะฝืดด้วยซ้ำไปในบางธุรกิจ ถ้าขึ้นดอกเบี้ยมาอีก ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ

เห็นไหมครับ แม้แต่เรื่องดอกเบี้ยขึ้นหรือลง มีแค่สอง choice ยังเห็นต่างกันเลยครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 8:26 pm
โดย roronoa
pornjalern เขียน:ถ้าล้างพอร์ทแล้วอยากฝากเงิน และวางแผนว่าจะยังไม่กลับมาลงทุนในระยะสั้นๆผมว่าฝากยาวหน่อยก็ได้ครับจะได้ ล้อคดอกเบี้ยไว้สูงหน่อย ผมไม่คิดว่า BOT กล้าขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปีนี้แน่นอนครับ (แต่ถ้าขึ้นจริงก็ต้องบอกว่า BOT กล้ามากๆ ซึ่งผิดวิสัยที่เคยเป็นมา)
พูดถึงเงินฝากนะครับ
ตอนนี้เงินฝากระยะสั้นมันได้ดอกเบี้ยมากกว่าระยาวยาวนะครับ จะล็อคยาวทำไมครับ

ประจำ 8 เดือน อาคารสงเคราห์ให้ตั้ง 4.6% ก่อนจะหมดเขตไปเดือนที่แล้ว
ถามว่าตอนนี้ฝากประจำ 3-4 ปีอย่างมากก็ 3.65% เทียบกับประจำออมสิน 5 เดือนได้ 3.9%
ถามว่าเราจะไปฝากตั้งหลายปีทำไม ในเมื่อไม่กี่เดือนก็ได้ดอกแล้วครับ แถมเยอะกว่าด้วย

หรือถ้าผมตกข่าวอะไรขออภัยด้วยครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 8:30 pm
โดย ziannoom
simplelife เขียน:ต่างคนก็ต่างใจจริงๆครับ คุณจขกท มาล้างพอร์ทตอนนี้ ตอนที่หลายๆท่านกำลังคิดว่าจะซื้อ
จริงๆผมล้างไปตั้งแต่setยังหลักพันอยู่ครับ แต่มาซื้อตอดเล็กตอดน้อย สองสามวันที่ผ่านมา ปรากฎว่ามันก็ยังลงไปได้อีก ผมก็เลยถอยมาหมดรอซัดแบบเต็มๆอยู่ครับ ก็เหมือนท่าน ดรว่า หุ้นมันยังไม่ถูกแต่ก็ไม่แพง รอจังหวะงามๆแล้วกัน

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 8:37 pm
โดย ziannoom
ปรัชญา เขียน:
ziannoom เขียน: ปล หากมีใครแนะนำแหล่งพักเงินที่ให้ดอกเบี้ยดีๆแนะนำหน่อยนะครับ ธนาคารไหนให้ดอกดีภายใน 4-5 เดือนนี้จะเป็นพระคุณอย่างสูง
การเงิน - การลงทุน
วันที่ 4 ตุลาคม 2554


เกียรตินาคินออกบีอี5เดือนดอกเบี้ยสูง4.4%

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ธนาคารเกียรตินาคิน เสนอบีอี 5 เดือน ลงทุนสั้น ดอกเบี้ยสูง 4.4% เริ่มต้นที่ 1 แสนบาท สิ้นสุด 21 ต.ค. นี้
ขอบคุณครับพี่ ปรัชญา น่าสนใจจริงๆ 4.4%กับเวลาห้าเดือน ฝากครบก็ได้1.8% ห้าเดือนดูสิหุ้นจะลงหรือขึ้นมากกว่า1.8%. หวังว่าจะเป็นขาลงนะ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 10:04 pm
โดย viim
มาให้กำลังใจครับคุณเซียนหนุ่มและก็มาแสดงความยินดีที่เป็นอิสระเพื่อตั้งหลักมารบใหม่อีกรอบ สำหรับผมขออยู่ตรงนี้แหละ ขอทดสอบจิตใจตัวเองด้วย ตอนนี้ก็ทำงานได้ตามปกติ มีหวั่นไหวเหมือนกันตามธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน ตอนนี้ผมมีเงินสดประมาณเกือบ 40% ของ port ไม่มาก แต่ก็มี port หนึ่งที่ทำ DCA ซึ่งพอร์ตนี้ก็คงเฉลี่ยไปเรื่อยๆทุกเดือน เป็นโอกาสเก็บของถูกเหมือนกัน ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะหาเงินมาเพิ่มได้อย่างไรมากกว่าครับ ถ้าได้มาขอนแก่นก็เชิญมาทักทายกันหน่อยนะครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 10:54 pm
โดย ส.สลึง
Jeng เขียน:ค่อยๆไปทีละคน :(
ยังอยู่ครับพี่ :wall:
ช่วงนี้ก็ตั้งใจทำงานเพื่อหากระสุนมาบรรจุในแมกกาซีน :ep:

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 10:59 pm
โดย xavi
ล้างพอร์ทไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจครับ ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ดีสุดในขณะนั้นอยู่แล้ว
ถ้าต้องทนอยู่กับตัวเลขแดงๆ แล้วทำให้สุขภาพจิตไม่ดีอาจจะแย่กว่า
เพราะท้ายสุดแล้วสิ่งที่เราต้องการก็เป็นเพียงแค่ "ความสุข" นั่นเองครับ

แต่ส่วนตัวผมมองเงินสดเป็นสัดส่วนรวมในพอร์ทอยู่แล้ว ไม่เคยลงในหุ้น 100% เวลาลงจะได้ทะยอยซื้อได้ทันครับ เพราะจากประสบการณ์จุดต่ำสุดจริงๆหายาก ลองใจเย็นๆแล้วกลับมาอีกรอบก็ได้ครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 11:06 pm
โดย leky
leky เขียน:ขายล้างกันตอนนี้ต้องคิดให้ดีนะครับ ผมว่าตอนนี้ทุกคนมองแต่ภาพของ SET ที่ 300-400 จุดแบบตอนซับไพรม์ หลายคนเจ็บมาจากตรงนั้นหรือแม้กระทั่งหลายคนที่รวยเพราะตรงนั้นก็คิดจะทิ้งก่อนแล้วไปรับคืน แต่ในความเป็นจริงถ้าคนที่ผ่านวิกฤติมาหลาย ๆ ครั้ง จะเข้าใจว่าเราไม่เคยคาดเดาอะไรถูกเลย หลายครั้ง "กูรู" บอกว่า SET จะขึ้นไปเท่านั้นเท่านี้สุดท้่ายก็ลง หรือแม้แต่การมองในแง่ร้ายสุดท้ายมันก็ขึ้นแบบไม่มีเหตุผล หุ้นของผมเองผมก็เคยคิดจะขายตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ค่อยมีการซื้อขาย bid offer ห่างกันมาก ผมขายไปนอกจากจะไม่ได้ราคา คิดจะทำ SAP ก็อาจจะไม่คุ้ม สุดท้ายก็เลือกที่จะอยู่เฉย ยอมเห็นตัวเลขขาดทุนทางบัญชี เพราะผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้ามันลงแบบไม่มีวอลุมประเภทเคาะขายไม่กี่ร้อยหุ้นแต่ลบไปหลาย ๆ % ยามที่มันกลับมาเป็นขาขึ้นมันก็เร็วเหมือนกันครับเพราะไม่มีคนตั้งขาย ตอนนี้หุ้นที่ลงหนัก ๆ เท่าที่ผมสังเกตดูจะเป็นหุ้นตลาดของสถาบัน หรือไม่ก็หุ้นยอดนิยมในเว็บ แต่เท่าที่ผมสังเกตมาสองสามวัน แรงขายจากต่างชาติ วอลุมรวมของตลาดกลับลดลงไปมาก ต้องยอมรับส่วนหนึ่งว่ากองทุนเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นกองทุนเก็งกำไร มีการซื้อขายหุ้น บริหารความเสี่ยงหรือไม่ก็เพิ่มผลตอบแทนโดยใช้เครื่องมืออย่าง TFEX เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
อยากให้ดูตรงนี้กันก่อนครับ ถ้ายังจำกันได้ตอน SET เริ่มลงใหม่ ๆ ตอน สค-กย ต่างชาติขายหนักมากติดต่อกัน บางวันขาย net 6000 ล้าน รายย่อยรับตลอดด้วยความรู้สึกว่าได้ของถูก (มองจากดอย)

แต่ตัวเลขนี้ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ SET ลงหนัก ก่อนหน้านั้นต่างชาติขายนำตลอด แต่ 3-4 วันหลังมานี้นอกจากไม่ขายยังเริ่มกลับมาซื้อ ในขณะที่แรงรับซื้อของรายย่อยอ่อนลงไปมาก เนื่องจากเกิดอาการ "แหยง" ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าของนั้นถูกจริงหรือเปล่า ผมมองว่า SET ลงหนักแต่วอลุมกลับน้อยเหมือนที่ลงแรงเพราะแรงรับมันไม่มากเหมือนตอนแรกแรงขายที่ไม่มากก็ทำให้ SET ลงแรง ๆ ได้เพราะคนไม่มั่นใจ

ผมอาจจะถูกหรือผิดก็ได้นะครับ ตรงนี้ต้องเริ่มระวังกันแล้วครับ รายย่อยมักเสียเปรียบรายใหญ่ที่มากด้วยกำลังเิงินและทีมงานที่ช่ำชอง บางครั้งหลายคนชอบมองว่าต่างชาติ "ติดหุ้น" บ้าง โดนรายย่อยโยน "ของแพง" ให้บ้าง แต่ในความเป็นจริงเค้าอาจจะขาดทุนหุ้นแต่ไปกำไร TFEX ที่มากกว่าก็ได้ครับ เพราะบางครั้งเค้าก็เก็งกำไรและรู้ว่าสถานการณ์ไหนที่เค้าควรจะเล่น "ตามน้ำ" ผมว่าตอนนี้เราอยู่ที่จุด "วัดใจ" ครับ

สรุปการซื้อขาย ณ วันที่ 4 ต.ค. 255
ซื้อ ขาย สุทธิ
สถาบันในประเทศ 3,237.51 9.42 4,606.74 13.40 -1,369.23 -
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 7,017.12 20.41 6,412.58 18.65 604.54 -
นักลงทุนต่างประเทศ 7,628.93 22.19 7,181.24 20.89 447.69 -
นักลงทุนทั่วไปในประเทศ 16,494.18 47.98 16,177.18 47.06 317.00 -



มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 - 4 ต.ค. 2554

ซื้อ ขาย สุทธิ
สถาบันในประเทศ 4,465.68 7.32 7,380.45 12.10 -2,914.77 -
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 11,272.95 18.48 11,841.42 19.41 -568.47 -
นักลงทุนต่างประเทศ 14,551.09 23.85 13,707.62 22.47 843.47 -
นักลงทุนทั่วไปในประเทศ 30,726.07 50.36 28,086.31 46.03 2,639.76 -

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 04, 2011 11:47 pm
โดย beaeaebe
คนถือเงินสดยังไงก็ได้เปรียบ (ไม่ได้หมายถึงขายตอนนี้นะ หมายถึงขายก่อนหน้านี้โดยไม่เจ็บตัว)

ก็ไม่รู้ทำชอบคิดกันว่าคนถือเงินสดแล้วถ้าไม่เห็น 300-400 แล้วจะไม่ซื้อ

ผมว่าคนเค้าคงไม่ได้ถือเงินงอมืองอเท้าปิดหูปิดตากันมั๊งครับ ยิ่งถ้าลงทุนแนว VI ออกมาถือเงิน ล้างกันตั้งกะพันกว่า-พันหนึ่งร้อยกว่า ตอนนี้ซื้อตรงไหนก็ถูกกว่าทุกราคา คนที่ทิ้งมาก่อนตอนนี้เข้าพรุ่งนี้เช้าเลยก็ถูกกว่าทิ้งมาอยู่แล้ว

ผมคนนึงละที่มองทุกวัน ทำการบ้านทุกวัน จะเริ่มค่อยๆทยอยซื้อถ้าหุ้นตัวที่เล็งไว้ลงมาอยู่ในระดับราคาที่ส่วนตัวคิดว่าไม่แพง

แต่ส่วนตัวยังคิดว่าหุ้นดีๆยังไม่ถูก fair price มีบ้าง แต่ไม่ถูก

การมานั่งมองว่าคนอื่นล้างพอร์ตแล้วต้องไปรอ 300-400 ถึงจะซื้อ มันก็คล้ายๆ องุ่นเปรี้ยวนะ ไม่มีใครบ้าจี้รอดัชนีเท่านั้นเท่านี้ถึงจะเริ่มซื้อหรอก มันต้องมีวางแผนกันบ้างแล้ว สภาพจิตใจก็สดใหม่กว่าเยอะ ตลาดมันไม่เคยปราณีใคร รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีครับผมว่า

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 12:18 am
โดย Noonino
หวัดดีครับ เห็นใจเจ้าของกระทู้และทุกท่านที่เครียดกันมากๆในช่วงนี้จริงๆ แต่ก่อนจะขายคัทลอสทิ้งผมว่าลองกลับไปวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นให้ดีๆก่อนจะดีไม๊ครับ เอาแบบไม่มี bias นะครับ

การเป็น VI นั้นมันอยู่ที่คำที่ว่า "ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า" ก็จริงอยู่ แต่เมื่อเราผิดพลาดไปแล้ว ซื้อแพงไปแล้ว การยกธงขาวตอนที่ตลาดเป็นแบบนี้ผมว่าเสียเปรียบเยอะนะครับ ยิ่งท่าน จขกท. คิดจะไปฝากเงินแบบประจำล่ะก็ เวลาที่เห็นหุ้นดีๆราคาถูกๆ ท่านอาจจะไม่สามารถซื้อได้เพราะเงินยังติดอยู่ ลองใช้วิธีปรับพอร์ตแทนดีไหมครับ ขายบริษัทคิดว่าน่าจะได้รับผลกระทบออกเท่านั้น ส่วนบริษัที่พื้นฐานยังดีตามที่เราเคยวิเคราะห์ไว้ก็อย่าเพิ่งทิ้งไปเลย

หุ้นลงรอบนี้กระทบกับบริษัทในไทยทางอ้อมเท่านั้น จริงอยู่ภาคส่งออก น่าจะได้รับผลกระทบ แต่บริษัท (เน้นว่าบริษัทไม่ใช่หุ้น) อีกเยอะแยะที่ยังดำเนินงานได้อย่างปรกติ ทำกำไรได้ต่อเนื่อง ลองดูบริษัทที่ท่านถืออยู่ว่าอยู่ในข่ายนี้บ้างไหม ยิ่งถ้าบริษัทมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ก็เหมือนกับได้ดอกเบี้ยทางอ้อมอยู่แล้ว เราจะขายทิ้งเพียงเพราะนายตลาดกำลังกังวลใจกับปัจจัยภายนอกอย่างนั้นเหรอครับ

ผมก็ถือหุ้นเกือบ 100% แต่ไม่ได้ขายออกหมดพอร์ต ไม่ใช่ว่าพอร์ตยังไม่แดงก็เลยยังทนได้ แต่ผมใช้วิธีคิดนี่แหละครับ บริษัทไหนที่คิดว่าจะได้รับผลกระทบ ผมถึงจะขายออกไป แต่ถ้าเป็นบริษัทที่อิงปัจจัยภายในประเทศ อย่างค้าปลีก ประกัน โรงพยาบาล หรือแม้แต่อสังหาบางตัว ผมยังถือต่อไปครับ ถ้ามีเงินเข้ามาผมจะหาโอกาสซื้อเพิ่มอีกต่างหาก

ไม่อยากให้เพื่อนชาว VI เป็นแมงเม่าเหมือนผมตอนลงทุนใหม่ๆครับ ประเภท "ซื้อไฮ ขายโลว์" น่ะครับ

ปล. เป็นความเห็นส่วนบุคคล สุดท้ายก็อยู่ที่การตัดสินใจของท่านเองนะครับ เงินใครเงินมัน ผมอาจจะผิดท่านอาจจะถูกก็ได้

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 12:32 am
โดย pak
"ทะเล"...บางครั้งมันก็คลุ้มคลั่ง และเต็มไปด้วยพายุคลื่นลมพัดกระหน่ำ
มันแทบจะกวาดเอาทุกอย่างไปจากเรา
...จนทำให้เรารู้สึก "กลัว!!!"

ก็ไม่เป็นไรครับ เราก็แค่หลบไป "พักใจ" บ้าง
เมื่อวันนึงที่เราพร้อม และเตรียมตัวมาอย่างดี
เราก็คงนึกถึงทะเลแห่งนี้ กับหาดทรายสวยๆ และลมทะเลที่แสนอบอุ่นก็ได้นะครับ

ตลาดหุ้น...ก็คงเหมือนทะเล
คลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดไม่เคยว่างเว้น
ทะเลที่ดูสวยงาม มีคุณอนันต์
แต่มันก็มีโทษมหันต์ และคร่าชีวิตคนไปมากมาย

ไม่ว่าเราจะมาที่ทะเลนี้หรือไม่...
ทะเลนี้จะยังคงอยู่ตรงนั้น ทำหน้าที่ของมันตลอดไป


Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 8:08 am
โดย dino
Jeng เขียน:ค่อยๆไปทีละคน :(
:B ยังอยู่ครับ อิอิ เกาะหุ้นแน่นเชียว

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 8:15 am
โดย oatty
Stay calm! Stay invest !

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 8:24 am
โดย dino
:8) เอามาให้ดูกันอีกครั้งครับ

1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ

5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่

วอเรนซ์ บัฟเฟตต์

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 8:46 am
โดย siebelize
dino เขียน::8) เอามาให้ดูกันอีกครั้งครับ

1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ

5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่

วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
ไม่ได้กวนนะครับ แต่อยากรู้จริงๆ

1. ดีของเรา กับดีของคนอื่นต้องเหมือนกันมั้ยครับ

2. อนาคตแน่นอนมั้ยครับ

3. มูลค่าที่แท้จริง มันแท้จริงจากมุมมองของเรา หรือว่ามุมมองของใครครับ

4. คุณธรรมและความสามารถ วัดตรงไหนครับ


ย้ำอีกที ไม่ได้กวนนะครับ แต่อยากรู้จริงๆ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 9:04 am
โดย Jeng
ไม่ได้กวนนะครับ แต่อยากรู้จริงๆ

1. ดีของเรา กับดีของคนอื่นต้องเหมือนกันมั้ยครับ

ไม่จำเป็น

2. อนาคตแน่นอนมั้ยครับ

ไม่แน่นอน

3. มูลค่าที่แท้จริง มันแท้จริงจากมุมมองของเรา หรือว่ามุมมองของใครครับ

มุมมองของเรา

4. คุณธรรมและความสามารถ วัดตรงไหนครับ

ความพอใจ

ย้ำอีกที ไม่ได้กวนนะครับ แต่อยากรู้จริงๆ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 10:08 am
โดย BHT
ยังไม่รู้ว่ามันจะขึ้นหรือจะลง ก็อยู่เฉยๆครับ ง่ายที่สุดแล้ว

มีเซียนมาบอกว่าดัชนีจะลงไปถึง 600 จุด ก็รอดูกัน แถมยังมีข่าวขุดประวัติศาสตร์หุ้นมาบอกว่าเมื่อลงแล้วจะขึ้นๆลงๆไปอีกเป็นปี ก่อนจะได้เห็นขาลงหรือขาขึ้นครั้งใหม่

เอาเวลาไปศึกษาพื้นฐานและเติมเงินไว้ให้พร้อมครับ เมื่อมันลงถึงจุดนิ่งก็เตรียมชอปปิ้งครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 10:15 am
โดย Ii'8N
ออกความเห็นด้วยคน

ไม่ได้กวนนะครับ แต่อยากรู้จริงๆ

1. ดีของเรา กับดีของคนอื่นต้องเหมือนกันมั้ยครับ
มันมีมาตรฐานที่ยอมรับกันได้ระดับหนึ่งโดย common sense ว่าอะไรดีไม่ดี
เพียงแต่ไม่มีเครื่องมือวัดออกมาเป็นตัวเลขเหมือนมิเตอร์ไฟฟ้า หรือมิเตอร์แทกซี่
คำว่า "มนุษย์" ทำให้เกิดความซับซ้อน ในเรื่องคำจำกัดความ ของดี-ไม่ดีมากขึ้น
เขาก็เลยวัดด้วยระบบที่เขาพยายาม set กันขึ้นมาส่วนหนึ่ง อีกส่วนวัดด้วยความรู้สึกการประมาณ ที่แปรไปตารมมนุษย์แต่ละคน แต่ละสถานการณ์

กิจการดีไม่ดี เขาเลยพยายามจัดมาตรฐานมีระบบอย่างบัญชีขึ้นมาให้วัดแล้วตรวจสอบได้บ้าง
แล้วปรมาจารย์ทั้งหลาย ก็พยายามวัดในแง่คุณภาพ อย่างพวกความสามารถในการแข่งขัน

ถ้าเราไม่มีอะไรเลย ก็เหมือนกลับไปสู่ยุคโบราณที่ไม่ต้องกิจกรรมการซื้อขาย ไม่ต้องมีการแลกเปลี่ยน ไม่ต้ิองมีอุตสาหกรรม ไม่ต้องมีบริษัท เช้าขึ้นมา ออกล่าสัตว์ เย็นกลับเข้าถ้ำ ตีพุงนอน ผลิตลูก รุ่งขึ้น ไปวิ่งไล่ล่้าใหม่


2. อนาคตแน่นอนมั้ยครับ
ไม่มีใครรู้ ว่าพรุ่งนี้แผ่นดินไหวที่เสฉวนจะเกิดซ้ำอีกหรืเปล่า
ทำนายได้แค่พายุมรสุมง่ายๆ
ไม่มีใครรู้ ว่าเบอร์นันเก้ พรุ่งนี้อาจไหลตายคาขวดเหล้าก็ได้ (เห็นข่าวสนุกๆถือขวดเหล้า)

แต่เราพอทำนายได้ ว่ากับผู้หญิงคนนี้ พรุ่งนี้หรือวันศุกร์นี้ หรือเสาร์หน้าควรจะพาไปกินข้าวร้านไหนถึงทำให้ผลออกมาดีเหมือนผลปรักอบการที่เราคาดไว้ (ไม่งอน) เพราะเธอคนที่เราจีบมานานแล้ว และถูกจับขังคุกแล้ว นั่นคือ "ประสบการณ์ข้อมูลในอดีต และปัจจุบัน"
แต่บางครั้งการทำนายก็พลาดไปเหมือนกัน เพราะเราดันพาไำปร้านที่เธอเคยเจอกิ๊กเก่า แล้วเธอถูกหักอกที่นั่น


3. มูลค่าที่แท้จริง มันแท้จริงจากมุมมองของเรา หรือว่ามุมมองของใครครับ
มันคล้ายกับดี-ไม่ดีข้อ 1
วัดด้วยระบบที่เขาพยายาม set กันขึ้นมาส่วนหนึ่ง
อีกส่วนวัดด้วยการประมาณและการพยากรณ์อนาคต ซึ่งมนุษย์แต่ละคน ประมาณการต่างกัน ขึ้นกับประสบการณ์ มุมมอง ทัศนคติมองโลกแง่ดี-ร้ายขนาดไหนอีก อารมณ์ก็มีผล
ขนาดคนคนเดียวกัน เดือนที่แล้ว ยังมั่นใจตลาดไปได้ถึง 1200 จุดเลย เพราะรับข่าวมาเยอะ
วันนี้รีบเทขาย เพราะรับข่าวมาเยอะอีกเหมือนกันว่าอาจเหลือไป 600-700 แล้ว
ถ้าตกอยู่ในอารมณ์นั้น มูลค่าที่แท้จริงก็เปลี่ยนไปได้ :P


4. คุณธรรมและความสามารถ วัดตรงไหนครับ
"คุณน่ะทำ"
คำตอบเดียวกับ "ดี-ไม่ดี"
ไม่มีเครื่องชั่ง เหมือนมีความดีกี่โวลท์ หรือกี่กิโลกรัม แต่ก็ต้องสังเกตเอง จากประสบการณ์ โดยประมวลข้อมูลที่มีอยู่...
ในแง่ทางโลก ยังไม่ต้องไปวัด ยังไม่ต้องนั่งสมาธิ แค่คิดและไม่ลงมือเบียดเบียนคนอื่นให้เดือดร้อน ไม่คดโกงใคร ก็เริ่มเป็นคนดีแล้ว
ถ้าในแง่บริษัท อย่ามีพฤติกรรมสุ่มเสียงว่้าจะโกงหรือเอาเปรียบลูกค้า และผู้ถือหุ้นอื่นเป็นใช้ได้
อย่างเช่น ซื้อรถหรูใช้เงินบริษัท แล้วอ้างว่าทำให้ image ดี
อย่าแอบเอางานบริษัท ไปใส่พานถวายให้บริษัทส่วนตัว แล้วชาร์จเงินสูงๆ เป็นต้น

แล้วความสามารถ ... ก็วัดออกมาตรง Bottom line กับ growth ราคาหุ้นก็ตามมาเอง


ย้ำอีกที ไม่ได้กวนนะครับ แต่อยากรู้จริงๆ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 10:32 am
โดย leky
BHT เขียน:ยังไม่รู้ว่ามันจะขึ้นหรือจะลง ก็อยู่เฉยๆครับ ง่ายที่สุดแล้ว

มีเซียนมาบอกว่าดัชนีจะลงไปถึง 600 จุด ก็รอดูกัน แถมยังมีข่าวขุดประวัติศาสตร์หุ้นมาบอกว่าเมื่อลงแล้วจะขึ้นๆลงๆไปอีกเป็นปี ก่อนจะได้เห็นขาลงหรือขาขึ้นครั้งใหม่

เอาเวลาไปศึกษาพื้นฐานและเติมเงินไว้ให้พร้อมครับ เมื่อมันลงถึงจุดนิ่งก็เตรียมชอปปิ้งครับ
ดูตลาดมาหลายปีตั้งแต่ก่อนต้มยำกุ้ง เห็นคำทำนายมาทุกปี ขอบอกว่าอย่าไปยึดติดมากครับ เวลาตลาดดี ๆ จะมีการตั้งเป้าไว้ ส่วนใหญ่ "ไปไม่ถึง" เวลาตลาดร้าย ๆ จะมีการตั้งเป้าไว้ว่าจะลงไปที่เท่านั้นเท่านี้ ส่วนใหญ่ก็ "ลงไม่ถึง" เช่นกัน ถามว่าก่อนหน้านี้ 3 เดือน มีใครกล้าออกมาบอกดัง ๆ ว่าหุ้นจะลงหนัก เรื่องยุโรปจะแย่หนักหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่เรื่องวิกฤติยุโรปมันก็มีมาตั้งนานพอควรแล้ว ขอบอกว่า "แทบไม่เห็น" สุดท้ายมันก็กลายเป็นหาเหตุมาอธิบายผลที่มันเกิดขึ้นแล้ว

เวลาที่มีข่าวร้ายแรง ๆ ช่วงเวลาที่คน "ลังเล" นี่แหละ ต้องระวังที่สุดครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 11:09 am
โดย Arpieaw
ziannoom เขียน:ตามหัวข้อเลยครับ ขอยกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นช่วงนี้ ผมไม่รู้มันจะขึ้นหลังจากขายหรืออาจจะลงต่ำกว่าเดิม แต่ถือแล้วไม่สบายใจที่เห็นพอร์ทมันลดลงไปทุกวินาที ซื้อว่าต่ำแล้ว บริษัทก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แถม PE ก็นิดเดียวไม่ได้มากมายอะไรด้วย นายตลาดก็ยังทิ้งไม่หยุด วันนี้ขอโยกเงินไปกินดอกเบี้ยเงินฝากประจำ แม้มันจะน้อยแต่ก็รักษาเงินต้นให้คงอยู่ได้ การลงทุนมันกด รีสตาร์ทเหมือนเล่นเกมส์ไม่ได้ ช่วงนี้เพื่อนๆก็ระมัดระวังด้วยแล้วกัน
โชคดีในการลงทุนครับ แล้วเจอกันหลังจากนี้
ปล หากมีใครแนะนำแหล่งพักเงินที่ให้ดอกเบี้ยดีๆแนะนำหน่อยนะครับ ธนาคารไหนให้ดอกดีภายใน 4-5 เดือนนี้จะเป็นพระคุณอย่างสูง
ไหนพี่สอนผมว่า ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าสูงกว่าราคา
กลายเป็นว่า ขายเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ซื้อเมื่อมูลค่าสูงว่าราคา

พี่ลืมปรัชญาการลงทุนของพี่ได้ไงคับเนี่ย
ไม่ได้ตั้งใจจะซ้ำเติมแนะคับ แค่เตือนสติพี่

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 11:43 am
โดย ziannoom
Arpieaw เขียน:ผมก็ชักมึนๆและ
ไหนพี่สอนผมว่า ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าสูงกว่าราคา
กลายเป็นว่า ซื้อเมื่อราคาสูงกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
มิบังอาจสอนครับ สาเหตุง่ายๆ น่าจะตอบคำถามได้เลย คือ ผมเป็นแมงเม่าครับ :vm: :vm: :vm:
ผมเริ่มอ่านหนังสือการลงทุนเล่มแรกเลยคือ new buffet แล้วก็การลงทุนแบบเน้นคุณค่าหน้าปกสีขาวๆ ประมาณปี 2003 แล้วก็มั่นใจในตัวเองประมาณว่ากรูจะรวยแล้ว หันมาเอาดีทางด้านเล่นหุ้น เริ่มตอนปี 2004 เพียงอาทิตย์แรก ทำเงินได้10% แล้วก็ไปโม้กับเพื่อนว่ากูนี่ละเซียนหนุ่ม เห็นไม๊อาทิตย์เดียวกูได้สิบเปอร์เซ็นต์ แล้วก็ไประดมเงินกับเพื่อนๆมา แต่มีเพื่อนสนใจแค่คนเดียว ผลปรากฏว่าผ่านไปเก้าเดือนเงินหายวับหมดไปทุกบาทเพราะเล่นเดย์เทรด คัทลอสแล้วคัทอีก เล่นจนเงินส่วนตัวเองหมด เหลือส่วนของเพื่อน 50% เลยบอกเพื่อนว่ากูยกเงินที่เหลือให้เมิงหมดเลยแล้วกันในฐานะกูทำหุ้นส่วนกรูพัง แล้วก็หยุดไปทำใจช่วงปี2005-2007 แต่ก็ยังดูหุ้น แต่อนิจจังดูแต่หุ้นตัวเดิมๆ BECL, CEI, SAFEม S&P ประมาณว่าความรู้ในหุ้นมีไม่กี่ตัว ดันทะลึ่งเรียกตัวเองว่าเซียน(username ziannoom เป็นการพึงระลึกว่าก่อนหน้านี้เคยคิดว่าตัวเองเป็นเซียน) กลับมารอบสองไปคนหนังสือเจอเลยอ่านอีกรอบ(หนังสือเล่มเดิม) เลยลองคนในgoogle ดู ก็เลยเห็นเว็บนี้ นั่นจึงทำให้หูตาสว่างได้ความรู้เพิ่มอีกเพียบ ผลจากความรู้ที่เพื่อนๆในนี้ให้มาทำให้มีผลตอบแทนแบบน้ำจิ้มมาได้จนปัจจุบัน แต่สุดท้ายลายเดิมก็ยังคงอยู่ คือแมงเม่าครับ
สงสัยต้องกลับไปอ่านหนังสืออีกสักรอบก่อนเข้ามาใหม่เร็วๆนี้ครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 12:29 pm
โดย kklm29
ยากนะครับที่จะคาดเดาตลาด